Saturday, 4 May 2024
NEWSFEED

‘แม่หญิงลี’ ประกาศขายเพจ VEEN หลังไม่มีคนจ้างงาน ด้าน ‘แพรรี่’ เผย เสียดายแทน อยากให้ลองคิดดูใหม่

โซเชียลฯ แห่ให้กำลังใจหลังพบ ประกาศขายเพจ VEEN ของ ‘แม่หญิงลี’ และ ‘อีทิพย์’ เผยเหตุผลไม่มีคนจ้างงาน ด้าน ‘แพรรี่’ เผยเสียดายอยากให้ลองคิดใหม่ ล่าสุด ในเพจ VEEN ไม่พบโพสต์การขายเพจของ VEEN แล้ว

(25 ส.ค. 66) เพจ ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ หรือ ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ อดีตพระเทศน์ชื่อดัง ได้โพสต์ภาพ ของเพจ VEEN เพจชื่อดังที่เขียนประกาศขายเพจเอาไว้ว่า…

“ประกาศขายเพจ VEEN สนใจทักมาค่ะ”

โดยระบุข้อความว่า “เมืองทิพย์จะสิ้นแล้วจริงๆ หรอ เสียดายแทนมากๆ เลยนะคะ อันนี้พูดแบบจริงใจ ในฐานะของคนที่ติดตามมาตลอด ลองทบทวนดูใหม่ไหมคะ จับมือกันสร้างคอนเทนต์ ขายขำ ขายความน่ารัก ขายความเป็นคนบ้านๆ ขายความเป็นเมืองทิพย์ และขายของจริงๆ เพื่อสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กัน สร้างเสียงหัวเราะสร้างความสุขให้กับแฟนคลับที่ติดตาม ลองคิดใหม่ให้ดีๆ ไหมคะ”

ล่าสุด เมื่อเข้าไปในเพจ VEEN ไม่พบโพสต์การขายเพจของ VEEN แล้ว

อย่างไรก็ตาม เพจ ‘VEEN’ นั่นมียอดผู้ติดตามสูงถึง 1.4 ล้านคน พบว่า 1 ในผู้ก่อตั้ง VEEN โดยแม่หญิงลี ได้ออกมาเผยเหตุผลโดยระบุข้อความว่า “ขายเพจวีนแล้วนะคะทุกคน เพราะพี่ไม่มีงานเลยค่ะ”

ซึ่งพบว่าเพจ VEEN ดังมาจากที่ ‘แม่หญิงลี’ เน็ตไอดอลชื่อดัง หรือ ‘บุหงาวลัย คงขวัญ’ ชื่อเล่น ‘ชาติ’ นับถือศาสนาพุทธ เป็นชาวอำเภอ แม่ลาน จังหวัดปัตตานี และผู้ช่วยชื่อ ‘เป้-เมญ่า ลินดา’ หรือแฟนคลับรู้จักกันในชื่อ ‘อีทิพย์’ เป็นชาวปัตตานีเช่นกัน และคอนเทนต์ที่ทำให้เป็นที่จดจำคือ การเกาะกระแสละครเรื่องเพลิงพระนาง ที่มี ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ แสดงนำ

โดยแม่หญิงลีเรียกตนเองว่า “พระมหาเทวีเจ้า” จนโด่งดังมีผู้ติดตามมากมาย จนมีประโยคดัง อาทิ “เจ๊อย่าวีน” และ “กูจะบ้าตายรายวัน”

‘ก้อย รัชวิน’ แชะภาพคู่ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ในชุดคนไข้เป็นที่ระลึก สุดดีใจ!! สามีได้กลับบ้านแล้ว หลังผ่าตัดกระดูกต้นคอผ่านไปด้วยดี

(25 ส.ค. 66) เรียกว่าเป็นโมเมนต์น่ารักของคู่สามี ภรรยาคนบันเทิงที่เห็นแล้วต้องอมยิ้มตามไปด้วย สำหรับ ‘ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ’ กับ ‘ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย’ หรือ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ที่ขณะนี้คุณพ่อตูนต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกต้นคอ ส่งผลให้ว่าที่คุณแม่ ‘ก้อย รัชวิน’ ต้องมาคอยดูแลเฝ้าให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เผยภาพน่ารักๆผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวสวมชุดคนไข้ พร้อมแคปชันบอกว่าวันนี้คุณสามีจะได้กลับบ้านแล้วว่า…

“แม่ไม่ได้ป่วยยยย แค่มานอนเฝ้าพ่อๆ แล้วลืมหยิบชุดนอนมาจ่ะ555555555🥹🤣 ขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อย วันนี้จะได้กลับบ้านไปนอนกอดกัน 4 คนแย้วว เย้ๆ #กำลังใจของพ่อๆ #KTTalay”

‘เขื่อน ภัทรดนัย’ ถูกเกรียนคีย์บอร์ดเหยียดเพศในไอจี แฟนคลับรุมจวกแทน “ไม่ควรตัดสินใครที่เพศสภาพ”

กลายเป็นเรื่องดรามาทันที! เมื่อ เขื่อน ภัทรดนัย เกตสุวรรณ เจอเกรียนคีย์บอร์ดเข้ามาก่อกวน หลังเจ้าตัวออกมาโพสต์วิดีโอพูดเกี่ยวข้อคิดเรื่องเวลา ให้แฟนคลับได้เข้ามาฟัง แต่ดันมีคนเข้ามาคอมเมนต์เหยียดเพศสภาพอย่างรุนแรง และยังใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ด้านแฟน ๆ ต่างรับไม่ได้จึงรุมสั่งสอนเกรียนคีย์บอร์ดคนดังกล่าว

หลังจากที่ เขื่อน ภัทรดนัย ได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ไม่นานก็มีเกรียนคีย์บอร์ดเข้ามาคอมเมนต์เหยียดเพศอย่างรุนแรงและใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ว่า 

“ทำไมเราต้องมานั่งดูคนที่ ยอมรับไม่ได้แม้กระทั่งเพศสภาพตัวเองด้วยนะ” 

“ผมเหยียดพวกวิปริตผิดเพศครับ คนที่รับเพศเกิดตัวเองไม่ได้ ยังมีหน้ามาสอนคนอื่นอีก”

“คนที่รับความเป็นชายของตัวเองยังไม่ได้เลย จะมีข้อคิดดีๆ อะไรเหรอครับ ถ้าคิดได้จริง คงไม่ไปบวชให้ศาสนาเสื่อมลงไปอีกหรอกครับ มันต้องลังเลขนาดไหน ที่เพศเป็นชาย แต่ตัวอยากเป็นหญิง แต่ก็อยากบวชพระ ย้อนแย้งในย้อนแย้ง”

หลังจากนั้นแฟนคลับก็ต่างไม่พอใจ จึงได้เข้ามารุมคอมเมนต์ติเตือนเกรียนคีย์บอร์ดมากมาย เช่น 

“การศึกษาต่ำจังอะ ยังเหยียดเพศคนอื่นอยู่เลย”
“นิสัยไม่ดี!!!”

“เพศสภาพกับข้อคิดดีๆ มันคนละอย่างกันต้องแยกแยะ มันไม่เสียหายอะไรถ้าคุณจะรับฟังอะไรสักอย่างที่มันดีและมีประโยชน์”

“ด่าเขา ก็ไม่ได้แสดงว่า เขามีการศึกษาต่ำกว่าคุณเลย เรื่องแบบนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเขา เขาอาจเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีจากคนในเพศสภาพนี้ และความจริงในโลกคือ เพศสภาพไม่ใช่ว่ากำหนดว่า เป็นคนดี เป็นคนที่ ต้องได้รับการยอมรับหรือเกลียดชัง มันขึ้นกับว่า ใครพบอะไรมา” 

“เสื่อมหรือไม่เสื่อมพื้นฐานมันอยู่ที่ความดีครับไม่เกี่ยวว่าเป็นเพศอะไร”

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจ ผิดหวังกับความรักบ่อยครั้ง หนักสุด!! เจอผู้หญิงอื่นนอนในห้องพักของแฟน

หลังจากเป็นโสด ล่าสุดนักแสดงสาว ‘โบว์ เบญจวรรณ’ ก็มาเปิดใจในรายการ ‘โดนเทเซมาที่แพท’ ทางช่องยูทูบอมรินทร์ทีวี ย้อนเล่าถึงเรื่องราวความรักที่เคยผ่านมา โดยรักแรกของเธอเกิดขึ้นเมื่อตอนอายุ 17-18 ปี ตอนอยู่ที่เยอรมัน ซึ่งจบกันไม่ดีสาเหตุมาจากการนอกใจ โบว์เล่าว่า

“ไปเจอผู้หญิงที่เตียงของแฟน วันนั้นเราอยากไปกินอาหารเช้ากับเขา เวลาที่เราคบใครเราเลือกที่จะเชื่อใจ ซึ่งประหลาดตัวเองมากเพราะไม่ใช่ธรรมชาติของเรา ก็เปิดประตูเข้าไปก็เจอเลย แล้วเขาก็หันมาบอกเราว่า มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ที่ปังกว่านั้นผู้หญิงก็ตื่น หันมามองเรา ยิ้มให้ แล้วก็นอนต่อ และด้วยเป็นความรักครั้งแรก เราไม่รู้ต้องทำตัวยังไง เราก็บอกเขาว่า แขกคุณกลับเราค่อยคุยกันนะ จากนั้นก็ขับรถออกไป”

ความรักครั้งถัดมา โบว์เล่าว่าย้ายมาอยู่ไทย มีรุ่นพี่แนะนำให้รู้จักคนหนึ่ง เจอกันที่โมเดลลิ่งแคสติ้ง กับคนนี้เป็นข่าว คุยกันเกือบปีกว่าจะเป็นแฟนตอนนั้นตั้งใจจะอยู่ไทยแค่ปีเดียว ก็มีเขาคอยเป็นเพื่อนพาไปไหน ไม่มีสถานะ จนคบกันเกือบ 4 ปี ส่วนสาเหตุที่ต้องจบความสัมพันธ์โบว์เผยว่า ไม่ได้จับได้แต่คนพูดเยอะ

“เราก็เอาไปถามเขา แต่เขาบอกว่า ไม่มี เราก็เชื่อ ประเด็นคือ เขาพาผู้หญิงอื่นมาเจอกลุ่มเพื่อนเขาในช่วงที่เราไปทำงาน ถ่ายละครต่างจังหวัด เขาก็พามาแนะนำในกลุ่มเพื่อน ๆ เขา แล้วเพื่อน ๆ เขาก็พยายามส่งสัญญาณ แต่เราโลกสวยมาก ไม่รู้ พูดมาตรง ๆ อย่าอ้อมค้อม กระทั่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ไม่รู้จักก็ให้ข้อมูล”

“เราก็ลองถามอีกครั้ง ก็ให้โอกาสเขา ก็โยนหินถามไป ถ้าพูดความจริงเราจะพยายามไปต่อ แต่ถ้าโกหกจะเลิกเลย เขาก็ยอมรับมาหมดเลย เราก็ยอมเริ่มใหม่ แต่สุดท้ายก็จบแบบเดิม เราอาจจะไม่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์เราอาจไม่เข้ากัน หรือเราอาจไม่ใช่ความสุขของเขาแล้วก็ได้ เขาอาจจะสนุกกับเรื่องอื่นมากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไป”

คนที่ 3 โบว์บอกว่า คบ 2 ปีกว่า ๆ รุ่นพี่แนะนำ เป็นเพื่อนแต่พอคุยไปคุยมาก็แตกต่างกว่าคนแรกและคนที่สอง คนที่สามดีหมดทุกอย่างแต่สุดท้ายก็ต้องจบ โบว์ ยอมรับว่า โชคดีที่เป็นช่วงหนึ่งที่ได้เจอเขา ครอบครัวเขาน่ารักมาก ถึงขั้นวางแผนแต่งงานแต่ด้วยอาชีพและยังอยากทำงาน ไลฟ์สไตล์เลยไม่ตรงกัน

“เราอาจจะมีเป้าหมาย สิ่งที่เราจะไปถึง ระหว่างทางเอ็นจอยมันไป อะไรจะเกิดขึ้นก็ยอมรับมันไป บางอย่างเราไม่สามารถไปควบคุมหรือจัดการมันได้ ความรักมันคือ ความพยายามปรับจูนเข้าหากัน เวลารักกันก็พยายามประคองให้มันดีตลอดเวลา เรารักพ่อแม่เรายังต้องพยายามเข้าใจเขาเลย นับประสาอะไรกับคนที่ต่างพ่อแม่มาจะไม่ต้องทำอะไร โฟลว์มาก ถ้าเป็นอย่างนั้นได้โคตรดี ถือว่าเป็นโบนัส”

‘ตงตง กฤษกร’ ถูกหามส่งโรงพยาบาล แอดมิทด่วนที่เมียนมา หลังป่วยเป็น ‘ไข้หวัดใหญ่’ แฟนคลับ-คนบันเทิงแห่ให้กำลังใจ

ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วงมาก หลังจากพระเอกหนุ่ม ‘ตงตง กฤษกร’ หรือ ‘ตงตง เดอะสตาร์’ เผยภาพตัวเองขณะแอดมิทพร้อมเขียนแคปชันว่า “Influenza”

ในภาพนั้น เป็นภาพขณะ ตงตง นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล โดยมีเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับต่างเข้ามาให้กำลังใจ และขอให้เจ้าตัวหายไวๆ จำนวนมาก

ล่าสุด ทางวันบันเทิง แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมรายงานว่า ตงตงไปเที่ยวที่ประเทศเมียนมา และป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จนต้องแอดมิทด่วนโดยคุณหมอให้รอดูอาการ

คาดว่าน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เพื่อกลับมารักษาตัวต่อที่ประเทศไทย

‘ถา สถาพร’ เผยข้อดี หลังเลิกบุหรี่มา 5 ปี ชี้!! ประหยัดเงินไปได้เกือบ 6 แสนบาท

(24 ส.ค. 66) นอกจากสุขภาพจะดีขึ้นแล้วยังประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลยทีเดียว สำหรับ ผู้จัด-นักแสดง ‘ถา สถาพร นาควิไลโรจน์’ ที่ตั้งใจเลิกสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว ที่เจ้าตัวทำสำเร็จ

โดย ‘ถา สถาพร นาควิไลโรจน์’ ได้ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์หลังเลิกบุหรี่ 5 ปี ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปกว่าครึ่งล้าน ระบุข้อความว่า "ครบ 5 ปี ที่เลิกบุหรี่สำเร็จ (24 สิงหาคม 2561-2566) เซฟเงินไปเกือบ 6 แสนบาท (150x2x30x12x5) รองาน Presenter เข้า"

ท่ามกลางคอมเมนต์ของแฟน ๆ เข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก

‘หนุ่ม ศรราม’ ฉลองวันเกิดแบบเรียบง่าย ในวัย 50 ปี ด้วยการกราบขอพร ‘แม่-ป๋าเดียร์’ พร้อมจัดปาร์ตี้เล็กๆ

(24 ส.ค. 66) เป็นวันเกิดที่น่ารักและอบอุ่นไม่น้อย สำหรับพระเอกดังอย่าง ‘หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์’ ได้เผยคลิปโมเมนต์ครอบครัวเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของตัวเองเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ครบ 50 ปีพอดี โดยเจ้าตัวก็ได้ใส่แคปชันระบุว่า…

“วันเกิด กราบเท้าแม่ กราบป๋า กราบพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรท่านช่วยคุ้มครองผมและวีจิ ด้วยนะครับผม” โดยในคลิปนั้น ‘หนุ่มศรราม’ ก็ได้เข้าไปกราบขอพรจากแม่เนื่องในวันเกิด โดยคุณแม่ก็ได้อวยพรว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะลูก ขอให้ลูกแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี” พร้อมนำพวงมาลัยไปกราบหน้ารูปของ ‘ป๋าเดียร์ ชุมพร เทพพิทักษ์’

นอกจากนี้ ยังมีโมเมนต์น่ารัก ๆ ของพ่อลูก โดย ‘น้องวีจิ’ ได้บอกว่า “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ป่ะป๊านะคะ หนูรักป่ะป๊าที่สุดในโลกนะคะ”

พ่อหนุ่มก็กอดหอมลูกสาว พร้อมบอกว่า “รักวีจิที่สุดในโลกนะคะ ขอบคุณนะลูก”

รวมถึงปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่คนใกล้ชิดได้ทำเซอร์ไพรส์ให้ด้วย “ขอบพระคุณเจณจินนี่ ปุ๋ม และเพื่อน ๆ   ทุกคนสำหรับงานวันเกิดเล็ก ๆ แต่ได้เจอครบทุกคน ขอบพระคุณทุก ๆ คำอวยพรจากแฟน ๆ ทุกคนนะครับ ด้วยความเคารพครับผม”

‘ณวัฒน์’ เดือด!! ขอยุติส่ง ‘เอลซ่า’ ไป Miss Intercontinenta หลังพบมีองค์กรนางงามหนึ่ง พยายามดีลลับกับทางเวทีประกวด

(24 ส.ค. 66) กลายเป็นประเด็นดรามาขึ้นมาในทันที หลังจากที่เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ได้ออกประกาศยุติการส่งผู้เข้าประกวดเข้าแข่งขันบนเวที Miss Intercontinental เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สุดช็อก ที่มีการเปิดดีลลับกับอีกองค์กรหนึ่งของประเทศไทย โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ ทำให้ ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ บอสใหญ่แห่งเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถึงขั้นโพสต์ฟาดกลางอินสตาแกรมส่วนตัว

โดยทาง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กทางการว่า Official Announcement องค์กรมิสแกรนด์ไทยแลนด์ขอประกาศยุติการส่งผู้เข้าประกวดไปเวที Miss Intercontinental ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่เวทีมิสแกรด์ไทยแลนด์ถือลิขสิทธิ์ส่งผู้เข้าประกวดไปยังเวทีดังกล่าว โดยมีระเบียบการทำงานที่เข้าใจตรงกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดียาวนานเสมอมา โดยในช่วงแรกไม่ได้มีการเสียค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัว ทางองค์กรฯ จึงเกื้อหนุนราคาค่าลิขสิทธิ์ในราคา 2,000 เหรียญสหรัฐต่อปีตามความเหมาะสมของกิจกรรม

ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อใกล้กำหนดการประกวด จะมีการดำเนินการทางด้านเอกสาร และเงินสนับสนุนตามอัตราที่พอเหมาะเช่นเคย แต่หลังจากที่เราประกาศตัวแทนของปี 2023 คือ ‘เอลซ่า กชกร กอนตระกูล’ เราเพิ่งทราบว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีองค์กรประกวดนางงามในประเทศไทยองค์กรหนึ่ง ใช้ความพยายามพูดคุยกับทางเวทีนี้ โดยยื่นข้อเสนอในปริมาณที่น่าสนใจ จึงมีการตกลงกันและเก็บเป็นความลับโดยไม่แจ้งกล่าวตามมารยาทของการทำธุรกิจที่ควรจะมี

ดังนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางองค์กรมิสแกรนด์ไทยแลนด์จึงยุติการถือลิขสิทธิ์เวทีนี้ตลอดไป จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ต่อมา ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลังเกิดดรามาดังกล่าว โดยเจ้าตัวโพสต์ข้อความในสตอรี่ไอจีว่า “ช้อนได้ ช้อนไป อยากได้อะไรอีกบอกได้นะครับ” พร้อมทั้งแชร์รูปประกาศยุติการส่ง เอลซ่า กชกร กอนตระกูล ไปประกวดบนเวที Miss Intercontinental ส่วนตัวแทนสาวงามของไทยที่จะส่งไปประกวดบนเวทีดังกล่าว จะเป็นใครนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป

‘เก่ง ธชย’ ทำแฟนคลับเป็นห่วง!! หลังโพสต์ภาพตาแดงก่ำ เหตุเกิดจากเกาตาขณะหลับ ทำให้เส้นเลือดฝอยตาขาวแตก

(24 ส.ค.66) ทำเอาหลายคนออกอาการเป็นห่วงไม่น้อยเมื่อ ‘เก่ง ธชย’ โพสต์ภาพขณะอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากตาแดง พร้อมระบุข้อความว่า…

“ไม่เป็นไร ยักษ์โอเค แค่เยื่อบุตาขาวอักเสบ จะเป็นมดเอ็กซ์ไปอีกอาทิตย์สองอาทิตย์นะครับ ก่อนนอนเมื่อคืนไม่เป็นอะไร เพิ่งเป็นตอนตื่น วันนี้ตื่นสาย เลยรีบไปงานอีเวนต์ก่อน พอเสร็จงานเลยได้แวะมาหาคุณหมอ คุณหมอวิเคราะห์แล้ว ไม่ได้เกิดจากอะไรมากมาย เกิดจากความซนล้วน ๆ น่าไปเผลอเกาตอนหลับ เกาแรงและตรงจังหวะไปหน่อย เส้นเลือดฝอยตาขาวแตกเลย แต่สู้ตายครับ รับยาหยอดแล้ว พรุ่งนี้ 10 โมง เจอกัน งาน Otop ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต มาดูมดเอ็กซ์ขับเสภากันครับ หนึ่งเดียวในโลก ฝันดีครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน”

‘ตั๊ก มยุรา’ เปิดใจ สาเหตุที่ไร้เพื่อน เพราะหาคนจริงใจไม่ได้ เผย แม้มีสเปซเป็นของตัวเองทำให้คบคนยาก แต่มีความสุขดี 

(24 ส.ค. 66) นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ‘ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา’ สาวสองพันปีที่อยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน ล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY FM เผยในชีวิตนี้ไม่มีเพื่อนเพราะหาคนที่จริงใจไม่ได้ และย้อนเล่าการทำงานในวงการบันเทิงยุคแรก ๆ สุดยากลำบากต้องทำเองทุกอย่าง

>> ต้องบอกว่าพิเศษจริง ๆ เพราะพี่ตั๊ก น้อยครั้งมากที่จะมีโอกาสมานั่งเปิดใจคุยกับเราในหลายๆ เรื่องราว ผมรู้สึกว่าพี่ถึงจุดที่แลนดิ้งมานานมากแล้ว และที่เหลือคือโบนัสของชีวิตพี่ หมายถึงว่าฉันไม่ต้องการดังมากไปกว่านี้ ไม่ต้องการอยู่หน้าจอตลอดเวลา?

“คืออย่างที่บอกยุคมันเปลี่ยนไป วู้ดดี้สังเกตุไหมว่าตอนนี้ใครที่อยากอยู่หน้าจอก็จะต้องมีเรื่อง ที่มันไม่ใช่เรียบง่าย ครอบครัวดีน่ารักไม่ใช่ มันต้องมีเรื่องแรงๆ เพราะว่าพี่ก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้น ก็เลยไม่ค่อยได้มีอะไรมาก”

>> เป็นยังไงบ้างระหว่างคนทำธุรกิจกับเป็นเซเลบริตี้ ต่างกันยังไงบ้าง?

“ต่างสิ พี่ก็ชอบทำธุรกิจนะ พี่ไม่ชอบสังคม พี่ไม่ชอบไปไหน พี่ไม่มีเพื่อน ตลกไหม”

>> พี่ไม่มีเพื่อน ?

“พี่ไม่มีเพื่อน พี่ไม่คบใคร แต่เจอหมดนะ เจอคนนี้สวัสดีค่ะเสร็จแล้วก็จบไป จะไม่มีกลุ่มเพื่อน อย่างล่าสุดพี่มีกลุ่มเพื่อนหนึ่งอยู่ในวงการ เฮ้ย! เธอดูแลตัวเอง เธอผอมอยู่เลย เธอรู้ไหมฉันมีเพื่อนตั้ง 5 กลุ่มแน่ะ เราก็บอกฉันไม่มีสักกลุ่ม ซึ่ง 5 กลุ่มนี้ มันกินกันทุกวันเลย เดี๋ยวก็ไปกินแชร์ เดี๋ยวก็ไปเจอกัน เดี๋ยวก็ดริ๊งอะไรกันไป พี่ไม่มี ถามว่ารู้สึกยังไงไม่รู้สึก พี่ก็มีความสุขของพี่ เพราะดันทะลึ่งไปมีสเปซ พี่คบคนยากนะ”

>> ความอยากคืออะไร?

“คือเราจะ...อือ! ไว้ก่อน แต่ไม่ได้มองว่า คนนี้จะเข้ามามีผลประโยชน์ไม่ใช่ แต่พี่มีความรู้สึกว่าทุกอย่างอะไรก็ตามถ้ามันยาก มันมักจะมีราคา มองอย่างงี้คือจะมีบางกลุ่มที่แกดีกับฉัน ทำไมแกเป็นอย่างนี้เป็นอย่างงั้น ซึ่งเราก็ไม่รู้ใครจริงใจกับเรา พอเราเจอกันแล้วเราก็จะรู้ไง หาคนจริงใจไม่ได้ ก็เลยไม่มีเพื่อน คนที่รักเรามากที่สุดคือตัวเอง พี่รักตัวเองมากเลย รักเขาน้อยกว่ารักตัวเอง สมัยก่อนนะพี่เคยพูดว่าคุณหนุ่ย สัก 10 กว่าปีแล้วนะ ถ้าไม่มีคุณหนุ่ยอยู่ตอนนี้ ตั๊กไม่รู้จะอยู่ยังไง พี่ก็มีแนวอ้อน ๆ ของพี่อยู่ จะอยู่ได้ไหมก็ไม่รู้ แล้วหันไปถามเขาว่าถ้าไม่มีตั๊กคุณอยู่ได้ไหม ผมอยู่ได้ จบ! เขาก็รักตัวเอง พี่ก็รักตัวเอง เพราะงั้นเรารักตัวเองดีกว่า ไม่มีใครจริงใจกับเราในโลกนี้ แต่จริงไหมล่ะ”

>> อยากจะย้อนกลับไปตอนที่พี่เข้าวงการตอนอายุ 17 วันนั้นกับวันนี้คนละเรื่องเลย ดาราก็น้อยมาก ดังนั้นเราจะเห็นมยุราแทบทุกเรื่อง ทุกอย่าง?

“ก็มันดังจริง ๆ ในตอนนั้น อย่างเวลาเปิดหนังเรื่องหนึ่ง ก็จะลงหนังสือพิมพ์อย่างเดียว อีกอาทิตย์หนึ่งถึงจะเห็นในหนังสือพิมพ์ สมัยก่อนจะมีหนังสือพิมพ์เข้าไปอยู่ตามกองถ่าย เมื่ออายุ 17 พี่ได้ค่าตัวครั้งแรก 25,000 บาท พี่ว่าเยอะนะ เพราะงั้นยุคมันเปลี่ยนแล้ว ถ้าย้อนกลับไปมันเหนื่อยมาก ดารารุ่นนี้โชคดีที่สุด ต้องขับรถเอง กระเป๋าแต่งหน้าต้องเอาไปเอง เสื้อผ้าต้องหิ้วไปเอง แล้วสมัยก่อนจะมีคนส่งคิว ขับรถมาเสียบไว้หน้าบ้าน ไม่มีไลน์อย่างสมัยนี้นะ แล้วเราก็มาดูพรุ่งนี้มีซีนอะไร ใส่เสื้ออะไร ชุดนอน 3 ชุด ชุดเที่ยว 3 ชุดก็ว่าไป แล้วเราก็จัดใส่รถไป ไม่มีแผนกคอสตูมให้เราเดาเอาเอง ในสมัยนั้นพระเอกนางเอกก็ขนเสื้อผ้าไปเองและแต่งหน้าเอง แต่ว่าพอมาละครก็ดีขึ้น ก็มีช่างมาแต่งหน้า ก็มาตามยุคสมัย เพราะงั้นพี่โชคดีพี่อยู่ทุกสมัย เห็นทุกสมัย มันก็น่าสนุก”

>> ที่ผ่านมาตลอดชีวิตนี้ เรื่องที่ทำให้พี่สุขที่สุดคือเรื่องอะไร?

“สุขแรกคือการเป็นตัวเอง เพราะพี่ไม่ใช่เด็กเรียนหนังสือ พี่ขี้เกียจเรียนมาก แม่ให้ไปเรียนให้ไปซื้อชุดบัลเลต์พี่เป็นเด็กนาฎศิลป์ เอาไปทำอย่างอื่น ไม่เอาไม่ชอบเรียน เราก็เลยต้องไขว้คว้า ดันไปเชื่อพระ บอกว่าเราวาสนาดีที่สุดในพี่น้อง สมัยก่อนดาราเป็นยากมาก พี่ก็อยากเป็นดารา หน้าตาเราก็เริ่มดี ก็ฝั่งอยู่ในหัว พี่คิดว่าคนเราถ้าอยากทำอะไรจิตมันจะบอก คิดอยู่ตลอดว่าฉันน่าจะได้เป็นดารา ปรากฎว่าไปเดินช้อปปิ้ง สมัยก่อนเป็นห้างไทยไดมารูไปกับแม่ก็มีแมวมองเขาถ่ายรูปไป พี่ก็เริ่มได้ถ่ายหนังสือลลนา ขึ้นปกหนังสือ นั่นแหล่ะคือที่มาของการเป็นดารานักแสดง”

>> ตอนเป็นดาราสมัยนั้นต้องปิดหลายเรื่องไหม?

“คบกับใครหรือมีคนจีบพูดไม่ได้ ถ้าจะมารับต้องจอดอยู่ในรถ มีแฟนแล้วความนิยมจะตกเขาคิดอย่างงี้ไง สมัยก่อนเราเด็กก็ไม่รู้เรื่อง สมัยก่อนเราก็ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลยเพราะเด็ก พูดอะไรก็จะกลัวหมดไม่กล้าพูดไม่กล้าตอบ แต่การเป็นพิธีกรมันฝึกให้เรากล้า พี่เพิ่งมากล้าตอนหลังนี่แหล่ะ ตอนแต่งงานยังไม่กล้ามาก”

>> พิธีกรแรกคือรายการอะไร?

“ก่อน 7 สีคอนเสิร์ต มี 2 รายการพร้อมกันเลย มีรายการโชคติดปุ่มอะไรสักอย่างแล้วก็ทำช่อง 7 ทั้งสองอัน นั่นแหล่ะรายการสดมันสอนเรา มันต้องเป๊ะมันต้องแก้ปัญหา ซึ่งตอนนั้นคู่กับ พี่เบิร์ด หลังจากนั้นเบิร์ดก็ไปโด่งดังทำอัลบั้ม หลังจากนั้นก็เป็น แซม ก็มาทำต่อ”

>> ยากที่สุดในการใช้ชีวิต?

“การมีชีวิตคู่ คุณหนุ่ยนี่อยู่มากกว่าพ่อแม่นะ วู้ดดี้สังเกตไหมว่าเด็กรุ่นใหม่อยู่กันไม่ค่อยรอด ขีดความอดทนมนุษย์สมัยพี่มันมีมากกว่า ผู้หญิงมันจะอดทน จะเจอเรื่องมากมายเข้ามาในชีวิต ตอนแรกเราแต่งก็โอเคเราเลือกคนนี้ถูกแล้ว เราจะไปตายเอาดาบหน้า เราไม่ได้คิดถึงตอนที่จะมีเรื่องอะไร พอเรามีชีวิตคู่ปุ๊บเคยเหนื่อยแค่นี้เราต้องเหนื่อย 2 อย่าง การที่ต้องคอนโทรล และต้องอยู่กับคนที่มาจากอีกครอบครัวหนึ่ง อยู่มากกว่าพ่อแม่เรา แล้วทำยังไงที่จะให้มันจูนอยู่ได้ตลอดเวลา เพื่อให้ศิลป์เสมอกัน นั่นคือการทดสอบ ยากนะ แต่มันก็ทำได้”

>> กลัวอะไรมากที่สุด?

“กลัวตายยังไม่อยากตาย เราเกิดในครอบครัวธรรมดา เราก็จะมีลูกหลานที่ต้องดูแล เหมือนเราไม่ปล่อยวาง เรายังต้องดูเขาอยู่ แต่บางบ้านในเวลาเขามีครอบครัวแล้วไม่เอาลูกหลานเลยนะ ชีวิตของพี่ย้อนกลับไปที่ความสุข สุขของพี่คือครอบครัว ครอบครัวพี่ก็ต้องดีด้วย เพราะฉะนั้นคนใกล้ตัวพี่ต้องมีความสุขด้วย เพราะฉะนั้นยังตายไม่ได้”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top