Tuesday, 18 June 2024
POLITICS

'ปลอดประสพ' จี้!! รัฐจัดการปมซีเซียม-137 รั่วไหล พร้อมแนะ 6 แนวทางสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(24 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงแผนปฏิบัติการสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ประเด็นซีเซียม-137 รั่วไหล 

นายปลอดประสพ กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่านับตั้งแต่หน่วยงานของรัฐรับทราบข่าวการสูญหายของซีเซียม-137 ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าได้ให้ใบอนุญาตซีเซียม-137 ในปริมาณมากน้อยเพียงใด ปัจจุบันสารซีเซียม-137 อยู่ที่ไหน และได้ประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรมและสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ไปตรวจสอบหรือไม่ 

‘ลุงป้อม’ สั่ง เร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลสวัสดิการรัฐฯ เพื่อความรวดเร็ว-ครอบคลุม-เข้าถึงง่าย ปชช.ได้ประโยชน์

(24 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ด้านสวัสดิการของรัฐฯ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินการออกแบบ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐฯ และการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงข้อมูลบุคคลด้านอื่น ๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย เป็นต้น และได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดทำ API เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลสวัสดิการที่ได้มีการเชื่อมโยง และรวบรวมข้อมูลแล้ว สามารถค้นหาด้วยหมายเลขบัตรประชาชน และจัดทำ Dashboard เพื่อแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล และแสดงความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ และได้ทำการเชื่อมโยงแล้วจำนวน 13 สวัสดิการ มีประชากรได้รับสิทธิ์ ถึง 19,348,391 ราย (27,923,508 สิทธิ์) อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กองทุนคุ้มครองเด็ก เบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

ความจริงประวัติศาสตร์การเมือง ที่ไขทุกปมบิดเบือน สุดยอดหนังสือขายดี ที่ไม่ใช่แฟนคลับลุงตู่ ก็อ่านได้

(24 มี.ค. 66) ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2566 เฟซบุ๊ก Kamron Pramoj ได้อัปเดตถึงหนังสือ 'มาเหนือเมฆ' ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีการวางขายเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยโพสต์ข้อความระบุว่า...

ขอทำหน้าที่นิดหนึ่งนะครับ

'มาเหนือเมฆ' เรื่องราวบนเส้นทางการเมืองและผลงานของ 'ลุงตู่' พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทหารเสือราชินีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย

สำหรับ 'มาเหนือเมฆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา' คือพ็อกเก็ตบุ๊ก เล่มแรกของอิมเมจ มีเดีย และการกลับมาทำงานด้านสิ่งพิมพ์ ถือว่าอินเทรนด์ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศ อีกไม่นานนี้นะครับ

หัวใจของหนังสือเล่มนี้ แน่นอนเกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในหลายๆ ด้าน รวมทั้งการพัฒนาประเทศที่เกิดขึ้นภายใต้พลเอกประยุทธ์

และมีบทความที่นักคิด นักวิเคราะห์ นักเขียนรับเชิญหลายท่านมาช่วยกันเติมแต่ง ได้แก่ คุณรุ่งเรือง ปรีชากุล อดีตบรรณาธิการบริหารสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์, คุณทิวา สาระจูฑะ บรรณาธิการนิตยสารสีสัน, รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คุณนิติพงษ์ ห่อนาค ศิลปินและนักแต่งเพลง และ คุณ พ.สิทธิสถิตย์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์/นิตยสาร

‘เฉลิม’ จัดหนัก 9 ความล้มเหลว ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ตลอด 8 ปี ศก.ไทยนิ่งสงบ - ยาเสพติดเกลื่อนเมือง

(23 มี.ค.66) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชน กระผม ร้อยตำรวจเอก ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรคเพื่อไทย ต่อไปคงจะไม่มีเวลาเขียนข้อความลงในเฟซบุ๊ก เพราะต้องออกไปรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง วันนี้จึงขอเสนอความเห็นวิจารณ์การทำงานของ พล.อ. ประยุทธ์ รวม 9 ประเด็นด้วยกันที่รัฐบาลมีความบกพร่อง กล่าวคือ

1. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ทันสถานการณ์ ปฏิบัติไม่ได้ และ(แทบจะ) แก้ไขไม่ได้

2. นโยบายการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง(ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว) ล้มเหลว

3. ขาดวิสัยทัศน์ สั่งราชการทั้ง ๆ ที่ ขาดความรู้ความเข้าใจ

4. ภาพลักษณ์บนเวทีต่างประเทศไม่ดี

5. การแก้สถานการณ์โควิดประเทศล้มเหลว

6. นโยบายแจกเงินตลอดเวลาส่งผลเสียในระยะยาว

7. การบริหารเศรษฐกิจจากความขัดแย้งระดับโลกผิดพลาด

8. การควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมพรรคการเมือง

9. ขาดภาวะผู้นำ

สื่อและรัฐบาลชอบนำเสนอและกล่าวว่า “ความสงบมาจบที่ลุงตู่” สุดท้ายก็ไม่เป็นความจริง ผมได้พิจารณาแล้ว ควรจะเป็นสโลแกนว่า

1. เศรษฐกิจไทยนิ่งสงบจบที่มึง

2. ยาเสพติด พนันออนไลน์ ฉิบหายสมัยมึง

'มายด์' เห็นด้วยนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หลัง ‘ลุงป้อม’ ไฟเขียว!! ให้ ‘เข้าพบ-พูดคุย’

(23 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัวพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาอยู่กับพปชร.ว่า ภาคอีสานมีคนดูแลอยู่แล้ว พล.อ.ธรรมรักษ์ จะมาช่วยดูภาพรวมภาคอีสานทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ต้องเข้ามาดูแลภาคอีสาน เพราะคนที่ดูแลภาคอีสาน ระหว่าง พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค กับนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ไม่ลงรอยกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นคนละเขต ระหว่างอีสานเหนือกับอีสานใต้ ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน สื่อไปคิดเองทั้งนั้น คนหนึ่งอยู่อีสานเหนือ กับคนอยู่อีสานใต้ ทำกันคนละพื้นที่ จะไปขัดแย้งกันได้อย่างไร 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มของนายวิรัช จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใคร ก่อนตอบว่าก็ไปสิ ไม่ได้ว่าเลย ใครอยากไปก็ไป เราเคยบอกแล้ว ว่ามีคนเข้ามาอยู่ด้วย 400-500 คน จนพื้นที่ทับกันไปมาอยู่แล้ว บางเขตมีสามคน และตัวเด่นๆ ก็มีอยู่แล้ว  

เมื่อถามถึงการรับประทานอาหารร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไปกินข้าวบ้านผมก็อร่อย” เมื่อถามว่ามีการประเมินตัวเลข ส.ส.กันบนโต๊ะอาหารว่า พรรคพปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง พรรคภท.จะได้ 70 ที่นั่ง เป็นไปตามนั้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน เวลาตอบไม่รู้สื่อชอบบอกว่าไม่รู้อีกแล้ว ให้รอเดี๋ยวจะมีเพลงไม่รู้มาให้ฟัง เดี๋ยวจะออกแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า หัวหน้าพรรคจะร้อง เพลงไม่รู้ด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ 

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย สื่อไปคิดเองและพูดเอง ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สื่อไปพูดเองเออเอง เมื่อถามว่า ในวงรับประทานอาหาร มีคำพูดที่ว่าใครได้คะแนนมากกว่าให้เป็นนายกฯไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ พร้อมกับส่ายหัวและระบุว่า ไม่ให้ถามแล้ว ตนหยุดพูดตั้งแต่ตอนนี้

‘บิ๊กป้อม’ หนุนสังคมพหุวัฒนธรรม มุ่งสร้างสันติสุข รองรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้

พล.อ.ประวิตร เร่ง สร้างสันติสุข / สังคมพหุวัฒนธรรม ฟื้น ศก.ชายแดนใต้ คงเข้ม งานข่าวต่อเนื่อง เน้นการปฏิบัติงานรอบคอบ / ไม่ประมาท มุ่งยกระดับการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดร่วมกัน

(23 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี รมช.กห. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ สถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ จชต. ซึ่งมีความคืบหน้าตามแนวทางสร้างสันติสุข โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ หน่วยงานด้านการข่าวให้ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเน้นย้ำให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ด้วยความรอบคอบ และไม่ประมาท และรับทราบความคืบหน้าของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้มีนโยบายให้ คณะอนุฯ ทุกด้าน เร่งยกระดับการขับเคลื่อน โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และจัดทำแนวทางการพัฒนาโรงเรียนนำร่อง ที่เป็นต้นแบบความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม และใช้ประโยชน์จากสภาสันติสุขตำบลในการขยายผลสร้างความเข้าใจร่วมกัน พร้อมทั้งได้กำชับให้คณะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ช่วยประสาน เร่งรัดการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการนำเรือประมง ออกนอกระบบ ตามที่ ครม.ได้เห็นชอบไปแล้ว จำนวน 96 ลำ

'ก้าวไกล' แซะ!! 'Made in Thailand' ยุคป๋าเปรม ไม่เหมาะกับธรรมชาติอุตสาหกรรมในปัจจุบัน

(23 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'หมดยุค Made in Thailand ถึงเวลา Made with Thailand' ว่า...

นโยบาย Made in Thailand ถูกใช้มาตั้งแต่ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือการชวนคนเข้ามาลงทุน ลดแลกแจกแถม มีมาตรการภาษีสร้างแรงจูงใจ ทำให้จีดีพีประเทศโตขึ้น แต่คนไทยได้ส่วนแบ่งดอกผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนโยบายนี้ไม่เหมาะกับธรรมชาติอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ที่ห่วงโซ่การผลิตไม่ได้ยึดติดกับดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งประเทศไทยตกขบวนไปแล้ว มีการออกแบบในสหรัฐอเมริกา ใช้ชิปจากไต้หวัน ตัวเก็บประจุจากญี่ปุ่น จอภาพจากเกาหลีใต้ ประกอบในจีนและอินเดีย ใช้สิทธิบัตรจากสวีเดน ดังนั้น ประเทศไทยต้องไม่ยึดติดกับคำว่า ‘In’ หรือการลงทุนในดินแดน แต่ต้องคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ คนไทย การผลิตแบบไทย สิทธิบัตรไทย เข้าไปเชื่อมโยงเป็นส่วนผสมหนึ่งของซัพพลายเชนโลก

‘ภูมิใจไทย’ แจง!! เงินบริจาคถูกต้องตาม กม. ยัน!! ที่ผ่านมาแค่ 'ชูวิทย์' จินตนาการไปเอง

(22 มี.ค.66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายธนิต ศรีประเทศ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หนึ่งในทีมกฎหมายพรรค ภท. ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นต่อ กกต.ให้ยุบพรรคภท. อันเนื่องมาจากเงินบริจาคพรรคการเมือง ไม่เป็นไปตาม ม.72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

โดยนายศุภชัย กล่าวยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ การบริจาคเงินให้พรรคการเมือง เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ได้กำหนดรายละเอียด ว่า ถ้าหากจะมีการดำเนินการใดๆ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่แบ่งเป็นสองส่วนคือการบริจาคเงินจากบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งเมื่อมีการบริจาคจากทั้ง 2 ส่วน ทางพรรคภท.ในฐานะเป็นผู้รับบริจาค จะต้องตรวจสอบว่า แหล่งที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าเราทำถูกต้องทุกประการ โดยยอดบริจาค ตั้งแต่ปี 2561 -ปัจจุบัน อยู่ที่ 355,033,639 บาท แบ่งเป็นปี 2561 จำนวน 10 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 161 ล้านบาท ปี2563 จำนวน 24,884,289 บาท ปี 2564 จำนวน 35,952,000 บาท ปี2565 จำนวน 123,197,350 บาท และปี2566 จำนวน 8,730,000 บาท โดยทั้งหมดบริจาคเป็นเงินสด รวมถึงมีบางส่วนที่บริจาคเป็นทรัพย์สิน ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนแล้วแจ้งต่อ กกต. เพื่อประกาศต่อสาธารณะ และขอยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

ด้านนายธนิต กล่าวยืนยันว่า การบริจาคของพรรคเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกกต. รวมถึงมีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว ที่พรรคการเมืองจะต้องพึงสังวร เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมือง โดนโทษจนถึงขั้นถูกยุบพรรค ขณะที่ขั้นตอนการบริจาคทั้ง ในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ได้กำหนดไว้ให้บริจาคไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้องมีหลักฐานยืนยัน อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือบริคณห์สนธิ (ตราสารที่ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทได้ตกลงร่วมกันจัดทำขึ้น) หนังสือลงนามมอบอำนาจต่างๆ ที่จะต้องรวบรวมแล้วส่งไปยัง กกต.ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลังจากส่งให้กกต.ตรวจแล้ว ก็จะต้องไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบในแง่ของนิติบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้เงินบริจาคไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ ซึ่งจะต้องนำมาดำเนินการ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งเท่านั้น

'โทนี่’ เย้ย ‘บิ๊กป้อม’ แค่ที่เกาะหากินของลูกน้อง ยัน!! ไม่มีดีล 'พปชร.' ตั้งรัฐบาลแน่นอน

(22 มี.ค.66) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม ตอบคำถามผ่าน CareTalk x Care ClubHouse เลือก•เคลื่อน•ไทย 2566 EP4: เติมเงินครั้งใหญ่ คนไทยไร้จน! ไม่จกตาแน่นะวิ? เรื่องกระแส การดีลระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ จะจับมือกันไหม เพื่อฝ่าด่าน 250 ส.ว. ดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น นายกฯ และป้องกัน รัฐประหาร ว่า ผมว่าน่าจะยาก เพราะลุงป้อมเองวันก่อนไปที่จ.เชียงใหม่ ก็เป็นนายกฯขึ้นนายกฯลงแล้ว คือเดี๋ยวต้องยกขึ้นยกลงจากเวทีแกคงต้องพักผ่อนแล้วลูกน้องก็อยากค้ำแกไว้ เพื่อไว้เกาะทำมาหากิน ซึ่งผมสงสารแกนะ ต้องพักได้แล้ว สังขารมันไม่ได้แล้ว จะมานั่งทำงานให้ประเทศก็ไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากที่ใครจะไปนั่งคุยกัน

วันนี้ประชาชนเขาบอกว่า เดี๋ยวเขาเลือกให้เอง ไม่ต้องไปรบกวน ส.ว. หรอก ให้ ส.ว. ที่เขาอิสระ ไม่สังกัดใคร เขาก็จะใช้ดุลพินิจตามประชาชน ก็มีจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว คือ เขามีอิสระ เขาจะไม่ยกให้ ก็คงช่วยไม่ได้

ส่วนที่มีการโยงคอนเน็กชั่นระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณ กล่าวว่า ถามว่าคุณหญิงกับป้อมรู้จักกันดีไหมก็รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น ส่วนกับ พล.ต.อ.พัชรวาท (น้องชาย ‘บิ๊กป้อม) ก็รู้จักกัน แต่ไม่สนิท ขนาดมาชี้นำการเมือง คุณหญิงไม่ยุ่งการเมือง ยุ่งแต่เรื่องสังคม ที่ไปมาหาสู่ ไม่บอกชี้นำการเมือง

‘ทักษิณ’ เชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ได้ดีกว่าตน ลั่น!! แม้เป็น ‘พ่อ’ ก็ไม่สามารถชี้นำได้

(22 มี.ค.66) เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวผ่าน CareTalk x Care ClubHouse เลือก•เคลื่อน•ไทย 2566 EP4 : เติมเงินครั้งใหญ่ คนไทยไร้จน! ไม่จกตาแน่นะวิ? ตอนหนึ่งกล่าวถึงบุตรสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า
“...ผมชี้นำเขาไม่ได้ เขาต้องตัดสินใจเอง เพราะผมครอบงำเขาไม่ได้...”

นายกชายมั่นใจ สงขลา 'ประชาธิปัตย์' สู้ได้ทุกเขต

นายเดชอิศม์ ขาวทอง ( นายกชาย ) สส.เขต 5 จ.สงขลา และ รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ ที่รับผิดชอบการเลือกตั้งในภาคใต้ เปิดเผย หลังมีการประกาศยุบสภาฯ ว่า ในส่วนของ 'ประชาธิปัตย์' มีความพร้อมที่สุด เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี่ในพื้นที่ภาคใต้ ตนและนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้ง ร่วมกันในการรับผิดชอบ  ที่ผ่านมาพรรคฯได้มีการเปิดตัวผู้สมัคร และลงพื้นที่พบปะ ประชาชน ในแต่ละเขตเลือกตั้งตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มีการจัดปราศรัยไปแล้วมากกว่าทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครในภาคใต้ พรรคมีกระแสตอบรับที่ดี และดีขึ้นโดยตลอด ทั้งกระแสพรรคกระแสผู้สมัครและหัวหน้าพรรค

การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคมีความพร้อมทั้งหัวหน้าพรรค เลขาพรรค และรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบ ไม่หนักใจและยอมรับว่าเหนื่อย เพราะทุกพรรคที่เป็นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ต่างหวังที่จะ เจาะที่นั่งในภาคใต้ให้มากที่สุด แต่เราก็สู้สุดฤทธิ์ ทั้งในการรักษาที่นั่งเดิม และเอาที่นั่งที่เสียไปเมื่อการเลือกตั้งในปี 2562 กลับคืนมา ให้ได้มากที่สุด ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ภาคใต้มี สส.เพิ่มขึ้นจำนวน 60 เขต เรายังมั่นใจเต็มร้อยว่าจะได้อย่างต่ำ 40 เขต ส่วนอีก 20 เขต เป็นการชิงกัน ระหว่าง ประชาธิปัตย์ กับพรรคอื่นๆ ซึ่งเรายังอาจจะได้จำนวน สส.ใน 20 เขตนี้เพิ่มขึ้นก็ได้

'ชัยวุฒิ' เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลอยากจะทำงานร่วมกันต่อ บอกหากขัดแย้งกันจริง รัฐบาลล้มไปนานแล้ว

'ชัยวุฒิ' เผย นายกฯ ไม่กำชับ รมต.-ส.ส. หวั่นผิดระเบียบ กกต. บอกทุกคนรู้อยู่แล้ว เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลอยากจะทำงานร่วมกันต่อ บอกขัดแย้งกัน รัฐบาลล้มไปแล้ว

(21 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ​ พปชร.เปิดเผยภายหลังเข้าอวยพร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันเกิดอายุครบ 69 ปี ว่า นายกฯ ขอให้ทุกคนทำงานราบรื่นประสบความสำเร็จ ให้รักและสามัคคีกันไว้ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทำงานมาดูกัน 4 ปีไม่มีความขัดแย้งอยู่แล้ว รักกัน สามัคคีกันอยู่แล้ว ก็น่าจะทำงานด้วยกันต่อไป

เมื่อถามว่า นายกฯ ยังคาดหวังว่าจะทำงานร่วมกันต่อกับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่การเมืองก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ก็ว่าไปตามพื้นที่และบริบทของผู้สมัคร การแข่งขันตามระบบประชาธิปไตย ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ผมก็เชื่อว่าทุกคนอยากจะทำงานร่วมกันต่อไป  พร้อมยืนยันว่าไม่มีการขัดแย้งกันถึงเดินหน้ามาได้ 4 ปี ถ้ามันขัดแย้งกันก็คงล้มไปแล้วรัฐบาล

'บิ๊กตู่' ปลื้ม 'บิ๊กป้อม' พา ครม.อวยพรวันคล้ายวันเกิด ด้าน 'เสี่ยหนู' โผกอด!! การันตียังรักและผูกพัน

นายกฯ เผย ประวิตร นำครม.อวยพรวันคล้ายวันเกิด ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ยืนยันไม่ขัดแย้งกับใคร ชมครม.ชุดนี้อยู่กันนาน เกิดความรักความผูกพัน ด้านอนุทินโผกอดนายกฯ ยืนยันสัมพันธ์แน่น 

(21 มี.ค.66) ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง บรรดารัฐมนตรีได้นำแจกันดอกไม้ พวงมาลัย เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีเหลืองตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

จากนั้นพลเอกประยุทธ์ เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี อวยพรวันคล้ายวันเกิดให้กับตนเอง เป็นประจำทุกปี ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของคนไทยด้วยกันอยู่แล้ว และคณะรัฐมนตรีชุดนี้อยู่ด้วยกันมายาวนาน จึงเกิดความรักและความผูกพันกันเป็นอย่างมาก และมากกว่าอย่างอื่น ดังนั้นหลายเรื่องขออย่านำไปโยงให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งพลเอกประวิตรอวยพรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ประสบความสำเร็จ 

และยืนยันว่าตนเองมีความสุขทุกวันกับการทำงานร่วมกับ ครม. เนื่องจากไม่เคยมีปัญหาใดๆ กับคณะรัฐมนตรี และทุกพรรคการเมืองถ้าไม่รักกันก็จะทำงานไม่สำเร็จ ดังนั้นในห้วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ย้ำว่าก็เพราะร่วมมือกัน รักกัน ไม่ขัดแย้งกันจึงสำเร็จ

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีวาระการพิจารณาน้อย โดยเน้นหนักไปที่การทำความเข้าใจกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ว่าตามกฎหมายแล้วมีสิ่งใดที่ทำได้หรือทำไม่ได้บ้าง ซึ่งบางโครงการอาจทำได้ แต่จำเป็นต้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นชอบก่อน เพราะเป็นช่วงเวลาของการเมืองที่เดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องบริหารราชการแผ่นดินควบคู่ไปด้วย โดยรัฐมนตรีทุกคนรับทราบแนวปฏิบัตินี้แล้วทุกเรื่อง

'เศรษฐา' ชี้!! ซีเซียม-137 ส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ ห่วงคนปราจีนฯ-ใกล้เคียง แนะรัฐอย่าปล่อยปละ

(21 มี.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ซีเซียม-137 เป็นเรื่องใหญ่นะครับ เป็นสารกัมมันตรังสีที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพประชาชน สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ

สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของภาครัฐที่ต้องให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา ชัดเจน และรวดเร็ว รวมไปถึงการบริหารจัดการหลังเกิดเหตุ การทำพื้นที่ปิดของสารอันตราย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยได้ครับ

‘สมศักดิ์’ มั่นใจ 99% ‘เพื่อไทย’ ได้เป็นรัฐบาล ชี้ เห็นโอกาส มีนายกฯหญิงคนที่ 2

‘สมศักดิ์’ มั่นใจ 99% ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล เผื่อใจเป็นฝ่ายค้านแค่ 1% ชี้เห็นโอกาส มีนายกฯหญิงคนที่ 2 จากตระกูลชินวัตร ยันตีไข่แตก ส.ส.ใต้ได้แน่ ปัดคุยจับขั้ว ‘พท.-พปชร.-ภท.’ 

วันที่ 20 มี.ค.2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสว่า ตนเองได้ส่งหนังสือสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ววันนี้ พร้อมระบุเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะชื่นชอบทีมงานโดยเฉพาะทีมนโยบาย ที่สามารถปฏิบัติสำเร็จได้จริง ต่างจากพรรคการเมืองอื่น ที่ยังมีปัญหาเรื่องการไปสู่เป้าหมาย ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่มีความชัดเจน 

นายสมศักดิ์ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะตีไข่แตกได้ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และส่วนตัวมีความคุ้นเคยกับคนภาคใต้หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำหรือมีแนวคิด เช่นปลดล็อกกระท่อมออกจากยาเสพติด โครงการเปลี่ยนวัวชนเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา การไกล่เกลี่ยหนี้สินให้ประชาชนทั่วประเทศได้ถึงแสนครอบครัว ตัดวงจรยาเสพติดสามารถยึดทรัพย์ได้หลายพันล้าน ซึ่งการเข้าพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายที่เคยทำเหล่านี้และมีแนวคิดจะทำไปนำเสนอ ดังนั้นขอให้คอยดูเพราะพรรคเพื่อไทย มีพื้นที่ว่างเพื่อให้ไปขับเคลื่อนได้ รวมถึงมั่นใจว่าเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล 99% ถ้าได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนถ้าสถานการณ์การเมืองพลิกการประเมินเกิดพลาดและเป็นฝ่ายค้าน นายสมศักดิ์กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ไม่ถึง 1% ส่วนโอกาสจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่อยู่ที่พี่น้องประชาชน แต่ที่เข้าพรรคเพื่อไทยจะช่วยเท่าที่ทำได้ เพื่อเป้าหมายแลนสไลด์ 310 ส.ส.

ส่วนเรื่องขั้วการเมือง เพื่อไทย พลังประชารัฐและภูมิใจไทย หลังปรากฏภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล นำคณะแกนนำพรรคภูมิใจไทยไปพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และถัดมาอีกวันนายสมศักดิ์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าพบพลเอกประวิตรนั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันไม่ได้เป็นการพูดคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่เข้าพบเพื่ออำลา ในอนาคตถ้ามีปัญหาขัดแย้งก็สามารถพูดคุยกันได้ 

เมื่อถามว่าขั้วการเมืองเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะเขม็งเกลียวในการเลือกตั้งแย่งคนจากพรรคนั้นไปพรรคนี้วิพากษ์วิจารณ์ว่ากันไป แต่หลังการเลือกตั้ง อาจต้องใช้คำพูดของพลเอกประวิตรคือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่วันนี้ไม่ได้จับมือตั้งรัฐบาล ไม่ได้คุย และตนไม่ได้มีหน้าที่ ส่วนคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ครั้งนี้ ของพรรคเพื่อไทยคือความยากจนและการทำความเข้าใจกับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมืองที่จะสู้กัน เพราะมันข้ามจุดนั้นไปแล้ว 

นายสมศักดิ์ ยังปฏิเสธไม่ได้พูดคุยหรือดีลตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย แต่คนในพรรคเพื่อไทยขานรับดีมาก ขอบคุณที่เข้าไปแล้วไม่ว้าเหว่ ได้ทำงานร่วมกัน และยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มไปต่อรองใดๆ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรตอนนี้แยกย้ายไปอยู่หลายพรรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top