Saturday, 11 May 2024
เศรษฐาทวีสิน

ส่อง 10 นโยบายเด่น ‘เพื่อไทย’ ภายใต้รัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’

พรรคเพื่อไทยหาเสียงภายใต้วลีฮิต ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยเสนอนโยบายเพื่อประชาชนคนไทยออกมามากมาย จนกระทั่งวันนี้ (22 ส.ค. 66) มติสภาฯ โหวตเลือก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่งตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ทำให้ประชาชนทั้งประเทศหันกลับไปไล่ดูนโยบายของพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งตั้งตารอว่า จะมีนโยบายใดบ้างที่จะถูกนำมาสานต่อให้เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวบ 10 นโยบายเด่นของพรรคเพื่อไทยที่ ‘คิด’ และ ‘ทำ’ เพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนจะมีนโยบายไหนบ้างมาดูกัน…

เปิดความมั่งคั่ง 'นายกฯ คนที่ 30' ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง

(22 ส.ค.66) เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ ที่สำคัญมีความคิดสมัยใหม่ ทันโลก ทันเหตุการณ์ พอสมควร แถมยังเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ด้วย

สำหรับประวัติ นายเศรษฐา ทวีสิน เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 จบการศึกษาระดับปริญญาโท (บริหารธุรกิจ-การเงิน) Claremont Graduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านครอบครัว ได้สมรสกับ แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ มีบุตรด้วยกัน 3 คน

เศรษฐา ทวีสิน เริ่มทำงานในปี 2529 โดยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด) ก่อนหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท แสนสิริ (มหาชน) ปัจจุบัน นายเศรษฐา ดำรงตำแหน่งป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อยากรู้หรือเปล่าปัจจุบันบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีรายได้เท่าไหร่ และนายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ และมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่บ้าง Sanook Money ได้รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีรายละเอียดดังนี้

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที 22 พ.ย. 2538 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2539 โดยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอันดับที่ 4 โดยมีจำนวนหุ้น 661,002,734 หุ้น หรือ 4.44% คิดเป็น 786,593,253.46 บาท (ราคา 1.19 บาท ณ วันที่ 11 ต.ค. 65) ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และก่อนสร้าง ทุนจดทะเบียน 20,343,625,722.40 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 17,715.35 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 27,039.75 ล้านบาท กำไร 2,045.98 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 25,360.35 ล้านบาท กำไร 2,392.44 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 34,891.03 ล้านบาท กำไร 1,673.09 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 29,747.52 ล้านบาท กำไร 2,017.28 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอสังหาริมทรัพย์แล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับประกันภัย การเงิน, การลงทุน, ผลิต-จำหน่ายกล่องกระดาษ และธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท ที่ยังคงดำเนินการอยู่ Sanook Money จะขอหยิบยกธุรกิจที่มีรายชื่อของ นายเศรษฐา ทวีสิน ปรากฎอยู่ในกรรมการบริษัทฯ มา 5 แห่ง จากจำนวนทั้งหมด 40 แห่ง ที่ค้นพบใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2537 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2538 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ แจ้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านการเงิน การลงทุน ทุนจดทะเบียน 5,373,537,364 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา 13,667.10 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ 30.22 ล้านบาท ขาดทุน 195.84 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 138.70 ล้านบาท กำไร 81.33 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 56.97 ล้านบาท ขาดทุน 16.62 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 150.60 ล้านบาท กำไร 88.12 ล้านบาท

บริษัท คิวที ไลฟ์สไตล์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2543 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์การให้เช่าแบบลิสซิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสินทรัพย์ทางปัญญา ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังนี้

ปี 2561 รายได้ 58,290,055 บาท ขาดทุน 1,377,733 บาท
ปี 2562 รายได้ 28,291,078 บาท ขาดทุน 8,103,538 บาท
ปี 2563 รายได้ 10,329,031 บาท ขาดทุน 7,465,851 บาท
ปี 2564 รายได้ 7,341,606 บาท ขาดทุน 9,381,553 บาท

บริษัท สิริพัฒน์ เซเว่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองเพื่ออยู่อาศัย ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2562 รายได้ 131 บาท ขาดทุน 77,089 บาท
ปี 2563 รายได้ 21,858 บาท ขาดทุน 84,353 บาท
ปี 2564 รายได้ 30,240 บาท ขาดทุน 71,580 บาท

บริษัท สิริพัฒน์ ไฟฟ์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 1,406 บาท ขาดทุน 106,244 บาท
ปี 2562 รายได้ 33,639 บาท ขาดทุน 1,523,608 บาท
ปี 2563 รายได้ 39,412 บาท ขาดทุน 2,033,796 บาท
ปี 2564 รายได้ 23,241,267 บาท ขาดทุน 44,010,918 บาท

บริษัท สุรช จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2534 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ ทุนจดทะเบียน 7.5 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 11,647,608.80 บาท ขาดทุน 672,501.27 บาท
ปี 2562 รายได้ 12,921,191.84 บาท ขาดทุน 32,153.41 บาท
ปี 2563 รายได้ 11,990,144.73 บาท ขาดทุน 686,695.10 บาท
ปี 2564 รายได้ 13,776,507.36 บาท ขาดทุน 35,714.12 บาท

เปิดประวัติ ‘หมออ้อม’ แพทย์ชำนาญการเวชศาสตร์ชะลอวัย คู่ชีวิตที่เคียงข้าง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

(22 ส.ค.66) หลังจากสมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเลือกให้ ‘นิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อีกหนึ่งคนที่สปอร์ตไลท์จะฉายไปจับจ้องก็คือ สตรีหมายเลข 1 ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภรรยาคู่ใจของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่นเอง

วันนี้ คมชัดลึก เลยขออาสาพาไปทำความรู้จักกับ ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล สาวสังคมสุดเปรี้ยวที่การันตีเลยว่าผู้คนในแวดวงไฮโซไม่มีใครไม่รู้จักเธออย่างแน่นอน

‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน เป็นแพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ชะลอวัย และความงามด้านผิวพรรณ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เธอจบปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้รับทุนเล่าเรียนหลวง ศึกษาและฝึกปฏิบัติการด้านผิวหนังจากศูนย์การแพทย์ไลออนส์ สุพรรณหงส์ กรุงเทพฯ (ปี 2529-2530) ศึกษาและฝึกปฏิบัติด้านแสงเลเซอร์กับศาสตราจารย์ ลีออน โกลด์แมน ผู้ได้ฉายาว่า บิดาแห่งเลเซอร์ ที่เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

นอกจากบทบาทในการทำงานด้านความงาม ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ยังใส่ใจงานด้านสังคมโดยช่วยหมอกฤษณ์ จาฏามระ จัดทำโครงการบ้านพิงพักให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายที่ขาดแคลนทุนทรัพย์มีที่พักพิง

ด้านชีวิตส่วนตัว ‘หมออ้อม’ พญ. พักตร์พิไล ทวีสิน สมรสกับ เศรษฐา ทวีสิน มีบุตร 3 คน คือ

ลูกชายคนโต ‘น้อบ’ ณภัทร ทวีสิน จบจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และฮาร์วาร์ด บิซิเนส สกูล ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้เข้าทำงานที่ Raine group นิวยอร์ก

ส่วนลูกชายคนกลาง ‘แน้บ’ วรัตม์ ทวีสิน เรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าทำงานที่ Bain Consulting ลอนดอน

ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก ‘นุ้บ’ ชนัญดา ทวีสิน หลังจากจบปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ทำงานเป็น Educational Counselor ที่ Edusmith ซึ่งตอนนี้เธอกำลังสนุกกับการทำธุรกิจด้านอาหารในเมืองไทย 

เปิดวาร์ป ‘น้อบ ณภัทร’ ลูกชายคนโตของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ป.ตรี จากออกซฟอร์ด พ่วง ป.โท ฮาร์วาร์ด

(23 ส.ค.66) นายกฯ คนใหม่ถูกใจไหมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือถูกใจลูกชายนายกฯ มาก ทำเอากรี๊ดกันน่าดู กับความหล่อโดนใจของหนุ่ม ‘น้อบ ณภัทร ทวีสิน’ วัย 32 ปี ลูกชายคนโตของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทย วันนี้ก็เลยพามาเปิดวาร์ปกันสักหน่อย ซึ่งงานนี้ก็บอกเลยว่า…ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น เพราะหุ่นก็ดี ซิกแพ็กก็แน่น แถมการศึกษายังเริ่ดหรูอลังการ สมเป็นทายาทหมื่นล้านแบบสุดๆ เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าวาสนาผู้ใด๋น้อ?

โดย ‘น้อบ’ เข้าเรียนอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และย้ายไปเรียนมัธยมตอนต้น ที่ Vinehall school เมืองซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ก่อนมัธยมปลายจะย้ายไปเรียนที่ Eton College โรงเรียนมัธยมชายอันทรงเกียรติระดับโลก และคว้าปริญญาตรี ด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (Philosophy-Politics-Economics หรือ PPE) จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ต่อด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จาก ฮาร์วาร์ด บิสิเนส สกูล สหรัฐอเมริกา

ด้านน้องชาย ‘แน้บ วรัตม์ ทวีสิน’ ก็ได้เรียนชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมปลายที่เดียวกับพี่ชาย ก่อนจะไปคว้าปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (Economics) และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา

ส่วนน้องสาว ‘นุ้บ ชนัญดา ทวีสิน’ ก็ได้เรียนชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น กับพี่ชายทั้งสองคนเช่นกัน ก่อนช่วงมัธยมปลาย จะแยกไปเรียนที่ Downe House School โรงเรียนมัธยมสตรี ที่เดียวกับ ‘เคต มิดเดิลตัน’ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และจบปริญญาตรีด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) และปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์ (Social work) จาก Barnard college, Columbia University นิวยอร์ก

‘บิ๊กตู่’ ยินดี ‘เศรษฐา' ได้ตำแหน่งนายกฯ อวยพรขอให้บริหารราชการราบรื่น-สำเร็จด้วยดี

(23 ส.ค.66) หลังการประชุม ครม. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินมาพร้อมกัน 

วันนี้นายกรัฐมนตรี มีท่าทียิ้มแย้ม และก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ กลับพบว่า นายกฯ ถอนหายใจ พร้อมมองไปบนฟ้า ก่อนจะพูดว่า "เฮ้อ อากาศมันก็ดีเนาะ ฝนไม่ค่อยตกดีนะ”

ก่อนจะกล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครม.ปกติ ในฐานะรัฐบาลรักษาการ ช่วงนี้ก็มีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา ซึ่งไม่ได้มีผลผูกพันอะไร เป็นเพียงการประชุมเวทีต่างประเทศเป็นเรื่องของกำหนดการที่วางไว้ก่อนแล้ว จึงไม่มีผลผูกพันอะไรทั้งสิ้น เป็นแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เราจะต้องร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการสานต่อในรัฐบาลต่อไป 

นายกรัฐมนตรี ได้ถอนหายใจ ก่อนที่จะบอกว่า เรื่องที่สื่อมวลชนต้องการจะถามตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการอยู่ในขณะนี้ และ ครม.รักษาการ ก็ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ผ่านการพิจารณาในกระบวนการรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็มีกระบวนการขั้นตอนต่อไป

วันนี้ได้นายกรัฐมนตรี ก็รอโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจและพระราชวินิจฉัยของพระองค์ท่านอยู่แล้ว ต่อไปก็เป็นการจัด ครม. ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ได้เสนอทูลเกล้าขึ้นไป และเมื่อได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนรัฐบาลตนก็จะหมดหน้าที่พร้อมกันตรงนั้น

“และเมื่อมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเรียบร้อย ผมก็หมดหน้าที่ ซึ่งต้องมีพิธีถวายสัตย์ฯ มี ครม.ให้เรียบร้อย จากนั้นผมก็หมดหน้าที่ของผมไปแล้ว ก็คงแสดงความยินดีกับคุณเศรษฐา อีกครั้งหนึ่ง ขอให้ประสบความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดินในโอกาสต่อไป" 

พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยและอีกไม่กี่วัน โดยเฉพาะการตรวจคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรี จะต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าดำเนินการตามขั้นตอน ดังนั้น ขอให้ใจเย็น ๆ ส่วนตัวไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น และอย่านำปัญหาไปใส่ให้กับใคร ซึ่งตนเองยอมรับในกติกาทั้งหมด เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมด การเมืองก็ว่ากันไป 

ส่วนจะริเริ่มประเพณีเชิญนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาพูดคุยที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนรับหน้าที่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอดูสถานการณ์ก่อน ขณะที่วันนี้ตนเองได้แสดงความยินดีไปแล้ว ในนามคณะรัฐมนตรี 

ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงขณะนี้ ยืนยันว่าสิ่งไหนที่ทำได้ ก็จะทำไปตามกฎหมาย แต่หลายอย่างจำเป็นจะต้องทำ เพราะมีระยะเวลา สิ่งไหนทำได้ก็ทำ สิ่งไหนที่ทำไม่ได้ก็ให้รัฐบาลใหม่ 

ส่วนการฝากงานรัฐบาลใหม่นั้นวันนี้ไม่ต้องฝาก เพราะทั้งหมดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานต่าง ๆ โดยหลายแผนงานที่ทำในปัจจุบัน ทำใหม่ ทำต่อ ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลใหม่จะพิจารณา 

ส่วนจะฝากงานนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาลใหม่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอฝาก และไม่ขอตอบ เพราะตนเองไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง 

เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ มีปรากฏการณ์ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้อง 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า สว.สายพลเอกประยุทธ์ กับ สว. สายพลเอกประวิตร หักกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า ไม่มี ทุกคนมีวุฒิภาวะอยู่แล้ว ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

‘บิ๊กตู่’ ถก ‘เศรษฐา’ ส่วนตัวกว่า 45 นาที พร้อมพาเยี่ยมชม ‘ตึกไทยคู่ฟ้า-เก้าอี้นายกฯ’

(24 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการพูดคุย เสร็จสิ้น เมื่อเวลา 11.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้พา นายเศรษฐา ทวีสิน เยี่ยมชมบริเวณภายในตึกไทยคู่ฟ้า โดยขึ้นชั้นสองไปดูห้องทำงาน เก้าอี้นายกฯ, ห้องสีงาช้าง แวะชม ภาพถ่ายอดีตนายกรัฐมนตรี และที่ตึกภักดีบดินทร์ อย่างอารมณ์ดีและยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งสองคน

จากนั้นเวลา 11.55 น. ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที 30 ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินมาส่ง เพื่อขึ้นรถบริเวณประตูด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายเศรษฐาได้ยกมือไหว้ขอบคุณพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประยุทธ์ได้ยกมือรับไหว้ ซึ่งทั้งสองคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน เป็นการใช้เวลาพบปะพูดคุยกันรวม 45 นาที

ทั้งนี้การพูดคุยโดยใช้เวลาประมาณ 45 นาทีนั้นเป็นการพูดคุยระหว่างพลเอกประยุทธ์ และนายเศรษฐา เพียงสองคนเท่านั้นไม่มีนายพีระพันธุ์

‘เศรษฐา’ ชื่นชม ‘บิ๊กตู่’ น่ารัก-น่าเคารพ ฝากฝังให้ดูแลบ้านเมือง ‘ต้องอดทน-ใจเย็น’

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรค พท. ภายหลังเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือนและเป็นการเคารพตามมารยาท และ พล.อ.ประยุทธ์ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ตนในฐานะเป็นผู้น้อย และเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง จึงเข้าไปพบเพื่อปรึกษาหารือว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่ารักที่พาชมทำเนียบด้วย

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ในการบริหารบ้านเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า "ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนโยบายอะไรดี ๆ ที่ท่านทำไว้ก็ฝากดูแลต่อด้วย ซึ่งผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราก็จะทำต่อ"

เมื่อถามว่า ได้ขึ้นไปชมห้องทำงานด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ชมหมด ทั้งห้องทำงาน และห้องที่เปิดให้เด็กเยี่ยมชมในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์บอกว่าท่านไม่ได้นั่งตรงนั้น แต่นั่งห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งท่านก็ได้พาไปดูแต่ตนไม่ได้ลองนั่ง

เมื่อถามว่า มีการปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และมาดูแลบ้านเมืองให้ดี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้

เมื่อถามว่า เจอกันครั้งแรกกับพล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า "เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่"

เมื่อถามว่า เป็นความตั้งใจนายเศรษฐาหรือไม่ที่ตั้งใจจะเข้าไปพบปะพล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ และพล.อ.ประยุทธ์ก็บอกว่าเป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีสองคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ฝากฝังบ้านเมืองกัน ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่า มองว่าภาพที่เกิดขึ้นวันนี้จะสามารถลบภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าคงลำบาก เรื่องความขัดแย้งที่มีอยู่ ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่พบปะกันหนเดียวแล้วจะจบกันไป ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ แต่อย่างน้อยตนก็ทราบเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีความเป็นห่วงบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องทำงานร่วมกันต่อไป

เมื่อถามว่า เราเป็นฝ่ายนัดไปหรือเขาเป็นฝ่ายนัดมา นายเศรษฐา กล่าวว่า "เป็นการพูดคุยกันของฝ่ายทำงาน"

‘คนเสื้อแดงปทุมฯ’ เข้าให้กำลังใจ ‘เศรษฐา’ ตะโกน “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มเสื้อแดงปทุมธานี นำโดย นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ หรือ จ่ายุทธ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคเพื่อไทย มอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยจ่ายุทธกล่าวว่า ดีใจที่ท่านได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสวัสดิการเรื่องปากท้อง ผู้สูงอายุที่พรรคเพื่อไทยมีท่านจะผลักดันไปได้ดี เพราะท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทำความสำเร็จมาแล้ว

ก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีจะพร้อมใจกันตะโกนว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่วันนี้มากันมากมาย ภูมิใจที่วันนี้มาถึงตรงนี้ได้ แม้จะไม่ได้ สส.ทุกจังหวัด แต่ก็ทราบดีว่ามีการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในรอบ 9 ปี และมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้อง เพราะเรามี สส. ที่มีคุณภาพนโยบายดี ๆ ต่าง ๆ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคน

จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีตะโกน “เพื่อไทยจงเจริญ” พร้อมตะโกนย้ำอีกครั้งว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

‘เศรษฐา’ นำคณะลงใต้รับฟังปัญหาผู้ประกอบการ หารือเสริมศักยภาพท่าอากาศยาน รับ นทท. ช่วงไฮซีซัน

(25 ส.ค. 66) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยาน จ.ภูเก็ต พบปะผู้บริหารการท่าอากาศยานภูเก็ต หารือเรื่องการขยายสนามบินภูเก็ตรองรับนักท่องเที่ยวและเดินตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานภูเก็ต

จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ตนมารับฟังข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเรื่องการท่องเที่ยว เพราะสนามบินคือจุดแรกที่รับนักท่องเที่ยว อยากรับฟังปัญหาและดูว่าอนาคตอยากจะทำอะไร เพื่อไปร่างนโยบายตอบสนองความต้องการของท่าอากาศยาน รวมถึงเรื่องของนักท่องเที่ยวซึ่งพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในระยะสั้นคือการท่องเที่ยวที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ต้องมีการรับฟังข้อมูลไปก่อนเพื่อเตรียมที่จะวางแผน ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาในประเทศไทยเพียง 30% ขณะที่ประเทศจีนเองเผชิญสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย จึงไม่พยายามที่จะสนับสนุนนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่เราต้องพยายามทำให้ง่ายต่อการเข้ามาในประเทศ

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า สำหรับ จ.ภูเก็ตที่เป็นพื้นที่แรกในการลงพื้นที่นั้นปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงมาดูพื้นที่นี้ก่อน ก่อนจะไปดูพื้นที่อื่นต่อไป และจะมีการพูดคุยเรื่องการขยายท่าอากาศยานทั้งภูเก็ต สุวรรณภูมิ และเชียงใหม่ต่อไป

เมื่อถามว่า เมื่อลงหาเสียงที่ จ.พังงา มีการสอบถามถึงเรื่องการสร้างสนามบิน การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเห็นเป็นรูปเป็นร่างหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า จะต้องปรึกษาสภาพัฒน์ก่อน เรื่องอยู่ในแม่แบบอยู่แล้ว ให้ติดตามกันต่อไป เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากสนามบินภูเก็ตใกล้จะถึงจุดที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดแล้ว

เมื่อถามว่า ในส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทยจะดูแลในเรื่องเศรษฐกิจ ขณะนี้ตำแหน่งต่าง ๆ มีความชัดเจนแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า มีความเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่ขอให้อดใจอีก 3-4 วัน คาดว่าน่าจะจบได้ เพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีหลายพรรค

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยลงตัวแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยลงตัวหมดแล้ว

เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยยืนยันว่าต้องการกระทรวงเหมือนที่เคยยื่นข้อเสนอไว้ นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง

เมื่อถามว่า วันนี้มีการลงมาดูเรื่องการท่องเที่ยว มีการควงว่าที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาด้วยหรือไม่ นายเศรษฐายิ้มและหัวเราะ พร้อมปฏิเสธ ตอบแค่ว่า “คำถามต่อไปครับ”

เมื่อถามว่า จะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คงอยู่ในพรรคเพื่อไทยขอเวลานิดหนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวระบุว่ารายชื่อ ครม.ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในไม่กี่วันนี้ นายเศรษฐากล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ใช่ครับ”

เมื่อถามต่อว่า ในวันจันทร์หน้าจะสามารถตรวจสอบประวัติได้เลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า นั่นเป็นความคาดหวัง หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะเราอยากให้มีการนับหนึ่งได้แล้ว แต่ความเป็นจริงนับหนึ่งไปแล้ว เนื่องจากมีการรับสนองพระบรมราชโองการ ต่อไปคงเป็นเรื่องการตรวจสอบรายชื่อ การเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ รวมถึงแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และจะได้มีการประชุม ครม.นัดแรก ซึ่งตนอยากให้เร็วที่สุด เพราะเรามีภาระเร่งด่วน และครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เดือดร้อน

เมื่อถามอีกว่าการประชุม ครม.นัดแรกจะมีวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอรวบรวมทั้งหมดก่อน และจะแถลงให้ทราบ เพราะเป็นหลาย ๆ เรื่องที่เร่งด่วน รวมถึงการรับฟังกรณีภาคประชาชนอย่าง iLaw ที่มีการรวบรวมรายชื่อ

เมื่อถามถึง กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี วางไทม์ไลน์ว่ารัฐบาลใหม่จะเริ่มทำงานได้ช่วงปลายเดือนกันยายน นายเศรษฐากล่าวว่า จะพยายามครับ ส่วนตัวอยากให้เร็วกว่านั้น เพราะมีหลายเรื่องเร่งด่วน เช่น เรื่องท่องเที่ยว

เมื่อถามว่าในการประชุม ก.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เลื่อนเคาะตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อรอนายกรัฐมนตรีเป็นคนดำเนินการ นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคอยก่อน ให้ผ่านการถวายสัตย์ฯ ก่อน รวมถึงต้องมีการแถลงนโยบาย จากนั้นแล้วแต่ ก.ตร.จะมีการนัดประชุมเมื่อไหร่ และขอบคุณท่านที่ให้เกียรติ

เมื่อถามย้ำว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการควงว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วยหรือไม่ นายเศรษฐาปฏิเสธที่จะตอบคำถาม บอกว่า “พูดเองเออเอง” ก่อนที่จะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และในช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.สุดาวรรณก็ยิ้มหัวเราะชอบใจด้วยเช่นกัน และมีอาการเขินเล็กน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐาได้ถ่ายรูปร่วมกับ น.ส.สุดาวรรณ ที่มีกระแสข่าวจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ นพ.พรหมินทร์ ที่มีกระแสข่าวจะเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และทั้งสองคนก็ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องตำแหน่ง จากนั้นนายเศรษฐากล่าวว่า “ทั้งสองคนอยู่ในการดูแลของผม ถูกห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top