Tuesday, 13 May 2025
Soft News Team

วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาอังกฤษ)

THE STUDY TIMES X ClassOnline

.

????วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม

วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาอังกฤษ)

.

โดย ครูพี่ทาม์ย ฐานุวัชร์ รินนานนท์

ศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (เรียนเน้นภาษาสเปน) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, อาจารย์ผู้สอนอบรม TOEIC ให้องค์กรภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ

#สอนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

.

#ClassOnline

https://www.classonline.co.th/

.

.

โรงเรียนอินเตอร์ สุดปัง!! ทำไม แพงแค่ไหน ก็ยอมจ่าย?

โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 เพราะโรงเรียนไม่ได้เพียงแค่ให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ในด้านความรู้ในเรื่องของการเรียนหนังสืออย่างเดียว แต่โรงเรียนที่ดีจะต้องสอนทั้งการใช้ชีวิตและการเข้าสังคมให้ได้ ในที่นี่เราจะมาพูดถึงโรงเรียนอินเตอร์กัน 

โดยโรงเรียนอินเตอร์ทีเป็นโรงเรียนที่สอนทั้งในเรื่องของการเรียนหนังสือ และ ประสบการณ์การใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมและสังคม เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะช่วยให้ลูกของคุณมีประสบการณ์และการเรียนรู้ ในวันนี้ THE STUDY TIMES ได้รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นว่าในโรงเรียนอินเตอร์มีข้อดีอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้ลูกรักได้มีโอกาสพัฒนาในเรื่องของการเรียนและสังคม 

1.) การเรียนรู้ที่ควบคู่ไปกับประสบการณ์
สิ่งหนึ่งที่ลูกของคุณจะได้รับจากโรงเรียนอินเตอร์คือการเรียนที่ไม่ใช่แค่อยู่ในตำรา ไม่ได้มีแค่เพียงทฤษฎี แต่เป็นการเรียนที่ควบคู่ไปกับประสบการณ์ โรงเรียนอินเตอร์จะสอนให้ลูกของคุณได้เรียนทั้งในภาคทฤษฎีและปฏิบัติซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกของคุณมีพัฒนาการที่ดี โรงเรียนอินเตอร์หลายที่จะให้นักเรียนได้ทั้งเรียน เล่น และสนุกกับการใช้ชีวิตในเวลาเดียวกัน ยิ่งถ้าได้ลงมือปฏิบัติ ลูกของคุณก็จะยิ่งสนุกกับการเรียนมากยิ่งขึ้น นักเรียนในโรงเรียนอินเตอร์จะได้พัฒนาการจากทางด้านการเรียนและกิจกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการเรียนในยุคปัจจุบัน


2.) ภาษาอังกฤษคือใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ
ในปัจจุบันภาษาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกรักของคุณสามารถเปิดโลกกว้างได้อย่างมาก ยิ่งภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากล และแน่นอนโรงเรียนอินเตอร์มีรูปแบบการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษในทุกวิชา เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะในด้านทางภาษา และจะทำให้ลูกของคุณเก่งภาษามากยิ่งขึ้น โดยโรงเรียนอินเตอร์จะมีการสอนทั้งการเขียน การอ่าน การพูด ในทุกระดับชั้น การเรียนภาษาอังกฤษนับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกของคุณมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 


3.) สังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลาย 
เนื่องจากนักเรียนและคุณครูที่โรงเรียนอินเตอร์มีความหลากหลายทั้งในประเทศ ภาษา และ วัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอย่างมาก ลูกของคุณจะได้รับทั้งในเรื่องของการพูดภาษาได้หลากหลายรวมไปถึงได้รับวัฒนธรรมจากอีกหลากหลายประเทศ ทำให้ลูกของคุณได้รับทั้งความรู้ มุมมองในการใช้ชีวิตที่หลากหลายนอกเหนือจากในห้องเรียน สังคมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญในด้านของการใช้ชีวิต โรงเรียนอินเตอร์ถือว่าเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลากหลายสัญชาติมารวมกัน 

4.) คณะอาจารย์ คุณครูที่มีความเป็นเลิศทางด้านการสอนและมากไปด้วยประสบการณ์
โรงเรียนอินเตอร์ทุกที่คณะครู อาจารย์จะต้องได้รับการศึกษามาในเฉพาะทางอย่างดีเยี่ยม จึงจะสามารถเข้ามาสอนในโรงเรียนอินเตอร์ได้ ด้วยศักยภาพและเนื้อหาการสอนที่คณะคุณครูเตรียมถ่ายทอดให้กับนักเรียนทั้งในด้านของทฤษฎีและด้านปฏิบัติก็จะทำให้ลูกของคุณได้รับการดูแลเอาใจใส่ และมีการเรียน การศึกษาที่ดี และบุคลากรในโรงเรียนอินเตอร์จะต้องมีความพร้อม ดูแลเอาใจใส่นักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน 

5.) สถานที่และบรรยากาศคือการเรียนรู้และการใช้ชีวิต 
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนที่สำคัญในการเรียนคือ บรรยากาศและสถานที่ในการเรียนรู้ โรงเรียนอินเตอร์ส่วนใหญ่มีสถานที่ ๆ สวยงามและพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนทุกคน ซึ่งสภาพแวดล้อมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกของคุณมีความรู้สึกที่อยากจะไปโรงเรียน หลาย ๆ ที่ในโรงเรียนอินเตอร์จะให้ความสำคัญกับสถานที่และบรรยากาศการเรียนอย่างมาก มีห้องกิจกรรมและการเรียนรู้ นอกเหนือจากทางด้านวิชาการแล้วการเรียนนอกห้องเรียนก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ด้านศิลปะ ดนตรี คหกรรม รวมไปถึงกีฬา เพื่อให้นักเรียนได้ค้นหาศักยภาพของตนเองและค้นหาความฝัน หรืออาชีพในอนาคต

เครดิตภาพ : โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันฯ

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาในแต่ละข้อนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกของคุณเติบโตขึ้น โรงเรียนอินเตอร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ที่จะสามารถให้ลูกของคุณมีศักยภาพในการเรียนและสังคมที่ดี ตลอดจนถึงมีพัฒนาการทางด้านความคิด และมีทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ปกครองที่กำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของคุณ เพื่อให้ลูกที่คุณรักได้ใช้ชีวิตและเปิดประสบการณ์ในช่วงวัยเรียนได้อย่างมีความสุขกับเส้นทางที่ทุกท่านได้กำหนดไว้

คุณเน็กส์ ณัฐดนัย องอาจวาจา | THE STUDY TIMES STORY EP.49

บทสัมภาษณ์ คุณเน็กส์ ณัฐดนัย องอาจวาจา นักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, นักเรียนทุนฟิสิกส์ พสวท.
นักเรียนทุนฟิสิกส์ พสวท. ที่โดดเด่นทั้งด้านการเรียนและกิจกรรม

คุณเน็กส์จบการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบ ได้ทุนจาก พสวท. ปริญญาตรี โท เอก กำลังจะไปศึกษาต่อที่อเมริกา

คุณเน็กส์สอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในห้อง GATE Program หรือ Gifted and Talented education Program ยาวตั้งแต่ระดับมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย เน้นการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตอนที่เรียนช่วงแรกๆ คุณเน็กส์ค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้น โดยกล่าวว่า ถ้าอยากเรียนที่สวนกุหลาบอยากให้น้องๆ เตรียมตัวและตั้งใจ 

นอกจากเรื่องการเรียนที่เข้มข้นแล้ว โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยยังเน้นการทำกิจกรรมที่เยอะมาก ซึ่งคุณเน็กส์เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น โรงเรียนจะมีงานสมานมิตรจัดในวันจันทร์แรกของเดือนกันยายน เหมือนเป็นการเปิดโรงเรียนให้ศิษย์เก่ามามีส่วนร่วม และมีกิจกรรมจตุรมิตร คือการแข่งขันฟุตบอล 4 โรงเรียน มีการแปรอักษร มีกิจกรรมตามระดับชั้น เช่น การรับน้อง การสันทนาการมีกิจกรรมที่ชื่อว่า ละอ่อน ที่พี่ ม.6 จัดให้น้อง ม.1 

นอกจากนี้ในโรงเรียนจะมีการเลือกประธานนักเรียน คุณเน็กส์ก็ได้เข้าไปทำงานร่วมกับกรรมการนักเรียน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ทำให้คุณเน็กส์ได้ฝึกกระบวนการทำงาน งานเอกสาร มีระบบการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน

สำหรับการแบ่งเวลาเรียนและทำกิจกรรมของคุณเน็กส์นั้นมองว่า ถ้าเราอยากทำอะไร เราจะมีเวลาว่างสำหรับมัน เราสนใจในอะไร จะพยายามทำทุกอย่างให้เสร็จเพื่อเอาเวลาไปทำมัน

จุดเริ่มต้นความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ ย้อนไปในช่วงวัยเด็ก ที่บ้านเล่าให้ฟังว่าคุณเน็กส์เป็นคนที่ชอบตั้งคำถามกับทุกอย่าง มีความอยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย ซึ่งค้นพบว่าสิ่งที่สามารถให้คำตอบได้คือวิทยาศาสตร์ หลายสิ่งสามารถอธิบายและหาคำตอบได้ด้วยหลักการของวิทยาศาสตร์ พอได้มาเรียนตรงนี้ก็ยิ่งตอบโจทย์

คุณเน็กส์มีโอกาสเข้าร่วมโครงการพสวท. เป็นโครงการของ สสวท.  ต้องการสร้างบุคลากรในการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ คุณเน็กส์ได้เข้าร่วมตอนช่วงม.4 มีนักเรียนจากทั่วประเทศเข้ามาสอบเข้าร่วมโครงการ เมื่อเข้ารอบก็จะมีการเฟ้นหา ทดสอบในด้านวิทยาศาสตร์ลึกยิ่งขึ้น ทั้งการสอบวัดเชิงความคิดสร้างสรรค์ ครั้งหนึ่งโจทย์ที่คุณเน็กส์ได้รับคือ มีแป้งและน้ำหลากหลายชนิด และมีถั่วจำนวนหนึ่ง โจทย์มีอยู่ว่าให้ทำภาชนะใส่ถั่วให้ได้มากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นการวัดทักษะทางความคิด ต้องมีทักษะเชิงวิชาการและการประยุกต์ที่ดีด้วย 

เทคนิคการเรียนและการทำคะแนนสอบของคุณเน็กส์ คือ ต้องทำให้การเรียนเป็นสิ่งที่น่าพอใจกับตัวเอง หาวิธีการทำให้วิชาที่เราไม่ชอบเรียน เป็นวิชาที่น่าพอใจกับเรา เช่น เราชื่นชอบศิลปะ ชอบการจดโน้ตสวยๆ อาจพยายามจดโน้ตวิชาที่เราไม่ชอบให้ดูสวยงาม จะทำให้เราอยากกลับมาอ่าน หาสิ่งจูงใจเล็กๆ ที่ทำให้เรายังสนุกกับการเรียนอยู่ได้ ส่วนเรื่องการทำข้อสอบ เป็นเรื่องของการเตรียมตัว 70% ต้องวิเคราะห์ข้อสอบให้ทะลุปรุโปร่ง ดูว่าข้อสอบต้องการวัดอะไร เตรียมตัวหาวิธีการในการทำข้อสอบ ส่วนอีก 30 % คือการทบทวนเนื้อหา จะทำให้เรามีแนวทางและมีเทคนิคในการทำข้อสอบ

นอกจากนี้ ในความสนใจทางด้านดนตรีและกีฬา คุณเน็กส์ชอบเล่นกีฬาบาสเกตบอล มีจุดสนใจมาจากกลุ่มเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกันชวนกันไปเล่นช่วงพักกลางวัน จนค้นพบว่าบาสเป็นกีฬาที่ชอบมาก ทำให้ไปศึกษาและฝึกฝนเพิ่มเติม ประกอบกับเป็นช่วงที่โรงเรียนหานักกีฬา ทำให้คุณเน็กส์มีโอกาสเข้าร่วมฝึกซ้อมและแข่งขัน นอกจากนี้กีฬาบาสยังทำให้คุณเน็กส์ปิดมุมมองใหม่ๆ จากที่เคยทำข้อสอบอยู่คนเดียว เป็นการได้ออกมาอยู่ในสังคม รู้จักผู้คนมากขึ้น ได้ฝึกซ้อม ทำงานเป็นทีม 

เรื่องของดนตรี คุณเน็กส์มีความสนใจในกีตาร์ เพราะช่วงเรียนออนไลน์มีเวลาว่างเยอะ ออกไปเล่นกีฬาก็ไม่ได้ เลยหาเครื่องดนตรีมาเล่นคนเดียวที่บ้าน สิ่งที่ทำให้คุณเน็กส์สนใจ คือเบื้องหลังของดนตรี การผลิตกีตาร์ กีตาร์สร้างมาอย่างไร วัสดุที่เขาใช้ทำกีตาร์คืออะไร ถือเป็นการประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ด้วย

ปัจจุบันคุณเน็กส์ได้รับทุนจากพสวท. สอบคัดเลือกในสาขาวิชาฟิสิกส์ ได้ทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรี โท เอก โดยเลือกไปศึกษาที่ประเทศอเมริกา โดยคุณเน็กส์ต้องเดินทางไปเรียนปรับพื้นฐานที่ประเทศอเมริกาก่อน จากนั้นค่อยเลือกศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย 

ในอนาคตคุณเน็กส์มีเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง ได้ใช้ความสามารถที่ได้จากการศึกษาและการพัฒนาตนเองมาช่วยเหลือผู้อื่น และได้ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ 

สุดท้ายคุณเน็กส์ฝากทริคในเรื่องการค้นหาตัวเอง สิ่งสำคัญคือ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำหลายๆ อย่าง จะรู้ว่าสิ่งไหนชอบ หรือไม่ชอบ ซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากพอ ว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่เราชอบจริงหรือเปล่า เราชอบทำสิ่งนี้เพราะอะไร เหตุผลอะไร อย่าคล้อยตามคนอื่นๆ หรือสภาพสังคม ให้โอกาสกับตัวเองและซื่อสัตย์กับตัวเอง
.

.

.

.

ใครมีสกิลทำอาหาร ยกมือขึ้น!! สพฐ. เชิญชวนนักเรียนมัธยมฯ แข่งขันทำอาหาร ต่อยอดอาชีพเชฟมือทอง ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์”

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย (สมป.) จับมือกับดุสิตธานีและเชฟพล ตัณฑเสถียร จัดแข่งขันประลองฝีมือนักเรียนมัธยมศึกษา ที่ชอบการทำอาหาร ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์” ขานรับนโยบาย สพฐ. ด้านการสร้างโอกาสและคุณภาพนักเรียน ค้นหาเชฟมือทองรุ่นเยาว์ ที่อนาคตจะประสบความสำเร็จในอาชีพธุรกิจการประกอบอาหาร

ทั้งนี้ จะมีการแข่งขันระดับภูมิภาคก่อน เพื่อคัดเลือกทีมที่ชนะมาแข่งขันกันที่ส่วนกลางวิทยาลัยดุสิตธานี ซึ่งจะเริ่มรับสมัครระหว่างวันที่ 10-31 กรกฎาคม 2564 โดยศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร และจังหวัดตาก ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 09-5497-9516, 08-6182-8187

ศูนย์ภาคกลาง จังหวัดชัยนาท นครนายก นครปฐม นครสรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สระบุรี อ่างทอง อุทัยธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว กาญจนบุรี เพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] หรือ [email protected] โทรศัพท์ 09-3846-8702, 08-3915-9625

ศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-2545-9678

ศูนย์ภาคใต้ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งใบสมัครที่ Email:yothinkhon@hotmailçom โทรศัพท์ 08-6270-7446

และศูนย์กรุงเทพมหานคร ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-8560-9600

โดยทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสดพร้อมโล่เกียรติยศ รางวัลที่ 1 เงินสด 50,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินสด 30,000 บาท และรางวัลที่ 3 เงินสด 20,000 บาท

ลิงก์ใบสมัคร 
https://drive.google.com/file/d/19P9TFGOa2Y1itxXQq-EhQddM1Ug15HSE/view?usp=sharing


ที่มา:

https://www.facebook.com/101216422215115/posts/102618908741533/?d=n
https://www.matichon.co.th/publicize/news_2788659

จัดเต็ม!! คอนเทนต์เพื่อการศึกษา 1 ก.ค. นี้ แหล่งรวมสาระเพื่อ “การศึกษาและการพัฒนาตัวเอง ” ????????

ทุกคอนเทนต์ จัดเต็มทุกวัน จันทร์-อาทิตย์

✅ข่าวการศึกษา

✅คอลัมนิสต์

✅ข้อมูลโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง

✅ข้อมูลการศึกษาทั้งไทยและต่างประเทศ

✅บุคคลในแวดวงการศึกษาที่น่าสนใจ

✅บทความ เทคนิคการพัฒนาตัวเอง

✅รายการสัมภาษณ์ THE STUDY TIMES STORY

ขนกันมาแบบจัดเต็ม!!

เพราะเราคือ THE STUDY TIMES สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์สำหรับทุกคน????✏

Education News Agency for All

????ติดตามได้ทางเว็บไซต์, Facebook, LINE, YouTube, IG และ TiktTok ???? THE STUDY TIMES

วิชาภาษาไทย: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาไทย)

THE STUDY TIMES X ClassOnline

????วันพุธที่ 30 มิถุนายน

วิชาภาษาไทย: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาไทย)

โดย ครูต้นคูน ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์

ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Ph.D. in Communication Arts) สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

#สอนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

#ClassOnline

https://www.classonline.co.th/

.

.

Critical Thinking หรือ การคิดแบบมีวิจารณญาณ ทักษะที่เด็กทุกคนต้องมี

คุณแม่ติ๊ด เจ้าของเพจเลี้ยงลูกให้ยอดเยี่ยม มีความสนใจในเรื่องของการพัฒนาเด็ก ได้มาร่วมพูดคุยถึง Critical Thinking ที่ถือเป็นทักษะสำคัญมากในยุคที่ข่าวสารล้นโลก 

Critical Thinking หรือการคิดแบบมีวิจารณญาณ คือ การคิดแบบที่มีการใตร่ตรองก่อน ไม่ใช่เห็นปุ๊บเชื่อเลย แชร์เลย สามารถวิเคราะห์สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่อ่าน ด้วยเหตุผล มองในหลายแง่มุม อย่าเชื่อเพียงเพราะมันตรงกับความเชื่อเดิมของเรา เพราะจะทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ถูกต้อง 

4C ทักษะที่ควรมีในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ Creativity ความคิดสร้างสรรค์, Critical Thinking การคิดแบบมีวิจารณญาณ, Communication การสื่อสาร และ Collaboration การทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่ง Critical Thinking ถือเป็นทักษะที่ฝึกยากที่สุด เนื่องจากต้องอาศัยทักษะอื่นๆ มาช่วยด้วย เช่น เด็กที่จะมี Critical Thinking ต้องมี Creativity ด้วยในระดับหนึ่ง 

ที่สำคัญที่สุดคือ Self-Awareness ความตระหนักรู้ในตนเอง เพราะหลังจากรับรู้ข้อมูลมาแล้ว จะต้องกลับมามองตัวเองอย่างเป็นกลางที่สุด ไม่ด่วนตัดสิน เพราะฉะนั้นการที่จะมี Critical Thinking ได้ดี จะต้องทำตัวว่างๆ เป็นกลาง ไม่นำความคิดของตัวเองมาตัดสินข้อมูลที่ได้รับมา

ปัจจัยหลัก 3 อย่างที่ส่งผลต่อการมี Critical Thinking ได้แก่ 1.) ตัวของเด็ก 2.) คุณพ่อคุณแม่ และการเลี้ยงดู 3.) โรงเรียน หรือระบบการศึกษา โดยทั้งสามปัจจัยหลักต้องสอดคล้อง ส่งเสริมไปด้วยกัน 

โดยพ่อแม่มีความสำคัญมาก เพราะสามารถทุ่มเทกับลูกได้มากกว่าคุณครูที่โรงเรียน และด้วยระบบการศึกษาที่ล้าสมัยไม่สามารถสร้างทักษะบางอย่างที่เป็นทักษะในอนาคตได้ทันเวลา การทำให้เป็นวิถีชีวิต เป็นการเรียนรู้แบบเป็นธรรมชาติมากกว่าการสอน พ่อแม่ในยุคนี้จึงต้องพัฒนาตัวเอง เพราะเด็กคนหนึ่งไม่ได้เกิดมาโดยการมี Critical Thinking เลย  ต้องมีพ่อแม่ที่คอยช่วยชวนพูดคุย ตั้งคำถามปลายเปิดให้ลูกได้แสดงความคิดเห็น 

ในยุคที่ข้อมูลมีความหลากหลาย รวดเร็ว เข้าถึงง่าย การฝึกลูกให้มีทักษะ Critical Thinking  เพื่อปกป้องลูกให้รู้เท่าทัน ไม่ถูกชักจูง สิ่งสำคัญคือ การสอนว่าอย่าเชื่อสิ่งที่เห็นในครั้งแรก ฝึกลูกให้เป็นเด็กช่างสงสัย เวลาที่ได้รับสารอะไรมา ไม่ต้องเชื่อทุกอย่าง หากอยากรู้ค่อยมาทดลองหรือพิสูจน์ หาข้อมูลจากหลายๆ แห่ง บางครั้งหากลูกไม่มี Critical Thinking อาจทำให้ mindset ผิดเพี้ยนไป

นอกจากนี้การที่เด็กได้อ่านหนังสือเยอะ หากทำให้เป็นวิถีของเขา จะฝึกในเรื่องของ Critical Thinking ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีคลังข้อมูลความรู้เยอะ และการมี Critical Thinking ยังทำให้สามารถเชื่อมโยงความคิดได้ดี 

ในส่วนของการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่พบเจอ หากพ่อแม่ใช้วิถีชีวิตแบบชวนกันคิดแก้ปัญหา ชวนแชร์มุมมอง เป็นการเรียนรู้แบบธรรมชาติ ก็เป็นส่วนที่ช่วยให้เกิด Critical Thinking ประสบการณ์ประจำวันเหล่านี้ล้วนอยู่ในชีวิตประจำวันที่พ่อแม่สามารถหยิบยกขึ้นมาสอนลูกได้

การฝึกทักษะให้ลูก ไม่ได้ฝึกด้วยการผลักให้ลูกต้องทำเรื่องนี้ให้ได้ จนกลายเป็นความเครียดในครอบครัว การฝึกทักษะต่างๆ หากฝึกด้วยความรู้สึกสนุก หรือเป็นธรรมชาติโดยที่เด็กไม่รู้ตัว ย่อมดีกว่าการที่จะไปสร้างสภาพแวดล้อมให้เด็กจนเกิดความเครียด เด็กแต่ละคนมีจุดแข็งจุดอ่อนแตกต่างกัน เด็กที่มีโอกาสฝึก Critical Thinking ได้ดี ต้องเป็นเด็กที่ชอบคิด แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่มีธรรมชาติแบบนี้ เพราะฉะนั้นเด็กสามารถไปโดดเด่นด้านอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องโดดเด่นครบทั้ง 4C 


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก
หัวข้อ : Critical Thinking ทักษะที่เด็กทุกคนต้องมี
Link : https://www.facebook.com/299800753872915/videos/435405360869716
เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: ภารวี สุภามาลา

คุณจ๊อบ ศรัณย์ กาญจนาภาส | THE STUDY TIMES STORY EP.48

บทสัมภาษณ์ คุณจ๊อบ ศรัณย์ กาญจนาภาส นักเรียนทุนปริญญาโท คณะ IMBA มหาวิทยาลัย National Taipei University of Technology
โอกาสมีอยู่รอบตัว เพียงแค่ต้องพยายามค้นหาและคว้าเอาไว้

คุณจ๊อบปัจจุบันกำลังทำเพจ Saran In Taiwan และเป็นนักเรียนทุนปริญญาโท คณะ IMBA  มหาวิทยาลัย National Taipei University of Technology

คุณจ๊อบเรียนปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์การบิน สถาบันการบินพลเรือน เป็นนักวิศวะซ่อมเครื่องบิน ตอนนั้นคุณจ็อบคิดว่าชอบเรื่องเครื่องบินและชอบเกี่ยวกับวิศวะเลยเลือกที่จะเรียนสาขานี้ มีความยากง่ายแตกต่างกันไป และเป็นการเรียนภาคภาษาอังกฤษ 

ก่อนหน้าจะไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ช่วงปี 4 คุณจ๊อบได้ไป Work and Travel ที่สหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็น Lifeguard ตามหมู่บ้านที่ Washington D.C และ Boston ในระยะเวลา 4 เดือน ทำงานจริง 3 เดือนไปเที่ยวได้อีก 1 เดือน ซึ่งก่อนที่จะได้ทำงานจริงต้องมีการฝึกฝนก่อน ถือว่าการไปอเมริกาครั้งนี้เป็นความประทับใจและเป็นประสบการณ์ที่ดีมากของคุณจ๊อบ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนที่มีโอกาส ทั้งไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือไปทำงานในโครงการนี้ลองตัดสินใจไป

หลังกลับมาจาก Work and Travel คุณจ๊อบเข้ารับปริญญาที่สถาบันการบินพลเรือนและได้ทำงาน 4 – 5 เดือน หลังจากนั้นรู้สึกอยากพัฒนาตนเอง ซึ่งเหตุผลที่ตัดสินใจย้ายมาเรียนต่อปริญญาโทเพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด และคิดว่าที่ประเทศไทยน่าจะเริ่มมีปัญหา จึงตัดสินใจหาข้อมูลเรื่องทุน สุดท้ายแล้วก็มาจบที่ไต้หวันเพราะว่าอยากจะเรียนทั้งภาษาจีนและปริญญาโทด้วย 

ปัจจุบันคุณจ๊อบเป็นนักเรียนทุนปริญญาโท คณะ IMBA  มหาวิทยาลัย National Taipei University of Technology ในประเทศไต้หวัน เรียนเกี่ยวกับบริหารธุรกิจภาคอินเตอร์ เริ่มจากเลือกดูมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน หลังจากหาข้อมูล เตรียมเอกสาร ได้ยื่นทุนไปประมาณ 15 มหาวิทยาลัยด้วยตนเอง และได้การตอบรับมาประมาณ 12 มหาวิทยาลัย จนมาเลือกที่นี่ เพราะตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยทุนที่ไต้หวันเป็นทุนให้เปล่า ไม่ต้องกลับมาชดใช้ทุน นอกจากนี้คุณจ๊อบยังบอกอีกว่าตัวเองโชคดีที่มีสังคมดี เพื่อนดี ทำให้สนุกกับการเรียน 

สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการมาเรียนที่ไต้หวัน คุณจ๊อบให้คำจำกัดความสั้นๆ คือ Part time Traveler Full Time Student การเรียนที่ไต้หวันคุณจ๊อบเล่าว่า ไม่ได้เรียนหนักมาก ถ้าอยากมาเรียนสามารถมาเริ่มเรียนภาษาจีนที่นี่ได้เลย ภาษาจีนเป็นสิ่งที่ยาก แต่หากมีความตั้งใจและพยายาม ได้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมก็สามารถพัฒนาภาษาได้เร็ว 

คุณจ๊อบเองก็ใช้แอพช่วยและไปลงเรียนเพิ่มทำให้ได้ภาษาเร็ว มีเหตุการณ์หนึ่งคือ คุณจ๊อบลืมของไว้บนรถเมล์ เลยโทรหาที่ศูนย์ของรถเมล์ ภาษาจีนตอนนั้นยังไม่แข็งแรง แต่เตรียมคำศัพท์ที่อยากจะพูดไว้แล้ว มีการคุยโต้ตอบจนสามารถไปรับของคืนมาได้ คุณจ๊อบมองว่า หากเรามีการเตรียมตัวที่ดี อยากที่จะฝึกภาษาให้เก่ง ควบคู่ไปกับกำลังใจที่ดี เราก็จะสามารถพัฒนาตนเองได้เร็ว    

สำหรับเพจเฟซบุ๊ก Saran in Taiwan คุณจ๊อบเปิดขึ้นมา เพราะเป็นคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ เริ่มจากความสงสัยที่ไม่มีใครมาบอก จึงอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองในการหาทุนที่ไต้หวัน การใช้ชีวิตที่ไต้หวัน และหัวใจหลักในการทำเพจและการทำคลิปคือ  อยากทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำที่ประเทศไทยได้ อย่างเช่น การเล่นสงกรานต์ S2O ที่ประเทศไต้หวัน การไปเล่นหิมะที่ไทเป และยังมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจอีกมากมาย สำหรับใครที่สนใจสามารถไปติดตามคุณจ๊อบได้
.

.

.

.

วิชาฟิสิกส์: เรื่อง สมดุลกล สำหรับนักเรียน ม.4

THE STUDY TIMES X DekThai Online

????วันอังคารที่ 29 มิถุนายน

วิชาฟิสิกส์: เรื่อง สมดุลกล สำหรับนักเรียน ม.4

โดย ครูพี่ปุ๊ องอาจ สุภัคชูกุล

อดีตตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิก นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

#สอนวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ม.ต้น-ม.ปลาย

#DekThaiOnline

https://dekthai-online.com/browse

.

.

คุณนัชชี่ นัทธ์ชนัน กัลปนา | THE STUDY TIMES STORY EP.47

บทสัมภาษณ์ คุณนัชชี่ นัทธ์ชนัน กัลปนา ไอดอล วง AKIRA-KURO, ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไอดอลสาวนักสู้ ผู้มีความคิดชีวิตเกิดมาครั้งเดียว ต้องใช้ให้สุด

คุณนัชชี่เรียนชั้นมัธยมที่เรียนโรงเรียนหอวัง ในสายศิลป์-คำนวณ เพราะมีความถนัดทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ จึงเลือกเรียนสายนี้ ซึ่งกิจกรรมช่วงมัธยมปลายเคยทำชมรม มีงานเขียนบ้าง และอยู่ในห้องเรียนของประธานนักเรียน 

เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณนัชชี่เลือกเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาวิชา การจัดการเพื่อการประกอบธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าไปเรียนก็รู้สึกชอบ เนื่องจากตนเองก็มีกิจการของครอบครัว คิดว่าการเรียนตรงนี้จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของครอบครัวให้เจริญเติบโตขึ้นได้ ระหว่างเรียนคุณนัชชี่ได้มีการทำกิจกรรมและทดลองเปิดร้านจริง ได้ลงมือทำ เปิดแบรนด์เกี่ยวกับเครื่องประดับ ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจมากขึ้น
 
จุดเริ่มต้นเส้นทางสายไอดอลของคุณนัชชี่ เพราะมีความชื่นชอบในไอดอลญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเรียน มีความฝันว่าอยากจะอยู่ในจุดนั้น จึงไปออดิชั่นเข้าวง Akira – Kuro โดยคุณนัชชี่เล่าว่า ก่อนที่จะมาเป็นศิลปินไอดอลของวงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวงดนตรีของแต่ละวง ด้วยความที่วง Akira – Kuro เป็นวงไอดอลสายร็อค คุณนัชชี่เองเป็นคนเต้นไม่เป็น แต่มีใจที่จะมาอยู่ตรงนี้จริงๆ จึงได้รับการคัดเลือกเข้ามาและต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก เพราะไม่ได้อยู่ค่ายใหญ่ ความท้าทายคือต้องฝึกเต้นเอง แกะท่าเอง และกำหนด Performance เอง 

โดยคุณนัชชี่ก็เคยเผชิญกับความรู้สึกท้อ เพราะตัวเองก็โดนคอมเมนต์ในเชิงลบ แต่มีความคิดคือ ถ้าโดนคอมเมนต์ก็ปล่อยให้ตัวเองเสียใจ ร้องไห้ และต้องพยายามให้ดีที่สุดเพื่อลบคำสบประมาท โดยวง Akira – Kuro เป็นวงที่จะต้องคุมคนดูให้อยู่ เป็นวงแนวร็อคๆ เพราฉะนั้นการ Performance จะต้องดี  

นอกจากจะเป็นสมาชิกในวงแล้ว คุณนัชชี่ยังมีความสามารถในการเขียนเพลง และมีการกำกับ MV เพลงด้วยตัวเอง อย่างการเขียนเพลงคือ มีการแก้เนื้อเพลงให้มีความหมายลึกซึ้งและเข้าถึงคนฟังได้ง่ายขึ้น ส่วนในเรื่องของการกำกับ MV เพลง มีจุดเริ่มต้นมาจากที่คุณนัชชี่และคนในวงตัดสินใจในการทำคอนเซ็ปและปรึกษากับทางผู้ใหญ่ ทางผู้ใหญ่ได้ให้โอกาสคุณนัชชี่ในการเป็นผู้กำกับ ซึ่งคุณนัชชี่ไม่เคยทำมาก่อน ถือว่าค่อนข้างยากมาก สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นผู้กำกับคือการตัดสินใจที่เด็ดขาด 

นอกจากนี้คุณนัชชี่ได้มีโอกาสเขียนหนังสือรวมเรื่องสั้น “ให้ทุกวันไม่เหมือนเดิม / What’s going inside my head” ซึ่งเป็น การรวบรวมเรื่องสั้น 30 วันว่าในแต่ละวันทำอะไรบ้าง คุณนัชชี่พยายามขยายความในเรื่อง ๆ หนึ่ง เป็นเรื่องตลก ๆ เรื่องแปลก ๆ 

สุดท้ายนี้คุณนัชชี่ได้ให้แรงบันดาลใจว่า ถ้าเราอยากทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ให้ลงมือทำเลยดีกว่า ไม่เช่นนั้นเราจะเสียดายทีหลัง อย่ากลัวที่จะลงมือทำ ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ ปัญหาที่เราพบเจอเราก็จะสามารถแก้ไขให้สำเร็จจนได้ ซึ่งทุกวันนี้คุณนัชชี่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำหลายๆ อย่างทำให้ตัวเองเป็นคนเก่งมากยิ่งขึ้น 

.

.

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top