Friday, 10 May 2024
เศรษฐาทวีสิน

'เศรษฐา' ลั่น!! ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล "ผมจะนั่งหัวโต๊ะและบริหารจัดการปราบยาเสพติดเอง”

(19 เม.ย.66) ที่มูลนิธิเจริญเชื้อ อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนกับปัญหายาเสพติดเป็นอย่างมาก ตนได้ฟังปัญหามาว่ามีทั้งผู้ค้ายา มีผู้ป่วย มีขบวนการรัฐด้วยที่ยังไม่ได้บริหารจัดการในพื้นที่ สำหรับผู้ค้ายานั้นก็ต้องบริหารจัดการให้เด็ดขาด 

ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย ถ้าได้รับเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลจะจัดการปัญหายาเสพติดภายใน 1 ปี ยึดทรัพย์ผู้ค้าให้เร็วขึ้นและโทษต้องหนักขึ้น โดยต้องมีหลายหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย  ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นตนเอง หรือ แพทองธาร ชินวัตร หรือ ชัยเกษม นิติสิริ ก็ตาม เราจะนั่งหัวโต๊ะ เป็นเจ้าภาพบริหารจัดการเองในเรื่องยาเสพติดให้หมด ดังนั้น ภายใน 1 ปีที่จะได้เห็น หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคายาบ้าต้องแพงขึ้นหรือหายไป เรื่องยึดทรัพย์ผู้ค้าผู้กระทำความผิดและการบำบัดรักษาผู้ป่วยต้องเร็วขึ้น และถ้าเป็นรัฐบาล ผมจะนั่งหัวโต๊ะบริหารจัดการปราบยาเสพติดเอง

3 คู่หยุดโลก!! รับฝีปากประชันศึกดีเบต

วันที่ 22 เม.ย.66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ต้องทันกัน" โดยเสนอให้สื่อสำนักใหญ่จัดดีเบตการเมืองสามคู่หยุดโลก เริ่มด้วยคู่ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” มันส์แน่นอน จากนั้นเป็นคู่ “สุดารัตน์ประลองกึ๋นอุ๊งอิ๊ง” แล้วตบท้ายด้วยคู่ “เศรษฐาโชว์มุมมองเศรษฐกิจกับพิธา” เชื่อว่าสื่อไหนทำได้รับรองถนนโล่ง ผู้ชมหน้าจอถล่มทลาย

นายจตุพร กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจดหมายฉบับที่ 10 ที่มีเนื้อหาสำคัญทิ่มแทง กระชวก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชนิดตีความเนื้อหาในจดหมายสะท้อนถึงตัดขาดความเป็นพี่น้องชายชาติทหารอย่างสิ้นเยื่อใยต่อกัน

เนื้อหาส่วนสำคัญของจดหมายฉบับที่ 10 นั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยสนับสนุนให้แก้ รธน.และกฎหมายเลือกตั้งมาเป็นระบบบัตรสองใบ และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใช้ 100 หาร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คัดค้าน เชื่อตามความเห็น ส.ว. เพราะเกรงจะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ จึงยืนกรานให้ใช้แบบเดิมคือ บัตรเลือกตั้งใบเดียวและ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้ 500 หารจำนวนคะแนนเสียง พร้อมทั้งตอนท้ายของจดหมาย พล.อ.ประวิตร ยังให้ติดตามฉบับที่ 11 “ผมจะพูดถึงเรื่อง เป็นนายกต้องให้เกียรติสภาอย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า ขอเสนอให้สื่อใหญ่ๆ จัดคู่ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร เพราะจดหมายของ พล.อ.ประวิตร ฉบับที่ 10 นั้นพุ่งเป้าโดยตรงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับกล่าวหาต่อต้านการแก้กฎหมายเลือกตั้งและ รธน.ที่เปลี่ยนจากบัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบและระบบปาตี้ลิสต์หาร 100 อีกทั้งจะมีจดหมายในฉบับที่ 11 เรื่องการเป็นนายกฯให้เกียรติสภาก็พุ่งชน พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงเพราะถูกข้อกล่าวหาว่า ไม่ให้เกียรติสภา

"ดังนั้น คู่นี้จะเป็นคู่มวยหยุดโลก ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ มันต้องเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร จะเขียนจดหมายฝ่ายเดียวได้อย่างไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบเป็นจดหมายทำไม มาดีเบตกันเลย พูดแบบไม่มีเวลาจำกัด เมื่อ พล.อ.ประวิตร แทงเข้าขั้วหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วยังสำทับอีกว่า จะแทงอีกครั้งหนึ่งในจดหมายที่ 11 ดังนั้น ไม่มีทางอื่นแล้ว คู่มวยหยุดโลกนี้ต้องเกิดขึ้นในเวทีดีเบต”

นายจตุพร ประเมินว่า การเขียนจดหมายพุ่งชนแบบกามิกาเซ่นั้นเป็นเพราะฐานคะแนนของ พปชร.และ รทสช. มาจากที่เดียวกัน อีกอย่างฝ่ายอนุรักษ์มีความเชื่อว่ามีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะหยุดทักษิณ ชินวัตร ได้ ยิ่งจะทำให้ พล.ประวิตร-พปชร. คะแนนเสียงหายไปจากจอเรดาร์

ดังนั้น ในการแข่งขันรอบแรกระหว่าง รทสช.กับ พปชร.ต้องชิงดำกันก่อน ว่าใครจะเป็นที่หนึ่งของสายอนุรักษ์ โดยไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เป็นเรื่องของสองพลเอกชื่อ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” เท่านั้น เพราะจดหมายฉบับที่ 10 พุ่งใส่ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มๆ โดยไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมหรือยุกันให้บาดหมางใดๆ

อีกอย่าง เห็นว่า เสียง ส.ว. 250 คน ย่อมอยู่กับ พล.อ.ประวิตรหรือ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น จึงต้องวัดดวลกันให้รู้ไปเลยใครจะได้ ส.ว.เสียงข้างมากมาครอง แล้วยังต้องช่วงชิงเสียงในตลาดฝ่ายอนุรักษ์ด้วยกันเพื่อแข่งกันตั้งรัฐบาล โดยวงประเมินทั่วไปในขณะนี้ เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะชนะ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้ากระแสเป็นตามปกติแล้วเสียงจะมาเทให้พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินหาเสียงแบบสบายตัวอีกไม่ได้ จึงต้องจ้วงแทง นับเป็นการเขียนจดหมายที่อ่านการเมืองได้ขาดและพุ่งเป้าได้ตรง
ส่วนการจับมือพรรคข้ามฟากกับพรรคเพื่อไทยร่วมตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะเผยโฉมอีกไม่นาน เพียงจดหมายฉบับที่ 10 ก็เริ่มบอกเค้าลางให้เห็นบ้างแล้ว แต่จำเป็นต้องประกาศศึกกับพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งกันก่อน

อีกทั้ง เห็นว่า การเมืองมันอำมหิตมาก ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง เหมือนตามที่เพื่อไทยประกาศไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง อีกสายอนุรักษ์นิยมก็เริ่มไม่มีพี่ไม่น้องแล้ว ดังนั้น การข้ามมาเอาคะแนนเสียงอีกฝั่งที่มีเพื่อไทย ก้าวไกล ครองเสียงอยู่ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเปิดศึกแย่งเสียงในฝั่งเดียวกันก่อน คือ ดีงคะแนนจาก รทสช.

“ศึกดวลดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นศึกที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับคนไทย เมื่อ พล.อ.ประวิตร ลงมือกระชวกขนาดนี้ แสดงถึงไร้ความเป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีความเกรงใจหลงเหลืออยู่ เพราะจดมายฉบับ 10 มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเปิดศึกชนกัน แล้วมีจดหมายฉบับ 11 มาตอกย้ำให้ชัดยิ่งขึ้น”

นายจตุพร ค่าดว่า ทางฝ่าย รทสช. ต้องรู้ตัวเช่นกันว่า กระบอกปืนจากมือ พล.อ.ประวิตร คนฝ่ายเดียวกันได้หันมายิงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการชี้ชะตานายกฯ ภายใต้กติกา ส.ว. 250 คน เมื่อเป็นเดิมพันสูงชนิดทุ่มสุดตัว ก็ยอมกันไม่ได้ หลีกทางให้กันก็ไม่พ้น ดังนั้น จึงต้องให้คู่นี้มาดีเบตกันแล้ว

ส่วนการดีเบตคู่ที่สอง นายจตุพร เสนอจัดประลองกึ๋นระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เพราะคุหญิงสุดารัตน์ เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยมาก่อน ปัจจุบันอุ๊งอิ๊งก็เป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยอยู่ ตนเชื่อว่า ดีเบตคู่นี้คนอยากฟังมาก

ยังมีอีกคู่คือ ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ซึ่งน่าสนใจ เพราะแนวคิดทางเศรษฐกิจในมุมต่างๆนั้นเป็นอย่างไร ส่วนนอกนั้น คงไม่ต้องดีเบตกันแล้ว เพราะแต่ละพรรคสร้างรังแต่พอตัวของตัวเองไปแล้ว คงไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร แค่รักษาฐานเสียงให้ตัวเองรอดก็หนักหนาสาหัสแล้ว

"ผมว่า การดีเบตของสามคู่นี้ จะต้องมีคนดู เอาคู่ประวิตรกับประยุทธ์ มาเป็นแมตซ์หยุดโลก ตามด้วยคุณหญิงสุดารัตน์กับอุ๊งอิ๊ง จะเห็นมุมใหม่ แล้วเศรษฐากับพิธา จะเห็นหลักคิดวิธีคิดทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ผมว่าเอาสามคู่นี้มันส์แน่”

ในสถานการณ์ทุกพรรคเร่งโหมหาเสียงนั้น นายจตุพร เล่าถึงศิลปะโกงเสียงของของนักการเมืองว่า ทุกยุคของการเลือกตั้ง ล้วนมีลูกเล่นแกมโกงเพื่อชิงคะแนนเสียงกันทั้งนั้น บางยุคกล่าวหาผู้สมัครซื้อเสียง เมื่อเขาไปแล้ว ตัวเองก็เจรจาซื้อเสียงเสียเอง บางครั้งนักการเมืองก็เขี้ยวลากดินคิดกระทั่งกล่าวหาบางพรรคใช้แบงก์ปลอมซื้อเสียง ถ้าไม่อยากติดคุกต้องนำมาแลกกับตัวเองในครึ่งราคา ดังนั้น จึงได้กำไรฟรีๆ ไปเท่าตัว อีกฝ่ายก็เจ๊งทันที แถมทุกชาวบ้านรุมด่าเอาอีก สิ่งเหล่านี้เป็นศิลปะทำลายทางการเมืองของพวกเขี้ยวลากดินที่เคยปฏิบัติชิงคะแนนเสียงกันมาแล้วทั้งสิ้น

ส่วน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะไม่ให้คนทุจริตเลือกตั้งไปเป็น ส.ส. พร้อมขู่ไม่ยอมให้ผีหลุดไปหนุนจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนไทยคงไม่เชื่อตามที่พูดแน่ ซึ่งการพูดดังกล่าวแสดงถึงจะไม่รับรองให้เป็น ส.ส. ก่อน

อีกอย่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย เฉพาะที่มารายได้ทำโครงการเงินดิจิทัลก็ไปไม่ถูกแล้ว แต่อาจมีเจตนาการซ่อนเร้นอะไรไว้ ซึ่งหวังว่า การวินิจฉัยของ กกต.จะมีความตรงไปตรงมา เรื่องที่ไม่รู้ ก็ไม่ควรใช้ความรู้สึกของ กกต.วินิจฉัย แต่ต้องฟังผู้ชำนาญการพิจารณา และควรให้ประชาชนได้รับรู้ก่อนจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง อีกทั้งต้องปฏิบัติกับทุกพรรคตรงไปตรงมาเหมือนกับปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทยด้วย "เรื่องซื้อเสียง ผมว่า กกต.ไม่มีปัญญาจัดการอยู่แล้ว งบประมาณอนุญาตให้ใช้จ่ายเป็นเรื่องจอมปลอม เป็นการแต่งบัญชีหลอกกันทั้งนั้น มีแต่ กกต.เท่านั้นที่เชื่อเป็นจริง แต่นักการเมืองไม่มีใครเชื่อเลย จึงขอให้ กกต.ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมสักครั้ง อย่างน้อยคนจะได้จำว่า ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใสจริงๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือที่ได้กล่าวไว้กับประชาชน"

'พังงา' แห่รับ 'เศรษฐา' ล้น!! เจ้าตัว ลั่น!! อบอุ่นได้กุหลาบเยอะมาก ยาหอม!! พร้อมนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.66) ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพังงา (หลังเก่า) ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา จ.พังงา พรรคเพื่อไทยจังหวัดพังงา นำโดย นายธะเนต นาวาล่อง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพังงา เบอร์ 5 พรรคเพื่อไทย และนายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดพังงา เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย, นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายสุธรรม แสงประทุม ประธานขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมการปราศรัย ซึ่งสาระสำคัญในการปราศรัย เรื่องปากท้องชาวบ้าน​ ราคายางพารา​ การท่องเที่ยว​ เป็นต้น

‘เพื่อไทย’ เตรียมเดินสายปราศรัยภาคอีสาน 2 วัน 4 จังหวัด มุ่งทำคะแนนโค้งสุดท้าย แม้โพลสำรวจจะการันตีความนิยม

(28 เม.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ, สุรินทร์, มหาสารคาม และบุรีรัมย์

โดยจะเริ่มเวทีปราศรัยที่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.เมือง จากนั้นไปที่ อ.อุทุมพรพิสัย เสร็จจาก จ.ศรีสะเกษ 3 เวทีในช่วงบ่าย ในช่วงเย็นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.จะเริ่มเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จากนั้นไปต่อที่ อ.ละหานทราย และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

‘เศรษฐา’ ลั่น!! พร้อมยกราคาข้าวให้สูงขึ้นเทียบ ‘รบ.ยิ่งลักษณ์’ หนุนส่งออกข้าวไทยสู่เวทีโลก ปลุก ปชช.เลือก ‘พท.’ ให้ชนะขาด

(30 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม 6 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เบอร์ 4
เขต 2 นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ เบอร์ 7
เขต 3 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เบอร์ 9
เขต 4 นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ เบอร์ 2
เขต 5 นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ เบอร์ 1
เขต 6 นายรัฐ คลังแสง เบอร์ 8

โดยมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะ

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ราคาข้าวสูงมาก สูงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน พี่น้องอยากให้ราคาข้าวกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ แน่นอนว่าราคาข้าวจะกลับมาดี ถ้าพี่น้องเลือกนายยุทธพงศ์ให้ชนะขาด ยืนยันว่าพรรค พท.จะเดินหน้าเอาข้าวไปขายทั่วโลก มีอีกหลายประเทศยังไม่รู้จักข้าวไทย ถ้าหลายประเทศสนใจ มีออเดอร์สั่งซื้อเยอะ ราคาข้าวก็จะขึ้นสูงแน่นอน พี่น้องจำไว้เลยสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ราคาข้าวดี เพราะ รมช.เกษตรฯ คือ นายยุทธพงศ์ นำมาซึ่งราคาข้าวที่เป็นที่น่าพอใจ

นอกเหนือจากราคาข้าว ปัญหาความยากจนและรายได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรามีนโยบายพักต้นพักดอกให้เกษตรกร 3 ปี เราจะติมเงินให้ 2 หมื่นบาท สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทใน 4 ปี ปีหน้าขึ้นทันที 400 บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ทำพรรคคู่แข่งดิ้น ออกมาบอกว่าทำไม่ได้บ้าง ผิดกฎหมายบ้าง อย่าไปเชื่อ เราทำได้แน่นอน เงินจะเข้าสู่ระบบหลายหมื่นล้าน ไม่ต้องไปรอรัฐบาลที่ไร้หัวใจ บัตรคนจนเราไม่ยกเลิก แต่เมื่อพรรคพท.มา พี่น้องจะมีแต่ความร่ำรวย ไม่ต้องพึ่งบัตรคนจน เก็บบัตรคนจนไว้เป็นที่ระลึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยให้ท่านไว้เพื่อเรียกพวกท่านว่า ‘คนจน’

‘เศรษฐา’ อัด รบ.บริหารพลังงานผิดพลาด ทำค่าไฟพุ่ง พร้อมชูมาตรการระยะสั้น-ยาว แก้ค่าไฟแพง คลายทุกข์ ปชช.

(3 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’ ในหัวข้อ ‘พิษการบริหารจัดการค่าไฟฟ้า : ฤดูร้อนที่ประชาชนชาวไทยหนาว’ โดยระบุว่า…

ฤดูร้อนในประเทศไทยเรานี้อากาศร้อนขึ้นทุกปี ๆ พี่น้องประชาชนไทยก็ต้องพึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด พี่น้องหลาย ๆ ท่านคงอดกังวลถึงบิลค่าไฟที่แพงขึ้นไม่ได้ เพราะแค่ค่าไฟเดือนมีนาคมก็เปลี่ยนอากาศร้อนกลายเป็นหนาวได้เลยทีเดียว

ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่เป็นเวลานานติดต่อกันหลายปี สำหรับประเด็นเรื่องค่าพลังงาน ที่ส่งผลเดือดร้อนทั้งกับพี่น้องประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ และทั้งกับภาคธุรกิจที่ต้นทุนสูงขึ้น

ต้องบอกว่าปัญหาทั้งหมดนี้ เกิดจากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูง และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงเข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก ซึ่งถ้าให้ร่ายรายละเอียดความผิดพลาดก็มีหลายเรื่องครับ
อย่างแรก ปัญหาการรับช่วงต่อสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทยจาก บริษัท เชฟรอน ทำให้ผลิตก๊าซธรรมชาติ (LNG) ได้น้อยลงกว่าที่เคยทำได้ รวมถึงเรื่องการที่เรานำ ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ราคาถูกจากอ่าวไทยไปผลิต ปิโตรเคมี แทนที่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้แล้ว ต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้รู้อยู่แล้วว่า ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยจะไม่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้า แต่กลับไม่ได้เร่งต่อรองกับกัมพูชาเพื่อขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา และท้ายสุดแล้วคือ เรื่องของสัญญาค่าความพร้อมที่เซ็นล่วงหน้า โดยไม่มีการประมาณการความต้องการไฟฟ้าอย่างละเอียด จากปกติที่ควรจะมีไฟฟ้าสำรองแค่ 15% แต่ตอนนี้เรากลับมีไฟฟ้าสำรอง มากกว่า 50% หนำซ้ำรัฐบาลที่ผ่านมายังไปเซ็นใบอนุญาตผลิตไฟเพิ่มอีกกว่า 16% ของความต้องการไฟฟ้าก่อนจะยุบสภาฯ เป็นเหมือนการซ้ำเติมความบอบช้ำของประชาชนให้หนักขึ้นไปอีก

ปัญหาเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เรามีมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อจัดการปัญหาอย่างทันที

ในระยะสั้น เราจะลดราคาค่าไฟฟ้าทันที และตรึงราคาค่าไฟฟ้าไปก่อน เพราะราคาพลังงานมีแนวโน้มที่อาจจะปรับลง จากภาวะเศรษฐกิจของโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และค่อยประเมินอีกทีในช่วงปีถัดไป เราจะเจรจาหาข้อยุติในกรณีพิพาทเรื่องการส่งมอบสัมปทานในพื้นที่อ่าวไทย และดำเนินการหยุดให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าทุกชนิด จนกว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการจะลดลง

‘เศรษฐา’ ประกาศกร้าวกลางปราศรัยเมืองจันท์ ลั่น!! “ยอมติดคุก” ย้ำ!! ไม่ให้ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา จากนโยบายบางพรรค

‘เศรษฐา’ เยือนเมืองจันท์ ลั่นยอมติดคุกป้องลูกหลานมอมเมากัญชา แม้ถูกบางพรรคฟ้อง ‘เต้น’ แฉแผนสุมหัวตั้งรัฐบาลข้างน้อย

(4 พ.ค.66) ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัยช่วย 3 ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรค พท. ได้แก่ นายมงคล ศรีคำแหง เขต 1 เบอร์ 2 นายวันทิต ตั้งรักษาสัตย์ เขต 2 เบอร์ 2 และนายแสนคม อนามพงษ์ เขต 3 เบอร์ 3

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ปัญหาที่ประชาชนประสบอยู่ขณะนี้เกิดจากนายกฯไม่มีวิสัยทัศน์พาประเทศเจริญ และเพิ่มรายได้ให้ประชาชน หรือปัญหาเรือประมงออกไปจับปลาไม่ได้ เพราะไปเซ็นสัญญาอัปยศกับอียูจนชาวประมงไปทำมาหากินไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลต่าง ๆ ก็ไม่มีใครมาช่วยแก้ปัญหา จ.จันทบุรี มีของดีอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องผลไม้ แต่นายกฯไปเปิดตลาดให้บ้างหรือไม่ นายกฯพรรค พท. จะเดินทางไปทุกหย่อมหญ้า หาตลาดผลไม้ให้เกษตรกร ใช้การตลาดนำ ให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ภายใน 4 ปีที่เป็นรัฐบาล รายได้สุทธิเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว รวมถึงจะผลักดันพลอย จ.จันทบุรี เป็นซอฟต์พาวเวอร์มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ขณะที่เรื่องกัญชาเสรีที่พรรคการเมืองหนึ่งมาหาเสียงที่นี่บอกจะทำให้กัญชาเสรี สูบพี้กันเมามัน หลายคนรับไม่ได้ ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคนั้น แต่เป็นศัตรูกับกัญชา ไม่อยากให้ลูกหลานถูกมอมเมา แต่พูดกลับก็สะเทือนพรรคนั้น ถึงขั้นไปฟ้องตน แต่ตนยอมติดคุก เพื่อไม่ให้ลูกหลานถูกมอมเมาด้วยกัญชา ถ้าเลือกพรรคนั้นมา ลูกหลานจะถูกมอมด้วยกัญชา อย่ายอมเด็ดขาด ขอให้สู้ไปด้วยกัน วันเลือกตั้งอย่าปันใจให้ใคร พรรค พท. มาคนเดียว ไม่มีพรรคพี่น้อง ขอให้เทใจกาบัตรทั้งสองใบให้พรรค พท.

‘ภูมิธรรม’ ชู ‘เศรษฐา’ คุณสมบัติครบ เทียบชั้น ‘ทักษิณ’ ลั่น!! เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

(5 พ.ค.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ผมขอพูดถึงแคนดิเดตนายกฯ คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ‘เศรษฐา ทวีสิน’

ตลอดเวลานับตั้งแต่เปิดตัวทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย ผมได้เห็นความทุ่มเท ความมุ่งมั่นในการลงพื้นที่เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน

อย่างจริงจังและจริงใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากประการหนึ่งของคนที่อาสาเข้ามาเป็นนักการเมือง 
เมื่อพูดคนจะฟัง เมื่อลงมือทำคนจึงจะเชื่อ ใช่ครับ คุณเศรษฐาพิสูจน์ความเป็นนักการเมืองของตัวเองด้วยการลงมือทำ

‘เศรษฐา’ มั่นใจ!! ฐานเสียง ‘พท.’ แข็งแกร่ง สู้กระแส ‘ก้าวไกล’ ได้ ชี้ ผลโพลหลักพันไม่ใช่สะท้อนเสียงของประชาชนทั้งประเทศ

(6 พ.ค. 66) ที่จังหวัดนครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.)  และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งจะแก้เกมกับกระแสของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มาแรงทุกโพลอย่างไรว่า คงไม่มีอะไรแก้ เพราะโพลของเราก็มาดี เรายังมั่นใจอยู่ว่าเราจะได้เกินครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับกระแสที่ออกสื่อย้ำๆ นั้นก็เป็นแค่กระแส เพราะเวลาลงพื้นที่แล้วโพลของเราก็ยังมีและดีอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าแต่โพลก็มีผลต่อการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจ ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบาย รวมถึงผู้นำ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว จะเล่นกันไม่ได้ ไม่ใช่สนามที่ประลองฝีมือ แต่เป็นของคนที่มีประสบการณ์หรือพรรคที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ว่าสามารถทำนโยบายที่เสนอเป็นจริงได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราต้องตอกย้ำต่อไป อีกทั้งโพลบางโพลก็ทำแค่ 1-2 พันคน เราควรเอาโพลที่ทำเป็นแสนมาเป็นตัวชี้วัดดีกว่า

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่ากระแสของพรรคก้าวไกลยังสู้ฐานเสียงของเพื่อไทยไม่ได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “สู้ไม่ได้ เรามั่นใจครับ เรามั่นใจความแข็งแกร่งของฐานเสียง มั่นใจในนโยบาย มั่นใจในความที่เราเป็นสถาบันทางการเมืองมานาน ที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำได้จริง”

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยยังเพียงพอทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าแลนด์สไลด์หมายความว่าอะไร ถ้า 200 กลางๆ ขึ้นไป ตนคิดว่าตนได้อยู่ หรือ 280 เราก็ยังมั่นใจอยู่ แต่จะถึง 300 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โค้งสุดท้ายว่าจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังมีความหวังอยู่

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ ว่าทำไมช่วงโค้งสุดท้ายกระแสก้าวไกลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องของโซเชียลส่วนหนึ่ง และอาจเป็นช่วงจังหวะที่ผลโพลออกมา แต่อย่างที่เรียนไปว่า โพลบางโพลสำรวจแค่ 2,000-2,500 คน ซึ่งประเทศไทยมีประชากรที่สามารถโหวตได้ประมาณ 39 ล้านคน ต้องเอานโยบายเป็นหลัก ประวัติศาสตร์ การพิสูจน์ฝีมือมาโดยตลอด และผู้นำที่เคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ทีมงานที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอด ตรงนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุด

เมื่อถามว่า กระแสที่เทไปทางพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยมี 3 คน และไม่ชัดเจนว่าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้ใครเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น ตนคิดว่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่า เพราะจริง ๆ เรามีทีมที่แข็งแกร่ง ทั้ง 3 คนมีจุดแข็งแตกต่างกัน ดังนั้น นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยก็คือ 1 ใน 3 คน รอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ใจเย็น ๆ

‘เศรษฐา’ เดินตลาดนัดจตุจักร ด้าน ‘เอม พินทองทา’ ร่วมแจมด้วย แม่ค้าแห่ขอเซลฟีเพียบ เจ้าตัวเผย ดีใจคนไทยตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้ง

‘เศรษฐา’ ควงภรรยา-ลูก เดินตลาดนัดจตุจักร ด้าน ‘เอม’ ควงสามี-ลูกแฝดร่วมแจม แม่ค้า อ.ต.ก.กรี๊ดสนั่น แห่ขอเซลฟีเพียบ เจ้าตัวดีใจคนตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเยอะ สะท้อน ปชช.เจ็บช้ำจาก รบ.รัฐประหาร

(7 พ.ค. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภรรยา และน้อบ ณภัทร ทวีสิน บุตรชาย พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ, นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี และลูกสาวฝาแฝด เอมิ พิณธารา และนานิ พิณนารา

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ, นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานรณรงค์หาเสียงพื้นที่กรุงเทพฯ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการ รักษาการโฆษกและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 8 จตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) และหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน), นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 บางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) จตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) และหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน) ลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรเพื่อพบปะประชาชนที่มาซื้อสินค้าที่ตลาดนัด รวมทั้งพูดคุยกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดนัด

ทั้งนี้ มีประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจเข้ามาขอเซลฟีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ได้มีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการภายในตลาดนัด ได้มาเสนอแนะและเรียกร้องว่าหากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลอยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเช่าแผงที่มีราคาสูง

จากนั้นนายเศรษฐาและคณะ ได้เดินแวะชมภาพงานศิลปะ ก่อนเดินทักทายผู้ที่ผ่านไปมา และชิมโกโก้เย็น กินลูกชิ้นปิ้ง นอกจากนี้ ได้เดินสอบถามพ่อค้าแม่ค้าร้านขายเสื้อผ้า ต้นไม้ อาหาร เครื่องดื่มว่าช่วงนี้ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง โดยส่วนใหญ่สะท้อนว่าค้าขายไม่ค่อยดี

ต่อมานายเศรษฐาและคณะ ได้เดินไปตลาดสดองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยแม่ค้าต่างส่งเสียงกรี๊ดและวิ่งเข้ามาขอเซลฟีเป็นจำนวนมาก โดยนายเศรษฐาได้เดินทักทายผู้ค้า และแวะเข้าไปทักทายร้านกุยช่ายทอด ซึ่งเป็นร้านอาหารโปรดที่มาตลาด อ.ต.ก.ต้องซื้อรับประทานทุกครั้ง

จากนั้น นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังการลงพื้นที่ที่ตลาด อ.ต.ก. ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างดีว่า ดีใจที่ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะตนมาเป็นขาประจำอยู่แล้ว ไม่ได้มาแค่หาเสียง เมื่อถามต่อว่าเป็นการสะท้อนว่ากระแสเราก็ดีใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวเพียงว่า “ขอบคุณมากครับ”

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีหมัดเด็ดหรือยุทธศาสตร์อะไรมาใช้ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราก็นำเสนอนโยบายของเราต่อเนื่องไป 8 ปีที่ผ่านมาประเทศชาติบอบช้ำมาเยอะมากพอแล้ว พรรค พท.พิสูจน์มาตลอดตั้งแต่ไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพลังประชาชนว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น นโยบายใหญ่ๆ ดีๆ เราทำได้มาโดยตลอด และเป็นที่ยอมรับของประชาชนมาโดยตลอด วันที่ 14 พ.ค.นี้ ถือเป็นวันสำคัญ อย่างที่บอกว่าเราบอบช้ำมาเยอะ ไม่มีเวลาลองของใหม่ เราต้องกลับมานั่งคิดว่าพรรคไหนเคยทำให้เราได้ บุคลากรภายในพรรคก็มีเยอะมาก ตรงนี้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน

เมื่อถามถึงข้อกังวลกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ข้อร้องเรียนส่วนหนึ่งเป็นของพรรค พท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังมั่นใจในการทำงานของทีมงาน และการทำงานด้วยความเป็นธรรมของ กกต.ตรงนี้มีหลายกระแส เป็นเรื่องที่พี่น้องต้องจับตาดูกันด้วย เชื่อว่าทุกคนทุกพรรคก็อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ขาวสะอาด และสะท้อนภาพจริงที่พี่น้องอยากเห็น

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่โค้งสุดท้ายพรรค พท.จะมีนโยบายเด็ดๆ ออกมาเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรค พท.ในช่วงนาทีสุดท้าย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้เมื่อดูจากหลายๆ โพล คนที่ยังไม่ตัดสินใจมีน้อยมากแล้ว มีเหลืออยู่บ้าง หน้าที่ของเราคือขยายความนโยบายหลักของเรา ทำความเข้าใจและให้ความมั่นใจว่าเราทำได้จริง 20 กว่าปีที่ผ่านมาพรรค พท.เราประสบความสำเร็จมาโดยตลอดในการเสนอนโยบายใหญ่ๆ ดังนั้น ครั้งนี้เราก็จะทำได้อีก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top