Sunday, 19 May 2024
LITE

18 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ น้อมรำลึกถึง ร.4 ‘พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย’

18 สิงหาคม ‘วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ’ หนึ่งในวันที่มีความสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ไทย รำลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อ พ.ศ. 2411 ที่บ้านหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ในวันที่ 18 สิงหาคม ของทุก ๆ ปี ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในวันสำคัญของวงการวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และการศึกษาของไทย เนื่องจากตรงกับวันที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสร็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้อย่างแม่นยำ ล่วงหน้า 2 ปี ด้วยพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของพระองค์ จึงได้มีการถวายพระราชสมัญญานามให้ทรงเป็น ‘พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย’

และด้วยพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์นี้ คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี เป็น ‘วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ’ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าว และเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเป็น ‘พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย’ ไปพร้อมกัน

สำหรับความเป็นมาเสร็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระราชโอรส พระราชธิดา รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ (รัชกาลที่ 5) ขณะพระชนมายุ 16 พรรษา ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่ ตำบลบ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่18 สิงหาคม พ.ศ. 2411

ด้วยทรงตั้งพระปณิธานแน่วแน่ที่จะพิสูจน์ผลการคำนวณของพระองค์ หลังจากที่ทรงใช้กล้องโทรทรรศน์คำนวณการเกิดสุริยุปราคาครั้งแรกได้อย่างแม่นยำ ล่วงหน้า 2 ปี ซึ่งพระองค์คำนวณไว้ว่า สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นในวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 โดยจะเห็นหมดดวงและชัดเจนที่สุด ที่หมู่บ้านหัววาฬ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่บริเวณ เกาะจาน ขึ้นไปถึงปราณบุรี และลงไปถึงเมืองชุมพร และโปรดฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุญนาค) ไปสร้างค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ พร้อมกับเชิญคณะนักดาราศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศส และเซอร์แฮรี ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และร่วมในการสังเกตการณ์ ซึ่งเมื่อถึงวันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ทรงพยากรณ์ไว้ทุกประการ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว

องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณของพระองค์ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้วยพระราชกรณียกิจและพระเกียรติคุณนานัปการ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านดาราศาสตร์

ช็อก!! ‘บริตนีย์ สเปียร์ส’ ถูกสามีฟ้องหย่า หลังทะเลาะกันรุนแรงว่านักร้องดังนอกใจ

(17 ส.ค. 66) สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวช็อกวงการบันเทิงว่า ‘บริตนีย์ สเปียร์ส’ นักร้องดังชาวอเมริกันวัย 41 ปี ถูก ‘แซม แอสการี’ สามี เทรนเนอร์ส่วนตัวชาวอิหร่านวัย 29 ปี ฟ้องหย่าหลังแต่งงานกันมา 14 เดือน

ข่าวอ้างแหล่งข่าวงในเปิดเผย แอสการี ยื่นฟ้องหย่าภรรยานักร้องดังเมื่อเย็นวันพุธที่ 16 สิงหาคม หลังเกิดปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงโดยแอสการีกล่าวหาว่าบริตนีย์ สเปียร์สแอบนอกใจ

เว็บทีเอ็มซี ยังอ้างแหล่งข่าวเปิดเผยว่า แอสการีย้ายออกจากบ้านที่ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว

เอพี รายงานว่าได้ส่งอีเมลสอบถามไปยังตัวแทนของนักร้องดังถึงข่าวนี้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับ และว่าจากบันทึกของศาลในลอสแอนเจลิส และเวนทูราไม่ได้แสดงว่าคดีนี้ถูกยื่นฟ้องที่ใด

ขณะที่นิตยสารพีเพิล อ้างแหล่งข่าวยืนยันว่า ทั้งสองแยกกันอยู่ และระบุว่า…

“พวกเขาทั้งสองไม่ลงรอยกันมานานแล้ว ชีวิตของพวกเขามีปัญหามานานหลายเดือน มีเรื่องดรามาเกิดขึ้นเป็นประจำ มันน่าเศร้า การหย่าร้างจะเป็นการทำลายล้างสำหรับบริตนีย์”

‘สเปียร์ส’ และ ‘แอสการี’ แต่งงานกันที่บ้านของสเปียร์สในเมืองเทาซันด์ โอ๊ก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ท่ามกลางแขกร่วมงาน รวมทั้ง เซเลนา โกเมซ นักร้องดัง, ดรูว์ แบร์รีมอร์ นางเอกฮอลลีวูด, มาดอนนา, ปารีส ฮิลตัน หลังคบหาดูใจกันมา 5 ปี และแอสการี อยู่เคียงข้างสเปียร์สมาตลอด ระหว่างนักร้องสาวต่อสู้คดีให้ตัวเองหลุดพ้นจากการอยู่ในความพิทักษ์ดูแลทั้งชีวิตและทรัพย์สินจาก ‘นายเจมี สเปียร์ส’ พ่อแท้ๆ กระทั่งผู้พิพากษาเบรนดา เพนนี แห่งศาลสูงนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาเมื่อวันพุธที่ 29 กันยายน 2564 ยุติบทบาทการเป็นผู้พิทักษ์ของนายเจมี สเปียร์ส ที่ทำหน้าที่นี้มานาน 13 ปี

จากข่าวว่านี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของแอสการี แต่เป็นการแต่งงานครั้งที่ 3 ของนักร้องดัง ที่เคยแต่งงานครั้งแรกเมื่อปี 2547 กับ ‘เจสัน อเล็กซานเดอร์’ เพื่อนสมัยเด็ก แต่การแต่งงานเป็นโมฆะ หลังแต่งงานผ่านไปไม่ถึง 3 วัน จากนั้นสเปียร์สแต่งงานครั้งที่ 2 กับ ‘เควิน เฟเดอร์ไลน์’ แดนเซอร์หนุ่ม แต่อยู่กันได้ 3 ปีก็หย่า มีลูกชายด้วยกัน 2 คน

แฟนๆ ใจหาย!! ‘BlackPink’ ประกาศปิดเวิลด์ทัวร์ที่เกาหลี หวั่น หรือนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ขึ้นคอนเสิร์ตครบ 4 คน

(17 ส.ค. 66) ยังคงคลุมเครือสำหรับการต่อสัญญาของ 4 สาว ‘BlackPink’ กับค่าย YG Entertainment ที่แม้จะมีข่าวลือว่า 3 สาว ‘เจนนี่, จีซู, โรเซ่’ มีแนวโน้มจะต่อสัญญา แต่กับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ สมาชิกสาวชาวไทยยังคงไม่มีความคืบหน้า จนหลายๆคนคาดว่าไม่น่าจะต่อสัญญากับทางค่ายแล้ว ล่าสุด YG Ent. ได้ประกาศคอนเสิร์ตปิดทัวร์ Born Pink ของทั้ง 4 สาวว่าจะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้เป็นเวลา 2 วันด้วยกัน ทำเอาแฟนๆหวั่นใจอาจเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายที่อยู่ครบทั้ง 4 คน

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ายังไม่มีการยืนยันแน่ชัดถึงการต่อสัญญาของ 4 สาว BlackPink ที่หมดอายุสัญญาครบ 7 ปีไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่มีการขยายอายุสัญญาออกไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. หลังจากที่ยังคงหาข้อตกลงที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้

ล่าสุดตามกำหนดการเดิมที่ระบุว่าจะสิ้นสุดทัวร์ ‘Born Pink’ สิ้นเดือน ส.ค. ก็ได้มีการประกาศจากทางค่ายว่า “คอนเสิร์ต Born Pink จะสิ้นสุดลงที่ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 16 - 17 ก.ย. นี้”

เรียกได้ว่าทั้ง 4 สาวถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเค-ป็อป ที่สาวๆสร้างสถิติกันมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งเดบิวต์จนถึงปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ความไม่แน่นอนเรื่องการต่อสัญญาที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงคอนเสิร์ตสุดท้ายที่จะจัดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ก็ทำเอาแฟนๆ พากันแสดงความคิดเห็นกันมากมาย เช่น

“ครั้งนี้ จะไปคอนเสิร์ตแน่นอน”
“อยากไปดูคอนฯครั้งนี้จริงๆ”
“สงสัยว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้พวกเธอจะประกาศว่าต่อสัญญาหรือไม่?”
“นี่คือการทัวร์ครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการต่อสัญญาเหรอ?”
“ถ้าพวกเธอไม่ต่อสัญญา ก็นับว่านี่คือคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของพวกเธอทั้ง 4 คน เพราะฉะนั้นฉันจะไป”
“คิดว่า YG ยังคงพยายามที่จะให้มีการต่อสัญญาอยู่ เพราะไม่มีข่าวอะไรเลย แบบนี้ฉันคิดว่า YG คงมองว่านี่อาจคือคอนเสิร์ตสุดท้าย ค่าบัตรคอนเสิร์ตเลยสูงขึ้น”

‘บัวขาว’ ดวลเดือด ‘แสนชัย’ ศึก BKFC Thailand พ.ย.นี้ กติกา ‘ชกมือเปล่าไร้นวม’ การันตี ‘ดุเดือด-ชกจริง-เจ็บจริง’

(17 ส.ค. 66) ที่โดม เซล แกลอรี่ ชั้น 1 อาคารเพิร์ล แบงค็อก พหลโยธิน ซอย 10 ได้มีการแถลงข่าวแมตช์หยุดโลก สังเวียนระอุ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ปะทะ ‘แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม’ ในศึก ‘BKFC Thailand ครั้งที่ 5 - LEGENDS OF SIAM’ สังเวียนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าบนกฏกติกาแบบไทยที่ทวีความดุเดือด อย่างคาดไม่ถึง ในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ณ รอยัลคลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป พัทยา จ. ชลบุรี

BKFC ASIA ประกาศอย่างเป็นทางการ พร้อมระเบิดศึกสะเทือนวงการกำปั้นของ 2 นักสู้ระดับตำนานแห่งยุค กับไฟต์หยุดโลก พร้อมยกทัพจัดเต็มด้วยคู่มวยเดือดชิงแชมป์โลก 2 คู่ ได้แก่ โป เดนแมน จากประเทศไทย ปะทะ บริเทน ฮาร์ต จากสหรัฐอเมริกา และแฟรงกี้ ปะทะ แสนศึก นครโชคชัย จอมเดือดเมืองโคราช โดย ‘BKFC Thailand ครั้งที่ 5 - LEGENDS OF SIAM’ อัดแน่นเต็มพิกัดด้วยนักสู้ฝีมือฉกาจจากทั่วโลกรวมทั้งหมด 24 ชีวิต ที่จะมาดวลเดือดกันในการต่อสู้ทั้ง 12 แมตช์ 

มร. นิค แชปแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานฝ่ายปฏิบัติการ BKFC ASIA อดีตแชมป์ UK1 British Title Cage Rage (UCMMA) World Title Light Heavyweight กล่าวว่า ศึก BKFC Thailand ครั้งที่ 5 - LEGENDS OF SIAM ครั้งนี้ นับเป็นการพบกันของสองยอดนักสู้แห่งสยาม ผู้เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ และเป็นครั้งแรก ของ 2 นักชกที่จะมาร่วมประลองฝีไม้ลายมือกัน ภายใต้กติกาใหม่ของเวที BKFC ซึ่งเน้นความดุเดือด ชกจริง เจ็บจริง ระห่ำมากยิ่งขึ้น นั่นคือนักสู้จะชกกันแบบมือเปล่า ไม่สวมนวม โดยในพิกัดน้ำหนัก 68.5 กก. กำหนดชกถึง 5 ยก ยกละ 2 นาที ผู้ชมจึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย หรือน็อกคาเวทีในครั้งนี้ และตอนนี้ทั้งสองนักชกกำลังซุ่มลับฝีมือกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนรักกัน แต่เรื่องของศักดิ์ศรี ไม่มีใครยอมกันแน่นอน

BKFC Thailand ครั้งที่ 5 - LEGENDS OF SIAM ณ รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ปในครั้งนี้ เป็นการเปิดปรากฏการณ์ใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานนักชกของไทยให้ทัดเทียมกับนักชกนานาชาติ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักในการจัดงานขึ้นที่ประเทศไทย แทนกำหนดการเดิมในแถบตะวันออกกลางเมื่อช่วงต้นปี เนื่องจากคณะผู้จัดงานต้องการประกาศศักดาของศิลปะการต่อสู้อีก 1 แขนงที่กำลังได้รับความนิยมและกล่าวถึงมากที่สุด เราต้องการสร้าง

ตำนานบทใหม่ในศึก BKFC Thailand ครั้งที่ 5 อีกทั้งต้องการเชิดชู ‘นักสู้ไทย’ ที่มีความสามารถไม่เป็นสองรองใครในเวทีโลก และครั้งนี้ยังถือเป็นของขวัญที่มอบให้แฟนคอมแบท สปอร์ต ที่ชื่นชอบการต่อสู้ ซึ่งเรามั่นใจว่ารายการนี้จะเป็นอีกหนึ่งศึกที่คนรอติดตามมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาการแข่งขันรูปแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น และครั้งนี้ BKFC ได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย

นายวรรธนัย วรรธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บีเคเอฟซี เอเชีย ประธานบริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป และศูนย์ประชุมนานาชาติพีช พัทยา (PEACH) กล่าวว่า ในปี 2566 นี้เราได้ บริเท็น ฮาร์ท (Britain Hart) แชมป์โลก นักสู้ชาวอเมริกัน ในรุ่น World Title เข้าร่วมรายการด้วย โดยมีผู้ท้าชิงนักสู้หญิงไท อย่าง โป เดนแมน เข้าท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลกในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากนักสู้ที่โดดเด่นอย่างฟิลิปปินส์แล้ว ปีนี้เรายังมีนักสู้จากอีกหลากหลายประเทศ ทั้ง อเมริกา เยอรมนี สวีเดน สก็อตแลนด์ สหราชอาณาจักร ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ฯลฯ

นอกจากการมุ่งเฟ้นหา สนับสนุน และพัฒนาศักยภาพของเหล่านักสู้แล้ว เรายังเล็งเห็นว่าศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเป็นเทรนด์กีฬาแห่งโลกอนาคตที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วในนานาประเทศ โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา เราพร้อมสนับสนุนและปลุกปั้นนักสู้หน้าใหม่ที่ฉายแววเข้าสู้เส้นทางการแข่งขัน ไปพร้อมกับการดูแลขับเคลื่อนวงการนักกีฬาไทยให้มีอาชีพที่มั่นคง และเติบโตได้อย่างยั่งยืนบนเส้นทางกีฬาสายนี้ และอย่างที่ทราบกันว่าปีนี้เราได้กำหนดกติกาใหม่ในชื่อเรียกใหม่ว่า Special Rules Bare Knuckle Thai Fight หรือศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าบนกฎกติกาแบบไทย เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับผู้ชมของเรา

ขณะที่ บัวขาว บัญชาเมฆ นักสู้ระดับตำนานของไทย กล่าวถึงการต่อสู้ในครั้งนี้ว่า “แม้ผมจะเป็นเพื่อนรักกับแสนชัย แต่จะไม่มีการออมมือให้อย่างแน่นอน ศึกครั้งนี้เป็นการต่อยจริง เจ็บจริง แฟนๆ ห้ามพลาด เพราะเป็นแมตช์การต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เสมือนของขวัญที่ BKFC มอบให้แก่แฟนกีฬาการต่อสู้ในช่วงปลายปี ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ผมเอาศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน”

ด้าน แสนชัย พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม กล่าวว่า “ถึงเราสองคนจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ถ้าได้ขึ้นเวทีเราทั้งคู่ก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอ ที่จะไม่มีคำว่าขึ้นไปเหยาะแหยะ และเสียชื่อการต่อสู้อย่างแน่นอน ขอขอบคุณแฟนคลับของผมและของบัวขาวที่สนับสนุนพวกผมด้วยดีมาโดยตลอด”

“แม้จะมีกระแสแฟนคลับบางส่วนที่ไม่อยากให้เราชกกันเอง ผมอยากจะบอกว่าการชกครั้งนี้ ไม่ได้เพื่อพิสูจน์ว่าใครเก่งกว่าใคร แต่ชกเพื่อประกาศให้คนทั่วโลกหันมาสนใจดูศิลปะการต่อสู้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับกติกาใหม่ Special Rules Bare Knuckle Thai Flight ที่เข้มข้นขึ้น พวกเราทั้งสองมั่นใจว่าผู้ชมทั่วโลกจะสนุก มัน และลุ้นจนนั่งไม่ติดกับการต่อสู้บนเวที BKFC Thailand ครั้งที่ 5 นี้แบบเต็มสตรีม”

สำหรับการต่อสู้แบบไทยด้วยมือเปล่าบนกฎกติกาใหม่ Special Rules Bare Knuckle Thai Fight กำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ณ รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป พัทยา เริ่มจำหน่ายบัตรในวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2566 ในราคา 500 และ 1,000 บาท สำหรับตั๋วยืน และ 2,500-3,000 บาทสำหรับที่นั่ง สำหรับที่นั่งวีไอพีติดขอบสนาม ราคาเริ่มต้นที่ 7,000 รวมอาหารค่ำมื้อพิเศษ สิทธิพิเศษ หรือส่วนลดสำหรับการเข้าพัก ณ รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เมื่อแสดงโค้ดการจองตั๋วเข้าชม BKFC Thailand ครั้งที่ 5 นี้ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

‘แมท ภีรนีย์’ รับ ชีวิตเจอดรามาหนักจนความมั่นใจหดหาย ถามตัวเอง “ทำไมต้องทนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศ?”

(17 ส.ค. 66) ดาราสาว ‘แมท ภีรนีย์ คงไทย’ เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตที่โดนดรามาถึงขนาดเคยสูญเสียความมั่นใจจนเหลือแค่ศูนย์ ต้องทนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศ เคยคิดอยากลาออกจากวงการ เพราะในอดีตไม่เห็นคุณค่าของการเป็นนางเอก และนิสัยที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ในรายการ WOODY FM

ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
แมท : สบายดีค่ะ สนุกกับการทำงาน จากที่แบบว่าไม่เคยได้สนุกขนาดนี้มาก่อน

มีบ้างไหมที่เข้ากองแล้วไม่แฮปปี้?
แมท : อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าก็จะมีช่วงหนึ่งอย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าสูญเสียความมั่นใจ

ครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าชีวิตในวงการไม่ได้สวยงามอย่างที่ฉันคิดไว้ ความมั่นใจลดลงกี่เปอร์เซ็นต์เต็ม 10 ให้เท่าไหร่?
แมท : เหลือศูนย์เลยค่ะ จริงๆ แล้วพื้นฐานแมทรู้สึกว่าเราค่อนข้างดีลกับวงการบันเทิงยากอยู่แล้วโดยส่วนตัว เพราะจะมีนิสัยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ไม่ค่อยฉอเลาะ ไม่ได้เป็นคนหยิ่งแต่ว่าเหมือนอาจจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าไม่ค่อยเข้าหาคนแปลกหน้า พอเราเจออะไรต่างๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีกก็เลยรู้สึกเหมือนช็อกน้ำ เราไม่เคยเจออะไรที่หนักหนาสาหัสเลยในชีวิต คือชีวิตแมทราบเรียบมากเลยค่ะพี่วู๊ดดี้ นอกจากเรียนก็คือไปทำงานชีวิตมีแค่นี้ อยากได้อะไรก็โอเคคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้กดดัน ไม่มีอะไรที่หนักใจหรือคิดมาก นี่คือพายุ ระเบิดตู้ม!! ขึ้นมาทีเดียวแบบงงไปเลย

ตอนที่เป็นประเด็นขึ้นมา เสียใจอะไรมากที่สุด?
แมท : ขั้นตอนแรกคือเสียใจที่คนไม่ฟัง คนจะพูดหรือตัดสินไปแล้วว่าที่เราพูดมันไม่จริง ทั้งๆ ที่ตอนนี้มาพูดก็ไม่มีความหมาย แต่ ณ วันนี้ก็พูดได้ก็ยังสนุกอยู่ที่จะพูด กลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว ถ้ามันไม่เกิดขึ้นก็จะไม่มีแมทใน Mindset นี้ ในวันนี้เลย

ทุกวันนี้เวลามีข่าวอะไรก็ตามในเชิงลบตั้งตัวรับไหว?
แมท : ชิลมาก (หัวเราะ)

ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับสังคมและโลกออนไลน์?
แมท : ได้เรียนรู้การทำใจมั้งคะ ได้เรียนรู้เยอะมากค่ะ พอมาวิเคราะห์ตัวเองรู้และเข้าใจแล้วว่า พอไม่ได้เจอปัญหาหรืออุปสรรค ทุกอย่างได้มาโดยง่ายเราก็เลยไม่เห็นคุณค่าของมัน ไม่เห็นคุณค่าของการเป็นนางเอก หลายๆ คนอยากมาอยู่ตรงนี้เยอะมากแต่ว่าเขาไม่มีโอกาส เราได้โอกาสโดยที่ไม่ได้ออกไปไขว่คว้า แต่ถามว่าเรารับผิดชอบไหม รับผิดชอบอย่างดีนะคะ แต่ว่าเราไม่ได้เห็นคุณค่ามากพอ เมื่อเดินมาเจอกับพายุลูกใหญ่เลยทำให้เราทิ้งมันไปง่ายๆ โดยที่ไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้เป็นความคิดที่ไม่ต้องสนใจใครนะ แต่ทำไมเราต้องมาทนอยู่เหมือนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศเลย ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำด้วยซ้ำ แต่พอเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ที่เรียนรู้เลยอันนี้จริงมากคือน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง อันไหนตึงได้หย่อนได้โอเคเราเรียนรู้ จากหน้ามือเป็นหลังมือเลย

ก่อนหน้านี้พื้นฐานแมทเป็นคนค่อนข้างรักษากฎระเบียบจะไม่ทำอะไรที่มันผิดกฎอยู่แล้ว เข้าใจว่าคนอื่นเขาจะไม่ทำ พอคนอื่นเขาทำเราก็จะสู้ทันที มาสิพร้อมชน ถ้าอันไหนไม่ผิดฆ่าแมทให้ตายก็ไม่ยอมรับ แต่ถ้าอันไหนบอกมาผิดจริงเราอยากเปลี่ยนนะ อยากปรับปรุง อยากพัฒนาให้มันดีขึ้น แล้วรู้จักที่จะเรียนรู้กับความทุกข์นี้ ถ้าเรารู้ว่าทุกข์คืออะไรต้องทำความเข้าใจมัน พอเข้าใจแล้วมันจะเป็นเหมือนการดีดนิ้วว่า อ่อ! ก็แค่นี้ หนักก็จริงเราก็ทำได้แค่ยอมรับและเรียนรู้กับมัน ไม่งั้นเราก็จะคือคนที่อยู่ไม่ได้พ่ายแพ้ เครียด ร้องไห้

เคยคิดจะออกจากวงการไหม?
แมท :  คิดทุกปี ตั้งแต่ทำงานแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกโดยส่วนตัวแมทดิวกับวงการบันเทิงยากมาก คือถามว่าแมทอยู่กองละคร แมทสนุกนะ เล่นละครได้อย่างเดียวอ่ะค่ะอยู่หน้ากล้อง แต่ถ้าจะให้เราต้องมาแบบวางแผนที่จะออกงานยังไง มีข่าวยังงี้ ไม่มีเลยค่ะ

ตอนนี้เป็นโสดไหม?
แมท : โสดค่ะ

แฟนๆ ที่ยังรักและซัพพอร์ตเราให้กำลังใจขนาดไหน?
แมท :  ให้แบบดีมาก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แมทอยู่รอดได้มาจนถึงทุกวันนี้แฟนๆ ที่ยังรักและเข้าใจเรา ครอบครัวเพื่อนหรือกัลยาณมิตร รุ่นพี่หลายๆท่าน หรือรุ่นน้องหลายๆ คนที่สนิทรอบๆ ข้าง แต่พอเราเจออะไรแบบนี้มา เรารู้สึกเลยว่าเราจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปให้ลำบาก เขาจะต้องมีแมทอยู่ในชีวิตในยามที่พวกเขาลำบากอยู่แน่ๆ จากนี้ต่อไป เพราะว่ามันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงแมทสุดๆ และพี่ๆ ในวงการด้วยเยอะมากที่ส่งข้อความเข้ามา แค่นี้ก็ดีใจแล้วที่มีคนเข้าใจและเชื่อใจเราบ้าง และก็เป็นการคัดคนออกเหมือนกันว่าใครอยู่และใครไม่ได้ไปต่อ ตั้งแต่เกิดมาแมทไม่เคยเลิกคบใครเลยค่ะ แต่ครั้งนี้เรารู้แล้วว่าใครที่เราสามารถจริงกับเขาได้มากน้อยแค่ไหน

เป็นคนติดการมีแฟนไหม?
แมท : เมื่อก่อนค่ะ ใช่ ก็ไม่เคยไม่มีแฟนมาโดยตลอดเลยค่ะ สันนิษฐานนะอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเด็กมีปัญหาขาดความรัก เพราะว่าไม่ได้อยู่กับป๊ะป๋าไงคะ เพราะเขาทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆ เจอกันที ถามว่าอยู่คนเดียวได้ไหมอยู่ได้ แต่ว่าชอบที่จะมีคนไว้ดูแลกันและกันมากกว่า

แล้วชอบผู้ชายที่นิสัยเหมือนป๊ะป๋าไหม?
แมท : ใช่ค่ะ ชอบแบบนั้น แมทไม่ได้ชอบแบบ Bad Boy เลย แต่ทุกคนชอบบอกว่าแมทชอบ Bad Boy สเป็กจริงๆ ของแมทเลยต้องเป็นคนสุภาพ ต้องเป็นคนที่สะอาด ต้องฉลาด ต้องเก่ง เป็นผู้นำเราได้ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แค่ขอแบบอยู่ด้วยแล้วเข้าใจกันและกันก็พอ แต่ก่อนหน้านี้เป็นอย่างงั้นเป็นคนจู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ต้องอย่างงี้ต้องอย่างงั้น

คนที่คบกับคุณเขาบอกว่าคุณเยอะไหม?
แมท : เขาไม่ได้บอกว่าเยอะ แต่เขาจะบอกว่าขี้บ่น (หัวเราะ)

‘เจมส์’ ปล่อยผ่านคนวิจารณ์รูปร่างแฟนสาว ‘โฟกัส’ เผยข่าวดี!! หวานใจเร่งฟิตหุ่น เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว

ถูกชาวเน็ตบูลลี่เรื่องรูปร่างอย่างหนัก สำหรับ ‘โฟกัส จิระกุล’ หวานใจหนุ่ม ‘เจมส์ BOY หรือ ‘กิจเกษม แมคแฟดเดน’ ที่แม้ปัจจุบันจะอวบมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 66 หนุ่มเจมส์ เดินทางมาทำงานเป็นพิธีกรในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘Blue Beetle’ ที่ SF World Cinema เซนทรัลเวิลด์ จึงได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่แฟนสาวถูกบูลลี่จากชาวเน็ตอย่างหนักถึงเรื่องรูปร่างที่อวบขึ้น พร้อมทั้งเผยเรื่องเซอร์ไพรส์ ว่ามีแพลนให้โฟกัสลดหุ่น เพื่อเตรียมสู่ขอฝ่ายหญิงและทำพิธีหมั้นหมายต่อไป

โฟกัส โดนบูลลี่เรื่องรูปร่าง?
เจมส์ : “ใช่ครับ โดนมาตลอดเรื่อยๆ อยู่แล้ว บ่างคนใช้โซเชี่ยลเป็นที่ระบาย เราก็รู้ว่าเจตนามาแบบไหน ไม่ได้ซีเรียสครับ ผมเป็นแฟนเขาผมแฮปปี้ เขาแฮปปี้ผมแฮปปี้ครับ”

เบื่อไหม ทำไมไม่หยุดกันสักที?
เจมส์ : “เหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องเจอเรื่อยๆ ถามว่าเบื่อไหม เบื่อครับ มีนชอบไม่ได้เนอะ แต่อยู่ที่เราจะจัดการกับความรู้สึกยังไง แต่ผมแฮปปี้กับการที่น้องเขากิน พาน้องเที่ยว ที่ส่วนหนึ่งเขาเป็นแบบนี้ได้ก็ต้องโทษผมด้วย ผมเป็นคนที่เอาใจสุดๆ สปอยสุดๆ ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของครับผม โทษใครไม่ได้”

นอยด์มั้ย?
เจมส์ : “ไม่ครับ โฟกัสเป็นคนไม่นอยด์ มีผมนี่แหละเป็นคนนอยด์แทน บางทีไลฟ์อยู่มีคนทักมาทักแบบน่าโดนด่ามาก ผมก็ด่าเลย จบๆไป ครับ เรามาพบปะผู้คนในโซเชี่ยลเราก็อยากเจอแต่ด้านดีๆ อารมณ์ดีๆ แต่บางทีไม่ได้จริงๆ ก็ต้องจัดสักหน่อย”

มีข้อความที่ทนไม่ได้เลยเยอะไหม?
เจมส์ : “เยอะครับ บางทีมามาดจีบก็มีนะครับ ผมก็นั่งอยู่ข่างๆ เนี่ย ผมก็ทนไม่ไหว ยังดูไม่ออกกันอีกเหรอว่าใครเป็นใคร แต่เราก็ต้องจัดระเบียบให้เป็นครับ”

ดูแลอารมณ์ยังไง มีคนมาจีบกลางไลฟ์?
เจมส์ : “บางมีก็หลุดบ้างครับ ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก บางทีผมก็ด่าบ้าง ด่าเลยครับ เหมือนกันเนอะ ก็มีน็อตหลุดบางครั้ง แต่ก็ตัดอารมณ์ตัวเอง เน้นพูดคุย เอาฮาใส่ครับ ขำๆ ไป”

โฟกัสจัดการยังไง ถ้ายังมีคอมเมนต์มาเรื่อยๆ ?
เจมส์ : “โฟกัสเขาเก่งนะครับ เขาเป็นคนที่อยู่เป็น เขาดูแลตัวเองเป็น เขาไม่ปล่อยให้เสียงแบบนี้มาทำร้ายเขา เขาแฮปปี้ได้ผมก็แฮปปี้ครับ”

มีจะดำเนินการใดๆ ไหม?
เจมส์ : “ไม่ครับ ยกเว้นบางอันที่เกินไป ก็มีดำเนินคดีบ้าง ถ้ามันต้องขนาดนั้นก็ทำครับ แต่เราจัดระเบียบได้ ไม่มีปัญหา ผมกับโฟกัสแฮปปี้ครับ”

มีคุยกันไหม ชวนกันไปฟิตให้ดู?
เจมส์ : “มีๆ นี่ๆ มีข่าวดีครับ โฟกัสเองเขาก็อยากจะเริ่มดูแลตัวเองครับ เป็นเพราะสัญญาณหลายๆ อย่าง ก็รอดูครับ ผมก็รอดูเหมือนกัน”

มีข้อเสนอข้อแลกเปลี่ยนกัน?
เจมส์ : “มีแน่นอนครับ ผมมีมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมามีปฏิกิริยาครับ ข้อเสนอดีๆ ผมมั่นใจเป็นเรื่องดีแน่นอน ถ้ารักกันดีแน่นอน (กิโลละหมื่น?) ผมกล้าพูดเลยว่าเขาเริ่มเอาจริงแล้ว ถ้าน้องทำได้พี่จะให้รางวัลใหญ่ที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนี้จะให้ได้เลย เต็มที่ครับ เป็นกำลังใจให้น้องเขาเรื่อยๆ ครับ”

เริ่มเร็วๆ นี้ใช่ไหม?
เจมส์ : “อีกไม่กี่วันครับ รออีก 3 วันจะเริ่มกระบวนการแล้ว เดี๋ยวรอดูโฟกัสจะสวยครับ”

อะไรที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ริดลบไปตามคอมเมนต์?
เจมส์ : “เพราะว่าเราไม่ได้ยึดติดแง่ลบมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งส่วนเสี้ยวเล็กๆ จริงๆ ทุกอย่างมันดี เราแฮปปี้ ด้านดีๆ มีอีกเยอะ แต่แค่เราไม่ได้พูดถึงมัน เราอย่าไปสนใจกับเรื่องเล็กๆ มีบางทีมันสะกิดใจเรา เหมือนเส้นผมบังภูเขาครับ อย่าไปยึดครับ”

ที่บอกว่ารางวัลใหญ่ที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะให้ได้ หมายถึงจะขอแต่งงานใช่ไหม?
เจมส์ : “อู้ย รอดูครับ ใจพยายามอยู่ (ให้สวยเพื่องานสำคัญ?)ใช่ ต้องสวยเพื่องานสำคัญครับ”

ตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อไหร่?
เจมส์ : “ไม่ได้รีบ แต่เร่งหน่อยแล้วกัน ก็พยายามครับ ผมเองก็มีแผนอะไรของผู้ชายเนอะ มีระยะเวลาอยู่เราก็อยากเต็มที่ในส่วนของเรา และเชื่อว่าน้องก็เต็มที่เหมือนกัน แต่น้องเพิ่งเริ่มครับ พร้อมเมื่อไหร่พี่ก็พร้อมเมื่อนั้น”

พูดได้เลยว่าเตรียมแต่งงานแล้ว?
เจมส์ : “คิดว่าครับ แต่อย่าเพิ่งถึงแต่งเลย เอาพิธีเล็กก่อนครับ พี่ธีหมั่นก่อนเนอะ เอาหมั่นให้รอดก่อน (ปีนี้เลยมั้ย?) พยายามให้เป็นปีนี้ครับ สู้อยู่ครับ ฝากเป็นกำให้น้องด้วยครับ ถ้าน้องก็ออกมาสวยปังก็เดี๋ยวรอเจอน้องครับ ผมก็เป็นแฟนที่ดีทำงานในแบบของผม และคอยซัพพอร์ตน้องไปเรื่อยๆ ครับ”

‘มิกค์ ทองระย้า’ สลัดลุคนักแสดง ลงแปลงปลูกผักออร์แกนิก หลังช่วงนี้อินวิถีธรรมชาติ แย้มแพลนสร้างบ้านที่เขาใหญ่

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 66 กลายเป็นคนหลงรักธรรมชาติขั้นสุดอีกคนหนึ่งแล้ว หลังจากได้ลงมือทำแปลงเกษตรสวนครัว และผักสลัดออร์แกนิก บนเนื้อที่ 4 ไร่ ละแวกเขาใหญ่ แถมยังมีแพลนสร้างบ้านไว้อยู่ในระยะยาวอีกด้วย สำหรับพระเอกหนุ่ม ‘มิกค์ ทองระย้า’ ที่พักหลังมานี้โพสต์รูปปลูกต้นไม้ ปลูกพืชปลูกผักแบบรัวๆ

ล่าสุด มิกค์ ที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว ‘เทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์’ จัดขึ้นที่ควอเทียร์ เฮลิกซ์ การ์เด้นท์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ จึงได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องหลงรักธรรมชาติ ติดใจวิถีชาวสวน รวมถึงเรื่องข่าวที่ว่า ‘อั้ม พัชราภา’ ได้ค่าต่อสัญญา 20 ล้านบาท ไม่ต้องเล่นละคร ไม่ต้องทำกิจกรรมช่องก็ได้

“วันนี้ผมมาร่วมงาน เทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลีย จัดโดย ภัทรพัฒน์ ก็เพิ่งเริ่มรู้จักได้ไม่นาน คล้ายๆ น้ำมันมะกอก แต่ว่ามีประโยชน์มากกว่า ทนความร้อนได้ดีกว่า ไม่ใช่แค่เอามาเป็นน้ำมันอย่างเดียว แต่เอามาบำรุงผิว มีหลายๆ อย่างด้วย เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ดีมากๆ ได้ช่วยเหลือพี่ๆ บนดอยด้วยที่เขาปลูกต้นเมล็ดคามีเลีย ให้เขามีรายได้ครับ ซื้อเป็นของขวัญของฝากให้กับครอบครัวดีมากๆ เลยครับ” มิกค์ กล่าว

อยากลองเอาไปปลูกที่สวนตัวเองไหม?
มิกค์ : “น่าคิดอยู่เหมือนกันครับ แต่ว่าอาจจะยากเพราะมันต้องอยู่สูง 700 เมตรกว่าจากระดับน้ำทะเล ต้องปลูกบนเขาหรือเปล่า”

ที่ของเราเป็นยังไง ปลูกอะไรบ้าง?
มิกค์ : “ค่อนข้างอยู่บนเนินนะ แต่ไม่รู้ว่าสูงได้เท่ากันไหม ตอนนี้ปลูกหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นสวยงาม ไม้ดอก มีคูนขาว คูนเหลือง คูนชมพู ผมปลูกทุกสีเลย ผมชอบสีๆ ต้นหูกระจง ต้นหางนกยูง (เพาะขายไหม?) ปลูกประดับครับ เอามาเป็นไม้ใหญ่แล้วครับ ได้ร่มเงาด้วย”

พืชผักมีมั้ย?
มิกค์ : “มีครับ เป็นผักออร์แกนิก ผักสวนครัวด้วย มีผักคอส มีกรีนโอ้ค เบบี้คอส ผักสวนครัวไทยก็มี โหระพา กะเพรา พริก ปลูกเยอะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้เองเท่าไหร่ ปลูกเอาไว้พอถึงเวลาต้องตัดก็ต้องตัด เอากินเองด้วย เอามาแบ่งแจกพี่ๆ ที่สนิทสนม เอามากรุงเทพฯ ปลูกแล้วสวยดีมันเป็นแปลงผัก ต้องแจกครับ ค่อนข้างเยอะพอสมควร แม่ผมก็ชอบกินผักอยู่แล้ว”

มีโอกาสขยายจำหน่ายเลยมั้ย?
มิกค์ : “ตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น แน่รอดูอนาคต ผมชอบนะสนุกดี เวลาหลังจากถ่ายละครมาเหนื่อยๆ ก็เหมือนไปพักผ่อนด้วย มีเริ่มตัดตกแต่งกิ่งมีกุหลาบ ปลูกเองบ้างก็มีครับ (ติดใจชีวิตอยู่สวน?) ใช่ๆ พอเวลาทำงานมาเหนื่อยมากๆ หรือติดต่อกันหลายวัน ก็ค่อนข้างคิดถึง ที่ผ่านมาไม่ได้ไป 2-3 อาทิตย์ ผมก็คิดถึงมาก อยากลมเย็นๆ ชิลชิล ถ้ามีโอกาสก็ไปครับ”

มีคิดไหม 5ปี 10ปี จะไปอยู่ประจำ?
มิกค์ : “มีแพลนไว้อยู่แล้วว่าอยากทำบ้านสร้างไว้ที่นู่น แต่ก็ค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง ไม่ได้วางแผน 100 เปอร์เซ็นต์แต่แรก อยากได้อะไรก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ผมว่ามันจะค่อยๆ ขึ้นมาเองนะ พอมีโซนนี้มันก็จะเพิ่มตรงนี้ๆ ขึ้นมา อย่างตอนนี้มีโซนสนามหญ้าไว้กางเต็นท์ชิลชิล เรามีสวนแปลงผักออร์แกนิก มีสวนครัวไทย มีห้องรับรองเล็กๆ มีครัวเล็กๆ แต่ยังไม่มีบ้านเป็นเรื่องเป็นราว แต่มีแพลนว่าอาจจะทำเป็นธุรกิจส่วนตัว ทำเป็นคาเฟ่ในอนาคต ที่ตรงนี้ 4 ไร่ ริมถนนเลย วิวดีครับ”

เวลาไปมีใครไปด้วยมั้ย?
มิกค์ : “ยังไม่มีเลยครับ (หัวเราะ) อยู่ที่โน่นมีคนรู้จักอยู่แล้ว พี่ๆ ที่อยู่ใกล้กัน แต่ถ้าเป็นคนใกล้ชิดยังไม่มี ตอนนี้น่าจะเรื่องเวลาที่พอว่างปุ๊บเราก็ไปเขาใหญ่ ยังไม่ได้โฟกัสมาก”

จากรูปและแคปชั่นก็จะรู้สึกได้ว่าเหงา?
มิกค์ : “(หัวเราะ) ผมว่าคนเริ่มคาดหวัง โพสต์ต่อไปคืออะไร ตอนนี้พี่ๆ แฟนคลับ พอเราลงเขาก็จะมาตอบ หรือมาต่อแคปชั่นของเรา ดีนะ สนุกดีน่ารักดี”

แต่เหงาจริงๆ ใช่ไหม?
มิกค์ : “ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่มีบ้าง เวลาเหงาๆ ก็ไดเร็กต์ (หาใคร?) เพื่อนๆ (มีใครเข้ามาบ้างไหม?) ก็มีครับ แต่ไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น เป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า (ยังไม่คลิกกัน?) อืม ยังไม่ได้โฟกัสเต็มที่เรื่องนี้ด้วยนะ ผมน่าจะโฟกัสที่ต้นไม้มากกว่า (ยังไม่โฟกัสคือยังไม่เปิด ยังไม่พร้อม?) ไม่ถึงกับปิดครับ มีคุยเล่นๆ กันยังได้ เพราะว่าถ้าเราคุยกับใครจริงจังสักคนหนึ่ง คือเราต้องมีเวลาให้เขาค่อนข้างเยอะหน่อย (คนที่คุยอยู่เขาเข้าใจสถานะใช่ไหม?) เขารู้แหละ ผมชัดเจน (หัวเราะ)”

ตอนนี้ยังเป็นหนุ่มโสด?
มิกค์ : “ยังโสดครับ (คนที่จะเข้ามาต้องรักต้นไม้ด้วย?) ต้องแล้วล่ะ เพราะว่าผมเริ่มมาทางนี้มากขึ้นแล้ว ต้องชอบธรรมชาติเหมือนกัน (สายลุยถือจอบถือเสียมปลูกต้นไม้ได้?) เดี๋ยวผมถือให้ก็ได้ ไม่ต้องถือ แค่ยืนสวยๆ ชี้ให้ผมก็พอ ผมปลูกให้”

มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไปไหม?
มิกค์ : “เออ ไม่ได้เปลี่ยนมาก ก็ยังเป็นใครที่คุยกันแล้วเข้าใจ สบายใจที่จะคุยกัน ให้กำลังใจกัน แค่นี้ก็พอแล้ว แต่ตอนนี้โสด 100 เปอร์เซ็นต์ครับ”

ไม่ได้หวงความโสดด้วยใช่ไหม?
มิกค์ : “ไม่หวง คุยได้นะครับ”

สัญญาช่องของเราเป็นยังไงบ้าง?
มิกค์ : “ของผมยังไม่หมดครับ (เห็นข่าวพี่อั้ม พัชราภาไหม?) เนี่ยๆ ผมว่าจะแซวพี่เขาอยู่ว่ามีแบ่งมาให้ผมไหม (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ (เราก็เบอร์หนึ่งของช่องเหมือนกันนะ?) เราไม่ขนาดนั้น ในสัญญาจะมีรายละเอียดการทำงานอยู่แล้วครับ แต่ว่าอันนี้ยกให้พี่อั้มเลยครับ (หัวเราะ)”

เนื้อหาข่าว บอกว่าไม่ต้องเล่นละครก็ได้ เป็นแอมบาสซาเดอร์สวยๆ?
มิกค์ : “แค่ยืนเฉยๆ ก็สวยแล้ว พี่อั้มหน่ะ (เรายืนเฉยๆ ก็หล่อเหมือนกัน?) ผมขอทำงานไปด้วยก็ได้ ทำงานไปด้วย เดี๋ยวแฟนๆ ละครจะคิดถึง”

ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นไง?
มิกค์ : “อ๋อ ที่ผ่านมาผมถ่ายอยู่เรื่องเดียว ปีที่ผ่านมาผมถ่ายเรื่องเดียวเพราะว่า ด้วยเวลา และเป็นเรื่องค่อนข้างหนัก เรื่อง แม่โขง เป็นละครบู๊ฟอร์มใหญ่ เข้าป่าตลอด ตอนนี้ผมมีผิวสีแทนไปแล้วนะ ผมต้องบู๊ทุกวัน ก็อัดเรื่องนี้ไปก่อนเต็มๆ คุณภาพจะได้ออกมาดีด้วยครับ แต่ว่าใกล้เสร็จแล้ว ใกล้ได้ดูกันแล้วครับ”

หลายคนโฟกัสที่มูลค่าด้วย ของเราได้ขนาดนี้มั้ย?
มิกค์ : “หูย ไม่ถึงขนาดนั้นครับ อันนี้ต้องยกให้พี่อั้มเขา (ของเราหลักสิบล้านไหม?) อาจจะไม่ได้ระบุเป็นตัวเงินขนาดนั้น อย่างที่บอกในสัญญามันมีเรื่องของการทำงานด้วยครับ ไม่เหมือนกันในแต่ละคนครับ”

‘คุณแม่ไอซ์ ปรีชญา’ เผย!! รู้อยู่แล้วต้องถูกฟ้องคดีไซยาไนด์ สภาพจิตใจลูกสาวยังไม่เต็มร้อย แต่ก็ไม่ได้เครียดเพิ่ม

(17 ส.ค. 66) จากกรณี ‘กรมโรงงานอุตสาหกรรม’ เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษกับกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องการนำเข้า จำหน่าย ซื้อขายสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ สารเคมีอันตราย รวมถึงผู้ที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

สำหรับกลุ่มผู้ที่จะถูกดำเนินคดีแบ่งเป็น ผู้นำเข้า 1 ราย ตัวแทนจำหน่าย 4 ราย และ ผู้นำไปใช้ผิด
วัตถุประสงค์จำนวน 31 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ พบมีรายชื่อของ ‘นางสรารัตน์’ หรือ ‘แอม’ และนางเอกชื่อ
ดัง ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’

โดยล่าสุด คุณแม่บังอร แม่ของไอซ์ เปิดเผยว่า "ทราบแล้วค่ะว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมแจ้งความดำเนินคดีกับน้องไอซ์ เราไม่ได้กังวลอะไร ทราบอยู่แล้วจะมีการดำเนินคดีเรื่องนี้ แต่ในเรื่องของคดีความทางตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรเรา ซึ่งเราก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ แล้วหลักฐานก็อยู่ที่โรงพัก บิ๊กโจ๊ก (พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล) ก็แถลงแล้วว่าน้องไปพบครั้งนั้นในฐานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา ดังนั้นถ้ากรมโรงงานอุตสาหกรรม จะฟ้องดำเนินคดีที่น้องไอซ์มีสารครอบครอง จึงไม่ได้กังวลใจอะไรให้ทนายความเป็นคนจัดการทั้งหมดอยู่แล้ว

และไอซ์ทราบเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้กังวลอะไร แต่ถามว่าสภาพจิตใจเป็นอย่างไร ก็ไม่เต็ม 100
เปอร์เซ็นต์หรอกนะคะ เพราะเราก็ไม่สบายใจ ไม่อยากให้มีเรื่องกระทบงานหรืออะไรแบบนี้อีก
เพราะเขาแย่มาพักหนึ่งแล้ว พอมีเรื่องนี้อีก ถ้าว่าเครียดกว่าเดิมไหม ก็ไม่นะคะ ทราบอยู่แล้วจะต้อง
มีเรื่องนี้ขึ้นมา เพียงแค่เมื่อไหร่เท่านี้เอง ตอนนี้รอหมายจากตำรวจที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไปแจ้ง
ความ ซึ่งยังไม่มีอะไร เท่าที่แม่คุยกับทนาย ทางทนายเขาจะไปพบพนักงานสอบสวน สน. (ศูนย์รับ
แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก.) ที่กรมโรงงานไปแจ้งความต่อไปค่ะ"

17 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ  ร่วมรำลึกถึงพะยูนน้อย ‘มาเรียม’ 

17 สิงหาคม ‘วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ’ ย้อนเรื่องราวของ ‘น้องมาเรียม’ พะยูนน้อยขวัญใจแห่งท้องทะเล ได้เสียชีวิตลงในปี 2552 โดยมีสาเหตุมาจาก ‘การติดเชื้อจากขยะพลาสติกที่อุดตันในทางเดินอาหาร’

17 สิงหาคม ของทุกปีเป็น ‘วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ’ และเป็นวันที่เราต้องสูญเสีย ‘น้องมาเรียม’ พะยูนน้อยขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ จากการอุดตันของลำไส้เล็กจาก ‘ขยะพลาสติก’ การจากไปของเจ้าพะยูนน้อยในครั้งนั้น ได้ให้บทเรียนสำคัญให้กับเราเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และมีแผนในการอนุรักษ์คุ้มครองพะยูนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

‘น้องมาเรียม’ เป็นลูกพะยูนน้อย เพศเมีย ที่พลัดหลงกับแม่และเข้ามาเกยตื้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562 บริเวณอ่าวทึง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ อายุประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี น้องมาเรียมผอมกว่าพะยูนในวัยเดียวกันเพราะขาดอาหาร และนมแม่ แต่สภาพร่างกายสมบูรณ์ ไม่พบบาดแผล ว่ายน้ำได้ปกติ น้องมาเรียมมักจะดูดครีบข้างเวลาหิวนม และยังมีรอยแผลเป็นสีชมพูที่บริเวณแก้มข้างซ้าย ที่ได้มาจากการเกยตื้นเป็นประจำ

เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลน้องมาเรียมอย่างดี เพื่อดูแลลูกพะยูนน้อย ‘มาเรียม’ ให้มีชีวิตรอดตามธรรมชาติอย่างดีที่สุด แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายที่เจ้าหน้าที่เวรบ่ายพามาเรียมออกกินหญ้าทะเลตามปกติ และมาเรียมผละออกไปกินหญ้าทะเลด้วยตัวเอง มาเรียมเจอพะยูนโตเต็มวัยไล่คุกคาม จนหนีเตลิด จากนั้นมาเรียมก็มีภาวะเครียดจัด ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มาเรียมผอมลงอย่างเห็นได้ชัดในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน มาเรียมไม่ยอมกินอะไร จนมีอาการอ่อนเพลีย ไม่ร่าเริง ไม่ค่อยว่ายน้ำ อัตราการเต้นของหัวใจก็ช้ากว่าในช่วงร่างกายปกติ มาเรียมอาการเริ่มดีขึ้น จนกระทั่งวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มาเรียมเริ่มไม่ว่ายน้ำ ดำน้ำนานขึ้น ปล่อยตัวไปตามกระแสคลื่น และมีอาการซึม เจ้าหน้าที่เลยตัดสินใจย้ายมาเรียมมายังบ่อชั่วคราว

แต่สุดท้ายเจ้ามาเรียมก็สู้ต่อไปไม่ไหว และจากไปในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 0.09 น. จากการชันสูตรพบเศษพลาสติก 8 ชิ้น อุดตันลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย เกิดการสะสมของแก๊สในทางเดินอาหาร  ทำให้ลำไส้บวมมาก ปวดท้อง มีผิวหนังตายที่ลำไส้ด้านใน ร่างกายขาดน้ำ ปอดเป็นหนอง ติดเชื้อในกระแสเลือด มีรอยช้ำจากการเกยตื้น ก่อให้เกิดความเจ็บปวดจนช็อกและเสียชีวิตในที่สุด

การจากไปของเจ้าพะยูนน้อยได้ให้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้มีการจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ เน้นเป้าหมายเพิ่มประชากรพะยูน การดูแลพื้นที่อาศัยของพะยูน และกำหนดให้วันที่ 17 สิงหาคม ของทุกปีเป็น ‘วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ’ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 

อนึ่ง ‘พะยูน’ ได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือไซเตส (CITES) พะยูนได้อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ลำดับที่ 86 ของบัญชีไซเตส ซึ่งเป็นสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด ยกเว้น เพื่อการศึกษาวิจัย และเพาะพันธุ์เท่านั้น ซึ่งในประเทศไทยแหล่งที่พบพะยูนมากที่สุดคือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จ.ตรัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ของพะยูนในประเทศไทย

‘ดิว อริสรา’ จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดย้อนหลังให้ ‘น้องเวทมนต์’ ลูกสาว ‘ใบเตย-ดีเจแมน’ ทำหลายคนน้ำตาซึมกันทั้งงาน

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) ทางด้าน ‘ดิว อริสรา’ และ ‘เซบาสเตียน ลี’ ได้จัดงานวันเกิดให้ลูกชาย ‘น้องไซลาส’ อายุครบ 1 ขวบ มีเพื่อนพี่น้องทั้งในและนอกวงการบันเทิงมาร่วมงาน พาลูกหลานมาร่วมงานจำนวนมากอย่างครึกครื้น

ซึ่งทางด้าน ‘ลุกซ์’ น้องของ ‘ใบเตย อาร์สยาม’ ได้พาหลานสาว ‘น้องเวทมนต์’ มาร่วมงานด้วย และสิ่งที่ทำหลายคนในงานน้ำตาคลอตาม ๆ กัน เมื่อ สาวดิว ได้จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดย้อนหลังให้น้องเวทมนต์ เป็นโมเมนต์ที่น่ารักและต่างพากันชื่นชมสาวดิวที่ไม่ลืมคนรอบข้างเลย

‘น้ำตาล ชลิตา’ ไลฟ์ด่าป้าข้างบ้าน หลังชอบเอาเรื่องตนไปเล่าใส่ไข่ แต่กระแสตีกลับ ชาวเน็ตติง!! อยากให้รักษาภาพพจน์ตัวเองหน่อย

(16 ส.ค.66) ทำเอา ‘น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์’ เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 เดือดจัดออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ป้าบ้านตรงข้ามถ้าเห็นโพสต์หนู ป้าหยุดเผื_กเรื่องของหนูนะคะ หนูไม่เคยไปยุ่งเรื่องของป้านะ ต่างคนต่างอยู่นะคะ มีอะไรมากดกริ่งเคลียร์ได้ หลายรอบละ" พร้อมคอมเมนต์เสริมว่า "ป้าบ้านตรงข้ามที่แปลว่าบ้านตรงข้ามจริง ๆ อะค่ะ ไม่ใช่เวทีนางงาม"

จากนั้น ‘น้ำตาล ชลิตา’ ได้ออกมาไลฟ์สด พูดถึงเรื่องนี้ชนิดจัดหนักจัดเต็ม จนมีชาวเน็ตหลายคน นำมาตัดต่อคำด่าของน้ำตาลถึงป้าข้างบ้านว่า…

"xึงอะยุ่งแต่เรื่องของตูค่ะ แหม…มีการทำเป็นพูดเหมือนตัวเองเป็นคนถูกกระทำ ตลก คือหยุด หยุดคิดว่าตัวเองถูกกระทำ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองทำคนอื่น

มีการไป Unsend ข้อความด้วย อิค_าย ตูรู้หมดแล้วค่ะ แคปไว้หมดแล้ว แคปไปได้เลยนะ เผื่อมีใครเป็นญาติมัน แคปไปให้มันดูนะคะว่ารู้หมดแล้ว ไม่ต้อง Unsend ข้อความค่ะ เห็นหมดค่ะ อิค_าย

มันไม่ใช่ป้าหรอก มันก็อายุประมาณ 30 กว่านี่แหละ แต่เรียกป้า เพราะมันสาระแนเหมือนป้าข้างบ้าน คือจริง ๆ ตอนแรกมันโอเค แต่น้ำตาล ไม่เคยไปยุ่งกับบ้านเขาเลย มีแต่แม่ที่เคยไป ซึ่งแม่เขาก็ไปแอบตีสนิทกันตอนไหนไม่รู้ แล้วพอแม่ไปเล่าโน่น เล่านี่ เล่านั่น ก็ไม่รู้กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เลยงง

แล้วเล่าเรื่องแบบแต่งเรื่อง เข้าใจเปล่าว่าแต่งเรื่อง เราไม่ได้ไปยุ่งกับเขา แต่เขาสาระแนมาอยากยุ่งเรื่องของเรา ใครจะมา บอกว่าน้ำตาลอยากจะเอาผู้ชายมาอยู่ที่บ้าน บ้านตู สาระแนอะไรแค่นี้

คือบ้านก็เป็นบ้านเดี่ยว บ้านใครบ้านมัน แต่อันนี้มันมาอยู่ทีหลังน้ำตาลด้วยซ้ำ น้ำตาลมาอยู่ก่อน แบบเข้าใจไหม จะพาผู้ชายผู้หญิง หรือใครมา ก็เรื่องของตู บ้านตู เข้าใจไหม แต่มันสาระแนอะไร มายุ่งอะไร

บอกไม่ได้อยากทะเลาะหนู คืองง บ้านเดี่ยวที่ไม่เดี่ยว เข้าใจไหมว่ามันคือเรื่องส่วนตัว แต่อยากมีส่วนร่วมอะไรเอ่ย อยากรู้ขนาดนั้น มาอยู่บ้านตูเลยไหมล่ะ มาหาว่าเราไล่พ่อไล่แม่ออกจากบ้านเพื่อจะให้ผู้ชายมาอยู่ ตลก มีการศึกษา…อืมมมม

ตอนนี้น้ำตาลไม่ได้อยู่กับแม่ค่ะ ไม่ได้งอนแม่ ไม่ได้ไล่แม่ด้วย เผื่อมันมีข่าวหลุดออกไป จะได้รู้ว่าน้ำตาลไม่เคยไล่แม่ เพราะมีแม่เป็นแม่คนเดียวในชีวิตที่รักมาก ๆ ไม่เคยคิดจะไล่พ่อไล่แม่ออกจากบ้าน แต่คนที่ไม่ควรอยู่ มันควรออกไปค่ะ ถามว่าแม่ไปไหน แม่ไปอยู่กับคนที่ไม่ควรอยู่ แม่เขาออกไปเอง ช่างมันเถอะน้ำตาลไม่เล่าหรอก ให้เขาออกมาพูดเอง ถ้าเขาทนไม่ไหว เขาก็คงออกมาพูดเพราะถ้าพูดออกไปมันก็มีแต่เสียงหายค่ะ ไม่ใช่ฝั่งน้ำตาลเสีย”

หลังจากคลิปได้ถูกเผยแพร่ไปแล้ว ก็มีแฟน ๆ เข้ามาคอมเมนต์มากมาย อาทิ หลัง ๆ เธอเปลี่ยนไป, นิสัยแบบนี้เชียร์ป้าข้างบ้าน, ต้องถามแม่ก่อนว่าแม่พูดอะไรบ้าง, ฉันเข้าใจน้ำตาลนะ แล้วนางก็พูดถูกทุกอย่างในสิทธิ์ของนางนะ แต่ว่ามันสามารถตอบให้ดูดีกว่านี้ได้ แบบรักษาภาพพจน์ตัวเองหน่อยน้ำตาล เป็นต้น

‘เวฟ สาริน’ ขึ้นแท่นคุณพ่อลูกสองอย่างเต็มตัว หลัง ‘บุ้ง ใบหยก’ คลอด ‘เสี่ยเบญจ์’ แล้วเรียบร้อย

(16 ส.ค.66) ขึ้นแท่นเป็นคุณพ่อคุณแม่ ลูก 2 อย่างเต็มตัวแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่ม ‘เวฟ สาริน บางยี่ขัน’ เมื่อล่าสุด ‘บุ้ง สะธี ใบหยก’ ภรรยาสาวได้ออกมาโพสต์คลิป เผยโฉมลูกชายคนที่ 2 ที่น่ารักน่าชัง หลังจากเพิ่งคลอด พร้อมแคปชันว่า “No.2 มาแล้วค๊าบบบบบบบบ #เสี่ยเบญจ์”

ท่ามกลางเหล่าคนบันเทิงและแฟน ๆ แห่แสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม

'มาตาลดา' ปังยันโค้งสุดท้าย กวาดเรตติ้งตอนจบพุ่งถล่มทลาย ยอดดูสดออนไลน์สูงถึง 1.8 ล้านคน ได้ใจแฟนละครไปเต็มๆ

(16 ส.ค.66) จบลงไปแล้วกับละครน้ำดีอีกหนึ่งเรื่อง สำหรับ ‘มาตาลดา’ ที่ออกอากาศทางช่อง 3HD ละครที่ทำให้หัวใจใครหลายพองโต กับหญิงสาวที่ชื่อ ‘มาตา’ หญิงสาวแสนซ่อ แม้ในโลกนี้จะเต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่ยังมีเธอที่มองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยพลังของความใจดีของเธอ ที่ได้รับกระแสความนิยมตั้งแต่เปิดตัวจนจบ

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Maker Family ได้มีการเปิดเผยเรตติ้งตอนจบ ที่ถูกออกอากาศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่กวาดทั้งเรตติ้ง และหัวใจของแฟนละครไปอย่างถล่มทลายแบบทั่วประเทศ ด้วยการกวาดเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศสูงถึง 5.75 เลยทีเดียว ยอดดูสดออนไลน์ 1.8 ล้านคน และยอดดูย้อนหลังผ่าน 3Plus 118 ล้านวิว

พร้อมกับระบุแคปชันทิ้งท้ายไว้อีกว่า "เราจะไม่บอกลา เพราะเราจะรักกันตลอดไปเนอะชาวมาตา #มาตาลดาตอนจบ รักที่สุดเลยนะ คุณนั่นแหละ คุณคนดูใจดี ขอบคุณนะคะ"

‘บีม พลังใบ’ ย่องไม่เงียบกลางดึก เปิดน้องชายอัปไซส์บึ้ม

(16 ส.ค.66) หลายคนเชื่อว่า ‘ลีลาสำคัญกว่าขนาด’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปฏิเสธยากว่าผู้ชายที่มีขนาดน้องชายใหญ่ยาวนั้นมีแต้มต่อมากกว่า 

หลายงานวิจัยพบว่า ความใหญ่ยาวของน้องชายส่งผลต่อความสุขบนเตียง ยิ่งน้องชายใหญ่ยาวมากเท่าไร ยิ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่คู่นอนได้มากขึ้นเท่านั้น ทว่าเรื่องของขนาดสำหรับคนไทยเราไม่นิยมเปิดเผย ส่วนหนึ่งอาจเป็นด้วยสาเหตุที่ค่าเฉลี่ยน้องชายของชายไทยเล็กกว่าหลายชาติในเอเชีย และตกอยู่ในอันดับท้ายตาราง (เทียบกับขนาดน้องชายผู้ชายโซนยุโรปและแอฟริกา)

แต่สำหรับนักแสดงหนุ่มมาดกวน ‘บีม - ศรัณยู ประชากริช’ เจ้าของฉายา ‘บีม พลังใบ’ เรื่องขนาดไม่จำเป็นต้องเขิน แถมเจ้าตัวยังปวารณาตัวเป็นกูรูชวนคุยเรื่องทางเพศและเรื่องบนเตียงให้ทุกคนได้เปิดโลก 18+ แบบเปิดเผย

ล่าสุด หนุ่มบีม ย่องไม่เงียบเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่ศูนย์สุขภาพเพศชาย Men’s Health by Masterpiece Hospital ที่เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 24.00 น. และด้วยความที่คลินิกเปิดให้บริการนอกเวลาจนถึงเที่ยงคืน จึงสามารถมาได้ทุกวันทุกเวลา เช่น หลังเลิกงาน หรือเลือกมาช่วงดึกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่น หรือแม้กระทั่งผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบความพลุกพล่าน ทำให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการจริงๆ 

และในครั้งนี้เจ้าตัวถือโอกาสทำหัตถการเสริมขนาดน้องชายด้วย Filler เพราะมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ถือเป็นดาราชายคนแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่กล้ายืดอกบอกทุกคนว่าอัปขนาดน้องชาย แถมทำเสร็จยังคุยฟุ้งว่า ไม่เจ็บ สบาย แถมยังโล่ง สามารถเดินและทำกิจกรรมทุกอย่างได้ตามปกติ 

ส่วนกิจกรรมบนเตียง เจ้าตัวตอบ...ขอเวลากลับไปทำการบ้านกับภรรยาก่อน ค่อยกลับมาเฉลย

‘หนิง ปณิตา’ ยอมรับ!! ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านหลังเดียวกับสามี ‘จิน’ โชคดีลูกสาวเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เตรียมขึ้นศาลอีกครั้ง 4 ต.ค.นี้

(16 ส.ค.66) ‘หนิง ปณิตา’ นักแสดงและผู้จัดละครดัง ได้ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของคดีฟ้องร้องมือที่สามที่เข้ามาพัวพันจนสร้างปัญหาในครอบครัว ว่า จะขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 4 ตุลาคม แต่ว่าโดยรายละเอียดยังไม่ได้ไปตามอะไรมากมาย และยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาจากทางใด ๆ ทั้งสิ้น ถามว่ายังเดินหน้าฟ้องไหม คือเราทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้เหมือนเดิม

เรื่องกระทบจิตใจคือเราไม่ได้เป็นจุดที่เอามาทำให้รู้สึกว่ามันจะแย่ลง พอเวลามันเดินผ่านไปข้างหน้า มันก็จะเดินไปข้างหน้าได้ดีขึ้น ความโชคดีของหนิงคือ ณิริน เขาเป็นเด็กที่พยายามจะเข้าใจและปรับตัว ปรับปรุง ให้กำลังใจ วันนี้เรามองลูกเป็นหลักใหญ่ที่สุด พอมันมีตรงนี้มันก็เป็นกำลังใจ ที่ทำให้เรื่องอื่นเราพยายามมองข้ามไปหงุดหงิดก็มองข้ามไป

ถามว่าท้อไหมเหนื่อยไหม เหนื่อย รู้สึกเซ็ง รู้สึกเบื่อ แต่มันก็ไม่เอาเก็บมาเป็นอารมณ์ พอเวลาเราเห็นรอยยิ้มของลูกเรา เราเห็นความพยายามเข้าใจในหลาย ๆ เรื่องของลูกเราที่จะพยายามปรับตัวกับเรา มันทำให้เป็นเรื่องเบา และมันก็ทำให้เรามีแรงฮึดมีพลังที่จะทำเรื่องดี ๆ ออกมาทำงาน มาเจอผู้คน ใช้ชีวิตให้มันเป็นปกติ มีรอยยิ้ม กลับมาหาเงินทำงาน

หนิง ยอมรับว่า ครั้งแรกที่อธิบายเรื่องนี้ให้ลูกฟังนั้นยากมาก ไม่ได้ยากแค่ครั้งแรก มันอยู่ที่ว่าเราจะต้องประเมินให้ได้ว่าตอนนี้การพูดของเรากับวัยของเด็กมันควรจะพูดแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเรียนรู้ก็คือ ต้องไม่คาดหวังกับสิ่งที่เราพูดไป และคิดว่าเขาจะเข้าใจ จะให้เขาเข้าใจทุกอย่างแบบที่เราเข้าใจมันไม่ง่าย

ดังนั้น เราเป็นแม่ เราก็ต้องมีความอดทนและใจเย็น ซึ่งณิรินเขาพยายามที่จะเข้าใจ และไม่ทำอะไรให้เราไม่สบายใจ สิ่งที่ทำให้เราอึ้งและทำให้เราเย็นลงได้ทุกเรื่องคือเวลาที่เขารู้ว่าเราจะมีภาวะอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกเหนื่อย เราท้อ เขาจะเดินเข้ามากอด มองหน้าแล้วบอกว่า แม่สู้ ๆ นะ หนูอยู่ตรงนี้ หนูส่งพลัง หนูกอด ๆ หนูเป็นกำลังใจให้แม่ ด้วยความสดใสของเขา

ถามว่า เคยร้องไห้ให้ลูกเห็นไหม ยังไม่เคยถึงขั้นน้ำตาไหลพราก ระยะหลังเราสองคนก็จะมีการคุยกับคุณหมอด้วยกัน มันจะมีมุมที่เขาแสดงออกมาให้เราเห็น เรามีมุมที่บางทีเราไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้แต่ประเมินแล้วว่ามุมนี้ให้ลูกรับรู้ได้ ก็ให้ลูกเห็นในมุมของความอ่อนแอของเราบ้าง

หนิง เผยว่าได้มีการไปพบจิตแพทย์ โดยไปทั้งตัวเอง ลูกสาว และคนครอบครัวทั้งหมด จริง ๆ ก่อนหน้านี้จะมีการไปคุยกับหมอเป็นระยะตั้งแต่น้องเกิดมา เพราะว่าเราอยากที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจเด็ก แต่ว่าช่วงหลังมานี้ มันจะไม่ใช่แค่หนิงและน้องอย่างเดียว มันมีคุณอา คุณยาย และคนที่อยู่รอบ ๆ ข้างหนิงที่เป็นคนสนิทของหนิงที่มีผลกับความรู้สึกของณิริน เราก็จะไปกันเป็นกลุ่ม แล้วเราก็จะมีการบ้านว่าต้องทำแบบนี้ช่วยกัน

มองว่ามันเป็นการฮีลใจกันทั้งครอบครัว หนิง ยังเผยอีกว่า ทุกวันนี้ลูกสาวยังได้เจอกับคุณพ่ออยู่เรื่อย ๆ เพราะเรายังอยู่บ้านหลังเดียวกัน ลูกกับพ่อยังมีปฏิสัมพันธ์ปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top