Wednesday, 26 June 2024
POLITICS

‘ลุงป้อม’ ลุย ‘ประจวบฯ-เพชรบุรี’ ติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำ ชาวบ้านแห่ต้อนรับคึกคัก ปลื้ม!! ลุงแก้ปัญหาเร็ว-ได้ผลดี

(31 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำตัวรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และการผลิตน้ำประปาคุณภาพ

โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตร เดินทางถึง วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าสักการะองค์หลวงปู่ทวด และถวายสังฆทานแด่เจ้าอาวาส เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยมงคลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 เพื่อประชุมหารือร่วมกับทางจังหวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สทนช., กรมชลประทาน และผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัด ซึ่งมีลำน้ำทั้งหมด 6 ลุ่มสาขา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ รวม 220 ล้าน ลบ.ม.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ปี 61-65 จำนวน 781 โครงการ, ปี 65 จำนวน 13 โครงการ, ปี 66 จำนวน 21 โครงการ และโครงการสำคัญอีก 5 โครงการ สำหรับอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล ก่อสร้างเพื่อเก็บกักน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย ช่วงฤดูน้ำหลาก มีความจุ 5.85 ล้าน ลบ.ม.

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายที่สำคัญ โดยกำชับ สทนช. ให้เร่งรัดการดำเนินงานตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง พร้อมย้ำให้ กรมชลประทาน เร่งบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการใช้น้ำให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้ง เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา ต้องผลิตน้ำที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ สำหรับบริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ด้วย

‘หมอวรงค์’ โพสต์ กรณี ‘3 นิ้ว’ พ่นสีใส่กำแพงวัดพระแก้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นพระราชวังบักกิงแฮม-ทำเนียบขาว จะเป็นอย่างไร?

(31 มีค. 66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom’ ถึงกรณีศิลปินอิสระกลุ่ม 3 นิ้ว พ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงวัดพระแก้ว ระบุว่า…

‘ต๊ะ นารากร’ แชร์อีกมุมของ ‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์’ เนื้อแท้มีจิตใจเมตตา-อุปการะสัตว์พิการหลายตัว

(31 มี.ค.66) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘นารากร ติยายน’ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ นักการเมืองชื่อดังในสมุทรปราการ โดยระบุว่า…

อีกมุมของ คุณเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ที่สังคมอาจไม่เคยรู้

คุณเอ๋ เป็นคนรักสัตว์มาก ครั้งหนึ่งเราไป รพส. แห่งหนึ่งแถวทาวน์ อินทาวน์ (เกือบสิบปีก่อน) เราเห็นหมาตัวหนึ่งในสภาพบาดเจ็บหนัก จนท.เล่าว่า หมาตัวนี้ถูกรถชนอยู่ข้างถนน คุณเอ๋สั่งให้คนขับรถรีบลงไปให้ความช่วยเหลือหมาตัวนั้น และพาส่ง รพส. โดยคุณเอ๋จ่ายค่ารักษาทั้งหมด  

‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’  นักธุรกิจและนักการเมืองแห่งสมุทรปราการ 

เปิดประวัติ ‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’ หลังหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะซ้อมแข่งรถที่จังหวัดบุรีรัมย์

(31 มี.ค.66) เป็นข่าวเศร้า หลังมีรายงานว่า นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หรือ เอ๋ นักธุรกิจและนักการเมืองแห่งสมุทรปราการ เสียชีวิตแล้ว หลังเกิดหมดสติ ขณะเดินทางมาซ้อมแข่งรถที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

โดยคาดการณ์สาเหตุเบื้องต้นมาจาก อาการฮีทสโตรก แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุที่แท้จริง

สำหรับ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย เคยได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในชุดของพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก

โดย ชนม์สวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 เป็นบุตรของ วัฒนา อัศวเหม กับ จันทร์แรม อัศวเหม มีพี่ชาย 2 คน คือ พิบูลย์ อัศวเหม และ พูลผล อัศวเหม เขาจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ชนม์สวัสดิ์ สมรสครั้งแรกกับ นันทิดา แก้วบัวสาย

‘ชัยวุฒิ’ สั่งจัดการ-ตรวจสอบ กรณี ‘9near’  กร้าว!! เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่น มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

(31 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณี ผู้ใช้งานบัญชี ‘9near’ ได้โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums โดยอ้างว่าได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งในไทย (Somewhere in government) และโพสต์ ตัวอย่างไฟล์ ซึ่งมี ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ และเลขประจําตัวประชาชน รวมทั้งมีการโพสต์ ลักษณะข่มขู่หน่วยงานและประชาชนในวงกว้าง

โดยวันที่ 30 มี.ค.66 เว็บไซต์ 9near.org (https://9near.org/) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับบัญชี 9near โพสต์ ขายข้อมูลบนเว็บไซต์ Bleach Forums) ได้แอบอ้างใส่ชื่อ นายปริญญา หอมเอนก (อ.ปริญญาฯ) เป็นผู้สนับสนุน (Sponsored By...) พร้อมทั้งนํา Youtube Video Clip สัมภาษณ์ อ.ปริญญาฯ รายการ Digital Life Spring ช่อง Spring News ใส่บนเว็บไซต์ด้วย ซึ่งในเว็บไซต์ มีลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูล (!! Download !!) ซึ่งเป็นไฟล์ข้อมูล รายชื่อ วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยมีการปิดบังในลักษณะ xxxx ไม่แสดงข้อมูลทั้งหมด ส่วนด้านล่างของ เว็บไซต์ได้ระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไปก่อนวันที่ 5 เม.ย. 16.00 น. เวลาประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะทําการเผยแพร่ข้อมูล 

ทั้งนี้ อ.ปริญญาฯ ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการ ปราบปรามการกระทําผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว 

ในวันเดียวกัน ด้านผู้ประกาศข่าว นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ได้โพสต์ข้อความใน facebook ส่วนตัว ว่าได้รับข้อความ SMS ข้อมูลส่วนบุคคลของตน ประกอบด้วย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่, เบอร์มือถือ จาก 9 near

ทั้งนี้ รัฐมนตรีชัยวุฒิ กล่าวถึงแนวทางการดําเนินการของกระทรวงดิจิทัลฯ ว่า...

1) ดศ. ได้ประสานผู้ให้บริการ domain name สําหรับเว็บไซต์ 9near.org (Namesilo, LLC) ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อขอปิดกั้นเว็บไซต์ 9near.org ตั้งแต่วันพุธที่ 29 มี.ค. 66 เวลา 19.00 น. เนื่องจากมี การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น และระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไป ซึ่งเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทําให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือ ดําเนินการจากผู้ให้บริการ

2) ดศ. อยู่ระหว่างดําเนินการขอคําสั่งศาลตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจเข้าข่าย

‘อภิสิทธิ์’ ชี้เกณฑ์ใหม่สุพรรณหงส์ทำค่ายเล็กไม่ได้เกิด ดันนโยบาย ‘ก้าวไกล’ ทลายทุนผูกขาด หนุนอุตฯสร้างสรรค์

‘อภิสิทธิ์’ ชี้กติกาใหม่สุพรรณหงส์ กีดกันคนตัวเล็กไม่ให้แจ้งเกิด-ลดความหลากหลายภาพยนตร์ไทย เสนอนโยบาย ‘ก้าวไกล’ ทลายทุนผูกขาด-ตั้งกองทุนส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุดหนุนคนสร้างหนังทางเลือก-แก้กฎหมายเซนเซอร์

(30 มี.ค. 66) อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กล่าวถึงกรณีสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ออกกติกาใหม่ว่าภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ต้องมีคุณสมบัติคือ (1) ต้องฉายในโรงภาพยนตร์ครบทั้ง 5 ภูมิภาค อย่างน้อย 5 จังหวัดใหญ่ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช ฉายผ่านสตรีมมิ่งอย่างเดียวไม่ได้ และ (2) ต้องมียอดผู้ชมไม่ต่ำกว่า 50,000 คน

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า กติกาดังกล่าวเป็นการจำกัดคนที่เข้ามาแสดงความสามารถในวงการภาพยนตร์ไทย ทำให้ผู้สร้างหนังรายเล็กที่หลายคนทำภาพยนตร์เฉพาะทาง ขาดทรัพยากรและอำนาจต่อรอง แทบไม่มีโอกาสแจ้งเกิดผ่านเวทีประกาศรางวัลด้านภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

จึงเห็นว่าคนในวงการภาพยนตร์ที่ไม่เห็นด้วยกับกติกานี้ ควรรวมตัวกันพูดคุยหาทางออกร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์เเห่งชาติ ขณะเดียวกันสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์เเห่งชาติเอง ก็ควรมีบทบาทเป็นตัวแทนของคนในวงการภาพยนตร์ที่มีความหลากหลายให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นเพียงตัวแทนของนายทุนไม่กี่เจ้า โดยเฉพาะบางเจ้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตและเจ้าของโรงฉาย ซึ่งถือเป็นการกินรวบทั้งกระดาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นบรรทัดฐานของวงการภาพยนตร์ไทย

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กังวลว่าจะเป็นปัญหาระยะยาวจากเรื่องนี้ คือประเทศไทยจะไม่มีคนตัวเล็กที่ทำภาพยนตร์ดี ๆ ในแง่มุมต่าง ๆ ออกมา โดยเฉพาะภาพยนตร์เฉพาะทาง ที่ตนเชื่อว่ามีตลาดอยู่ในเมืองไทยและต่างประเทศ เช่น ภาพยนตร์ของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือ ‘เจ้ย’ ซึ่งเคยได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปาล์มทองคํา จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์

“หนังของเจ้ย ตลาดในเมืองไทยไม่ใช่ตลาดใหญ่มาก ไม่ได้เป็นที่รู้จักวงกว้าง แต่ในตลาดต่างประเทศกลับมีนายทุนอยากส่งเสริม แม้มีแง่มุมที่ดีว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าฝีมือผู้กำกับชาวไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ว่าทำไมหนังแบบนี้ประเทศไทยไม่ส่งเสริม ไม่ได้รางวัล แต่กลับไปได้รางวัลจากประเทศอื่น ทั้งที่คนไทยเป็นผู้ผลิต เป็นเจ้าของเนื้อหา แต่ประเทศไทยและวงการภาพยนตร์ไทยไม่สามารถได้ประโยชน์จากงานของคนไทยอย่างเต็มร้อย” อภิสิทธิ์กล่าว

‘โรม’ จี้!! ‘ปปง.’ ทำหน้าที่ หลัง ‘อุปกิต’ ถูกแจ้งสมคบฟอกเงิน ชี้ หากมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ปปง. ต้องรับผิดชอบ 

(30 มี.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการติดตามความความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ภายหลัง นายอุปกิต ปาจารียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุน มิน ลัต’ เข้าพบผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และถูกแจ้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

‘ณัฐชา’ แฉ เกมการเมืองเก่า ปล่อยเฟคนิวส์เกลื่อนไลน์ วอนหยุดปั้นน้ำเป็นตัว ชี้!! ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

(30 มี.ค. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อปี่กลองการเลือกตั้งดังขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ สารพัดวิชามาร ปล่อยข่าวลวงหรือข่าวเท็จป้ายสีกัน เป็นวิธีของการเมืองแบบเก่า ที่เมื่อสู้ด้วยไอเดีย สู้ด้วยนโยบายไม่ได้ก็ใช้ความกลัวจากการโกหกประชาชนสู้แทน

“ขณะนี้ในไลน์เกลื่อนมาก โดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่า ที่เล่นการเมืองแบบเก่า ๆ จะเป็นต้นทาง สั่งให้หัวคะแนนพรรคตัวเอง สร้างเฟคนิวส์ส่งเข้าไลน์กลุ่มหมู่บ้าน กลุ่มโรงเรียน กลุ่มชุมชนโจมตีพรรคก้าวไกลแบบถี่ ๆ ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือน เช่นบอกว่า ถ้าเลือกพิธาเป็นนายกฯ จะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ลูกหลานจะลำบาก เป็นการโกหกมดเท็จที่ไม่มีความจริงแม้แต่นิดเดียว ผมขอยืนยันเป็นครั้งที่ร้อยว่า พรรคก้าวไกลไม่มีและไม่เคยมีนโยบายยกเลิกบำนาญข้าราชการ” นายณัฐชา กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ซัดฝีมือมนุษย์พวกขาดสติ-ขาดสามัญสำนึกพ่น ‘กำแพงวัดพระแก้ว’

ถามกลับใครพ่นหน้าบ้านตัวเองยอมไหม  ยันตร.ใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังที่สุด ใช้มากหาว่ารังแก ปชช.

(30 มี.ค.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2566 ถึงเหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่า…

“ผมได้ย้ำและสั่งการไปแล้วกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้นนั่นแหละ แล้วมนุษย์บางคนก็ขาดสติ เข้าใจกันหรือยัง และบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเฝ้าทั้งหมด แต่คนเรามันต้องมีสำนึก ไม่เช่นนั้นตำรวจเขาก็ต้องวางเรียงรายทางทั้งหมด ถ้าประชาชนคนในชาติไม่รัก ไม่สามัคคีกัน มันทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มันก็จะแย่ไปเรื่อยๆ ถ้าปล่อยปะละเลย ซึ่งทางตำรวจเองก็พยายามใช้กฎหมาย อย่างระมัดระวังที่สุด ใช้มากไปก็จะหาว่ารังแกประชาชน ใช้น้อยไปก็หาว่าไม่เด็ดขาดแล้วจะให้ทำอย่างไรละ สื่อก็ต้องช่วยกัน มันควรหรือไม่ที่ไปทำอย่างนั้น ถ้าใครไปพ่นหน้าบ้านตัวเองยอมไหม ถ้าเราไม่ยอมก็ต้องไปเตือนพวกเขาเหล่านั้นสิ ไม่ใช่เสนอข่าวว่าไอ้นี่ไปทำโน้น ไอ้โน้นไปทำนี่ ไอ้นี่ขัดแย้งกันอย่างนี้ หรือไอ้นี่ไปขัดแย้งกับทางนั้น มันก็อยู่กันอย่างนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก แก้กันให้ตาย กี่นายกฯก็ทำกันไม่ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

‘บิ๊กป้อม’ เห็นชอบ จัดตั้ง ‘ประชาคมไซเบอร์แห่งชาติ’ ประสาน ‘รัฐ-เอกชน-ตปท.’ ให้ความรู้ภัยทางไซเบอร์

(30 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 2/2566 โดยมี รมว.ดีอีเอส เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคาม และผลการดำเนินงานที่มีผลกระทบ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีสถิติการปฎิบัติงานรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ห้วง ต.ค.65 - ก.พ.66 จำนวน 694 เหตุการณ์ หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ หน่วยงานด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้านการเงิน ตามลำดับ มีการปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำ จำนวน 615 ครั้ง การทดสอบความปลอดภัยระบบเครื่องแม่ข่ายและเว็บไซต์ จำนวน 56 หน่วยงาน การดำเนินงานด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่กระทบต่อประชาชนจำนวน 61 เหตุการณ์ และรับทราบรายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจ ของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และโครงการอาเซียน-ญี่ปุ่น เมื่อ 17 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ รองรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อย่างเป็นรูปธรรม ต่อไป

‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่งดับไฟป่า จ.นครนายก-พื้นที่ภาคเหนือ จี้ ทุกหน่วยคุมเข้ม ล่าตัวคนลักลอบเผาป่าดำเนินคดี

(30 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์เหตุไฟป่า จังหวัดนครนายก, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

พร้อมสั่งการ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งทีมชุดดับไฟป่า เข้าปฏิบัติการเข้าดับไฟป่า พร้อมขอให้กองทัพสนับสนุนการปฏิบัติการ เพื่อดำเนินการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

นายอนุชา กล่าวว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นบริเวณเขาชะภู ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ช่วงคืน 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ปภ. ได้นำรถสูบน้ำระยะไกล เข้าปฏิบัติการดับไฟ ร่วมกับทีมไฟป่าของกรมอุทยานแห่งชาติฯ มี ผู้ว่าฯ นครนายก ร่วมบัญชาการดับไฟป่า ทั้งนี้ พื้นที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นเขาสูงชัน ทำให้ชุดดับไฟป่าของสถานีควบคุมไฟป่าไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อดับเพลิงได้ อีกทั้งเพลิงยังได้ลุกลามไปยังเขาแหลมซึ่งอยู่ติดกัน

โดยจังหวัดนครนายก ได้ประสานขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ ปภ.เขต 3 จังหวัดปราจีนบุรี และเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย (KA-32) จาก ปภ. เพื่อดำเนินการดับไฟป่าแล้ว ซึ่งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 จังหวัดปราจีนบุรี ได้ให้การสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย

ประกอบด้วย รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถดับไฟป่า รถส่องสว่าง รถบรรทุกน้ำ 10,000 ลิตร รถกู้ภัย รวม 5 คัน ออกปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่การดับไฟป่าทางอากาศยานปีกหมุน หรือ เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย (KA-32) โดย ปภ.ร่วมกับกองทัพบก จะเข้าร่วมปฏิบัติการเพื่อดำเนินการดับไฟป่าในพื้นที่ในวันนี้ ด้านศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก) สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศว่า กรณีไฟไหม้ป่าในพื้นที่ จังหวัดนครนายก หากพบสัตว์ป่าหนีไฟ แจ้งได้ที่เพจ ‘ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก)’ หรือสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่า ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ปภ. ร่วมกับกองทัพบก นำเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA 32-01 ขึ้นบินปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่บริเวณ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ทำการบินทิ้งน้ำดับไฟจำนวน 6 รอบ ปริมาณน้ำ 18,000 ลิตร

ขณะที่จังหวัดเชียงรายได้ขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ ซึ่ง เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA 32-03 ได้เดินทางถึงจังหวัดเชียงรายแล้ว และจะเริ่มปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ โดย ปภ.ร่วมกับกองทัพบก จะนำอากาศยานปีกหมุนทั้งสองลำพร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง

‘บิ๊กตู่’ หารือ ‘ทูตสเปน’ หนุน ความร่วมมือระหว่างประเทศ กระชับความสัมพันธ์ไทย-สเปน ครบรอบ 153 ปี

(29 มี.ค. 66) ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเฟลิเป เด ลา โมเรนา กาซาโด (H.E. Mr. Felipe de la Morena Casado) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับในนามรัฐบาลและประชาชนไทย พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์และความร่วมมือไทยกับสเปนที่แน่นแฟ้น รวมถึงกลไกการประชุมหารือทางการเมือง (Political Consultations) ที่ทั้งสองฝ่ายได้ขับเคลื่อนพลวัตความร่วมมือทวิภาคี และต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษา ความร่วมมือด้านสมุทราภิบาล และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตสเปนฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิด และหวังว่าสเปนจะประสบความสำเร็จในภารกิจต่าง ๆ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

เอกอัครราชทูตสเปนฯ กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย และได้รับการต้อนรับจากไทยเป็นอย่างดี โดยไทยและสเปนมีความสัมพันธ์มายาวนาน ซึ่งในปีนี้จะครบรอบความสัมพันธ์ 153 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ขอยืนยันที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้านต่อไป ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว และพหุภาคี พร้อมกล่าวชื่นชมรัฐบาลในการผลักดันเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียว ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องกับสเปนที่ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสเปนมีศักยภาพและสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับประเทศไทยได้

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสเปนฯ ได้หารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดย
ความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงมากขึ้น โดยเอกอัครราชทูตสเปนฯ ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้น พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงส่งเสริมการศึกษาของบุคลากรทางทหารระหว่างไทยและสเปน

ด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เอกอัครราชทูตสเปนฯ ยินดีที่การค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยและสเปนยังมีศักยภาพในการแสวงหาโอกาสเพื่อเพิ่มพูนการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น สเปนพร้อมส่งเสริมให้นักลงทุนสเปนมาลงทุนในไทยเพิ่มเติม ด้านนายกรัฐมนตรีขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จาก RCEP รวมถึงขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG พร้อมเชิญชวนสเปนมาลงทุนในไทยในสาขาที่สเปนมีความโดดเด่น ทั้งด้านพลังงาน การแพทย์ คมนาคม (ระบบราง) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC และอุตสาหกรรมภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG

‘ณัฐวุฒิ’ ลั่น!! นายกฯ ต้องมาจากแคนดิเดต ‘เพื่อไทย’ เผย พร้อมตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคที่ยึดหลักประชาธิปไตย

(29 มี.ค. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะลำดับ 1 เพื่อไทยต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องมาจากแคนดิเดตคนใดคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย  เราจะตั้งรัฐบาลผสมและพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยต้องเป็นพรรคที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย และนโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล”

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สดในรายการเปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอน ตัวตึง!!! ดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมอีกรวม 6 พรรค ในช่วงแรก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวตอบคำถามของผู้ดำเนินรายการถึงเหตุผลอะไรที่จะต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลว่า เพราะในช่วง 8 ปีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นช่วงที่มีแต่ข่าวการทุจริตคอร์รัปชัน โดยสถาบันจัดลำดับการคอร์รัปชั่นทั้งในและต่างประเทศได้รายงานการทุจริตเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะอ้างเสมอว่าตัวเองเป็นคนดี ยึดมั่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในส่วนนั้นตนให้ความเคารพ แต่ที่เห็นได้ชัดคือพลเอกประยุทธ์ไม่เคยได้ยึดมั่นในประชาชนเลย เพราะพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจมาจากประชาชน และเขียนกติกาสืบทอดอำนาจให้พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณมาตั้ง ส.ว. และให้ ส.ว.มาเลือกพลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้มันจึงอธิบายว่าประเทศกำลังเดินผิดทางและผลกระทบจากการเดินผิดทางคือความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน พรรคเพื่อไทย จึงเสนอตัวและเป็นทางเลือกทางเดียวที่จะปฏิเสธการเดินต่อของพลเอกประยุทธ์คือการต้องสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย

ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเป็นลำดับหนึ่ง ต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องมาจากแคนดิเดตคนใดคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เราจะตั้งรัฐบาลผสมและพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยต้องเป็นพรรคที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย และนโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

“ผมกล้าเชื่อว่า ถ้าหากว่าเพื่อไทยเสียงนำมาเป็นที่หนึ่ง และจับกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยตั้งรัฐบาลแล้ว เชื่อว่า ส.ว. 250 เสียงจะไม่ตัดสินใจเหมือนเดิมไม่กล้าโหวตสวน แต่จะมีจำนวนหนึ่งที่ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และหันกลับมาโหวตให้ฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาล” ณัฐวุฒิ กล่าว


ที่มา : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0UB8rRebSpurtV7YQ1mA4SswQhKRY8Q8JRiCaYCS31kSyjWPReD5asciAmJv35phPl

‘ลุงป้อม’ ไฟเขียว เพิ่มงบฯ สู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ย้ำใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เสริมศักยภาพนักกีฬาไทย

(29 มี.ค.66) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566  

โดยที่ประชุมรับทราบรายงานการสนับสนุนงบประมาณแผนงานของฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ซึ่งได้ดำเนินการขอปรับเพิ่มงบประมาณให้กับโครงการเตรียมนักกีฬาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน รายการสำคัญ ได้แก่ โครงการเตรียมซีเกมส์ ครั้งที่32, เอเชียนเกมส์ และเอเชียนพาราเกมส์ สมัยหน้า และรับทราบการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์สำหรับนักกีฬาคนพิการ ที่ต้องมีการทำ Inventory Control อุปกรณ์ที่ใช้ควรมีมาตรฐาน และต้องมีการตรวจสอบอายุการใช้งานก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้นักกีฬาได้รับบาดเจ็บ จากการใช้อุปกรณ์ที่อาจเกิดจากการ Over Use และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 

จากนั้นที่ประชุมได้เห็นชอบ การใช้แบบฟอร์มรายงานผลการดำเนินงานแทนบันทึกข้อตกลงการสนับสนุนงบประมาณ สำหรับโครงการส่งเสริมกีฬาที่ดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อลดความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ ผจก.กองทุนฯ, กกท., สมาคมกีฬา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการฯ และกฏระเบียบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและนักกีฬาคนพิการพร้อมบุคลากรกีฬา มาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบสนับสนุนจากกองทุนฯ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา ส่งเสริมอย่างเต็มที่ และหวังให้นักกีฬาทุกสมาคม ทุกประเภท ประสบความสำเร็จสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งมีหลายสมาคมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับสากล และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

‘รัฐบาล’ ชวนร่วมงาน ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ หนุน ยกระดับพิพิธภัณฑ์ - ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทั่วประเทศ

(29 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 21 – 25 เมษายน 2566 รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 30 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดงาน ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ ที่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี รวมถึงสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และร่วมฉลองเนื่องในวาระครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 241 ปี พร้อมจัดกิจกรรมและจำหน่ายสินค้าวัฒนธรรมไทย 76 จังหวัด ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรม ทั้งนี้ มีรูปแบบงานและกิจกรรม 8 ส่วนหลัก ได้แก่

1.) พิธีทางศาสนา ประกอบด้วย วันที่ 20 เมษายน 2566 พิธีบวงสรวงเทพยดา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ และ วันที่ 21 เมษายน 2566 พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช และพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 99 รูป ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ และพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง

2.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วย พิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ประดิษฐานภาพพระบรมฉายาลักษณ์และเครื่องราชสักการะ 10 รัชกาล การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ชมพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน (Night Museum), การสาธิตอาหารไทยโบราณ ในรูปแบบตลาดย้อนยุค, การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม 76 จังหวัด ผลิตภัณฑ์ Cultural Product of Thailand (CPOT) ของดี 50 เขต กทม. และจุดถ่ายภาพย้อนยุคบริการประชาชน

3.) สวนสันติชัยปราการ ประกอบด้วย การแสดงมัลติมีเดีย ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ จัดแสดงอุโมงค์ไฟเรืองแสง ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2566 นิทรรศการสวนแสงจัดแสดงพระราชประวัติ 10 รัชกาล จัดฉายหนังกลางแปลง และการแสดงวงดุริยางค์จากเครือข่ายเยาวชนไทย

4.) หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ประกอบด้วย การประกวดภาพถ่ายกิจกรรมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ สาธิต และจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย และกิจกรรมชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top