Thursday, 8 May 2025
Soft News Team

คุณครีม ณัชชารีย์ สมศิริมงคล | THE STUDY TIMES STORY EP.22

บทสัมภาษณ์ คุณครีม ณัชชารีย์ สมศิริมงคล คณะ Business English- IBM, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 
เรียนภาษาจีน University of International Business and Economics, ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน
จากคนที่ไม่เคยเรียนต่อต่างประเทศ ฝึกภาษาอังกฤษเอง คว้าตำแหน่งแฮร์โอสเตสสายการบินเอมิเรตส์

คุณครีม จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) คณะ Business English- IBM และยังไม่เคยไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองนอกมาก่อน แต่สามารถพูดได้ตามมาตรฐานผ่านการฝึกของตัวเอง 

หลังจบการศึกษาจาก ABAC คุณครีมมีโอกาสได้ไปทำงานเป็น Promoter กับ Qatar Airways หลังจากนั้นรู้สึกว่าภาษาจีนมีความสำคัญ จึงตัดสินใจไปเรียนภาษาจีนที่ University of International Business and Economics ( 对外经贸大学, Beijing, China) ระยะเวลาหนึ่งปี

การฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ
คุณครีมแนะนำว่า หากจะฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ ต้องฝึกจากการฟัง พยายามพูดตาม การดูหนัง ฟังเพลง ฟังข่าวภาษาอังกฤษ จะทำให้ซึมซับไปในตัว สำหรับคุณครีมถ้าอยากได้สำเนียงแบบไหน จะเลียนแบบและฟังการพูดแบบนั้นทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที 

จุดเริ่มต้นอาชีพ แอร์โฮสเตส
สำหรับคุณครีม อาชีพแอร์โฮสเตสจุดประกายมาจากการทำงานที่ Qatar Airways เพราะความฝันที่จะได้เที่ยวรอบโลก เปิดโลกกว้าง เงินเดือนเยอะ ได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ ดูยูนิฟอร์มของแอร์เอมิเรตส์แล้วเกิดความชื่นชอบ ตั้งเป้าไว้ว่าวันหนึ่งต้องได้ใส่ชุดนี้ 

คุณครีมเล่าว่า ขั้นตอนการคัดเลือกแอร์เอมิเรตส์มีประมาณ 6 ด่าน ด่านแรก pre-screen ดูความพร้อมตั้งแต่ การแต่งตัว หน้าผม บุคลิก ภาษา บางคนแต่งหน้าทำผมอย่างดี ยื่นเรซูเม่ไม่ถึงห้าวินาที ได้กลับบ้านก็มี การเป็นแอร์แต่ละสายการบินจะมีจุดแข็งจุดดีแตกต่างกัน การเตรียมตัวพร้อมยังไงก็ดีกว่าการไม่เตรียมตัวเลย

การจะเป็นแอร์โฮสเตสของสายตะวันออกกลาง ต้องสอบภาษาอังกฤษของสายการบินด้วย แต่ถ้าสายในไทยจะใช้ TOEIC นอกจากนี้ยังมีการทดสอบพูด Public Speaking ต่อหน้ากรรมการ โดยที่ไม่มีโจทย์มาให้ก่อน 

คุณครีมคิดว่า สิ่งที่ทำให้คุณครีมได้รับการคัดเลือก น่าจะเป็นเพราะเรื่องของทีมเวิร์ค การตอบคำถาม การแก้ปัญหา ซึ่งทุกด่านใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด

ประสบการณ์เป็นแอร์เอมิเรตส์ กว่า 5 ปีที่ผ่านมา คุณครีมเล่าว่า ได้ครบทุกรสชาติ สิ่งที่ดีที่สุด มีทั้งการได้เป็น Dubai influencer ได้ทำหน้าที่รีวิวตามสถานที่ต่าง ๆ เพราะไม่ใช่แอร์ทุกคนจะได้รับโอกาสนี้ ดูไบมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้เจออย่างน้อย 6 สัญชาติต่อวัน ฉะนั้นที่ดูไบจะต้องการ influencer ที่หลากหลาย การเป็นแอร์เอมิเรตส์  มีข้อดีคือเป็นแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักกันทั่วโลก นอกจากนี้คุณครีมยังเคยเป็นล่าม ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในดูไบ 

ถึงวันหนึ่งที่ต้องมีการคัดคนออก เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 คุณครีมเป็นล็อตสุดท้ายที่โดนจ้างออก และเที่ยวสุดท้ายที่ได้บินมีผู้โดยสารติดโควิด ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้รู้สึกแย่อยู่บ้าง

Flywithcream Academy สอนภาษาอังกฤษและพัฒนาบุคลิกภาพ  
หลังจากช่วงที่โดนจ้างออก คุณครีมได้ไปลงเรียนเพื่อรับใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษ Cambridge Certificate in teaching English (CELTA) เป็นโปรแกรมอบรมการสอน 2 เดือนเต็มทางออนไลน์ 

สืบเนื่องจากตอนที่อยู่ดูไบ คุณครีมได้ทำทั้ง YouTube Instagram Facebook TikTok  มีฐานผู้ติดตามกว่าสองแสนคน ที่สนใจในเรื่องของการเป็นแอร์โฮสเตส และการฝึกทักษะภาษาอังกฤษ จึงเป็นจุดต่อยอดในการเปิด Flywithcream Academy สอนภาษาอังกฤษและพัฒนาบุคลิกภาพ  

ตัวอย่างเทคนิคในการสอนภาษาอังกฤษ เช่น ทักษะภาษาอังกฤษประกอบด้วย การฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ไม่จำเป็นต้องสอนทั้ง 4 ทักษะในคลาสเดียว ให้ทำเป็นการจับคู่แทน เช่น Listening คู่กับ Specking  ต้องฟังก่อน ค่อยฝึกพูดตาม หรือ Reading คู่กับ Writing ซึ่งในเรื่องของการเขียนต้องได้แกรมม่า

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากติดตามรีวิวสาระน่ารู้ เกี่ยวกับอาชีพแอร์โฮสเตส สจ๊วต การบิน เครื่องบิน รวมทั้งสอดแทรกการสอนภาษาอังกฤษ สามารถติดตามได้ทาง Youtuber, Facebook fanpage : flywithcream 

สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส คุณครีมแนะนำว่า ตอนนี้สายการบินเริ่มกลับมาบินเยอะแล้ว เอมิเรตส์เองได้นำ Airbus A380 เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลกกลับมาใช้ ตอนนี้ใครที่อยากเป็นแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตให้เตรียมตัว เพราะมีการคัดลูกเรือออกไปเยอะ ตอนที่รับก็อาจจะรับเข้ามาเยอะเช่นกัน

.


.

.

คุณกวาง อรอนงค์ วงษ์ประเสริฐ | THE STUDY TIMES STORY EP.21

บทสัมภาษณ์ คุณกวาง อรอนงค์ วงษ์ประเสริฐ Inclusive Educator (นักการศึกษาด้านการศึกษาพิเศษแนวร่วม) ในโรงเรียนเอกชนนานาชาติ
นักการศึกษาด้านการศึกษาพิเศษแนวร่วม ค้นพบจิตวิญญาณของความเป็นครู จากการอยู่กับตัวเอง

ปัจจุบันครูกวางทำงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใจกลางทองหล่อ ในตำแหน่ง Inclusive Educator มุ่งเน้นที่ Self-Regulation ช่วยให้เด็กเรียนร่วมกับผู้อื่นได้ 

ครูกวางเป็นคนที่พยายามศึกษาตัวเองตั้งแต่ชั้นมัธยม ที่ผ่านมาเลือกเรียนตามความถนัด ความสนใจ และสิ่งที่ทำได้ดี แต่สิ่งที่ทำให้มีความสุขกลับได้ค้นพบหลังจากนั้น 

งานที่ครูกวางทำอยู่ในปัจจุบัน ให้ความรู้สึกว่า ในทุก ๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมาอยากไปทำงาน มีความหมายที่จะได้ไปโรงเรียน ไปเจอนักเรียน ความสำเร็จของครูกวางไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ที่สำเร็จทุกวัน

ย้อนกลับไป ครูกวางเลือกเรียน ปริญญาตรีมนุษยศาสตร์ เอกภาษาไทย (วิชาโท วาทการ) มศว. (ประสานมิตร) ด้วยความตั้งใจครั้งแรกอยากเป็นผู้ประกาศข่าว แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วมีความรู้สึกว่าไม่อยากพูดในสิ่งที่รู้ไม่จริง เลยฉีกไปเป็น พูดในสิ่งที่รู้ รู้ในสิ่งที่พูด ทำให้ตัดสินใจเลือกเอกภาษาไทย กระทั่งได้รับโอกาสเป็นครูภาษาไทยในเอกชนนานาชาติ จนมีจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าความพยายามไม่พอ ความสามารถไม่พอ และความถนัดไม่พอ หลังจากนั้นยอมรับความจริงว่าตัวเองยังไม่พอ จึงเลือกไปเรียนต่อ 

การเตรียมตัวด้านภาษา ก่อนเริ่มเรียนปริญญาโท ครูกวางเลือกไปฝึกภาษาอยู่โซนต่างจังหวัดของอังกฤษ เพราะอยากเห็นวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนอังกฤษ หลังจากนั้นได้มาฝึกภาษาอังกฤษที่ลอนดอน มุ่งไปที่ IELTS จริงจังมากขึ้น จนเข้าปีที่สามก็ยังเน้นเรื่องภาษาอยู่ 

เพราะคุยกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทิ้งการสอน ในขณะที่ทำงานในร้านอาหาร ช่วงกลางวันหลังเรียนภาษา คุณกวางก็จะไปสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติที่สถาบัน เช่น นักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ  

กระทั่งศึกษาต่อปริญญาโท ด้านการศึกษา ที่ Goldsmiths, University of London เรียนเกี่ยวกับ “อัตลักษณ์” (Identity) เมื่อเรียนจบมาทำให้มองคอนเซ็ปต์ของ “อัตลักษณ์” (Identity) เปลี่ยนไป เกิดความคิดขึ้นมาว่า ในฐานะของผู้สอนและความเป็นครู เราควรสอนให้เด็กเบ่งบานที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเติบโตและเบ่งบาน

หลังเรียนจบ ครูกวางยังอยู่ทำงานที่ประเทศอังกฤษต่ออีกสองปี รวมอยู่อังกฤษนานถึง 6 ปี 7 เดือน สิ่งที่ชื่นชอบคือเรื่องของทางเท้า เพราะเป็นคนชอบเดิน รัฐบาลที่นั่นให้ความสำคัญกับการสร้างสาธารณูปโภคเบื้องต้น อีกสิ่งที่ชื่นชอบคือ ลอนดอนมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ถ้าอยากจะเห็นความเป็นอังกฤษจริง ๆ ครูกวางแนะนำว่าต้องไปในโซนต่างจังหวัด

เหตุผลที่ครูกวางอยู่อังกฤษนาน เพราะให้ความสำคัญกับพื้นฐาน ทักษะ และการรู้จักตัวเอง โดยเป็นคนที่ทำงานหนักมากและทำงานที่หลากหลาย มีคอนเซ็ปต์ในการใช้ชีวิต คือ ให้โอกาส อย่างน้อยให้โอกาสตัวเองได้ลองทำ จะรู้ว่าสิ่งไหนชอบ สิ่งไหนยังต้องเรียนรู้อยู่

สิ่งที่ทำให้ครูกวางประทับใจในการศึกษาที่อังกฤษ คือ ความเป็นครูผู้ผลักดัน ครูที่ต้องการดันเพดานของเด็ก ด้วยความที่เห็นตัวอย่างสิ่งนี้จาก Professor ของตัวเอง ครูกวางจึงได้ถ่ายทอดสิ่งนี้ส่งต่อไปยังเด็ก ๆ ที่อยู่ในมือ โดยดึงศักยภาพของพวกเขาออกมา สิ่งที่ให้ไปคือเครื่องมือ โดยหวังว่าวันหนึ่งเขาจะนำเครื่องมือไปต่อยอดเอง หรือทำอะไรได้มากกว่านี้

บทบาทการสอน ณ ปัจจุบัน ครูกวางเป็น Inclusive Educator (นักการศึกษาด้านการศึกษาพิเศษแนวร่วม) ในโรงเรียนเอกชนนานาชาติ มีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงที่ครูกวางยื่นสมัครงาน มีที่หนึ่งเรียกไปสัมภาษณ์ โดยผู้ใหญ่แจ้งเหตุผลที่เลือกครูกวางไว้ว่า เพราะใน CV ระบุว่าชอบวิ่ง เนื่องจากงานที่ทำต้องมีการวิ่งเล่นกับเด็ก มีความสุขในการขยับตัว งานนี้น่าจะเหมาะ 

สิ่งที่ครูกวางต้องทำในแต่ละวันคือ เด็กจะต้องรู้ Routine ของตัวเอง และการใช้สายตา ต้องมีการวางแผนว่าเด็กแต่ละคนต้องการความช่วยเหลือด้านใด บางคนต้องการความช่วยเหลือด้านพฤติกรรม ด้านภาวะอารมณ์ ด้านพัฒนาการ แต่ในบริบทของการทำงานในห้องเรียนสิ่งที่ต้องทำให้แม่นที่สุด คือ Routine ของเด็ก ๆ เช่น ถ้าเด็กเสียงดัง เราจะสอนเขายังไงให้ใช้เสียงระดับเบาลงมา การทำงานแบบนี้จะทำงานเป็นทีม มีนักบำบัดหลายท่าน ตัวงานต้องใช้ไหวพริบและปฏิภาณเพื่อที่จะอธิบาย

สำหรับครูกวาง เป้าหมายของการทำงานร่วมกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คือ วันใดที่เขาไม่ต้องการเราแล้ว นั่นคือความสำเร็จ จุดมุ่งหมาย คือ สร้างพื้นฐานให้เด็กแต่ละคน เพื่อที่จะให้เขาไปต่อ

ในปัจจุบัน จากคำว่า เด็กพิเศษ หรือ เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ถูกเปลี่ยนเป็น เด็กผู้มีสิทธิพิเศษในการเรียนรู้ ครูกวางปรารถนาให้ Inclusive Education เป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น แม้ว่าเด็กจะมีความแตกต่าง แต่เขาสามารถเรียนร่วมกับคนอื่นได้ เด็กสามารถเรียนรู้ผ่านเพื่อนและมิตรภาพ

สุดท้ายครูกวางฝากไว้ว่า ไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเรา ว่าเราถนัดอะไร ชอบอะไร มีความสนใจอะไร โอกาสที่เปิด ณ ตอนนี้คืออะไร สิ่งเหล่านี้แต่ละคนใช้เวลาในการเรียนรู้ได้ แต่อีกมุมหนึ่ง ให้ลองใช้เวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองบ้าง โดยที่ไม่ได้เปิดรับสารอะไรเข้ามา และให้ความจริงบางอย่างที่อยู่ในใจของเราได้คลี่คลาย

.

.

THE STUDY TIMES STORY สัปดาห์ที่ห้า พบกับเรื่องราวชีวิตคนไทยในต่างแดน ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ

????THE STUDY TIMES STORY สัปดาห์นี้

????วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม - วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม

⏰ทุกวัน เวลา 2 ทุ่มตรง

พบกับเรื่องราวชีวิตคนไทยในต่างแดน ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ

????EP.21 วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม

คุณกวาง อรอนงค์ วงษ์ประเสริฐ Inclusive Educator (นักการศึกษาด้านการศึกษาพิเศษแนวร่วม) ในโรงเรียนเอกชนนานาชาติ

????EP.22 วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม

คุณครีม ณัชชารีย์ สมศิริมงคล คณะ Business English- IBM, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

เรียนภาษาจีน University of International Business and Economics, ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน

????EP.23 วันพุธที่ 19 พฤษภาคม

คุณป๊อป ณัฐพงศ์ นำศิริกุล ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปริญญาโท หลักสูตร MBA บริหารธุรกิจ ภาค International สาธารณรัฐประชาชนจีน

????EP.24 วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม

คุณเบล ศุภนุช ชือรัตนกุล ประถมศึกษา โรงเรียน Tampines Secondary School, สิงคโปร์

ปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิชาชีววิทยา Mahidol University International College (MUIC)

ปริญญาโทที่สถาบัน Asian Institute of Technology (AIT)

????EP.25 วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม

คุณแพรว สุพิชญา สุนทรจิตตานนท์ ปริญญาตรีเกียรตินิยมเกรด 4.00 และปริญญาโทเกรด 3.95 Portland State University, สหรัฐอเมริกา

✅ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Head of Content Editor THE STUDY TIMES

????ช่องทางรับชม

Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES / THE STATES TIMES

5 ทักษะ พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ แก้ด้วยวิธีไหน?

เคยไหม? ที่ต้องพูดกับตัวเองว่า ทำไม่ฉันต้องมาเจอกับความสัมพันธ์ที่แย่ๆ ในที่ทำงานครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยชอบเรา ทำไมคนมักคอยจับผิดเรา และกลั่นแกล้งเราอยู่เสมอ บรรยากาศในการทำงานไม่มีความสุขอีกแล้ว หรือต้องหนีไปทำงานที่อื่นอีกครั้ง

คุณจะหนีไปไหนคะ? เพราะที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน คือมีทั้งคนที่คุณชอบ และคนที่คุณไม่ชอบ มีทั้งคนที่ชอบคุณ และคนที่ไม่ชอบคุณ ถ้าคุณตั้งข้อสังเกตก็จะพบว่า เรื่องแย่ๆ บางเรื่องก็เกิดจากเพื่อนร่วมงาน บางครั้งก็เกิดจากตัวคุณเอง จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

คุณเปลี่ยนใครไม่ได้ ถ้าจะเปลี่ยนให้เปลี่ยนที่ตัวคุณเองเท่านั้น

1.) คุณควรทำงานอย่างคนที่มีทัศนคติเชิงบวก

หากคุณต้องการมีความสุข สนุกทุกวัน คุณควรเริ่มต้นด้วยการยุติการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผู้อื่น การคอยจับผิด การเปรียบเทียบ และการตัดสินพิพากษาผู้อื่น เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมุ่งความสนใจไปในความคิดเชิงลบมากกว่าเชิงบวก

คุณควรเปลี่ยนความสนใจไปที่ การรู้จักยอมรับในตัวผู้อื่นให้ได้ เหมือนกับที่คุณยอมรับนับถือในตัวเอง คุณควรยอมรับความแตกต่าง มีความเคารพผู้อื่น และบริหารความแตกต่างของคนแต่ละบุคลิกให้ลงตัว

2.) ไม่ด่วนสรุปเรื่องใดๆ ถ้ายังไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์

ข้อนี้ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมากในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ เพราะถ้ามีใครเสียความรู้สึก และเสียศักดิ์ศรีจากการตัดสินของคุณ จะกระทบถึงความสัมพันธ์ทันที ไม่ว่าคุณจะตัดสินใครในเรื่องใดก็ตาม คุณควรเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าคุณได้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ ก็เท่ากับว่าคุณพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน

การเข้าใจผิดสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นคุณควรคำนึงไว้เสมอว่า ทุกๆ คำพูดที่คุณพูดออกไป คำพูดเหล่านั้นจะกลับมาเป็นนายคุณ และคุณจำเป็นต้องรับผิดชอบทุกคำพูด

3.) ควรรู้จักการยอมรับเพื่อนร่วมงาน

คุณควรรักษาศักดิ์ศรีให้กับเพื่อนร่วมงาน ด้วยความสุภาพ อ่อนน้อม มีมารยาทที่ดี ให้เกียรติทุกคนเสมอ และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสม ไม่ควรสร้างสถานการณ์ที่ส่งผลในเชิงลบ เช่น การใส่ร้ายป้ายสี โยนความผิดให้ผู้อื่น วู่วาม ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

คุณควรเปิดใจให้กว้าง ต้องรู้จักรักษาความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน บางเรื่องกฎเกณฑ์ก็ใช้ไม่ได้ คุณควรผสมผสานระหว่างความถูกต้องกับความถูกใจให้ลงตัว แยกให้ออกระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหน้าที่การงาน พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา คุณควรปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อคุณเช่นกัน

4.) พัฒนาทักษะเรื่องการสื่อสารให้เชี่ยวชาญ

คุณควรใส่ใจในคำพูดของเพื่อนร่วมงาน ไม่ควรมองข้าม เพราะคำพูดเหล่านนั้นเป็นผลดีต่อคุณ เป็นการช่วยให้คุณได้เข้าใจความรู้สึกและความกังวลของพวกเขาผ่านในสิ่งที่เขาพูด การตั้งใจฟังไม่มองข้าม ทำให้คุณจับประเด็นในเนื้อหาสาระสำคัญได้อย่างแท้จริง เป็นการหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด ลดข้อผิดพลาดด้านการสื่อสาร ทำให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพ สื่อสารได้ถูกต้อง กระชับ ฉับไว และตรงประเด็นมากขึ้น

5.) เมื่อพบปัญหาข้อขัดแย้งต้องรีบแก้ปัญหาให้เร็ว

คุณไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ ลุกลามและแย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นปัญหาใหญ่ เรื่องไหนเป็นปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งต้องรีบแก้ไขทันที ในกรณีถ้าปัญหานั้นเป็นปัญหาใหญ่ คุณคนเดียวไม่สามารถแก้ไขเองได้ ให้คุณนำปัญหานั้นเข้าที่ประชุมระดมสมอง เพื่อหาทางออกร่วมกัน หรือแจ้งไปยังผู้บริหาร เพื่อขอคำแนะนำในการช่วยหาทางออกที่ดีที่สุดต่อไป

ทักษะทั้ง 5 ข้อนี้สามารถนำไปใช้ได้กับการพัฒนาความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ความสัมพันธ์ส่วนตัว ครอบครัว การทำงาน และกับเพื่อน เชื่อว่าคุณสามารถรักษาสัมพัธภาพที่ดีให้มีความสุขและยาวนานได้อย่างแน่นอน

.

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์

#Talktonitima


อ้างอิงข้อมูล

https://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Skill.htm

https://fdirecruit.co.th/10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1/

THE STUDY TIMES X DekThai Online, ClassOnline สัปดาห์แรก พบกับวิดีโอสรุปเนื้อหา เทคนิค แนวข้อสอบ แต่ละรายวิชา

???? THE STUDY TIMES X DekThai Online, ClassOnline สัปดาห์นี้

???? วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม - วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564

⏰ ทุกวัน เวลา 18.00 น.

พบกับวิดีโอสรุปเนื้อหา เทคนิค แนวข้อสอบ 5 รายวิชา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ไทย อังกฤษ และสังคม

???? วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม

วิชาคณิตศาสตร์: เรื่อง แนวข้อสอบ สอวน. ผลบวกอนุกรมเศษส่วน factorial

???? วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม

วิชาฟิสิกส์: เรื่อง ตะลุยโจทย์ฟิสิกส์เข้าเตรียม ปี 63

???? วันพุธที่ 19 พฤษภาคม

วิชาสอนให้คิด: เรื่อง อัลกอลิทึม

???? วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม

วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง เทคนิคสำหรับการทำ Reading

???? วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม

วิชาสังคม: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสังคม 9 วิชาสามัญ

???? ช่องทางรับชม

Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

นอกจากความน่ารักของ 'เบเบ้' เรื่องความเก่งของเธอก็ไม่เป็นรองใคร เพราะสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ทั้งปริญญาตรีและโท!!

เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา เน็ตไอดอลรุ่นแรกของเมืองไทย นอกจากเรื่องความสวยและน่ารักแล้ว เส้นทางการศึกษาของเธอก็ไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้ว่าจมีงานเยอะแค่ไหน แตเธอก็สามารถจัดสรรเวลาได้อย่างดี จนสามารถคว้าเกียรตินิยมอับ 1 มาครองได้ทั้งระดับปริญญาตรีและโท

นอกจากนี้แล้ว เธอยังเคยเป็นอาจารย์พิเศษสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และในช่วงกักตัวแบบนี้ เบเบ้ ยังเป็นเหมือนครูสอนการออกกำลังกายให้กับหลายๆ คน จากคลิปสอนออกกำลังกายบนยูทูปของเธออีกด้วย

ประวัติการศึกษา เบเบ้

• จบระดับประถมศึกษา โรงเรียนแย้มสอาด

• ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพจาก โรงเรียนเซนต์จอห์นคอมเมิร์ซ ภาคอินเตอร์

• สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ยสะสม 3.91

• สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ยสะสม 3.97

สำหรับกุญแจของความสำเร็จเบเบ้เปิดเผยว่า "เบเบ้เป็นคนขยัน คือต้องขยันกว่าคนอื่นเป็น 2 เท่าเลย เพราะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ต้องอ่านหนังสือให้มากๆ มากกว่าคนอื่น ช่วงสอบเบเบ้จะตื่นตี 5 แล้วก็อ่านหนังสือในห้องจนถึงดึก ไม่ชอบพักการอ่านหนังสือเพราะกลัวลืมค่ะ"


ที่มา

https://www.sanook.com/campus/1400104/

https://www.sanook.com/campus/1373121/

คุณพัด ธนพัต รัตนศิริวิไล | THE STUDY TIMES STORY EP.20

บทสัมภาษณ์ คุณพัด ธนพัต รัตนศิริวิไล Master of Business Administration, Cornell University, สหรัฐอเมริกา 
เพราะการเขียน Essay เข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก ต้องเขียนอย่างมี Critical Thinking

เทคนิคการเรียน BBA จุฬาฯ อินเตอร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง 
คุณพัดเรียนจบปริญญาตรี BBA คณะบัญชี ภาคอินเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ในการเรียนที่จุฬาฯ สำหรับคุณพัดนั้นรู้สึกว่าไม่ยากมาก เพียงแค่เข้าห้องเรียน ตั้งใจฟังครูสอน ฟังเลคเชอร์ กลับมาอ่านทบทวนที่บ้าน มีอะไรไม่เข้าใจก็สามารถไปถามครูเพิ่มเติม การเรียน ณ ตอนนั้นรู้สึกว่าค่อนข้างง่าย

ได้รับเชิญพูดในงาน EdTex (Education Technology) ในหัวข้อการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย 
คุณพัดเคยได้รับเชิญจากกระทรวงศึกษาธิการให้ไปพูดในงาน EdTex (Education Technology) ในหัวข้อการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หัวข้อหลัก ๆ ที่พูด คือ เรื่องลำดับชั้นของความคิด โดยความคิดจะเริ่มตั้งแต่ระดับ Remember, Understand, Apply, Analyze, Evaluate และ Create พบว่าระบบการศึกษาของไทยมีการ สอนถึงแค่ขั้น Remember การท่องจำเท่านั้น เป็นพีระมิดฐานล่าง จึงต้องหาวิธีที่จะทำยังไงเพื่อยกระดับความคิดจากขั้น Remember ให้ไปถึงขั้นอื่นได้ อย่างข้อสอบ SAT วัดสกิลอยู่ที่ระดับ Analyze และ Evaluate  เด็กไทยที่ไม่ได้รับการเทรนด์มา อยู่ ๆ จะให้ไปสอบ ก็ทำไม่ได้

คุณพัดสังเกต 3 Skills ที่เด็กไทยขาด คือ 
1.) สกิลภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษที่ไม่ดีทำให้จำกัดความรู้ เพราะความรู้ทุกอย่างในโลกเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ 
2.) Critical Thinking การฝึกต้องมีการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning Skill) เด็กไทยชินกับการถูกป้อน มุ่งทำคะแนน ไม่ได้โฟกัสที่การเรียนรู้ ทำให้เด็กไม่สามารถคิดเองได้ เด็กที่ขาด Critical Thinking เพราะไม่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ต้น การจะมี Critical Thinking ต้องสามารถตั้งคำถามได้ 
3.) Self-Learning Skill ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ประสบการณ์การเรียนที่ MBA Cornell University 
เพราะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง จากจุฬาฯ คุณพัดจึงไม่ได้คิดว่าการเรียนที่ Cornell จะยาก แต่พอไปถึง พบว่าเทอมแรกยากมาก เลเวลคนละระดับ จุฬาฯ เหมือรวมเด็กเก่งจากประเทศไทย แต่ Cornell เป็นการรวมคนเก่งจากทั่วโลก และมีวิธีการเรียนที่คุณพัดไม่ถนัด ทั้งการใช้ Critical Thinking การทำรายงาน Big project และ Discussion ในคลาส ไม่เหมือนการเรียนเมืองไทยที่เน้นในเรื่องการสอบ และการท่องจำ แต่ละวิชาที่ Cornell ต้องอ่านหนังสือมาก่อนเข้าเรียน เพื่อเอาเนื้อหาที่อ่านมา Apply กับสิ่งที่เรียนในห้อง คุณพัดจึงเกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมาตลอดทำไมใช้ไม่ได้ ซึ่งทำให้รู้สึกเฟลอยู่บ้าง แต่คุณพัดเชื่อว่า เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ ด้วยการเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 

เทคนิคการฝึกภาษา จนสามารถใช้ได้เหมือนเจ้าของภาษา
คุณพัดเรียนโรงเรียนไทยมา วิชาที่ถนัดคือภาษาไทย ไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนภาษา จนกระทั่งย้ายไปโรงเรียนนานาชาติ ตอนเกรด 10-11 เพราะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วอยากทำให้ดีที่สุด คุณพัดจึงมีความจริงจังในการเรียนภาษาอังกฤษมาก หลังเลิกเรียนจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม 

เทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษของคุณพัด คือการเตรียมสมุดเล็ก ๆ ไว้จดคำศัพท์ที่ไม่รู้ สิ่งที่อยากรู้ แกรมม่า แล้วนำสมุดเล่มนี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อที่เวลาว่างจะหยิบขึ้นมาดู เป็นการทวนไปในตัว 

คุณพัดกล่าวว่า ไม่ใช่แค่เราต้องเหมือนเจ้าของภาษา แต่เราต้องเก่งกว่าเจ้าของภาษา ยิ่งเราเป็นคนเอเชีย เรายิ่งต้องทำให้เขามั่นใจว่าเรามีความสามารถและเก่งกว่าฝรั่ง 

แนะแนววิธีเขียน Essay ในการสมัครเข้า U Top 
เด็กและผู้ปกครองหลายคน จะมีความคิดว่าคะแนนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้โฟกัสที่คะแนน แต่จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น ครูพัดกล่าวว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ Essay และการสัมภาษณ์ เพราะสุดท้าย Essay เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเรา ว่าทำไมเขาต้องเลือกเรา เรามีอะไรที่โดดเด่น เป็นส่วนที่เราแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมาได้ บอกเขาได้ว่าเรามีไอเดีย มีค่านิยมอย่างไร ต้องสื่อสารอย่างชัดเจน ตรงประเด็น มีไอเดียที่ดี แตกต่างจากคนอื่น เพราะผู้ตัดสินมีเวลาเพียง  50 วินาที จะทำยังไงให้ใน 50 วินาที เขาสนใจเรา ทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้ไม่เลือกไม่ได้

โรงเรียนนานาชาติ THE IVY SCHOOL
เริ่มแรกคุณพัดเปิด Ivy Prep สถาบันสอนภาษาอังกฤษ เนื่องมาจากการย้ายจากจุฬาฯ มาเรียนที่ Cornell คุณพัดพบวิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมองว่า Critical Thinking เป็นสกิลที่สำคัญมาก ที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยมีปัญหาเรื่อง Critical Thinking ทำให้ไม่สามารถทำข้อสอบในสถาบันของต่างประเทศได้ เป้าหมายคืออยากให้เด็กที่เรียนที่นี่ พอไปเมืองนอกแล้วเรียนได้โดดเด่น เก่งกว่าเจ้าของภาษา

ต่อมาเพราะรู้ว่าโรงเรียน ณ ปัจจุบันไม่ใช่ที่ที่จะเตรียมตัวเด็กให้พร้อมต่อศตวรรษที่ 21 หรือเข้ากับงานในอนาคต เพราะยังเป็นระบบที่ล้าสมัย จึงได้ดำเนินการเปิด โรงเรียนนานาชาติ THE IVY SCHOOL ที่เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ เทคโนโลยีการศึกษาจะส่งผลต่ออนาคตของเด็ก ต้องการให้เด็กเรียนรู้ทฤษฎีเพื่อจะสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้ ซึ่ง THE IVY SCHOOL จะเปิดในเดือนกรกฎาคม ระดับเกรด 1 ถึง เกรด 12 ผู้ปกครองที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ไลน์ @TheIvySchool หรือติดต่อที่เบอร์คุณพัด 062 798 2200

.

.

.
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top