Friday, 10 May 2024
เศรษฐาทวีสิน

‘เพื่อไทย’ เผย ‘เศรษฐา’ เตรียมขึ้นปราศรัยแรก ‘พิจิตร-พิษณุโลก’ โว!! แม้เป็นหน้าใหม่ แต่ประชาชนให้ความสนใจล้นหลาม

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยที่ จ.พิจิตร และพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ นอกจากการนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนแล้ว ไฮไลต์สำคัญในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรก

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า โดยมีแกนนำคนสำคัญของพรรค พท.เข้าร่วม นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายสุธรรม แสงประทุม คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรค และตน ร่วมปราศรัยบนเวที โดยในวันที่ 11 มีนาคม คณะของพรรค พท.จะเดินทางไปที่ จ.พิจิตร เพื่อสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง อ.เมือง ก่อนเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

‘เศรษฐา’ นั่งรถอีแต๊ก ลุย จ.พระนครศรีอยุธยา จับเข่าคุย - รับฟังสารพัดปัญหาของเกษตรกร

(10 มี.ค. 66) ที่อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ ฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรค พท. ทั้ง 5 เขต ประกอบไปด้วย 

1. นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล 
2. นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล 
3. นายองอาจ วชิรพงศ์ 
4. นายจิรทัศ ไกรเดชา 
และ 5. นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ 

ลงพื้นที่พบปะพี่น้องเกษตรกรชาวนา โดยพี่น้องชาวนาได้สะท้อนปัญหาอยากให้ชีวิตคือกินดีอยู่ดีขึ้น ทั้งเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร และปุ๋ยที่ราคาแพง รวมถึงให้ข้าวมีราคาสูงขึ้นกว่านี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อกิโลกรัม และปัญหาหนี้สินของเกษตรกรด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ลงพื้นที่นี้เป็นจังหวัดแรก เพื่อรับฟังความอัดอันตันใจของชาวนาในการทำไร่ทำนา ตนทราบว่าปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราเชื่อว่าเราอยู่ในหลุมดำของกลับดักรายได้ต่ำ ราคา

ข้าวไม่ดีผลผลิตไม่ดี และมีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาโดยตลอด ยืนยันว่าปัญหาน้ำท่วมเรามีแผนงานทำฟลัดเวย์หรือพื้นที่กักน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระในช่วงน้ำหลาก เรื่องน้ำแล้งนั้นจะต้องมีการขุดบ่อและนำปั๊มน้ำเข้ามาในพื้นที่ ส่วนปัญหาหนี้สินก็เป็นปัญหาใหญ่ที่พรรค พท. ตระหนักดีอยู่ เนื่องจากราคาข้าวที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญหรือเปิดตลาดใหม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ทำหน้าที่เซลล์แมนขายของเลย ถ้าพรรค พท. ได้รับความไว้วางใจกรุยทางถนนเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยกันค้าขายยกระดับราคาสินค้าเกษตร รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องระบบสาธารณสุข ในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย

“เป็นครั้งแรกที่ผมลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความอัดอันตันใจของพี่น้องทุกคน ผมก็หนักใจ แต่เรามีความจริงใจเรามีความตั้งใจจริงในการที่จะหาทางแก้และช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่” นายเศรษฐา กล่าว

หลังรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวนา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเฉพาะประเด็นที่ชาวนาสะท้อนคือเรื่องราคาปุ๋ยแพงและ ราคาข้าวตกต่ำ ว่า ราคาเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง หากราคาแพงต้นทุนก็จะสูง เงินเข้ากระเป๋าก็จะน้อย หน้าที่ของพรรค พท. คือจะต้องเพิ่มเงินสุทธิเข้ากระเป๋าเข้ากระเป๋าให้มากขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า ทั้งการลดราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย ส่วนปัญหาราคาปุ๋ยแพงนั้นสามารถยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลกที่ควบคุมได้ยาก ดังนั้นจึงมี นโยบายสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในท้องถิ่นเพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะทำให้เราสามารถควบคุมราคาปุ๋ยลงได้

เมื่อถามว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ยังไม่ สามารถแก้ไขปัญหาราคาข้าวได้มั่นใจหรือไม่ว่าพรรค พท. จะทำได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงไม่สามารถพูดถึง 8 ปีที่ผ่านมาได้ แต่ทราบถึงความอึดอัดตันใจ ไม่มีความสุข ที่ราคาพืชผลตกต่ำ แต่ตนมั่นใจว่าพรรค พท. สามารถทำได้ในหลายมิติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

เมื่อถามถึงพื้นที่อ.ผักไห่ เป็นพื้นที่รับน้ำและที่ผ่านมารับน้ำนานถึง 4 เดือน พรรค พท. มีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างไรเพื่อให้มีการระบายน้ำในพื้นที่ได้เร็วขึ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ทั้งระบบ ว่าทำไมถึงเป็นพื้นที่รับน้ำและรับน้ำนานถึง 4 เดือน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่แน่นอนว่าพื้นที่ที่เดือดร้อนต้องมีวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

'เศรษฐา' น้อมรับ 'วันชัย' เตือนต้องสลัดภาพนักธุรกิจ ชี้!! ดูกันยาวๆ เชื่อ!! ไม่ซ้ำรอยอดีตสองนายกฯ

(11 มี.ค. 66) ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตส.ส.พิจิตร พรรคพท. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ทั้งนายภูดิท อินสุวรรณ์, นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร และนายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ เข้าสักการะหลวงพ่อเพชรเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ จ.พิจิตรที่เวทีปราศรัยวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร มีประชาชนจำนวนหนึ่งสวมเสื้อแดงรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ 

โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะแนะนำนายเศรษฐาให้ประชาชนได้เห็น เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาปราศรัยร่วมกันกับทีมพรรคพท.โดยมาในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย 

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพื้นที่ จ.พิจิตร เป็นของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขต จะทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "เรามั่นใจอย่างมากด้วยนโยบายของเรา และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ที่ทำงานกันอย่างหนัก ฉะนั้นเรามั่นใจและต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ขอทั้ง 3 เขตเลย"

เมื่อถามถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ออกมากล่าวเตือนนายเศรษฐา ระวังจะเป็นเหมือนอดีตนายกฯ พรรค พท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “สิ่งที่อิ๊งค์เห็นคือคุณพ่อ คุณอาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมากมาย การที่เราขึ้นเวทีและพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่เพิ่มเรื่องเทคโนโลยีเข้ามา นั่นคือบทพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจาก คุณพ่อ คุณอา ที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่เมื่อเป็นมุมมองของคนก็ต้องรับฟัง”

‘เศรษฐา’ โชว์นโยบาย ‘กระตุ้นศก. ครั้งใหญ่’ หนุนเงินผ่าน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ใช้จ่ายร้านค้าใกล้บ้าน

(17 มี.ค.66) ที่อาคารยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

นายเศรษฐา ได้กล่าวถึงที่ผ่านตนได้เล็งเห็นถึงปัญหาความยากลำบากของประชาชน ได้เห็นปัญหาเศรษฐกิจที่รายได้น้อยลงสวนทางรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ที่สร้างช่องว่างความเหลื่อมในสังคมให้กว้างขึ้น และเห็นถึงปัญหาทางสิทธิที่ประชาชนถูกรัฐกัดกัน โดยเฉพาะสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นประชาธิปไตยของประชาชน

ตนจึงขอฝากให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนที่ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ได้เป็นตัวแทนประชาชน นำนโยบายของพรรคเพื่อไทยแก้ไขปัญหาความเป็นเป็นให้พี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ การประกาศนโยบายใหม่ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการสร้าง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet) ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันใกล้บ้าน พร้อมเงินติดกระเป๋าที่รัฐจะแจกให้ทุกคน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เท่านั้น เงินดิจิทัลนี้ มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ

นอกจากนี้ นายเศรษฐายังพูดเสริมถึงแนวทางการต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยที่จะเปิดประตูการค้าและสร้างโอกาส ให้คนไทยได้มีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของรัฐบาลในการเป็นผู้เจรจาและเชื่อมสายสัมพันธ์กับนานาประเทศ เรียกความมั่นใจและความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีโลกให้กลับคืนมา

ประชาชนจะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากมายท้ังจาก การค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวที่จะเติบโตขึ้นหลายเท่า และดึงดูดเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาฝากในเมืองไทย เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย แล้วพาสปอร์ตไทยจะต้องมีอิทธิพลพาคนไทยเดินทางไปได้ทั่วโลก

‘อิ๊งค์’ โยน ‘เศรษฐา’ ตอบ หลังถูกสื่อนอกถามแทงใจดำ “พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคของตระกูลชินวัตรหรือไม่?”

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค. 66) ที่ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อไทย ได้จัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ พร้อมเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ทั้ง 400 เขต

ทว่าช่วงหนึ่งของงานที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามนั้น ได้มีผู้สื่อข่าวต่างชาติถามขึ้นมาว่า “การที่ น.ส.แพทองธาร มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการตอกย้ำภาพความเป็นพรรคของครอบครัวชินวัตร” ทำให้ น.ส.แพทองธาร ส่งไมโครโฟนให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเป็นผู้ตอบคำถามแทน ซึ่ง นายเศรษฐา ก็ได้ผายมือไปยังที่นั่งของคณะผู้บริหารพรรค และผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนกล่าวยืนยันว่า “พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว บุคคลากรของพรรคเพื่อไทยล้วนแล้วเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยม มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น พวกเขาที่มาไม่ใช่ ‘ชินวัตร’ ให้เครดิตพวกเราหน่อยน่า ผมขอร้องคุณ”

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปยัง น.ส.แพทองธาร ว่าอะไรที่ทำให้เธอเหมาะสมต่อการเป็นผู้นำ เธอตอบว่า “พรรคของเราแข็งแกร่งมากด้วยนโยบายต่าง ๆ พรรคของเรา ทีมของพวกเรา มีความสามารถ เคยทำงานมาแล้ว และจะมาทำมันอีกครั้ง โดยครั้งนี้ จะทำให้คนไทยร่ำรวยยิ่งขึ้น สะดวกสบายมากขึ้นด้วยนโยบายของเรา แม้นายกฯ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ดิฉัน แต่ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล นั่นคือคำตอบของประเทศ”

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในนโยบายเติมรายได้ 20,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัวว่า นโยบายดังกล่าวคิดจากครัวเรือน ไม่ใช่คิดต่อคน ถ้าครอบครัวใดรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน เราจะเติมเงินให้เพื่อให้เขามีศักยภาพในการดำเนินชีวิต และเสียภาษีกลับมายังรัฐบาล ย้ำว่าเราจะไม่ใช้นโยบายแจกเงินไปทั่วและไม่ได้อะไรกลับมาเลย โดยเราไม่สามารถใส่เงินไปแค่จุดเดียว และแก้ปัญหาไปวันต่อวัน อันนี้คือนโยบายกระตุ้นฐานราก พร้อมกระตุ้นทั้งระบบอีกด้วย

หลังจากนั้น นายเศรษฐา ก็ได้กล่าวเสริมถึงนโยบายใหม่ที่จะการตอกย้ำเป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่านโยบายต่าง ๆ ที่เปิดตัวจะเป็นนโยบายที่ลงไปถึงประชาชนทุกคน ซึ่งจะเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน

‘นิพิฏฐ์’ อัด‘เศรษฐา’ คนรวยพูดถึงคนจน แนะ พกผ้าเช็ดหน้า เพราะน้ำลายไหลออกข้างปาก

(18 มี.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ว่า…

“เมื่อคนรวยพูดถึงคนจน จนน้ำลายไหลข้างปาก

เมื่อวาน ผมฟังคุณเศรษฐา ทวีสิน แกนนำพรรคเพื่อไทย พูดถึงคนจนหลายครั้ง พูดถึงคนรวยเอาเปรียยคนจนหลายครั้ง

ผมได้ยินผู้สนับสนุนโห่ร้องด้วยความพอใจ ผมก็นึกถึงอดีต ครั้งหนึ่งคุณทักษิณ ชินวัตร ก็เคยพูดอย่างนี้ จนคนคลั่งไคล้ จนเกิดสงครามกลางเมือง เกิดการแยกบ้านเมืองเป็น ‘หมู่บ้านเสื้อแดง’

จากนั้น คุณทักษิณ ก็โดนคดีทุจริตจนหนีออกนอกประเทศ

คุณเศรษฐา ทวีสิน พูดว่า รัฐบาลขับไล่คนเห็นต่างออกนอกประเทศ อันนี้ ท่านโกหกชัดครับ ไม่มีกฎหมายไหนที่สามารถขับไล่คนสัญชาติตัวเองออกนอกประเทศได้ มีแต่ห้ามคนสัญชาติตัวเองนอกประเทศเท่านั้น

‘จตุพร’ ถอดรหัสคำปราศรัย ‘เศรษฐา’​ จวก ทั้งชีวิตอยู่กับความร่ำรวย จะเข้าใจคนจนได้อย่างไร

(19 มี.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘ประชาชนอยู่ตรงไหน?’ โดยถามนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยว่า คนไทยยากจน ทั้งชีวิตได้แต่เสาะแสวงหาความสุขและการอยู่รอด ดังนั้น ประชาชนผู้ทุกข์ยาก มากความเดือดร้อนอยู่ตรงไหนในหัวใจว่าที่ผู้นำที่จะมาเป็นผู้ปกครองมือใหม่ ผู้ยังไม่ปรากฎความเสียสละแก่สังคม แต่ทั้งชีวิตความสำเร็จอยู่กับความร่ำรวย อาจไม่เคยเห็นคุณค่าการเสาะแสวงหาใด ๆ เลย เพราะไม่เคยเสาะหา อยากได้สิ่งใดก็มีคนเอามาให้ แล้วจะเข้าใจประชาชนยากจนที่อยู่ปกครองได้อย่างไร

นายจตุพร ยกคำพูดตอนหนึ่งของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุบนเวทีจัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 400 เขต มาวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของผู้ปกครองมือใหม่ถอดด้ามที่อาสามาเป็นผู้นำของประเทศไทยที่มากด้วยคนยากไร้ เดือดร้อนทุกข์

พร้อมระบุคำพูดของนายเศรษฐา ว่า คนมีอภิสิทธิ์ ใหญ่คับฟ้าทำผิดไม่ผิด เห็นผู้นำไร้หัวใจไล่ประชาชนที่มีศักยภาพให้ออกจากแผ่นดินที่เขาเกิด เพียงแค่คนเหล่านี้ไม่อยู่ใต้โอวาท ประชาชนที่ได้ผลกระทบทุกคนต่างฝากความหวังไว้ในการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ เขาอยากเลือกพรรคการเมืองที่จะสร้างโอกาสให้ชีวิตเขาดีขึ้น

นายจตุพร เริ่มกล่าวด้วยการยกคำพูดท่อนหนึ่งที่ระบุถึง ‘ผู้นำไร้หัวใจ’ มาวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ผู้นำโลกและผู้นำไทยที่ผ่านมา ล้วนไม่เคยมีหัวใจ พร้อมถามนายเศรษฐา เมื่อช่วงเป็นซีอีโอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ สร้างบ้านขายกลุ่มคนรวยมาทั้งชีวิต

“คุณมีหัวใจหรือไม่ และเคยเห็นผู้ปกครองไทย ใครบ้าง เคยมีหัวใจ” นายจตุพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม หัวใจคนจะเกิดก่อนที่มาเป็นผู้นำ หรือระหว่างวางแผนที่จะเข้าไปเป็นผู้นำ จากนั้นเมื่อมาเป็นผู้นำแล้ว หัวใจจะถูกเอาออกตามลำดับ จนอยู่ในสภาพคนไร้หัวใจ 

อีกทั้งกล่าวว่า ในระหว่างช่วงชิงอำนาจ หัวใจจะเริ่มดำสนิท แต่เมื่อมีอำนาจหัวใจจะไม่มี แล้วกลายเป็นมนุษย์พิเศษที่ไม่มีหัวใจในการทำงาน เพราะตลอดเวลาถ้าผู้นำมีหัวใจ ประเทศจะไม่อยู่ในสภาพแบบนี้ การตัดสินใจระหว่างผลประโยชน์ชาติกับประโยชน์ตัวเอง ถ้าผู้นำมีหัวใจทำไม่ได้ มือล้างได้ แต่ใจยากที่จะล้างออก ดังนั้น ที่บอกว่า ผู้นำไร้หัวใจ หวังว่านายเศรษฐา จะรักษาหัวใจเอาไว้ได้ จนถึงวันใฝ่ฝัน เพราะต้องการเป็นนายกฯ ตำแหน่งเดียว

ส่วนนายเศรษฐา กล่าวถึงผู้นำไร้หัวใจไล่คนไทยออกนอกประเทศนั้น นายจตุพร เห็นว่า ขึ้นอยู่กับการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ต้องรู้ให้ตรงกันก่อนว่า ไม่มีใครสามารถไล่คนไทยออกนอกประเทศได้ ขณะเดียวกันก็ไม่มีคนไทยคนใดที่จะห้ามคนไทย ไม่ให้กลับเข้าแผ่นดินไทยได้เช่นกัน อีกทั้งไม่มีกฎหมายห้ามคนไทยเข้าประเทศด้วย ดังนั้น การออกนอกประเทศคงเป็นเพราะเขาไม่ให้อยู่ หรือไม่อยู่เอง

อย่างไรก็ตาม ในอดีต ช่วงเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร ตัดสินใจออกนอกประเทศเอง โดยประชาชนขับไล่ แค่ต้องการให้ออกจากตำแหน่งเท่านั้น รวมทั้งนายปรีดี พนมยงค์ และจอมพล ป. พิบูลสงคราม ล้วนแต่เป็นการตัดสินใจออกนอกประเทศเองทั้งสิ้น แต่การไม่กลับมาแผ่นดินไทยนั้น ไม่มีใครห้ามปรามได้เลย

นายจตุพร กล่าวว่า เจตนาของนายเศรษฐา ที่พูดถึงการไล่คนออกนอกประเทศนั้น คงต้องการสื่อให้คนในห้องประชุมนึกถึงหน้าทักษิณ ชินวัตร หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่น้อง อย่างไรก็ตาม ควรต้องยึดหลักสำคัญว่า คนไทยไม่มีสิทธิ์ไล่ใครออกนอกประเทศ แม้จะมีการพูดจริง แต่ไม่มีอำนาจ ดังนั้น การไม่อยู่ในประเทศจึงเป็นเรื่องของแต่ละคนจะตัดสินใจ และถึงที่สุดแล้ว เมื่อนายเศรษฐาอาจได้เป็นนายกฯ ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า แผ่นดินนี้ไม่มีใครบังคับให้คนไทยออกนอกประเทศได้ นอกจากจะออกไปเอง

“เมื่อคนไทยมีศักยภาพที่นายเศรษฐา บอกว่า เขาไม่อยู่ใต้โอวาท จึงถามว่า ใต้โอวาทของผู้นำคนไหน ที่ไม่ฟัง จึงต้องออกกันไป ซึ่งคำนี้เป็นคำละเอียดอ่อน ใช้ปลุกใจได้ ถ้าไม่เข้าใจบริบทแล้ว จะนำไปสู่ความขัดแย้งมากมาย” นายจตุพร กล่าว

รวมทั้ง เสนอว่า วันนี้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านในไทยได้ตลอดเวลา และไม่มีใครขับไล่ออกนอกประเทศ ตลอดจนไม่มีใครห้ามทักษิณกลับไทยด้วย ดังนั้น คำพูดของนายเศรษฐา จึงเป็นการสร้างจินตนาการที่ใหญ่โตมาก

จับตา!! ความร้อนแรง ‘พรรคเพื่อไทย’ ใต้จังหวะระเบิดสังหาร ‘เศรษฐา’ เริ่มก่อตัว

จากผล นิด้าโพล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.2566 ถ้าพูดจาภาษานักเลงม้า ก็ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยเข้าป้ายทั้งวินทั้งเพลส...

‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯที่ 38.20% ส.ส.เขต มาอันดับ1 ที่ 49.75 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มาอันดับ1 ที่ 49.85%

ทิ้งห่างอันดับ 2 (พิธา -ก้าวไกล) และอันดับ 3 (บิ๊กตู่ - รวมไทยสร้างชาติ) มากกว่าเท่าตัว…

โอ้!มายก๊อด...!! โพลออกมาแบบนี้ ดีไม่ดี ผอ.นิด้าโพล ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ อาจจะถูกนินทาว่ามีนอกมีในกันกับใครในเพื่อไทยหรือเปล่า?

แต่เท่าที่อยู่ในวงการสื่อมานานพอประมาณ...เชื่อว่าคนอย่าง ดร.สุวิชา ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน..!!

อย่างไรซะ ทั้งหลายทั้งปวงก็อย่าเพิ่งไปปักใจกับโพลทั้งหมด....อันว่าม้าแข่งนั้นวิ่งกันประมาณ1,200 เมตร  บางตัว ตอนออกตัวนำมาครึ่งค่อนข้างทาง แต่สุดท้ายก็แผ่วเอาดื้อๆ โดนเพื่อนแซงกลายเป็นม้าตีนต้น...ศึกเลือกตั้งก็เช่นเดียวกันยุบสภา แล้วต้องสัประยุทธ์กันอีกเกือบ 2 เดือน จึงจะหย่อนบัตร

แต่ก็นั่นแหละยังไงๆ ไม่ต้อง นิด้าโพล หรอก..เลือกตั้งหนนี้ ม้าที่ชื่อ เพื่อไทย ก็เข้าทั้งวินทั้งเพลส เป็นแชมป์เลือกตั้งวันยังค่ำ...แบบไม่มีใครมาเบียดได้…

แล้วก็ต้องยอมรับว่าการไปบุกแนวรบด้านตะวันออกชลบุรีและระยอง เมื่อวันที่ 18 -19 มี.ค.ทำให้กองเชียร์และนักรบฮึกเหิมขึ้นมาก…

ทว่า น่าเสียดายที่ ‘แม่ทัพ’ อย่าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร  ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯหมายเลข 1 ท้องแก่ อีก3วันก็ครบ8เดือนแล้ว คงเดินทางหาเสียงไม่สะดวก จะใช้โทรศัพท์-วิดีโอคอลล์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ล้ำยุคแค่ไหนก็ไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่ามาเจอตัวเป็นๆ...

ครั้นจะพึ่งพาแคนดิเดตนายกฯ หมายเลข 2 อย่าง เศรษฐา ทวีสิน  ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้ว4-5 เวทีปราศรัย แม้กรรมการจะยกธงให้ ‘ผ่าน’ ก็จริง แต่มีการกระซิบกันหนาหูว่า อีกไม่นานนับจากนี้ข้อมูลประเภทระเบิดสังหารเศรษฐา จะทะลักไหลออกมา จนอาจทำให้คนสูง192ซม.ทรุดฮวบ…

...เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับผู้หญิง...เงื่อนปมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์…ฯลฯ

ว่ากันว่าที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แพลมๆ เรื่อง ‘ขงเบ้ง’ หรือ เสี่ยเบ้ง นั้นเป็นแค่น้ำจิ้ม…     

'เศรษฐา' ชี้!! ซีเซียม-137 ส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ ห่วงคนปราจีนฯ-ใกล้เคียง แนะรัฐอย่าปล่อยปละ

(21 มี.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ซีเซียม-137 เป็นเรื่องใหญ่นะครับ เป็นสารกัมมันตรังสีที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพประชาชน สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ

สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของภาครัฐที่ต้องให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา ชัดเจน และรวดเร็ว รวมไปถึงการบริหารจัดการหลังเกิดเหตุ การทำพื้นที่ปิดของสารอันตราย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยได้ครับ

‘เศรษฐา’ นำทีม พท. ถก ‘หอการค้าฯ-สภาหอการค้าฯ’ ฟุ้ง!! ถ้าได้เป็น รบ. พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทันที

(21 มี.ค.66) แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท. นายกิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพฯ นายวราวุฒิ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท.น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพท.ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นแนวทางที่ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญ พรรคพท.ซึ่งดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในอดีต สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนจำนวนเงินจะบอกอีกครั้ง  ไม่ใช่ 500-600 บาทแน่นอน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เป็นทวีคูณ 

นอกจากนี้จะใช้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามปรัชญา ‘นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สร้างรายได้ต่อไร่ให้กับเกษตรกร 3 เท่า เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ หากพรรคพท.ได้รับโอกาสจากประชาชน เราจะดำเนินการตามนโยบายโดยไม่เสียวินัยการเงินการคลัง สร้างเม็ดเงินภาษีสู่ประเทศแม้จะเป็นกลุ่มชายขอบของสังคมหรือกลุ่มรายได้น้อย 

ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำไปมาก เรายินดีปรับปรุงแก้ไข ขอให้ภาคเอกชนสบายใจได้ สิ่งที่ดีเราจะสานต่อและพร้อมฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า หลักการของพรรคพท.ในการผลักดันเศรษฐกิจมี 3 ด้านหลัก ๆ คือ 

1.ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากกำไรในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 20% ดังนั้นภาครัฐถือเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการนำเงินภาษีมากระตุ้นเศรษฐกิจ 

2.เพิ่มกำลังซื้อและเพิ่มอำนาจการจับจ่ายของประชาชน ผ่านการยกฐานเศรษฐกิจด้านล่างขึ้น ค้าขายจะดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นเพื่อมาดูแลประชาชนได้ดีขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top