Friday, 29 March 2024
เศรษฐกิจ

แนะรัฐ! ดันท่องเที่ยว หวังศก.ไทยปีหน้ากลับมาโต 5% 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ต้องเร่งการส่งเสริมการลงทุน เมื่อได้เปิดประเทศ ต้องหาทางดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาให้ได้อย่างน้อย 10 ล้านคน เพื่อเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 65 ขยายตัวได้ถึง 5% ส่วนจีดีพีของกลุ่มค้าปลีก คาดว่าขยายตัว 2% เติบโตใกล้เคียงกับ จีดีพีของประเทศ โดยโมเดิร์นเทรด มีสัดส่วน 65% ของค้าปลีกทั้งระบบ 

ทั้งนี้ยังได้เปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบการโมเดิร์น เทรด ไตรมาส 3ปี 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ปรับสูงขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ไตรมาส โดยดัชนีรวมอยู่ที่ 47.9 ดัชนีฯในปัจจุบันอยู่ที่ 47.1 และดัชนีฯในอนาคตอยู่ที่ 48.7 เนื่องจากปลายไตรมาส 3 รัฐทยอยคลายล็อกมาตรการต่างๆ และผู้ประกอบการมองว่าค้าปลีกน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนียังต่ำกว่า 50% ทั้งจากองค์ประกอบการในการคำนวณดัชนี จากรายรับ กำไร ราคาขาย จ้างงาน ต้นทุน ยังอยู่ในระดับทรงตัวหรือดีเล็กน้อย ยกเว้นจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังคลายล็อก แต่มีมุมมองต่อไตรมาส4 ดีขึ้น เพราะมองผลดีรัฐบาลจะคลายล็อกที่เหลือ เปิดประเทศ และแรงกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐส่งท้ายปี

โฆษกรัฐบาลเผย “นายก”ปลื้มผลสำรวจนักธุรกิจต่างชาติ พบมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น นักธุรกิจต่างประเทศในไทยยังสนับสนุนการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้  เชื่อมีนักท่องเที่ยว/นักธุรกิจรอเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก

นายธนกร วังบุญคงชนะ เผยภายหลังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศมาตรการเปิดประเทศแบบปลอดภัยพร้อมรับผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เริ่ม 1 พ.ย. นี้ ก็ได้การตอบรับจากภาคเอกชนไทยและนักธุรกิจชาวต่างชาติในไทยเป็นอย่างดี 

โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างชาติในไทย ไตรมาสที่ 3/ 2564 จากหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย 41 ประเทศ สมาชิกรวม 7,810 สถานประกอบการ พบว่าส่วนนักธุรกิจต่างชาติส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นต่อธุรกิจดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ เพิ่มขึ้นเป็น 44.9 และ 38.4 จากเดิมอยู่ที่ 29.8 และ 26.8 ตามลำดับ ในไตรมาส 2/64 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ เพิ่มเป็น 41.7 จาก 27.7  เป็นค่าดัชนีสูงสุดใน 4 รอบการสำรวจ นับจากไตรมาส 4/2563 นอกจากนี้ ร้อยละ 50 ยังเชื่อว่าไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากผลกระทบโควิด-19 และเชื่อว่าเศรษฐกิจและธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 4 ปีนี้ ด้วย ทั้งนี้ นักธุรกิจต่างชาติในไทยยังสนับสนุนการเปิดประเทศของไทย เพราะทำให้การเดินทางเข้าไทยและท่องเที่ยวในไทยง่ายและสะดวกเพิ่มมากขึ้น  เชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจรอเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งไทยเองยังเป็นฐานการลงทุนที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนเศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2564 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น  เช่นเดียวกับการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น การส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ภาคการท่องเที่ยวในเดือนกันยายน 2564 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 2,198,337 คน ทั้งในรูปแบบการท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)  รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว (Tourist Visa) รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวสมาชิกสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) ด้วย

ภาคเอกชนประเมินเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น หวังส่งออกฟื้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ประเมินว่าสถานกาณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5 % ถึง 1.5%ส่วนการส่งออก กกร. ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัว 12.0% ถึง 14.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2% ซึ่งมองว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้กกร.ยังมองว่า การเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี การเปิดประเทศและการคลายล็อกดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ และประชาชน โดยมีการคาดการณ์จากผู้ประกอบการโรงแรมว่า อัตราการเข้าพักน่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 25% ในเดือนพ.ย. จากเดือนก.ย.ที่มี 15% ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่า ผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว สอดคล้องกับมุมมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 

'โฆษกรัฐบาล' เผย รายงานภาวะเศรษฐกิจกันยายน 64  โชว์จัดเก็บภาษีขยายตัวที่ร้อยละ 14.8 ต่อปี ภาษี VAT ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 นทท. ต่างชาติเข้าประเทศกว่า 1.2 หมื่นคน  เชื่อเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในปี 2565

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนกันยายน เปิดเผยตัวเลข สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น อาทิ ด้านการท่องเที่ยว โดยในเดือน ก.ย. 64 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจำนวน 12,237 คน ขยายตัวที่ร้อยละ 100.0 ต่อปี  ทั้งนี้ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 14.8 ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลจัดเก็บได้ ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี   ภาคการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 16.3 ต่อปี ด้านภาคการเกษตร ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังยังคาดการณ์ว่าปี 2565   เศรษฐกิจไทยในจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ต่อปี โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 7 ล้านคน ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.8 ต่อปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ การจ้างงาน และการบริโภคภายในประเทศ 

สภาอุตฯ ชงข้อเสนอรัฐบาล 4 ข้อเร่งฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำข้อเสนอถึงภาครัฐเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ 4 ข้อ คือ

1. เร่งรัดการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนตามเกณฑ์ขั้นต่ำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เปิดรับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ

2. ภาครัฐควรมีแผนรองรับการเปิดประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุขที่ชัดเจน เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจ

3. เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการควบคุมโรค เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ

และ 4. ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการภาคอุตสาหกรรม

ส่งออกพ.ย.บวก 24.7% ประเมินทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15-16%  

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกของประเทศในเดือนพ.ย. 64 ว่า ยอดการส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 24.7% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 23,647 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นไปตามทิศทางการส่งออกของโลกที่ดีขึ้น แม้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนซึ่งยังเป็นผลกระทบอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก 

สำหรับกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง คือ สินค้าเกษตรขยายตัว 14.2% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเติบโตถึง 21.1% สินค้าอุตสาหกรรมเติบโตถึง 23.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่อเนื่องมา โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลไม้สด ยางพารา มันสำปะหลัง ส่งออกได้ในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นและต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว 

'โอมิครอน' ทุบใช้จ่ายปีใหม่ซึมหนักรอบ 12 ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้มีเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 30,000 - 50,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่อยู่ที่ 120,000-140,000 ล้านบาท

“ในภาพรวมแม้คนส่วนใหญ่จะวางแผนท่องเที่ยวและสังสรรค์กันในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่จากปัญหาความกังวลแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้การท่องเที่ยวและสังสรรค์อาจจะไม่คึกคักมากนัก เพราะยังกลัวการติดเชื้อโอไมครอน ดังนั้น พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงปีใหม่นี้ คนส่วนใหญ่จะเน้นสังสรรค์อยู่กับบ้านและหากจะท่องเที่ยวก็จะเน้นท่องเที่ยวที่ไม่ใกล้มากนัก แต่หากจะไปก็จะเน้นไปในพื้นที่ที่ดูแลด้านความปลอดภัยลดการติดเชื้อโควิดให้มากที่สุด”

ทั้งนี้จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่ออกมายังพบว่า การใช้จ่ายเทศกาลปีใหม่อยู่ 85,796 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 6.2% ต่ำสุดในรอบ 12 ปีนับจากปี 2554 เพราะเดิมหากไม่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ศูนย์พยากรณ์ฯ ประเมินว่า น่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ไม่ต่ำกว่า 120,000-140,000 ล้านบาท

‘ซัมซุง’ เผย 'ไทย' ฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ‘ใหญ่สุดในโลก’ ชี้!! 32 ปี ลงทุนร่วม​ 5​ แสนล้านดอลฯ

“ไทยซัมซุง” ฉลอง 32 ปี เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในไทย ชูฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่สุดในโลก หลังลงทุนแล้วกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ นายจุนฮวา ลี ประธาน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน ไทยซัมซุงฯ ถือเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำลังผลิตสูงสุดใน 28 ประเทศทั่วโลก และมีจำนวนประเภทสินค้า (SKU) มากที่สุด แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เตาอบ และเครื่องล้างจาน

โดยมีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 10 ล้านยูนิตต่อปี คิดเป็นสัดส่วนสินค้าส่งออกถึง 90% เรียกได้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงในครัวเรือนทั่วโลกถูกผลิตและส่งออกจากโรงงานแห่งนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเตาอบและเครื่องล้างจานที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกเพียงรายเดียวในโลก

“ซัมซุงดำเนินธุรกิจเคียงคู่ประเทศไทยมาแล้วกว่า 32 ปี นับเป็นบริษัทสาขาที่ดำเนินกิจการนอกประเทศเกาหลีใต้ยาวนานที่สุด ซึ่งการที่เราสามารถพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคงดังเช่นทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากแรงสนับสนุนอย่างดีของคนไทย

ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (โรงงานศรีราชา) มีมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยรวมแล้วกว่าห้าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนาน มีการสร้างโอกาสการจ้างงาน สร้างรายได้หมุนเวียนที่สู่ 4,000 ครอบครัว รวมถึงพนักงานจากบริษัทคู่ค้าอีกกว่า 50,000 คนทั่วประเทศ

โฆษกรัฐบาล โชว์ตัวเลข 4 มาตรการรัฐ ลดค่าครองชีพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบ โควิด-19 บอก บิ๊กตู่ ปลื้ม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความยินดีที่กระแสตอบรับจากประชาชนพอใจ และชื่นชอบมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ปี 2564 ของรัฐบาล โดยทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สิ้นสุดระยะเวลาการใช้จ่ายไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 

นายธนกร กล่าวว่า ซึ่งกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้รายงานตัวเลขยอดการใช้จ่ายมีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวม 41.5 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 254,281.7 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้ 1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ 13.55 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 24,010 ล้านบาท 2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ 1.51 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 2,183.3 ล้านบาท 

นายธนกร กล่าวว่า 3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 26.35 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวน 27.98 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 4,500 บาท แล้วกว่า 10.87 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 223,921.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 113,936 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 109,985.8 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 88,712.9 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 36,037 ล้านบาท ร้าน OTOP 10,843.2 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 84,160.7 ล้านบาท ร้านบริการ 3,900.1 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 267.9 ล้านบาท 

นายธนกร กล่าวว่า และ 4) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีประชาชนผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 91,952 ราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวนกว่า 4.9 แสนราย โดยมียอดใช้จ่ายสะสมส่วนประชาชน 3,827.4 ล้านบาท มีมูลค่าการใช้จ่ายสะสมที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 3,064 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 353.8 ล้านบาท และมูลค่าการใช้จ่ายสะสมส่วน e-Voucher 339.2 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมรวมส่วนประชาชนและ e-Voucher แบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 197.6 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 214.4 ล้านบาท ร้าน OTOP 441 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 3,167.6 ล้านบาท และร้านบริการ 146 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้า และค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้า OTOP ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566 โดยผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่เพิ่งสิ้นสุดโครงการไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.64 สามารถไปใช้โครงการสิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้  

คาดการณ์ปี 65 การเมือง เศรษฐกิจและสังคม | Click on Clear THE TOPIC EP.118

📌ชวนคุยอนาคตเมืองไทย!! ไปกับ ‘อ.ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์’ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ​ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง!!

📌ใน Topic : คาดการณ์ปี 65 การเมือง เศรษฐกิจและสังคม!

จับประเด็น เน้นความรู้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top