Monday, 19 May 2025
นายหัวไทร

รู้จัก ‘สุนทร ปานแสงทอง’ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง จากโควตาบ้านใหญ่สมุทรปราการ

รู้จัก ‘สุนทร ปานแสงทอง’ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง จากโควตาบ้านใหญ่สมุทรปราการ

‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง นายสุนทร ปานแสงทอง เป็นรัฐมนตรีช่วย (รมช.) ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่ามกลางเสียงถามอื้ออึงว่า ‘สุนทร ปานแสงทอง’ เป็นใคร มาจากไหน

หลังนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณปรับ ครม.ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า กลุ่มปากน้ำได้โควตารัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง และส่งชื่อไปให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ‘เป็นผู้ชาย และเป็นคนนอก’

รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงคนนี้ มีตำแห่นงทางการเมืองก่อนหน้านี้ เป็น รองนายก อบจ.สมุทรปราการ ที่มี ‘ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย’ เป็นนายกฯ อบจ. ภายใต้การสนับสนุนของ ‘ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’ บ้านใหญ่ปากน้ำ

ตามประวัติไม่เคยผ่านการเป็น ส.ส.มาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ข้องแวะเพียงแค่การเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ เมื่อปี 2548 ให้กับ ‘พรรคมหาชน’ และเป็นผู้สมัครเขต 4 สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งปี 2562 เท่านั้น

ในทางการเมือง ถือเป็นคนที่มีโปรไฟล์ชัด มาจากบ้านใหญ่ อัศวเหม 

ซึ่งเรื่องนี้ สอดคล้องกับที่เจ้าตัวออกมาขอบคุณ หลังได้รับโปรดเกล้าฯ

“ขอบคุณกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ที่นำโดย นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ที่สนับสนุนการทำงานและผลักดัน ให้รับหน้าที่ในตำแหน่ง”

ดังนั้น เมื่อ นายชนม์สวัสดิ์ สนับสนุน โควตานี้ก็ถือเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ เคยรับปากกับ ‘กลุ่มปากน้ำ’ ไว้

ทั้งนี้ หากจำกันได้ การรับปากดังกล่าว เกิดขึ้นจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบที่ผ่านมา ที่ ส.ส.กลุ่มปากน้ำไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ อันประกอบด้วย นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับอีก 5 ส.ส.สมุทรปราการ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ, น.ส.ภริม พูลเจริญ, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ออกมาเขย่าเก้าอี้ ‘มท.1’ ของ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้เสียวสันหลังวาบ

ด้วยการโหวตสวนมติพรรคตัวเอง ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมๆ กับการเรียกร้องให้ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มานั่งในตำแหน่ง มท.1 แทนด้วย

โดย นายกรุงศรีวิไล เรียกการโหวตสวนในคราวนั้นว่า เป็นการกระตุกหนวดเสือ

'ธนกร' ผงาด!! นั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 'สุนทร' โควตา ส.ส.ปากน้ำ เสียบแทน 'ธรรมนัส'

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 3 รมต. ‘ธนกร’ ผงาด รมต.สำนักนายกฯ

ด่วนโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 3 รมต.กลุ่มปากน้ำพปชร.ผงาด 'สุนทร ปานแสงทอง' นั่งรมช.เกษตรฯ ด้าน 'นริศ ขานุรักษ์' รมช.มหาดไทย ขณะที่ 'ธนกร วังบุญคงชนะ' รมต.ประจำสำนักนายกฯ

วันนี้ (30 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรีโดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิ.ย. 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 ก.ค. 2562 ลงวันที่ 22 มี.ค.2564 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากความเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ได้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง และเพิ่มเติมบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและ บังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินจึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้...

สมรภูมินี้ไม่มีใครยอม 4 พรรค จัดทัพเลือกตั้ง ‘เมืองคอน’ เปิดศึกชิง 9 ที่นั่ง แบบไม่มีใครกลัวใคร

ลิขิตฟ้าให้มาเจอ ‘อารี ไกรนรา’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติอีกครั้ง ในงานแต่งงานลูกชายคุณสุรพล เลอวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ที่คราคร่ำไปด้วยคนใต้มากมาย อบอุ่นไปด้วยไอรัก

อารีบอกกับผมว่า หลังจากตัดสินใจเดินออกจากเพื่อชาติและเดินเข้าภูมิใจไทย ภารกิจมากจริง ๆ มากกว่าตอนอยู่เพื่อชาติมาก แถมยังได้นับมอบจากพรรคให้ดูแลจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง ภารกิจก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก 

“เหนื่อยน้องเหอ พอมาอยู่พรรคนี้” อารีบ่น แต่บอกว่า ทำด้วยความเต็มใจ และเต็มที่ เพื่อบ้านเกิดในช่วงบั้นปลายของชีวิต หลังจากทำให้จังหวัดอื่นมาเยอะแล้ว

เข้าใจว่า ภูมิใจไทยตั้งใจสู้เต็มที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช หวังปักธง-แจ้งเกิดในนครศรีธรรมราชให้ได้

กล่าวสำหรับนครศรีธรรมราช คงจะสู้กันหนัก 4 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และน้องใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ

ประชาธิปัตย์ที่นำทีมโดยชัยชนะ เดชเดโช, ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ลูกทีมพร้อมเดินหน้ารักษาแชมป์ตามทวงพื้นที่คืนในทุกเขตเลือกตั้ง เป้าหมายชัดเจน ‘ยึดทั้ง 9 เขต’ เวลานี้ได้ผู้สมัครแล้ว 8 คน ขาดเขตขนอม-สิชล แทน ‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ ที่ลาออกกะทันหัน

พลังประชารัฐ คราวที่แล้วได้มาสามคน ได้จากการเลือกตั้งซ่อมอีกหนึ่งเป็นสี่คน แต่ปัญหาคือสี่คนไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สี่คนสี่ทิศทาง จึงเป็นจุดอ่อนให้ข้าศึกโจมตีได้ง่าย และมีแนวโน้มว่า บางคนจะไปอยู่กับลุงตู่ที่รวมไทยสร้างชาติด้วย จะมีก็แต่สัญหพจน์ สุขศรีเมือง ที่ยืนยันยังอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะเกิดจากพื้นที่ทับซ้อนกับ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ จากรวมไทยสร้างชาติ ที่น้อยจะต้องเอาคืนสัญหพจน์แน่นอน

จับตาเลือกตั้ง ส.ส. พัทลุง ครั้งหน้า จังหวัดเล็กแค่ 3 เขตเลือกตั้ง แต่ห้ำหั่นสุดฤทธิ์

เลือกตั้งครั้งหน้าสมรภูมิเลือกตั้ง ‘พัทลุง’ ระอุแน่  ปชป.เตรียมเปิดตัว 3 ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ด้าน ‘สานันท์ สุพรรณชนะบุรี’ อดีต ส.ส.สองสมัย ขอเป็นลมใต้ปีกส่ง ‘ลูกสาว’ ลงชิงเก้าอี้

เร็ว ๆ นี้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุงทั้ง 3 เขต 

-เขต 1 สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต จาก สายบ้านใหญ่ ส.ส.ประชาธิปัตย์

-เขต 2 ดร.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี ลูกสาวคนเก่งของ สานันท์ สุพรรณชนะบุรี อดีต ส.ส.สองสมัย และอดีตนายกฯอบจ.สองสมัย

-เขต 3 นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.5 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมีมติให้เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย แทน นิพนธ์ บุญญามณี

กล่าวสำหรับสนามเลือกตั้งพัทลุงแล้วจะเป็นการห้ำหั่นกันอย่างเข้มข้นจากหลายพรรคการเมือง เจ้าของพื้นที่เดิม ภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง แต่กำลังโดนดำเนินคดีฐานเสียบบัตรแทนกัน จึงต้องหาคนใหม่มาลงแทน ซึ่งได้ตัวครบหมดแล้ว และจะสู้เต็มสูบทั้งสามเขตเลือกตั้ง

ตามด้วยพรรคประชาธิปัตย์ คราวที่แล้วเหลือให้นริศ ขำนุรักษ์ ไว้ที่นั่งเดียวในเขต 3 ประชาธิปัตย์ก็คาดหวังเต็มที่ว่าจะยึดที่นั่งกลับคืนมา โดยเฉพาะเลือดใหม่อย่าง ดร.ปิยะกาญจน์ ควรจะมีเวทีแจ้งเกิดทางการเมือง โดยมีพ่อเป็นลมใต้ปีก อย่างน้อย 4 อำเภอในเขต 2 ที่สานันท์ไม่เคยแพ้

พรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่อยู่ ก็หวังว่าจะปักธงให้สร้างอนาคตไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นเขต 1 หรือเขต 2

พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็คึกคักมากขึ้นกับกระแสลุงตู่จะย้ายมาร่วมด้วย และตั้งเป้าปักธงให้รวมไทยสร้างชาติที่พัทลุงให้ได้ โดยมีบ้านใหญ่อย่าง ‘วิสุทธิ์ ธรรมเพชร’ กรรมการบริหารพรรคคุมพื้นที่อยู่

เช็กชื่อ ส.ส.ล็อตใหญ่ จ่อโบกมือลาปชป. สถานีต่อไป ซบรวมไทยสร้างชาติ - เพื่อไทย

เพียงไม่กี่วัน ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช จำนวน 9 เขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 12 พ.ย.นี้

แต่เมื่อน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช แจ้งความประสงค์ต่อผู้บริหารพรรค จะไม่ไปร่วมงานดังกล่าว เนื่องจากจะย้ายพรรคไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) แล้ว ทำให้ประชาธิปัตย์ต้องหาคนใหม่มาแทนพิมพ์ภัทรา ทราบข่าวว่ากำลังทาบทามผู้หญิงคนหนึ่งมาลงแทน ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของนักการเมืองด้วย

นอกจากนี้ในพรรคปชป. ยังมีการพูดถึงชื่อส.ส.อีกหลายคนที่อาจจะย้ายพรรค อาทิ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีความสนิทสนม เป็นการส่วนตัวกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และอดีตแนวร่วมกปปส. รวมถึงนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตส.ส.ตรัง ที่แจ้งความประสงค์จะลงเขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ตรัง แต่แพ้ผลสำรวจความนิยมที่พรรคจัดทำท่ามกลางความเคลือบแคลง โดยมีรายงานว่าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ทาบทามไว้แล้ว หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะย้ายไปรทสช.

นอกจากนี้พัทลุงก็มีข่าวอื้ออึงว่า 'สุพัชรี ธรรมเพชร' ก็อาจจะตามคุณอา 'วิสุทธ์ ธรรมเพชร' ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติเช่นกัน ซึ่งวิสุทธิ์ เดินนำหน้าไปนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนแล้ว ซึ่งถ้าสุพัชรีเดินออกไป ลูกสาวของ 'สานันท์ สุพรรณชนะบุรี' อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตนายกฯอบจ.พัทลุง 2 สมัย ก็พร้อมเสียบแทน

ข่าวแว่วมาแต่ไกลว่า 'กันตวรรณ ตันเถียร' ส.ส.พังงา ก็มีคนจีบอยู่เหมือนกัน เมื่อหลายคนเตรียมตีจาก กันตวรรณ ก็ต้องคิด

และยังมีชื่อ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม เป็นอีกรายหนึ่งที่จะย้ายไปรวมไทยสร้างชาติด้วย เนื่องจากมีบิ๊กทหารเป็นคนเชื่อมประสานให้

ในส่วนของ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ลูกสาวนายชุมพล กาญจนะ อดีตส.ส. และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนหน้านี้ น.ส.วชิราภรณ์ ได้เปิดตัวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าลงในนามประชาธิปัตย์ไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีกระแสข่าวจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย แต่สุดท้ายไม่ได้ย้ายไปพรรคดังกล่าว เนื่องจากดีลไม่ลงตัว

ผลโพลชี้ชัด ‘คนใต้’ ยังเทใจให้ ‘ลุงตู่’ ส่วนพรรคในใจ ยังให้ ‘ประชาธิปัตย์’ ยืนหนึ่ง

ผลสำรวจของนิด้าโพล หัวข้อ ‘คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนใต้น่าสนใจยิ่งเกี่ยวกับพฤติกรรม และการตัดสินใจเลือกตั้งของคนปักษ์ใต้’ พบว่า ‘ลุงตู่-ประชาธิปัตย์’ ยังยืนเป็นหนึ่งอยู่ในใจของคนใต้ ด้วยเหตุเพราะทำให้บ้านเมืองสงบ

‘นิด้าโพล’ ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ทําการสํารวจระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้กระจายทุกระดับ การศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จํานวน 2,001 ตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบของคนใต้การสํารวจ อาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (  Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย ๆ  (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมันมั่น ร้อยละ 97.0 การกำหนดค่าความเชื่อมั่นไว้ที่ 97 % อันเป็นการสะท้อนความน่าเชื่อถือของผลโพลที่ออกมา

ผลจากการสํารวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันนี้พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 23.94 ระบุว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ทําให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง

คะแนนอันดับ 2 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อ ไทย) เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรได้ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตรอันดับ 3 ร้อยละ12.79 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 4 ร้อยละ 11.24 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็น คนมีวิสัยทัศน์ ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคกาวไกลอันดับ 5 ร้อยละ 6.14 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทํางาน มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทํางาน อันดับ 6 ร้อยละ 5.95 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบ ผลงานที่ผ่านมาและชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อันดับ 7 ร้อยละ 5.30 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และเป็นคนสุขุมรอบคอบ อันดับ 8 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทํางาน มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 9 ร้อยละ 4.00 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบนโยบาย ของพรรคภูมิใจไทย เป็นคนพูดจริงทําจริงและลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่องอันดับ 10 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะ เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

‘สายัณห์ ยุติธรรม’ คลายสงสัยข่าวลือตีจากพปชร. ลั่น อยู่หรือไป มีเงื่อนไขเดียว ‘นายกตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น’

เยี่ยมบ้านริมน้ำ 'ส.ส.สายัณห์ ยุติธรรม' ในวันสบาย ๆ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเวลาอยู่สั้น ๆ แวะไปเยี่ยม 'สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ริมน้ำที่ อ.ท่าศาลา ซึ่งข้างบ้านก็ทำเป็นธุรกิจร้านอาหารไม่ใหญ่โตมากนัก แต่อาหารอร่อย

“นายกตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น” เป็นคำตอบของสายัณห์ หลังมีข่าวลือว่าจะย้ายพรรค และสายัณห์เคยดอดไปสังเกตการณ์ประชุมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้เกิดข่าวลือว่า สายัณห์จะย้ายพรรค 

คำว่า นายกฯตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น ถ้านายกฯตู่เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ สายัณห์ก็ย้ายพรรคตามข่าวลือ แต่ถ้าลุงตู่เลือกพรรคพลังประชารัฐ สายัณห์ก็ยังอยู่ที่เดิม และเวลานี้ยังไม่ชัดว่า ลุงตู่เลือกพรรคไหน

สายัณห์ สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ริมคลองกับที่ดินหลายไร่ แต่ดูแล้วสายัณห์มีความสุขอยู่กับบ้านหลังเล็ก ๆ ริมน้ำ ที่อุดมสมบูรณ์ กับภรรยาคู่ชีวิต ส่วนลูก ๆ เรียนจบ ทำงานกันหมดแล้ว

สายัณห์พาเดินดูบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีห้องนอนห้องเดียว ห้องน้ำในตัว ในห้องนอนก็เป็นห้องแต่งตัวด้วย เสาร์-อาทิตย์ ไม่มีประชุมสภา สายัณห์ก็จะกลับบ้านริมน้ำที่ท่าศาลา สายัณห์ดูเหมือนจะภูมิใจกับต้นไม้ข้างบ้านที่ลงมือปลูกด้วยตัวเอง เช่น ต้นขนุน ต้นมะพร้าว ไม้ดอกไม้ประดับแซมอยู่ด้วย

ตื่นเช้ามาของวันหยุด สายัณห์ก็จะตระเวนกินกาแฟสองสามร้าน ก่อนจะกลับมาที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารด้วย นัดเพื่อนสนิทมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยน รับฟังปัญหา พร้อมประสานการแก้ไข ถ้ามีงานก่อนเที่ยง เช่น ทอดกฐิน ก็จะออกไปร่วมงานบุญกับชาวบ้าน หรืออาจจะเป็นงานบุญอย่างอื่น ช่วงเย็นก็จะไปงานศพบ้าง งานแต่งบ้าง

“สะพานจันทร์โอชา” คือเรื่องที่สายัณห์ภูมิใจมากที่สุดกับการทำหน้าที่ ส.ส.4 ปี

สะพานจันทร์โอชา เป็นข้อเสนอของสายัณห์ให้สร้างสะพานเชื่อมระหว่าง อ.ขนอม ของจังหวัดนครศรีธรรมราชกับเกาะสมุย ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สายัณห์ทัวร์ลงกับข้อเสนอสร้างสะพานจันทร์โอชา ซึ่งเริ่มจะเป็นจริง กระทรวงคมนาคมทำเอ็มโอยูกับสามหน่วยงาน เดินหน้าออกแบบสะพานจันทร์โอชาแล้ว คือกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยกรมทางหลวงจะรับผิดชอบสร้างถนนเชื่อมกับสะพานฝั่ง อ.ขนอม กรมทางหลวงชนบทจะสร้างถนนเชื่อมกับสะพานฝั่งเกาะสมัย และการทางพิเศษจะสร้างในส่วนของตัวสะพาน ซึ่งน่าจะใช้งบประมาณปี 2577

ทำความเข้าใจ 'ต่างด้าวซื้อที่ดิน' ขายชาติจริงหรือ…?

เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกรณีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงที่อนุญาตให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ได้ ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย แต่มีคนบางกลุ่มออกมาต่อว่า วิจารณ์รัฐบาลว่าเป็นการขายชาติ

เรื่องนี้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยบัญญัติไว้ในมาตรา ๘๖ ว่า คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินก็โดย อาศัยบทสนธิสัญญาซึ่งบัญญัติให้มีกรรมสิทธิ์ใน อสังหาริมทรัพย์ได้และอยู่ในบังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ด้วย

ตามบทบัญญัติดังกล่าวการให้คนต่างด้าวมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นตามสนธิสัญญา คือพลเมืองของประเทศที่มีสนธิสัญญาต่อกันให้พลเมืองถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินในประเทศที่มีสนธิสัญญาต่อกันได้

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินเรื่องให้คนต่างด้วยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมีการบัญญัติเพิ่มไว้ในมาตรา ๙๖ ทวิ โดยมาตรา ๙๖ ทวิ บัญญัติว่า บทบัญญัติว่าด้วยคนต่างด้าว จะได้มาซึ่งที่ดินโดยอาศัยบทสนธิสัญญาตามมาตรา ๘๖ วรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับกับคนต่างด้าวซึ่งได้นําเงินมาลงทุนตามจํานวนที่กําหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องไม่ตํ่ากว่าสี่สิบล้านบาท โดยให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ไม่เกินหนึ่งไร่และต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี

การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงอย่างน้อย ต้องมีสาระสําคัญ ดังต่อไปนี้...

.....(๑) ประเภทของธุรกิจที่คนต่างด้าวลงทุน ซึ่งต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ หรือเป็นกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศให้เป็นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนได้
.....(๒) ระยะเวลาการดํารงการลงทุนต้องไม่น้อยกว่าสามปี
.....(๓) บริเวณที่ดินที่อนุญาตให้คนต่างด้าวได้มา ต้องอยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กําหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง

.....ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐบาลที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกกฎกระทรวง เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การได้มาของคนต่างด้าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๖ ทวิ และยังคงใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันซึ่งคนต่างด้าวก็สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่แล้ว

.....ตามกฎหมายมาตรา ๙๖ ทวิ และกฎกระทรวงที่ออกในปี ๒๕๔๕ มีหลักเกณฑ์สำคัญคือคนต่างด้าวต้องนำเงินมาลงทุนไม่น้อยกว่า ๔๐ ล้านบาท ก็อนุญาตให้ซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน ๑ ไร่ และมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีก

.....สรุปว่าการให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้มีมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๗ ต่อมามีการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินในปี ๒๕๔๒ และได้ออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ในปี ๒๕๔๕ ปัจจุบันคนต่างด้าวจึงถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่เกิน ๑ ไร่ ได้อยู่แล้วโดยรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

รัฐบาลปัจจุบันเพียงต้องการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงปี ๒๕๔๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการที่จะให้คนต่างด้าวมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อประเทศชาติจะได้ประโยชน์ให้มากที่สุดเท่านั้น แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามที่มาตรา ๙๖ ทวิ กำหนดไว้จะผิดไปจากนี้ไม่ได้ และยังอยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไข โดยร่างกฎกระทรวงได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ยังมีการปรับปรุงแก้ไขได้ ยังไม่ได้ประกาศใช้เลย

ถ้ารัฐบาลปัจจุบันเพียงแต่ต้องการจะแก้ไขกฎกระทรวงที่มีอยู่แล้วและต้องเป็นไปตามที่มาตรา ๙๖ ทวิ กำหนดไว้ ถูกประนามว่าเป็นการขายชาติ 

รัฐบาลที่ประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินในปี ๒๔๙๗ รัฐบาลที่แก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินโดยการเพิ่มมาตรา ๙๖ ทวิ ในปี ๒๕๔๒ และรัฐบาลที่ออกกฎกระทรวงในปี ๒๕๔๕ ไม่ต้องถูกประนามว่าเป็นการขายชาติยิ่งกว่ารัฐบาลปัจจุบันหรือ ?

กลุ่มคนที่ออกมาด่ารัฐบาลว่า การให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินเป็นการขายชาติ ควรต้องศึกษาหาความรู้บ้างว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร จะได้ไม่สื่อสารออกไปในทางที่ผิด บิดเบือน ใส่ร้ายคนอื่นให้ได้รับความเสียหาย

‘ทักษิณ’ อาจโดนคดีฆาตกรรมจากเหตุกรือเซะ หลัง ‘แหย่รังแตน’ ปรี่ฟ้อง ‘นายชวน หลีกภัย’

ก่อนหมดอายุความเพียง 3 วัน 'ชวน หลีกภัย' ประธานรัฐสภา ได้เรียกทนายความมาคุยเพื่อหารือกับอัยการถึงการเข้ามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม หลังถูก 'ทักษิณ ชินวัตร' ฟ้อง กรณีชวนบรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์ที่โรงพักตากใบ อันเป็นช่วงที่ทักษิณมีอำนาจอยู่ และนำมาสู่ความรุนแรงมาจนถึงปัจจุบัน 

ชวนประสงค์ให้ศาลวินิจฉัยความถูกผิด และนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปเปิดเผยในชั้นศาล และบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์กับวาทะกรรม 'โจรกระจอก' จนทักษิณต้องออกมาขอโทษชาวใต้ แต่ไม่วายแกว่งปากโยนความผิดไปให้ทหาร พุ่งตรงไปยังทหารฝ่ายตรงข้ามที่จ้องทำลาย โดยเอ่ยชื่อถึงผู้บัญชาการทหารบกในสมัยนั้น คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า ทหารมีอำนาจเต็มในการแก้ไขสถานการณ์ คนเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่อาจทราบรายละเอียดทั้งหมด และคงไม่สั่งการในรายละเอียดของการปฏิบัติ

น่าสนใจยิ่งว่า เมื่อคดีของชวนกับทักษิณจบลงในชั้นศาลแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดข้อมูลของฝ่ายชวน และเป็นข้อมูลจำนวนมากจะถูกตีแผ่ในชั้นศาลอย่างหมดเปลือก นี้คือปรากฏการณ์ ‘แหย่รังแตน’ ของทักษิณ สุดท้ายก็จะโดนแตนต่อยตาบวมแน่นอน หรืออาจจะพูดได้ว่า ‘แกว่งเท้าหาเสี้ยน’ ก็จะโดนเสี้ยนตำเท้าเป็นแน่แท้

‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ยืนเด่นเขต 1 สงขลา การหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

เขต 1 สงขลา เป็นเขตคาดหวังของพรรคประชาธิปัตย์ โดยส่ง ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ลูกชายของ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปี 2562 สรรเพรช พ่ายให้กับ ‘วันชัย ปริญญาศิริ’ จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งวันชัยก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นเพื่อนรุ่นน้องของนิพนธ์นั้นเอง เป็นรุ่นน้องจากมหาวชิราวุธ สงขลา โดยนิพนธ์เป็นรุ่นพี่ของวันชัย 1 ปี

มาถึงวันนี้ ‘วันชัย’ เปิดทางให้สรรเพชญ โดยลาออกจาก ส.ส.ไปลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครสงขลา เท่ากับเป็นการหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

กล่าวถึงสนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา เมื่อวันชัยลาออกไปลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐยังไม่เห็นขยับว่าจะส่งใครลงแทน เดิมมีผู้การฯ ชาติ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีต ส.ส.สงขลา เป็นคนคุมทีมพลังประชารัฐอยู่ แต่เมื่อผู้การฯ ชาติก้าวออกไปจากพลังประชารัฐ ไปร่วมหัวจมท้ายกับพรรคสร้างอนาคตไทย ของอุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงค์ ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่มีหัวเรือใหญ่ 

พรรคพลังประชารัฐสงขลาจึงเหลือ ส.ส.อยู่สองคน คือ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี เขต 4 ศาสตรา ศรีปาน เขต 2 และพยม พรหมเพชร ซึ่งศักยภาพในการคุมทีมยังไม่เพียงพอ หรือการจะควานหาคนมาแทนวันชัยก็ยังไม่มีบารมีพอ ทำให้สนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา ของพลังประชารัฐยังว่างอยู่

กล่าวเฉพาะที่เห็นเวลานี้ก็จะมี ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ เป็นตัวยืนในนามประชาธิปัตย์ และมีประสงค์ บุรีรักษ์ นายกฯ แบน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง ที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วหลุดจากเก้าอี้ มาเปิดตัวลงชิง ส.ส.เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย ฟัดกับเด็ก ๆ น่าจะมีพลังมากกว่า และยังมีพ่อเป็นลมใต้ปีกอยู่อีกด้วย ‘นิพนธ์’ พยายามไม่เข้าไปยุ่งมากกับการหาเสียง ปล่อยให้น้องเพรชจัดการไป ไม่งั้นเขาจะไม่โตสักที

แต่เขต 1 สงขลา นอกจากนายกฯแบน และน้องเพชญ แล้ว ให้จับตาว่า ‘เจือ ราชสีห์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ๆ สด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะตัดสินใจอย่างไร แน่นอนว่าจะลงเขตในนามประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัวน้องเพรชไปแล้ว ถ้าเจือยังยืนยันอยู่ประชาธิปัตย์ก็ต้องขึ้นไปอยู่ระบบบัญชีรายชื่อ และลำดับต้องดีกว่าเดิม ถ้ายังประชาสงค์จะลงเขต 1 ก็ต้องย้ายพรรค หาพรรคใหม่สังกัด โอกาสจึงน่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค คนเก่าจากประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และมีเครือข่ายประชาธิปัตย์อยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็พรรคพลังประชารัฐที่พื้นที่ว่างอยู่ แต่เวลานี้เจือคงยังพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะยังเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์อยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top