‘เศรษฐา’ นำทีม พท. ถก ‘หอการค้าฯ-สภาหอการค้าฯ’ ฟุ้ง!! ถ้าได้เป็น รบ. พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทันที

(21 มี.ค.66) แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท. นายกิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพฯ นายวราวุฒิ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท.น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพท.ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นแนวทางที่ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญ พรรคพท.ซึ่งดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในอดีต สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนจำนวนเงินจะบอกอีกครั้ง  ไม่ใช่ 500-600 บาทแน่นอน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เป็นทวีคูณ 

นอกจากนี้จะใช้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามปรัชญา ‘นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สร้างรายได้ต่อไร่ให้กับเกษตรกร 3 เท่า เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ หากพรรคพท.ได้รับโอกาสจากประชาชน เราจะดำเนินการตามนโยบายโดยไม่เสียวินัยการเงินการคลัง สร้างเม็ดเงินภาษีสู่ประเทศแม้จะเป็นกลุ่มชายขอบของสังคมหรือกลุ่มรายได้น้อย 

ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำไปมาก เรายินดีปรับปรุงแก้ไข ขอให้ภาคเอกชนสบายใจได้ สิ่งที่ดีเราจะสานต่อและพร้อมฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า หลักการของพรรคพท.ในการผลักดันเศรษฐกิจมี 3 ด้านหลัก ๆ คือ 

1.ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากกำไรในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 20% ดังนั้นภาครัฐถือเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการนำเงินภาษีมากระตุ้นเศรษฐกิจ 

2.เพิ่มกำลังซื้อและเพิ่มอำนาจการจับจ่ายของประชาชน ผ่านการยกฐานเศรษฐกิจด้านล่างขึ้น ค้าขายจะดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นเพื่อมาดูแลประชาชนได้ดีขึ้น

3.ประเทศไทยต้องหาโอกาสจากวิกฤต ปัจจัยจากต่างประเทศส่งผลกระทบประเทศไทยหลายประการ ทำให้เศรษฐกิจยากจะฟื้นตัว เช่น ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ ส่วนหนึ่งมาจากการต่างประเทศของไทยยังไม่ดีพอ ดังนั้นเราต้องยึดถือความเป็นเพื่อนกับทุกประเทศ ผ่านการเจรจาการค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต 

นพ.พรหมินทร์ กล่าวต่อว่า การเจรจาการค้า FTA ต้องเดินหน้า การประมงของไทยต้องกลับมายิ่งใหญ่ กำลังซื้อของภาคการเกษตรต้องกลับมา เศรษฐกิจต้องฟื้นตัวอย่างน้อย 5% การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน 600 บาทต่อวันและเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน หากพรรคพท.เป็นรัฐบาลจะเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจาก 1.9 ล้านล้านบาทเป็น 3 ล้านล้านบาทผ่านการเพิ่มสายการบิน ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการบิน การบริหารด่านตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัวมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวต้องปลอดภัย มีอาหารที่ดี สร้างอีเวนต์ดึงชื่อเสียงของไทยกลับคืนมา การขอวีซ่าต้องง่ายขึ้นโดยต้องอยู่ภายใต้การรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ ต่างชาติเข้าไทยได้สะดวกขึ้น คนไทยก็สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวกขึ้นเช่นกัน เป้าหมายคือจีดีพี 5%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือกับพรรคพท. รู้สึกสบายใจที่ได้ฟังว่าการใช้งบประมาณ จะมีแนวทางในการหารายได้มาสู่ระบบการเงินการคลังของประเทศมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก หอการค้าไทยมีความเกี่ยวโยงกับภาคเกษตรเป็นส่วนมาก นวัตกรรมมีความสำคัญมากในการสร้างโอกาส ทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ หากพรรคพท.ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด ตนสบายใจที่ได้ยินแนวคิดต่าง ๆ ของพรรคพท. ตนพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ