Sunday, 3 December 2023
NEWS

รพ.สนาม ทบ.พร้อมรองรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น เน้นบูรณาการร่วม สธ. ดูแลผู้ป่วยในชุมชน ลดการแพร่เชื้อ

พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นและมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างทั่วประเทศ กองทัพบกได้ให้ความสำคัญ และถือเป็นนโยบายเร่งด่วน ในการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 กองทัพบก เพื่อติดตามสถานการณ์ บริหารจัดการ และให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ ตั้งแต่ 26 มี.ค.63 ทั้งการระดมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ การใช้ยุทโธปกรณ์ และสถานที่ของหน่วยทหารสนับสนุนสาธารณสุขในภารกิจการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ และการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
สิ่งสำคัญที่กองทัพบกได้ระดมสรรพกำลังในการช่วยเหลือประชาชนตลอดมา คือการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น ทั้งส่วนโรงพยาบาลสนามที่สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้กำลังพลของกองทัพบกช่วยบริหารจัดการด้านอาคารสถานที่ จัดเตรียมเตียงผู้ป่วย เครื่องนอน และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ใน 26 แห่ง ทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วยได้ 4,941 เตียง (1 ส.ค.64) ทั้งนี้ จากสถานการณ์ล่าสุด ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกเห็นความสำคัญและความจำเป็นในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม 


เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคในครอบครัวและชุมชน กองทัพบกจึงได้ระดมศักยภาพจัดตั้ง รพ.สนามกองทัพบก ในพื้นที่ รพ.สังกัดกองทัพบกทั่วประเทศ รวม 37 พื้นที่ รองรับผู้ป่วยได้ 3,635 เตียง เพื่อให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นกำลังพลและครอบครัวของกองทัพบก รวมทั้งประชาชนทั่วไป เพื่อลดภาระของสาธารณสุขในพื้นที่อีกด้วย โดยขณะนี้ได้เตรียมขยายขีดความสามารถเพื่อจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง ในส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นจุดให้บริการคัดกรองผู้ป่วย และเป็นจุดพักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลักหรือโรงพยาบาลสนามต่อไป


นอกจากนี้ ในส่วนภูมิภาคนั้นโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งการบริหารจัดการตามแนวทางการแยกกักผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation) ซึ่งเป็นการบูรณาการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, บุคลากรทางการแพทย์, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม) และ อาสาสมัครกิจการพลเรือน (อส.กร.) ในการดูแลผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว) หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) โดยได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกอย่างใกล้ชิดผ่านทางระบบออนไลน์ มีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด สามารถนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้ทันทีหากผู้ป่วยมีอาการแย่ลง

 รวมทั้งการดูแลกำลังพล ครอบครัว และประชาชนในพื้นที่รอบหน่วยทหาร ครอบคลุมทั้งในด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางใจ เน้นสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันตนเองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ทั้งการสวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากอนามัย, การใช้เจลแอลกอฮอล์ วิธีการล้างมืออย่างถูกต้อง รวมทั้งสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในส่วนบุคคลและส่วนรวมตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, การรณรงค์และให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในชุมชนตามการจัดสรรจากระบบลงทะเบียนของรัฐบาล, การตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนทหารและชุมชนรอบหน่วย เพื่อแยกผู้ป่วยและผู้ที่มีความสี่ยง ลดการแพร่ระบาดในชุมชน เป็นต้น


ทั้งนี้ กองทัพบกทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคยังคงยืดหยัดทุ่มเทปฏิบัติงานเพื่อช่วยดูแลผู้ป่วย COVID-19 ทั้งที่เป็นกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป ในทุกมิติ ทั้งการดูแลรักษาพยาบาลและการรณรงค์ส่งเสริมสุขภาพในชุมชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งเป็นนโยบายที่ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ความสำคัญและเน้นย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ยืนหยัดเคียงข้างช่วยเหลือประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ทบ.เผย 3 เดือนภารกิจรับ-ส่งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 13,227 ราย ล่าสุดส่งผู้ป่วยสีเขียวกลับภูมิลำเนาแล้ว 405 ราย

พ.ท.หญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า อีกหนึ่งภารกิจของกองทัพบก ที่สนับสนุนรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์โควิด-19 โดยใช้ศักยภาพของกำลังพล ทรัพยากรและยานพาหนะของศูนย์การเคลื่อนย้าย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศคย.ศปม.ทบ.) คือภารกิจอำนวยความสะดวก รับ-ส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่งต่อยังสถานพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา ครอบคลุมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยดำเนินการตามนโยบายของพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่ 27 เม.ย.64 เป็นต้นมา

ร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 และกรมขนส่งทหารบก ผ่านกลไกของศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด กองทัพบก ในการรับข้อมูลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และประสานเชื่อมต่อข้อมูลไปยังส่วนงานราชการของสาธารณสุข เพื่อบริหารจัดการนำเข้าสู่กระบวนการรักษา และส่งข้อมูลให้ ศคย.ศปม.ทบ. อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายไปยังจุดหมายปลายทาง โดยใช้ยานพาหนะ 3 ประเภทได้แก่ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก(รถกระบะ), รถโดยสารขนาดเล็ก(รถตู้) และรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ 6 ล้อ รวมจำนวน 103 คัน ปัจจุบัน รับ-ส่งผู้ติดเชื้อ รวม จำนวน 12,587 ราย (1 ส.ค.64) นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ณ ศาสนสถานต่างๆ โดยดำเนินการมาตั้งแต่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว จำนวน 640 ราย

พ.ท.หญิง พัชรินทร์ กล่าวว่า ล่าสุด จากนโยบายของรัฐบาล “คนไทยไม่ทิ้งกัน พาคนกลับบ้าน” เพื่อบริหารจัดการผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมากขึ้นให้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็ว ในสถานพยาบาลตามภูมิลำเนาของตนเองทั่วประเทศ ซึ่งกองทัพบกโดย ศคย.ศปม.ทบ. ได้บูรณาการร่วมกับกรมแพทย์ทหารบก, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และกอ.รมน.จังหวัด ดำเนินการประสานและเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อสีเขียวที่ประสงค์จะกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาของตนเอง ตั้งแต่ 11 ก.ค.64 ที่ผ่านมา โดยดำเนินการส่งผู้ติดเชื้อไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ จังหวัดลพบุรี, ร้อยเอ็ด, อุดรธานี, นครสวรรค์, พิษณุโลก, พิจิตร, น่าน,ตาก และลำปาง รวมทั้งสิ้น 405 ราย (1 ส.ค.64) นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกรับ-ส่งสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆที่ให้กับผู้ป่วยที่กักรักษาตัวบ้าน (Home Isolation) อาทิ ถังออกซิเจน ยารักษาโรค และมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ที่ได้รับบริจาคส่งต่อให้ผู้ป่วยตามบ้านเรือนอีกด้วย

พ.ท.หญิง พัชรินทร์ กล่าวว่า การปฏิบัติภารกิจเคลื่อนย้ายดังกล่าวนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพ, ภาครัฐและสาธารณสุข ที่ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น บรรเทาความเดือดร้อน อำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลได้เร็วขึ้น ตลอดจนช่วยผลักดันนโยบายส่งผู้ป่วยกลับไปรักษาต่อในพื้นที่ภูมิลำเนาที่มีศักยภาพและพร้อมดูแลผู้ติดเชื้ออย่างทั่วถึง ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการในสถานการณ์โควิด-19 ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถประสานศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด กองทัพบก ได้ตลอด 24 ชม. ผ่าน CALL CENTER โทร 02-270-5685-9, 02-092-7766 (30 คู่สาย), 091-0100118-9, 090-980-9948-9 และ 088-984-7605-10 หรือ ID line : @covidtv5hd1

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดให้ประชาชนใช้บริการเดินรถโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน พ.ย. 64

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดให้ประชาชนใช้บริการเดินรถโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-ตลิ่งชัน ขบวนปฐมฤกษ์ ผ่านระบบ Video Conference จากตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน พ.ย. 64

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี (2561-2580) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาขนส่งทางรางซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมการขนส่งทางรางให้เป็นระบบการคมนาคมหลักของประเทศ เพื่อช่วยให้การเดินทางคล่องตัว ลดการจราจร รักษาสิ่งแวดล้อม ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ลดการใช้พลังงาน

โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง นอกจากจะเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปปริมณฑลได้สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย ยังส่งผลต่อการพัฒนาประเทศก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมโอกาสทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจตลอดแนวเส้นทาง

นอกจากนี้ ในระยะยาวจะขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน และนับเป็นก้าวสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และจะมีการเร่งรัดขยายไปยังเส้นทางอื่น ๆ ในแต่ละภูมิภาคด้วย

ด้านนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายเหนือช่วงบางซื่อ-รังสิต มีระยะทาง 26 กิโลเมตร จำนวน 10 สถานี ใช้ระยะเวลาเดินทาง 25 นาที และสายตะวันตก ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มีระยะทาง 15 กิโลเมตร จำนวน 3 สถานี ใช้ระยะเวลาเดินทาง 15 นาที โดยมี บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ เป็นผู้ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง

การเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง 2 เส้นทางถือเป็นปฐมฤกษ์จะให้บริการฟรีโดยไม่เสียค่าโดยสาร สามารถใช้บริการฟรีไปจนถึงปลายปี 64 ตั้งแต่เวลา 6.00-20.00 น. และในช่วงเวลาเร่งด่วนจะเดินรถทุก 15 นาที และช่วงปกติจะเดินรถทุก 30 นาที แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จะจำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 50% เพื่อรักษาระยะห่าง โดยจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในเดือน พ.ย. 64

รถไฟชานเมืองสายสีแดงยังได้บูรณาการเชื่อมต่อกับการเดินทางอื่นเพื่อความสะดวก โดยมีการเชื่อมต่อเส้นทางรถประจำทาง การเชื่อมต่อทางถนนกับรถประจำทาง ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ขสมก. มีการปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทาง เพื่อรองรับการเชื่อมต่อสถานีสายสีแดง มีการบริหารจัดการระเบียบรถแท็กซี่ รถโดยสารสาธารณะต่าง ๆ เพื่อไว้รองรับประชาชนที่มาใช้บริการ

และการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ โดยที่สถานีบางซื่อจะมีการเดินทางใต้ดินที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีบางซ่อน ทางเดินสกายวอล์คเชื่อมกับสนามบินนานาชาติดอนเมือง รวมทั้งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีหลักสี่ และอยู่ระหว่างสร้างสกายวอล์คเพื่อเชื่อมต่อกับโรงพยาบาล ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้จะทำให้ประชาชนที่อยู่ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของกรุงเทพ สามารถใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดงเพื่อเข้าสู่กรุงเทพชั้นในด้วยความสะดวกรวดเร็วปลอดภัย

นอกจากนี้ รฟท.ยังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการส่วนต่อขยายสายสีแดง ไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, สถานีศาลายา มหาวิทยาลัยมหิดล, สถานีธนบุรี ศิริราช, สถานีหัวหมาก, สถานีหัวลำโพง เพื่อให้โครงข่ายสายสีแดงขยายไปทุกทิศทาง เพื่อให้ประชาชนได้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับสถานีกลางบางซื่อที่เป็นสถานีเปลี่ยนถ่ายรถไฟทางไกลของการรถไฟฯ รวมถึงการเชื่อมต่อระบบรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 68 นอกจากนี้ สถานีกลางบางซื่อยังมีแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งภายในตัวสถานีและพื้นที่รอบสถานีเพื่อให้มีการพัฒนาสถานีและพัฒนาเมืองในลักษณะ Smart City ควบคู่กันไปด้วย

การพัฒนารถไฟชานเมืองสายสีแดงได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือกับประเทศไทยในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ามาแล้วหลายโครงการ นับเป็นความร่วมมือที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่นแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาโครงข่ายด้วยระบบรางมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดการดำเนินการสถานีกลางบางซื่อและโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่ง ในการเดินทางระบบรางของประเทศ

โดยเฉพาะสถานีกลางบางซื่อ ถือว่าเป็นศูนย์กลางระบบรางของประเทศไทย และเป็นสถานีกลางที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน มีรถไฟชานเมืองสายสีแดงที่สามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าในทุกเส้นทาง เป็นศูนย์กลางรถไฟทางไกลสู่ทุกภูมิภาค และยังเป็นศูนย์กลางของรถไฟความเร็วสูงทุกเส้นทางที่จะเชื่อมต่อประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อมโยงเส้นทางสายใหม่ยุคใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยจะเปิดใช้เต็มรูปแบบในเดือน พ.ย. 64 นี้

ในการเปิดให้ทดลองใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดงในวันนี้ (2 ส.ค.) ไปจนถึงปลายเดือนพ.ย. 64 สถานีกลางบางซื่อได้แบ่งพื้นที่ 2 ส่วน พื้นที่แรกเป็นการให้บริการขนส่งมวลชนทางราง จะใช้บริเวณประตูที่ 1 และอีกพื้นที่เป็นศูนย์กลางฉีดวัคซีนบางซื่อเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ประชาชน โดยใช้ประตูที่ 2-4 ที่แยกสัดส่วนชัดเจน และเปิดบริการทางเชื่อมทางไปรถไฟสายสีน้ำเงิน

"รถไฟสายสีแดง จะเปิดให้บริการฟรีไปจนถึงเดือนพ.ย. นี้ แต่ทั้งนี้ คงจะต้องรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง ว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับการเดินรถ ให้รฟท.พิจารณารายละเอียดมากกว่าปกติ โดยเฉพาะการบริหารความถี่เดินรถที่เหมาะสม ในช่วงที่มีคนเดินทางมาก ช่วงมีคนใช้น้อย เพื่อความคุ้มค่าเพราะการเดินรถแต่ละเที่ยวจะมีค่าใช้จ่ายคงที่ ต้องดูรายได้ที่จะเข้ามาด้วย

อย่างไรก็ตาม ขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมทดลองใช้ เส้นทางบางซื่อ-รังสิตใช้เวลา 25 นาที เส้นทางบางซื่อ-ตลิ่งชัน ใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น ขณะที่รถยนต์ ใช้เวลามากกว่า 1 ชม."

สำหรับอัตราค่าโดยสาร รถไฟสายสีแดง เป็นค่าแรกเข้าที่ 12 บาท ส่วนราคาในการเดินทางแต่ละสถานี จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 บาท/กม. ปัดเศษเหลือ 2 บาท ค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 42 บาท ในแต่ละเส้นทาง และได้มอบหมายให้ สนข.และกรมรางศึกษาตั๋วพิเศษ ตั๋วเดือน สำหรับผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ด้อยโอกาส เพื่อช่วยลดค่าครองชีพได้อีก

ส่วนเดินทางเชื่อมต่อ จากรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมายังสายสีแดงจะไม่คิดค่าแรกเข้าหรือจ่ายค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียวที่ต้นทาง ส่วนการเดินทางจากสีแดงเชื่อมเข้าระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินนั้นเบื้องต้นยังคงต้องจ่ายค่าแรกเข้า MRT โดยจะมีการเจรจากับเอกชน เพื่อให้เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"สมศักดิ์" เชื่อมั่น "นายกฯ" ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ปัดวิจารณ์ม็อบลุกฮือไล่รัฐบาล ขอทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมเผย กระทรวงยุติธรรม เตรียมผลิตฟ้าทะลายโจรใช้เองในกรมราชทัณฑ์ ไม่หวังพึ่งวัคซีน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลหลังถูกโจมตีทั้งศึกนอกและศึกใน ว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าติดขัดในเรื่องของการจัดสรรวัคซีน แต่จากที่ฟัง ศบค.ก็มีโอกาสที่วัคซีนจะเข้ามามากขึ้น จึงเชื่อว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะสบายใจมากขึ้น ซึ่งกระทรวงยุติธรรมอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ก็จะส่งเสริมฟ้าทะลายโจรให้แก้วิกฤตควบคู่กันไปด้วย 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากย้อนหลังไปคงมองได้ว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ครบเทอม แต่ส่วนตัวมองว่าในภายภาคหน้าจะมีทางออก ทั้งการรักษาโควิด-19 การจัดสรรวัคซีน การช่วยเหลือ ดังนั้นความกังวลจะน้อยลงจากเดิม และส่วนตัวยังเชื่อมั่นในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่จะฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทั้งนี้ ตนขอไม่วิพากษ์วิจารณ์การชุมนุมทางการเมืองที่ขณะนี้ออกมาโจมตีรัฐบาลจำนวนมากหลายกลุ่ม ขอทำงานอย่างเต็มที่ในเวลาที่เราอยู่ในตำแหน่ง เพื่อแบ่งเบาภาระในหลายๆ ด้าน 

นอกจากนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่รักษาตัวที่บ้านด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจนหายขาดจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตรวจครั้งล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนไม่พบเชื้อ พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพ ซึ่งภายในประกอบไปด้วย เครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขเขตหลักสี่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้ราชทัณฑ์ยังไม่สามารถผลิตฟ้าทะลายโจรเองได้ แต่ประมาณวันที่ 2 ต.ค. จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ 8 ไร่ ประมาณ 8 ล้านแคปซูล จากนั้นในเดือนต่อไปจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ 50 ไร่ 50 ล้านแคปซูล ซึ่งภายในช่วง 2 เดือนนี้ ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องบริหารจัดการให้เพียงพอ โดยตั้งเป้าว่าจะใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในเรือนจำ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่หวังพึ่งวัคซีน ส่วนกรณีที่ฟ้าทะลายโจรขาดตลาดมีไม่พอนั้น ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาและวางยุทธศาสตร์ฟ้าทะลายโจรในการป้องกันและรักษาโควิดขึ้นมา โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะต้องดูอีกทีว่าทางกระทรวงยุติธรรมได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านไหน 

สื่อไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล แอร์ฟินิตี (Airfinity) ประเมินช่องว่างระหว่าง บริษัทฟาร์มาซูติคอลวัคซีน mRNA และคู่แข่งเป็นต้นว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา และ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะกว้างมากขึ้นในปีหน้า

สื่อไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล แอร์ฟินิตี (Airfinity) ประเมินช่องว่างระหว่าง บริษัทฟาร์มาซูติคอลวัคซีน mRNA และคู่แข่งเป็นต้นว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา และ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะกว้างมากขึ้นในปีหน้า

โดยบริษัทที่ปรึกษา ไลฟ์ ไซน์ คอนซัลแทนซีย์ (Life Science consultancy) คาดการณ์ไปถึงยอดขายวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจะแตะ 56 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่วัคซีนโมเดอร์นาจะถึง 30 พันล้านดอลลาร์เนื่องมาจากวัคซีนทั้ง 2 เจ้าเป็นผู้ครองตลาดรายได้สูง

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาไฟเซอร์ได้ปรับตัวเลขรายได้ประจำปีของการจำหน่ายวัคซีนเกือบ 1 ใน 3 มาอยู่ที่ 33.5 พันล้านดอลลาร์ หลังการขายวัคซีนโควิด-19 ของทางบริษัทเพิ่มเกือบ 2 เท่าในไตรมาสที่ 2 ด้านซีอีโอบริษัทยาไฟเซอร์ อัลเบิร์ต เบอร์ลา (Albert Bourla) ระบุว่า ราคาขายสำหรับประเทศร่ำรวยนั้นเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณค่าของวัคซีน

ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาหรือมีรายได้ปานกลางทางบริษัทไฟเซอร์จะยอมลดให้ 50% ส่วนประเทศยากจนทางบริษัทจะคิดในราคาต้นทุน ไฟแนนเชียลไทม์สชี้ว่า ไฟเซอร์ซึ่งแบ่งกำไรกับบริษัทยาเยอรมนี ไบออนเทค คาดว่าจะปรับราคาวัคซีนเพิ่มหลังจากวิกฤตโควิด-19 สิ้นสุดแล้ว

ส่วนสัญญาการซื้อขายวัคซีนของทั้ง 2 เจ้ากับสหภาพยุโรปที่ทำไว้ล่าสุดตามที่สื่อธุรกิจได้ชี้ให้เห็นนั้น พบว่า บริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นา 'ปรับราคาขายต่อโดสใหม่' โดยราคาขายของวัคซีนไฟเซอร์ถูกปรับสูงกว่า '1 ใน 4' ของราคาเดิม และราคาขายของวัคซีนโมเดอร์นาถูกปรับมากกว่า '1 ใน 10' ของราคาเดิม

เนื่องมาจากความต้องการที่มากขึ้นสำหรับการใช้วัคซีน mRNA เพื่อเป็นเข็มกระตุ้นประกอบกับการระบาดเป็นวงกว้างของไวรัสกลายพันธุ์ทำให้ต้องมีการเสาะหาวัคซีนเทพขั้นประสิทธิภาพสูงสุดมาไว้ในความครอบครอง

โดยในบางส่วนของสัญญากับสหภาพยุโรปที่ไฟแนนเชียลไทม์สได้เห็นชี้ว่าไฟเซอร์ปรับราคาใหม่ต่อโดสที่ 19.50 ยูโรจากเดิม 15.50 ยูโร

ส่วนวัคซีนโมเดอร์นาถูกปรับเป็น 25.50 ดอลลาร์ต่อโดส อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่รู้ในเรื่องนี้ระบุว่าราคาเดิมอยู่ที่ 19 ยูโร หรือราว 22.60 ดอลลาร์ในข้อตกลงการซื้อขายครั้งแรกกับอียู แต่ต่ำกว่าข้อตกลงเดิมที่ 28.50 ดอลลาร์เนื่องมาจากมีความต้องการสั่งซื้อเพิ่ม

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระบุว่า บริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นาเป็นผู้ครอบครองตลาดและใช้คำติดปากของกลุ่มบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่มักชอบพูดว่า...วัคซีนมีประสิทธิภาพ ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มมูลค่า

ข้อตกลงการซื้อขายระหว่างสหภาพยุโรปและบริษัทยา เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สลับซับซ้อนระหว่างที่ทางสหภาพยุโรปกำลังแจกจ่ายวัคซีนให้พลเมืองของตัวเองจากการที่อียูประสบปัญหาจากวัคซีนคู่แข่งทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่พบว่ามีความเชื่อมโยงทำให้เกิดปัญหาลิ่มเลือดที่หายาก

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังต้องต่อสู้กับเสียงตำหนิจากกลุ่มชาติสมาชิกที่นำโดยออสเตรียถึงปัญหาการแจกจ่ายวัคซีนอย่างไม่เป็นธรรม แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เปิดเผยกับสื่อธุรกิจว่า คณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐบาลชาติสมาชิกอียูยอมตกลงที่จะจ่ายในราคาที่เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะได้วัคซีน mRNA ที่ได้รับการอนุมัติซึ่งผลิตได้จากโรงงานในสหภาพยุโรป

แหล่งข่าวชี้แจงว่า ราคาใหม่ของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค มีราคาเท่ากับที่ได้เคยตกลงไว้ก่อนหน้าในปีนี้สำหรับการสั่งล่วงหน้า 10 ล้านโดส โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า...

"เจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานให้บริษัทโมเดอร์นานั้นช่างน่าขบขันและหยิ่งยโสในข้อตกลงของพวกเขากับคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงให้เห็นถึงการไร้ซึ่งประสบการณ์ในการติดต่อกับภาครัฐบาลมาก่อน"

ขณะที่ด้านคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า บรัสเซลส์ขอสงวนสิทธิสำหรับการได้วัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีกจำนวน 1.8 พันล้านโดส เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเข็มกระตุ้นและวัคซีนเพื่อสำหรับการระบาดไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000075243

https://www.facebook.com/336295587309275/posts/871455307126631/

https://www.ft.com/content/d415a01e-d065-44a9-bad4-f9235aa04c1a


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลายเป็นอีกภาพความทรงจำดี ๆ ในการแข่งขันกระโดดสูง โอลิมปิกเกมส์ 2020 หลังเวลาผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถตัดสินหาผู้ชนะอันดับ 1 เพื่อคว้าเหรียญทองไปคล้องคอได้

'มูตาซ เอสซา บาร์ชิม' จาก กาตาร์, 'จานมาร์โก ทัมเบรี' จาก อิตาลี และ 'มัคซิม เนดาเซเคา' จาก เบลารุส ต่างทำความสูงมากที่สุดเท่ากันที่ 2.37 เมตร ซึ่งต้องตัดสินหาหนึ่งเดียวเพื่อข้ามผ่านกำแพง 2.39 เมตร

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนไม่สามารถข้ามความสูงระดับนั้นได้ตลอดการกระโดด 3 ครั้ง แต่ 'บาร์ชิม' กับ 'ทัมเบรี่' กระโดดไม่พลาดเลยในช่วงการโดดปกติ

ขณะที่ เนดาเซเคา ต้องออกแรงถึง 2 ครั้งกว่าจะผ่านความสูง 2.19 เมตร และไม่ผ่านในความสูง 2.35 เมตร ทำให้นักกีฬาจาก เบลารุส หลุดวงโคจรลุ้นเหรียญทองเป็นคนแรก

ทั้งสองยังพยายามต่อ แต่ทั้ง จานมาร์โก ทัมเบรี กับมูตาซ เอสซา บาร์ชิม ก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านความสูงระดับ 2.39 เมตรซึ่งเป็นสถิติของการแข่งขันกระโดดสูงชายโอลิมปิกได้ จนเวลาการแข่งขันผ่านไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง

แม้พลังใจยังมี แต่พลังกายก็เริ่มหมด และแล้วช่วงเวลาของความมหัศจรรย์เกิดขึ้น เมื่อกรรมการถามนักกีฬาว่า "จะลงแข่งขันกันต่อหรือไม่?"

ผู้แข่งขันถามกลับว่า “เรามีเหรียญทองสองเหรียญได้หรือเปล่า?”

ในคำถามที่เหลือเชื่อนี้มีคำตอบที่กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า “ได้”

และวินาทีนั้นเองที่ทั้งทัมเบรี และบาร์ชิมจับมือกันเพื่อเป็นสัญญาณว่าพวกเขาตกลงแล้วที่จะเป็นผู้ชนะร่วมกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กีฬาโอลิมปิกปี 1912 ที่มีการแชร์เหรียญทองกัน

ก่อนที่ทัมเบรีจะกระโดดสวมกอดบาร์ชิม และทั้งคู่ก็ฉลองชัยชนะร่วมกัน จบฉากชัยชนะของเกมกีฬาที่งดงามยิ่งกว่าชัยชนะหรือเหรียญทองใด ๆ

โดยหลังจากนั้นทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยบาร์ชิมบอกว่า “สองมันย่อมดีกว่าหนึ่งอยู่แล้วใช่ไหม”

ก่อนที่ทัมเบรี ผู้ซึ่งเคยอกหักเพราะบาดเจ็บก่อนโอลิมปิกที่ริโอเกมส์เมื่อ 5 ปีก่อนจะเริ่ม และวันนี้พกเฝือกในวันนั้นมาด้วย (นั่นคือเหตุผลที่เขาดีใจจนเหมือนใจจะขาด) จะบอกว่า “ใช่ ใช่ มันดีกว่า”


ที่มา : https://www.facebook.com/136045649773277/posts/4660536310657499/

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2932861040261340&id=1409336735947119


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เจ้าสัวธนินท์” ดันเครือซีพีสู้ภัยโควิด-19 ประกาศ 2 โครงการ “ครัวปันอิ่ม” แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง ฟรี 2 เดือน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ และโครงการ “ปลูกฟ้าทะลายโจร” 100 ไร่ ผลิต 30 ล้านแคปซูลพร้อมแจกฟรีใน 100 วัน

วันที่ 1 สิงหาคม 2564 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ในภาวะวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ป่วยโควิดในประเทศวันนี้ 18,027 ราย ยอดเสียชีวิตสูง 133 คน ซึ่งถือว่าคนไทยทุกคนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เรื่องสุขภาพ ความเจ็บป่วย โดยเฉพาะการดำรงชีพ ปากท้องประชาชน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และยังไม่อาจรู้ได้ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดในเวฟล่าสุดนี้ จะคลี่คลายในระยะเวลายาวนานเพียงใด แต่ในวิกฤตเช่นนี้ เรายังได้เห็นน้ำใจของทุกภาคส่วน ได้เห็นมูลนิธิ ภาคประชาชน สื่อมวลชน ศิลปินดารา ประชาชน ออกมาช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด

ทั้งนี้ในส่วนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มีความตั้งใจในการร่วมแรงคนละไม้คนละมือเพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยจะจัดทำ 2 โครงการ คือ โครงการ “ครัวปันอิ่ม”แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง และโครงการ “ปลูกฟ้าทะลายโจร” 100 ไร่ ผลิต 30 ล้านแคปซูลพร้อมแจกฟรีในอีก 100 วัน

โครงการ “ครัวปันอิ่ม” ผนึกกำลังบริษัทในเครือและพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมแจกอาหาร 2 ล้านกล่อง ใน 40 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดช่วงเวลา 2 เดือน นับจากนี้ โดยแบ่งออกเป็นการซื้ออาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลาง จำนวน 1 ล้านกล่อง มาแจกจ่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับร้านอาหารรายย่อย และ อาหารของเครือซีพีสมทบอีก 1 ล้านกล่อง รวมเป็น 2 ล้านกล่อง

โดยครัวปันอิ่มนี้เปิดกว้างสำหรับเพื่อน ๆ ผู้มีจิตสาธารณะที่จะมาร่วมสมทบ เพิ่มเติม และยังต้องผนึกกำลังกับมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคม เพื่อระดมกำลังด้านการแจกจ่ายให้ถึงชุมชนที่มีความเดือดร้อน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกภาคส่วน ที่ยินดีเข้ามาร่วมไม้ร่วมมือกัน ซึ่งโครงการครัวปันอิ่มนี้ จะมีการประสานไปยังร้านอาหารรายย่อยเพื่อจัดเตรียมอาหาร และควบคุมคุณภาพ โดยคำนึงถึงความสะอาด และความปลอดภัย ทั้งนี้คาดว่าจะพร้อมดำเนินการแจกจ่ายภายในสัปดาห์หน้า โดยจะเน้น 40 จุดที่ใกล้ชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง และลดโอกาสการแพร่เชื้อ

โครงการที่สอง คือ โครงการปลูกฟ้าทะลายโจรบนที่ดิน 100 ไร่ และผลิตเพื่อแจกฟรี 30 ล้านแคปซูล ซึ่งในสถานกาณ์ปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือ การป้องกันโรค และ การควบคุมโรค การกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ การดูแลตัวเองถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะสมุนไพรไทยนั้น ถือได้ว่า มีคุณค่าอย่างมาก จะเห็นได้ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟ้าทะลายโจรเริ่มขาดแคลน ทำให้คนไทยหลายส่วนไม่สามารถเข้าถึงได้ เครือซีพี จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว

โดยจะริเริ่มโครงการปลูกฟ้าทะลายโจร ในพื้นที่ 100 ไร่ที่ จ.สระบุรี และใช้เวลา 100 วัน นับจากวันนี้จะพร้อมแจกจ่ายฟ้าทะลายโจร จำนวน 30 ล้านแคปซูล ฟรีให้กับพี่น้องประชาชนและชุมชน โดยจะดำเนินการแบบปลอดสารพิษทั้งกระบวนการ และมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมีคุณภาพ ซึ่งเครือซีพีจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาช่วยในสถานการณ์นี้

ส่วนในด้านการแจกจ่าย จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่มีความรู้ด้านสมุนไพรและสาธารณสุข เพื่อให้การแจกจ่าย และการรับประทาน เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้จะมีการส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกฟ้าทะลายโจร และ มีการจ้างงานเกษตรกรในการเพาะกล้าไม้ และส่งเสริมให้ขยายผลไปในชุมชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

นายธนินท์ กล่าวต่อว่า ในยามวิกฤตแบบนี้ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่ช่วยสู้กับไวรัส จริง ๆ แล้วคือภูมิคุ้มกันของตัวเราเอง ซึ่งหากเรามีร่างกายและกำลังใจที่แข็งแกร่งแล้ว ย่อมผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ทำงานอย่างหนัก ขอบคุณคุณหมอ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงไม่ย่อท้อ ขอบคุณทุกคนที่ออกมาเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือสังคม สุดท้ายนี้เครือซีพีขอขอบคุณเพื่อน ๆ พันธมิตร จิตอาสา ทุกภาคส่วนอีกครั้ง ที่มาร่วมกันร้อยเรียงความดีผ่านทั้ง 2 โครงการนี้ ผมเชื่อว่า เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน


ที่มา : https://www.prachachat.net/csr-hr/news-728985


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลุ่มเพื่อนนิเทศฯ จุฬาฯ รุ่น 40 ทำ จดหมายถึง 'พลอยเพลิน' ลูกสาวของ บิ๊กตู่ เพื่อฝากไปบอกพ่อให้ลาออก

ด้วยความที่ “พลอยเพลิน จันทรโอชา” ลูกสาวฝาแฝดของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนในรุ่น 40 จึงรวมกลุ่มกันทำจดหมายถึงพลอยเพลินเพื่อฝากไปยังนายกรัฐมนตรี โดยผู้ใช้อินสตาแกรมที่มีชื่อว่า pupaepinyapatch นำได้มาเผยแพร่ โดยมีใจความว่า...

ถึงพลอยเพลิน

จำได้ไหมว่า ใต้ถุน เสียงกลองสันฯ ละครคณะ การฝึกงานต่างจังหวัด โซฟาหน้าสตูดิโอเอ็มซี และมิตรภาพ 17 ปี ได้ผูกใจพวกเราไว้ในฐานะ “นิเทศจุฬาฯ รุ่น 40” มากแค่ไหน ความทรงจำและความผูกพันฉันเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำให้การเขียนจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเรา สิ่งที่อยากบอกพลอยเพลินคือ พวกเราพบและประสบความทุกข์ยากมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายรัฐมนตรี ซึ่งเป็น “พ่อของเพื่อน”

ที่ผ่านมาพวกเราพยายามเคารพความเป็นส่วนตัวของพลอยเพลินมาตลอด เพราะเชื่อว่า “นายกฯ” และ “พ่อ” คือบทบาทที่แยกขาดจากกัน แต่วิกฤติโควิด-19 คือเหตุเร่งเร้าให้พวกเราเลือกเส้นทางที่อาจกระทบใจและก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของพลอยเพลิน ด้วยการเขียนจดหมายที่ไม่เคยกล้าเขียนฉบับนี้

พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่า พลอยเพลินรับรู้สถานการณ์บ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน จึงอยากบอกให้รู้ว่าในสายตาของพวกเรา การบริหารงานของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 การสื่อสารของรัฐบาลที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อการวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน และการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า อันเป็นเหตุให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญกับภาวะวิกฤติ คนป่วยล้นโรงพยาบาล บางคนนอนรอความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านอย่างไร้ความหวัง มีคนนอนตายข้างถนน ผู้คนจำนวนมากบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจ บางคนต้องปิดกิจการ มากมายที่ต้องตกงาน และหลายคนฆ่าตัวตายด้วยความสิ้นหวัง

พวกเราจึงเห็นว่าการบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีส่วนในการพาประเทศไทยไปสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากในเวลานี้

พวกเราจึงเห็นพ้องต้องกันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย พวกเราเชื่อว่าการบริหารงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ของประเทศครั้งนี้ได้

ฟังเสียงของพวกเราได้ไหมพลอยเพลิน เสียงของเพื่อน เสียงของคนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนอย่างไม่มีกำหนด เสียงของพนักงานที่ต้องออกไปทำงาน โดยไม่รู้ว่าจะนำเชื้อกลับมาติดคนที่รักวันไหน เสียงของคนที่ทำงานอิสระที่ต้องขายบ้านขายรถ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว เสียงของลูก ของน้อง ของภรรยา ที่เจ็บปวดเพราะคนในครอบครัวติดโควิด และเสียงของประชาชนที่ไร้หนทาง

ฟังแล้วไตร่ตรองในฐานะของคนที่มองเห็นคุณค่าความเป็นคน ลองยื่น “กำไลหินใจเย็น” เส้นเดิมส่งให้พ่ออีกครั้ง แล้วขอให้พ่อลาออก พวกเราเชื่อมั่นว่าเสียงของพลอยเพลินสำคัญต่อพ่อเสมอ

จาก “พวกเรา” เพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40


ที่มา : https://mgronline.com/celebonline/detail/9640000075289

https://www.instagram.com/p/CSCNAgkJSOI/?utm_medium=copy_link


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รวมเหล่านักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ ที่พลาดคว้าเหรียญ แต่ผลงานประทับใจ

โอลิมปิกเกมส์ 2020 ผ่านครึ่งทาง ใกล้จะเข้าโค้งท้าย ๆ ของมหกรรมกีฬาครั้งนี้แล้ว แม้ประเทศไทยจะคว้าเหรียญทองมาได้เพียงเหรียญเดียวจาก เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากกีฬาเทควันโด้

แต่กับกีฬาประเภทอื่น ๆ โดยรวมถือว่าเหล่านักกีฬาไทยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ บางชนิดกีฬาเกือบคว้าเหรียญเพิ่มให้กับประเทศไทยได้ และบางชนิดกีฬาสามารถทำเซอร์ไพรส์ สร้างผลงานผ่านเข้ารอบลึก ๆ มาได้อย่างเกินคาดหวัง

THE STATES TIMES ขอร่วมชื่นชมในผลงานอันน่าประทับใจเหล่านี้ พร้อมกับรวบรวมบรรดานักกีฬาที่สร้างผลงานเข้าตาในศึกโอลิมปิกเกมส์หนนี้ มีใครกันบ้าง ลองไปดูกัน!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คุมเข้ม เพิ่มเป็น 29 จังหวัด มีมาตรการอะไรบ้าง ไปดูกัน!!

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เดิม 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา

เพิ่มใหม่อีก 16 จังหวัด ดังนี้ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สหรัฐฯ ติดเชื้อโควิดพุ่งทะลุแสนราย ใน 1 วัน พบเชื้อเดลตา ระบาดหนัก 2 เท่าจากเดิม ส่วนกัมพูชา ป่วยเพิ่มอีก 668 ราย ดับเพิ่ม 25 ศพ ด้านเมียนมา พบติดเชื้อพุ่ง 4,725 คน ตายอีก 392 ศพ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) ระบุว่าสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้น 101,171 คน นับเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิตก็กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกในเกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ อันเป็นผลจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา

เว็บไซต์ของศูนย์ฯ ระบุว่าสายพันธุ์เดลตามีการระบาดอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ครองสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อยู่ที่มากกว่าร้อยละ 80 แล้วในขณะนี้ พร้อมกับระบุอีกว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่จากคนหนึ่งสู่อีกคนง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นก่อนหน้านี้ 2 เท่าตัว คาดว่าสัดส่วนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มเป็นร้อยละ 82.2 อีกทั้งได้ปรับแนวปฏิบัติด้านการสวมหน้ากากอนามัย กระตุ้นชาวอเมริกันฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้ว ให้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ และในเขตที่มีอัตราการติดเชื้อสูง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชารายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 668 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 240 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 76,585 คน ด้านผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 1,375 คน หลังจากพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 25 คน ขณะที่ผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 69,198 คน ภายหลังผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่มขึ้น 812 คน

ทั้งนี้ กัมพูชาเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีจีนเป็นผู้จัดสรรวัคซีนรายสำคัญโดยออร์ แวนดิน รัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาดำเนินการฉีดวัคซีนแล้ว 11.8 ล้านโดส เมื่อนับถึงปัจจุบันมีประชาชนได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว 7.13 ล้านคน และรับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 4.67 ล้านคน ซึ่งกัมพูชาตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 10 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 16 ล้านคน ภายในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา ว่ากระทรวงสาธารณสุขเมียนมารายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมในประเทศอย่างน้อย 299,185 คน เพิ่มขึ้น 4,725 คน หายป่วยสะสมอย่างน้อย 209,512 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 9,334 คน เพิ่มขึ้น 392 คน

อย่างไรก็ดี สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานแสดงความกังวลอย่างหนักต่อวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ว่าอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเลวร้ายถึงขีดสุด โดยภายในเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่ประชากรครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดราว 54 ล้านคนในประเทศนี้ จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการระบาดอย่างหนักและรวดเร็วของเชื้อสายพันธุ์เดลตา

สำหรับอัตราการติดเชื้อของเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ 6.29 ต่อประชากร 1 ล้านคน มากกว่าสองเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาวิกฤติที่สุดของอินเดียเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่อัตราการตรวจคัดกรองซึ่งต่ำมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์จริงในพื้นที่รุนแรงกว่านั้นมาก

ขณะที่นายโธมัส แอนดรูว์ส ผู้รายงานด้านกิจการเมียนมาของยูเอ็น เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) มีมติให้หยุดยิงอย่างเป็นทางการในเมียนมา เนื่องจากความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบสาธารณสุขจนเข้าขั้นล่มสลาย และการที่เมียนมามีพรมแดนติดกับ 5 ประเทศ รวมถึงจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก หากไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดข้ามพรมแดนได้ ภูมิภาคแห่งนี้จะเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ด้านสาธารณสุข


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/591925


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อาสาสมัคร ‘ต้องรอด Up for Thai’ ผุดโครงการ Mission บุษราคัม 75 ชวนร่วมบริจาคข้าวของเครื่องใช้ช่วยโรงพยาบาลสนามบุษราคัม หลังพบยังขาดแคลนอีกมาก

โรงพยาบาลสนามบุษราคัมจัดตั้งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการระบาดที่ผ่านมา ทั้งนี้ผู้ป่วยจำนวนหลายพันคนได้เข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามรพ.สนามยังมีความต้องการเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงการรักษา

ด้วยเหตุนี้ กลุ่ม Up for Thai "ต้องรอด" และพันธมิตรภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาคสื่อสารมวลชนจึงร่วมกันจัดตั้งโครงการเฉพาะกิจ #missionบุษราคัม75 ขึ้นเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาในโรงพยาบาลสนามบุษราคัมเป็นระยะเวลา 75 วัน ก่อนจะมีการย้ายไปยังสถานที่ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนได้รับปัจจัยเพียงพอและให้การดำเนินการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น

สำหรับ "Mission บุษราคัม 75" นี้ ทาง "ต้องรอด" จะนำส่งสิ่งของในรายการเป็นขบวนรถไปยังโรงพยาบาลสนามบุษราคัมในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ และเราจะรับบริจาคสำหรับโครงการเฉพาะกิจดังกล่าวไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม 2564 หรือจนกว่าจำนวนสิ่งของจะครบตามรายการ

ศูนย์อาสาต้องรอด Up for Thai ยังคงปฏิบัติภารกิจหลักควบคู่กันไป ทั้งการนำส่งอาหารปรุงสุกและเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ชุมชน โรงครัวชุมชน แคมป์คนงาน ผู้กักตัว ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ คนชรา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ป่วยรอเตียง ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันสำหรับด่านหน้า โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม อสม. ศูนย์พักคอย สถานีอนามัย มูลนิธิและอาสากลุ่มอื่น ๆ ทุกท่านสามารถบริจาคได้ตามปกติที่ศูนย์หรือทางบริการ delivery

ร่วมส่งต่อความช่วยเหลือกับ "ต้องรอด" ได้ที่ : สถานที่ปฎิบัติงานและรับบริจาค :

ศูนย์อาสาต้องรอด Up For Thai วัดเทวสุนทร https://goo.gl/maps/X6VJJXWgD7FxVM6X6

ที่อยู่ในการจัดส่งสิ่งของบริจาค :

กองอำนวยการ Up For Thai ต้องรอด วัดเทวสุนทร

เลขที่ 1 ม.19 ถ.กำแพงเพชร 6 ลาดยาว จตุจักร กทม. 10900

หากส่ง delivery กรุณาแจ้ง tracking มาที่ LINE

สมทบทุนเป็นเงินสดที่ กสิกรไทย 096-3-23974-2

(ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล และนางสมใจ พุ่มสมบัติ)

ติดต่อสอบถาม โทร 080-000-4566 (ทีมงานต้องรอด) หรือที่ LINE @upforthai

เพราะเรา #ต้องรอด ไปด้วยกัน #upforthai


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยงานเภสัชกรรมฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด พัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ตำรับแรกในประเทศไทย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ตำรับแรกในประเทศไทย โดยงานเภสัชกรรมฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด พัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์สำหรับผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ (Hospital preparation) เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยสูงอายุ

รวมถึงผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด โดยมุ่งหวังเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยให้สามารถผลิตยาให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้ และพบการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้น สนองพระนโยบายศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีความห่วงใยและตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 จะสามารถเข้าถึงยารักษาโรคฟาวิพิราเวียร์ได้อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์ ได้มีการคัดเลือกและควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบตัวยาสำคัญ ตลอดจนมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาตามมาตรฐานสากล ด้วยวิธีการที่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้อง และการศึกษาความคงสภาพเพื่อยืนยันคุณภาพตลอดช่วงอายุการใช้งาน

สำหรับตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาล ลักษณะเป็นยาน้ำใส สีส้ม รสราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัมใน 60 มิลลิลิตร และ ขนาด 1,800 มิลลิกรัมใน 135 มิลลิลิตร รับประทานยาขณะท้องว่าง วันละ 2 ครั้ง ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง

- ขนาดและวิธีการใช้ยาในผู้ใหญ่ วันแรกรับประทาน ขนาด 1,800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมาขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง กรณีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กก/ตรม. วันแรกรับประทาน ขนาด 2,400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมา ขนาด 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

- ขนาดและวิธีการใช้ยาในเด็ก วันแรก รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วันแบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมา ขนาด 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง

- กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่มีผลตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 สามารถติดต่อเพื่อขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยนำผลยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาพบแพทย์และรับยาได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/101062


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ชัยวุฒิ” เตรียมเชิญ “ผู้บริหารองค์กรสื่อฯ” แจงปม ประกาศฉ.29 ห้ามเสนอข่าวทำปชช.หวาดกลัว หวัง ขอความร่วมมือสื่อพาประเทศพ้นวิกฤต

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังรม(ดีอีเอส) กล่าวกรณีที่ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 27 และ)ฉบับที่ 29 ออกตามความในมาตรา 9 แห่งก.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เกี่ยวกับมาตรการไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความหวาดกลัว ว่า ยืนยันว่าข้อกำหนดที่ออกมา ไม่ได้มีเจตนาควบคุมการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชน และประชาชน ที่เป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของสื่อในการปฏิบัติหน้าที่ และมีองค์กรสื่อฯคอยกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรม และที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังการวิจารณ์ด้วยเหตุผล อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงมา จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดกั้นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของสื่อ แต่ต้องยอมรับว่ามีการส่งข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้องได้ ทั้งเจตนาและไม่เจตนา จึงต้องมีมาตรการป้องกันการบิดเบือน ที่กระทบการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เพื่อความเข้าใจแนวทางของรัฐบาล ตนจะเชิญผู้บริหารองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนหารือในโอกาสที่เหมาะสม ให้เกิดความร่วมมือแก้ปัญหาการนำเสนอข้อมูลที่ปราศจากข้อเท็จจริง เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลตระหนักถึงบทบาทของสื่อมวลชนในการมีส่วนช่วยนำพาบ้านเมืองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต ส่วนข้อกำหนดที่ออกมาเจตนาดำเนินการกับผู้ที่ทำตัวเสมือนเป็นสื่อ หรือสื่อเทียมไร้สังกัด ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีองค์กรกำกับตรวจสอบ ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดจากข้อเท็จจริง ผ่านเฟซบุ๊กทวิตเตอร์ หรือแพลตฟอร์มอื่น มีเจตนาตั้งใจบิดเบือนเพื่อหวังผลบางอย่าง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด หวาดกลัวหรือตื่นตระหนก เพื่อแก้ปัญหาในส่วนนี้เป็นหลัก ไม่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

“สิระ” จวก "ไฮโซลูกนัท” สมองน้อย หวังล้มล้างสถาบัน หลังร่วมคาร์ม็อบ จี้ ตร.ดำเนินการ

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่ปรากฏภาพเข้าร่วมการชุมนุมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้รถส่วนตัวสีดำ ติดสติกเกอร์ยกเลิก 112 ข้างรถ ว่า ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นภาพของคนที่มาจากตระกูลที่มีการเลี้ยงดูมาอย่างดี ถูกคนอื่นๆ เรียกว่าเป็นไฮโซ แต่กลับมีสมองคิดได้เพียงเท่านี้ สิ่งที่ออกมาเรียกร้อง คือ เจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

“ผมชี้เป้าให้แล้วว่าคนๆ นี้เจตนาจะล้มล้างสถาบันหรือไม่ ขอให้เจ้าที่หน้าตำรวจตรวจสอบภาพที่ปรากฏด้วย รวมถึงขอถามไปยังพ่อแม่ของไฮโซคนนี้ ให้ดูพฤติกรรมของลูกด้วยว่า เลี้ยงมาทำไมเป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าไฮโซสมัยนี้ทำไมสมองมันน้อย” นายสิระ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top