Tuesday, 1 July 2025
NEWS

ใจนายหล่อมาก!! หนุ่มไทย กระโดดน้ำช่วยหนูน้อย ที่เยอรมัน  รอดปลอดภัยทั้งคู่ ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีสมาชิก TikTok @bigass2515 โพสต์คลิปหนุ่มไทยฮีโร่ โดดลงไปช่วยเด็กน้อยชาวเยอรมันตกลงไปในน้ำ โดยระบุว่า “น้องแม๊คไปทำงานที่เยอรมัน บังเอิญเจอเด็กตกน้ำรีบโดดลงช่วย สุดยอด #น้ำใจคนไทย” โดยในคลิป เป็นช่วงเหตุการณ์ที่แม็คหนุ่มไทย จับประคองเด็กน้อยให้เกาะเสาสะพานเอาไว้ หลังโดดลงไปช่วยขณะที่เด็กน้อยตกลงไปในน้ำ ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง ที่สามารถช่วยเหลือเด็กน้อยขึ้นมาได้

อว. ผนึก บริติช เคานซิล จัดโครงการ ‘Thai-UK World-class University Consortium’ สร้างความก้าวหน้ามหาวิทยาลัยไทย สู่การแข่งขันในระดับโลก

(13 มี.ค.) นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อรุณี หัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์, รศ.ดร.รัฐชาติ มงคลนาวิน และ ผศ. ดร.มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร ได้นำคณะทำงาน Thai-UK Work Class Consortium ซึ่งประกอบด้วย หัวหน้าและตัวแทนโครงการ อีก 6 โครงการ จาก 5 มหาวิทยาลัย เข้าศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยน ความร่วมมือ ด้านงานวิจัยและการเรียนการสอนจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง 3 มีนาคม 2566

สำหรับโครงการ Thai-UK World-class University Consortium เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และบริติช เคานซิล ประเทศไทย เพื่อเพิ่มความมุ่งมั่นและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและสหราชอาณาจักรและเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยไทยในการแข่งขันในระดับโลก โดยมีโครงการ UK Visit Trip ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายใต้โครงการ Thai-UK World-class University Consortium ด้วย

โดยโครงการ Thai-UK World-class University Consortium มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างกลไกในการเพิ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดการกับลำดับความสำคัญของกลยุทธ์ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและสหราชอาณาจักร ผ่านการแลกเปลี่ยนกับแหล่งทุนสำคัญ และเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของระบบการเรียนการสอน การวิจัยและระบบบริหารมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพผ่านการพัฒนาบุคลากรด้วยความเชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักร 

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ทางคณะทำงานได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ De Monfort University ณ เมือง Leicester โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ หลักสูตรและการจัดการศึกษาที่สามารถให้ภาคธุรกิจและเอกชนในพื้นที่และท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกระบวนการศึกษาผ่านการฝึกงานและนำโจทย์ของภาคธุรกิจและเอกชนมาเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สามารถให้นักศึกษานำมาใช้เป็นแบบฝึกหัดในหลักสูตร การทำให้ภาคธุรกิจและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมนี้นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกจ้างงานของนักศึกษาแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจและเอกชนเพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเพิ่มโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยและนวัตกรรม

นอกจากนั้นทาง De Monfort University ยังได้นำเสนอรูปแบบความร่วมมือที่มีกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในการทำหลักสูตรสองปริญญาในสาขา Media Production และ Cyber Security ซึ่งทาง De Monfort University ยังมีความสนใจที่จะขยาย ความร่วมมือไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในโครงการ Thai-UK Work Class Consortium อีกด้วย

ถัดมาวันที่ 28 ก.พ.66 ทางคณะทำงานได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ Norwich Research Park, University of East Anglia ณ เมือง Norwich ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางบูรณาการความร่วมมือระหว่างงานวิจัยและนวัตกรรมแบบสหสาขาทั้งทางวิทยาศาสตร์, วิศวกรรม, สุขภาพ, สังคม และเศษฐศาสตร์  โดย Research Park เน้นงานวิจัยและนวัตกรรม 4 ด้านหลัก ได้แก่ : Industrial Biotechnology, Agriculture Technology, Food Technology และ Medical Technology ทั้งนี้ทางคณะทำงานมีโอกาสได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยที่บูรณาการด้านการส่งเสริมสุขภาพผ่านนวัตกรรมด้านอาหาร โดยเน้นงานวิจัยด้านจุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ

วันที่ 1 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบ Ms. Kate McAlister, Head of Quality Stakeholder Management, Office for Students ณ กรุงลอนดอน เพื่อรับฟังประสบการณ์ และนโยบายในการกำหนด Teaching Excellence Framework (TEF) ของอังกฤษโดยทางหน่วยงานมีหน้าที่ในการรับรองและตรวจสอบคุณภาพสถาบันการศึกษาต่างๆ ในสหราชอาณาจักร และมีการประเมินคุณภาพด้านการเรียนการสอนโดยมองที่ผลลัพธ์ของการศึกษา เช่น อัตราการจบและอัตราการมีงานทำ เป็นต้น

โดยช่วงบ่าย วันที่ 1 มี.ค.66 ทางคณะทำงาน ได้ไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับ University of Essex ที่เมือง Colchester ในการเยี่ยมศูนย์ Innovation Center ซึ่งเป็นหน่วยงานด้าน Knowledge Transfer Partnership (KTP) โดยหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการข้อมูลและเน้น การสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งด้านธุรกิจ โดยได้รับโจทย์จากภาคธุรกิจและวางแผนร่วมกับภาคเอกชนเพื่อขอรับทุนด้านนวัตกรรมจากแหล่งทุน เช่น Innovate UK โดยการขอการสนับสนุนจากแหล่งทุนนั้นจะทำให้ สามารถจ้างนักนวัตกรได้  ซึ่งนักนวัตกรนี้จะได้รับคำแนะนำและการดูแลจากอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยเพื่อทำการวิจัยและหลังเสร็จสิ้นโครงการก็สามารถถูกจ้างต่อโดยหน่วยงานเอกชนที่รับทุนร่วมกัน รูปแบบการทำแบบงานนี้ถือเป็นต้นแบบของ KTP ที่ทำให้ศูนย์และ University of Essex ประสบความสำเร็จจนเป็นอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักรด้าน KTP

ต่อมา วันที่ 2 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบตัวแทนจาก University of Liverpool ณ เมือง Liverpool นำโดย Professor Steven Edwards ซึ่งท่านได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสำเร็จในการทำหลักสูตรปริญญาเอกสองปริญญา (Dual Award Degree Program) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ความร่วมมือนั้นมีมานานกว่า 10 ปี โดย มีจุดเด่น ของความร่วมมือ คือ สามารถให้นักศึกษาไทยมาศึกษาใน University of Liverpool โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการศึกษา (Tuition fee) ให้แก่ University of Liverpool และการเทียบมาตรฐานต่าง ๆ ที่สามารถทำให้นักศึกษาสามารถได้รับปริญญาจากทั้งสองสถาบันตามกำหนด

ช่วงบ่าย วันที่ 2 มี.ค.66 ทางคณะทำงานได้เข้าพบตัวแทนจาก Liverpool John Moores University  ณ เมือง Liverpool  เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา และงานวิจัย นำโดย Professor Laura Bishop คณบดีจากคณะวิทยาศาสตร์ โดย ทางคณะวิทยาศาสตร์นั้นมีความโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา (Sport and Exercise Science) และเภสัชศาสตร์ (Pharmacy)

และวันที่ 3 มี.ค.66 ทางคณะทำงาน ได้พบปะกับตัวแทนคู่ความร่วมมือใน UK ณ British Council กรุงลอนดอน การจัดประชุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ในสหราชอาณาจักรจำนวน 14 ท่าน จาก 10 มหาวิทยาลัยในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการประชุมเชิงปฏิบัติการในการถอดบทเรียนและกำหนดทิศทางการดำเนินงานโครงการ Thai-UK Work Class Consortium ในระยะต่อไป  

ในที่ประชุม ได้ทบทวนผลลัพธ์การการดำเนินงาน Thai-UK World-class University Consortium ในปีแรก ที่มีผลลัพธ์เป็น MOU 9 ฉบับ, งานตีพิมพ์ 17 เรื่อง, การจัดประชุมวิชาการ 9 ครั้ง และ การได้ทุนวิจัย อีก 5 ทุน โดยมี อาจารย์และนักศึกษา ที่ได้มีส่วนร่วมจากโครงการนี้มากกว่า 500 ท่าน  ซึ่งทางที่ประชุมได้สรุปว่า ลักษณะผลงานดังกล่าวได้เป็นไปตามเป้าหมาย ของโครงการ  ในส่วนการถอดบทเรียนนั้น ทางคณะทำงาน ทั้งจากไทย และ สหราขอาณาจักร ได้กล่าวถึง ความสำคัญของโครงการ ในการเป็นตัวเชื่อม และ ตัวเร่งให้เกิดความร่วมมือ กับ มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ และนักศึกษา และ ดำเนินงานวิจัยร่วมกัน  โครงการยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนมีเสียงเรียกร้องให้มีการขยาย มหาวิทยาลัยเครือข่ายในความร่วมมือ  อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้สะท้อนความกังวล ถึงการดำเนินงานต่อเนื่องที่จำเป็นต้องการ การสนับสนุนจากแหล่งทุน จากไทย และ ต่างประเทศ 

ที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรทำการสื่อสารกันภายใน Thai-UK World-class University Consortium ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือสำหรับสมาชิก และเสนอให้มีการทำ Newsletter เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ที่เกี่ยวข้องรวมถึง โอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนต่างๆ  และ ควรจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างโอกาสในการหารือความร่วมมือต่างๆ โดยจะใช้โอกาสที่ทางโครงการจะจัด Capacity building workshop ที่กรุงเทพฯ เป็นโอกาสให้สมาชิก Thai-UK World-class University Consortium มาพบปะกัน ซึ่งทางตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ (secretariat) ได้รับไปประสานงานในทั้งสองประเด็นต่อไป

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ 

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ "การอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง" โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์ ปานอุทัย ประธานกรรมการหลักสูตรฯ กล่าวรายงาน และ คุณชีวัน ขันธรรม หัวหน้าทีมภาคเหนือ ผู้แทนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวต้อนรับ นอกจากนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเชียงใหม่ และ รองผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครู โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์

อุบัติเหตุทางเศรษฐกิจ 2 กูรู ศก.ไทย เชื่อ!! กรณีแบงก์ SVB ล้ม ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ‘โลก-ไทย’

หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และเข้าควบคุมอุ้มแบบทันทีทันใด เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤติโดมิโนต่อธนาคารอื่นๆ (ซึ่งเริ่มมีหลายแบงก์ที่ถูกสหรัฐฯ สั่งปิดอีกมาเป็นระลอก) ภายหลัง SVB ประสบภาวะล้มละลาย จากปัญหาวิกฤตสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) และ Startup นั้น ก็พลันให้ทั่วโลกตระหนกหวั่นสถานการณ์ดังกล่าวจะซ้ำรอยวิกฤติซับไพรม์ 2008 หรือไม่?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP ได้วิเคราะห์ปมปัญหาและผลกระทบกับ THE STATES TIMES ว่า... “การที่ธนาคาร Silicon Valley Bank ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับกลุ่ม Venture Capital และ Startup ได้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย เนื่องจากเพิ่มทุนไม่สำเร็จ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วง และฉุดหุ้นธนาคารอื่นๆ ร่วงลงไปด้วย ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank และให้อยู่ภายใต้การควบคุมของ US Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) อย่างรวดเร็วในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (10) โดย FDIC จะทำหน้าที่ชำระสินทรัพย์ของธนาคารเพื่อชำระคืนลูกค้า ซึ่งรวมถึงผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้

“ทว่าสิ่งที่น่าสนใจในทัศนะของ ดร.พิพัฒน์ ก็คือ Silicon Valley Bank เป็นธนาคารที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างระมัดระวังในการบริหาร มีสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ค่อนข้างมาก โดยครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ ขณะที่ NPL หรือหนี้เสีย ก็ค่อนข้างต่ำมาก (ต่ำกว่า 1%) และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากคุณภาพสินทรัพย์แบบปัญหาธนาคารอื่นๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดมาจากการที่ ‘เงินฝากเริ่มลดลง’ หรือ ‘โตช้า’ เพราะเงินร่วมลงทุนเริ่มหายาก และบริษัท Startup ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร เริ่มมีน้อยลง ทำให้มีปัญหาสภาพคล่อง จนต้องเริ่มขายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ออกมา 

“แต่ปัญหาใหญ่ อยู่ที่เจ้าตราสารหนี้เหล่านี้ ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พอธนาคารขายตราสารหนี้เหล่านี้ออกมาในเวลาที่ยังขาดทุนอยู่ ทำให้ต้องบันทึกการขาดทุนผ่าน Income Statement และนั่นก็พาให้อัตราส่วนทุนของธนาคาร ได้รับผลกระทบตามไปด้วย จนทำให้ธนาคารต้องเร่งเพิ่มทุนอย่างที่เห็น”

คำถาม คือ “ปัญหาแบบนี้จะเกิดขึ้นกับธนาคารอื่นๆอีกหรือไม่?” 
ดร.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นปัญหาสภาพคล่องล้วนๆ และไม่คิดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นปัญหาเชิงระบบ และธนาคารใหญ่ๆ คงไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนี้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับธนาคารอื่นๆ ที่มีวิกฤตศรัทธา แต่ก็ต้องจับตากันดีๆ ครับ เพราะภาวะแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้”

อีกทัศนะหนึ่งจาก รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกี่ยวกับกรณี SVB ล้มในครั้งนี้ ก็ได้เปิดเผยกับ THE STATES TIMES ว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้   Silicon Valley Bank คือขาดสภาพคล่อง ซึ่งมาจาก 3 สาเหตุสำคัญ ได้แก่…

1. ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจ ต่อให้แบงก์มีความมั่นคงแค่ไหน แต่ถ้ามีคนแห่ไปถอนเงิน แบงก์ก็จะเจอปัญหา
2. หมวดของค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นถึง 4% จึงทำให้ต้นทุนเงินฝากสูงขึ้น
3. รายรับ ที่มีปัญหาในปัจจุบัน

“เหตุการณ์ SVB ล้มละลาย ต้องมองเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เป็นตัวตั้งก่อนว่า การที่แบงก์ล้มแบบนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระดับที่ถดถอยรุนแรงหรือไม่? ซึ่งหากเรามองดูในจุดแรก SVB มี Asset (ทรัพย์สิน) อยู่ที่ 2แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 0.1% ของGDP สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ26ล้านล้านดอลลาร์ หรือก็คือ สเกลยังต่ำ และเครือข่ายของแบงก์ไม่ได้กว้างขวาง รวมถึง SVB ยังลงทุนในธุรกรรมที่เป็นปกติ ไม่ได้มีความเสี่ยงด้วย”

ไม่ให้ตั้งตัว!! ‘เสี่ยเฮ้ง’ แถลงกวาดล้างต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย สุ่มตรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย พบกระทำผิดอื้อ!!

(13 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีพบคนต่างชาติเร่ขายสินค้า ตามแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทบต่อบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้วรู้สึกห่วงใยพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะถูกแรงงานต่างชาติแย่งอาชีพครไทย แย่งรายได้อย่างมาก จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานกวาดล้างแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย รวมถึงแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับข้อสั่งการแล้วไม่เคยนิ่งนอนใจ ใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัด 

“จากผลการดำเนินการปีงบประมาณ 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 12 มีนาคม 2566) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 18,966 แห่ง ดำเนินคดี 685 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 240,918 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 177,134 คน กัมพูชา 40,750 คน ลาว 12,311 คน เวียดนาม 140 คน และสัญชาติอื่น ๆ 10,583 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,550 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 846 คน กัมพูชา 245 คน ลาว 269 คน เวียดนาม 65 คน และสัญชาติอื่น ๆ 125 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 392 คน กัมพูชา 195 คน ลาว 139 คน เวียดนาม 55 คน อินเดีย 68 คน และสัญชาติอื่น ๆ 34 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี คนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ ของกรมการจัดหางาน และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปูพรมตรวจสอบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งประกอบอาชีพของคนไทย และย่านการค้าแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่พบเห็นแรงงานต่างชาติทำงานจำนวนมาก อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เยาวราช ห้วยขวาง ปากคลองตลาด และจังหวัดปริมณฑล อาทิ สมุทรสาคร นครปฐม สระบุรี ปทุมธานี ซึ่งหากตรวจสอบพบมีความผิดจะดำเนินคดีตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีข้อยกเว้น 

โกอินเตอร์!! ‘หวยไทย’ โผล่ขายพรึบ!! ที่เมียนมา  คอหวยงงเอาไปขายได้ยังไง? แถมราคาแพงเวอร์

เพจดังแฉ หวยไทยโผล่ขายที่เมียนมา บรรดาคอหวยงง เอาไปขายได้ยังไง! แถมราคาแพงเวอร์ ตั้งแต่ 120-270 บาท ทั้งที่อนุญาตให้ขายที่ไทยในราคา 80 บาทเท่านั้น

เพจเฟซบุ๊ก ไทย – พม่า : เพราะแผ่นดินเราติดกัน ได้นำรูปภาพแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทย ที่ตั้งอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมทั้งข้อความระบุว่า “เพิ่งสังเกตว่า ในเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา มีแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทยเยอะมาก มีตั้งแผงหลายร้านมาก โดยขายกันตั้งแต่ ใบละ 120 ไปจนถึงใบละ 270 บาทแล้วแต่ความสวยของเลขแต่ละเลข และสลากฯ บางใบก็เป็นสลากฯ ในโควตาที่ถูกปั๊มระบุบนหน้าสลากให้จำหน่ายในราคา 80 บาทด้วย แต่ก็ขายใบละ 120 -270 บาทนะครับ ส่วนการซื้อนั้น แต่ละร้านก็ขายเป็นเงินบาทของไทยนะครับ ใครสนใจเสี่ยงโชคก็เชิญนะครับ เมืองท่าขี้เหล็ก สามารถเดินทางออกข้ามไปจากด่านชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ครับ”

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า สลากฯ ดังกล่าวเหตุ เป็นสลากฯ ที่ออกโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทย ซึ่งมีรหัสบาร์โค้ดชัดเจน เหตุไฉนจึงไปโผล่ขายยังประเทศเมียนมาได้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ได้กำหนดเปิดจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ทั้งสิ้น 1,000 จุด ทั่วประเทศ โดยให้ผู้จำหน่ายสลากฯ ต้องดาวน์โหลด QR Code ยืนยันตัวตน เพื่อจำหน่ายสลากฯ ในราคา 80 บาทเท่านั้น

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยหลอกลงทุน Forex หลังพบผู้เสียหายทยอยแจ้งความหลายราย  ความเสียหายหลายสิบล้านบาท 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยกรณีการหลอกลวงลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนี้

ที่ผ่านมา พงส. บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายราย ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com ว่าถูกผู้ต้องหาชักชวนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หลอกลวงให้ฝากเงินลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) ในระบบฝากเทรดของ Xpower Team ซึ่งอ้างว่าเป็นระบบฝากเทรดประกันเงินทุน จะได้รับผลกำไรมากถึง 20-35% ของเงินฝากต่อเดือน มีโปรโมชันลงทุนเพื่อรับของสมนาคุณต่างๆ โดยเมื่อลงทุนตั้งแต่ 3,000 - 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้รับนาฬิกา ไอแพด หรือสิ่งของอื่นๆ ตามจำนวนเงินลงทุน มีการทำสัญญาการลงทุนในระยะเวลาต่างๆ ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าตนเป็นเจ้าของกิจการโรมแรม มีธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงเป็นผู้มีความชำนาญในด้านการลงทุน ที่ผ่านมาพบมีการโพสต์รูปภาพใช้ชีวิตหรูหรา โพสต์รูปทรัพย์สินหลายรายการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กระทั่งผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายเงินปันผล หรือกำไรให้ผู้เสียหายได้ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบ มีปัญหาเรื่องภาษี และไม่สามารถแสดงบัญชีการลงทุนให้ผู้เสียหายตรวจสอบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากการถูกชักชวนหลอกลวงให้ลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 
การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า กรณีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพบการหลอกลวงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งมักมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และมีความเสียหายสูง วิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่าในปัจจุบันยังไม่มีสถาบันการเงินในประเทศไทยที่รับรองการลงทุนประเภทดังกล่าว ผู้ที่สนใจลงทุนต้องสมัครสมาชิก และเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย

เติมอากาศ (ดี) ให้เพื่อนบ้าน EA 'เซ็น MOA - ร่วมมือ' รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว 'ยกระดับ-พัฒนา EV' ช่วยลาวเดินหน้าสู่สังคมไร้มลพิษ

EA ร่วมมือรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เซ็น MOA เพิ่มขีดความสามารถพลังงานสะอาด และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ครบวงจร ยกระดับ สปป.ลาว สู่สังคมไร้มลพิษ

เมื่อไม่นานมานี้ (10 มี.ค.66) ได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)  ร่วมในพิธีลงนาม ณ โรงแรม ลาว พลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว 

ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว ได้กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นขีดหมายสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้”

คลิปภาพมัดตัว ‘นันทิวัฒน์’ เผย หลายพรรคเสี่ยงโดนยุบพรรค ชี้!! นักการเมืองมักคิดว่าทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด

(13 มี.ค.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย

คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักการเมืองมีความเก่งในการทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย หรือจะพูดว่า ไม่กลัวการทำผิดกฏหมาย ชอบเดินไต่ลวด ชอบเลี่ยงกฏหมาย หรือพูดง่าย ๆ ว่า ชอบโกง จับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็รอด นักการเมืองพวกนี้มักมีความเชื่อว่า เป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด แต่ถึงจะผิด สักวันจะสามารถออกกฏหมายยกเว้นความผิดที่ตัวเองก่อไว้ได้

มันเกิดอะไรขึ้น โมฆะบุรุษ คนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมืองจะไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่คนเหล่านี้กลับเข้ามาแสดงบทบาททางการเมืองแบบเย้ยกฎหมาย บางคนบางพรรคตั้งให้มีตำแหน่งบนเวทีหาเสียง กระโดดขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงทางการเมือง ชี้นำ โฆษณานโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง มีบทบาทมากกว่าคนอื่น ๆ

พรรคการเมืองหลายพรรคกำลังสุ่มเสี่ยงใช้คนนอกพรรคชี้นำ ครอบงำพรรค บางพรรคเข้าใจเอาเองว่า คนเหล่านั้นสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสี่ยงได้ อันเป็นความเข้าใจผิด

ปัจจุบัน ยังไม่ยุบสภา ยังไม่เปิดรับสมัคร ยังไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น จึงยังไม่มีผู้ช่วยหาเสียงแน่นอน ไก่จะเกิดก่อนไข่ไม่ได้

ภาคประชาชนอัดรัฐลักไก่ ทิ้งทวน เตรียมดันหวยรูปแบบใหม่เข้า ครม. ไม่สนเสียงค้าน ด้านนักวิชาการชี้ไม่ควรออกหวยตัวใหม่ หวั่นซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ ไม่เคยมียุคไหนที่เพิ่มสลากมากเท่านี้

ต่อกรณีข่าวรมต.คลังเตรียมเสนอต่อที่ประชุมครม.ในวันอังคารที่ 14 มีนาคมนี้ เพื่อขอความเห็นชอบในการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลรูปแบบใหม่ L6 และ N3   รศ.ดร.นวลน้อย  ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน แสดงความเห็นว่า


​“ต้องถามก่อนว่ารัฐบาลต้องการอะไรจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เพื่อหารายได้เพิ่มหรือเพื่อแก้ปัญหาสลากเกินราคา  หากเป็นประเด็นการหารายได้เพิ่ม ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมามีการเพิ่มสลากจาก 36 ล้านฉบับเป็น 100 ล้านฉบับ เพิ่มเป็น 3 เท่า  ทำให้รัฐบาลมีรายได้จากสลากเพิ่มขึ้นเยอะมากจากการซื้อสลากของประชาชน   ประเทศไทยไม่เคยมีสลากมากเท่านี้มาก่อน”


“สำหรับสลากตัวใหม่ L6 และ N3 ไม่แน่ใจว่าโครงสร้างของราคาจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าออกมาคล้าย ๆ เดิม  เท่ากับรัฐบาลจะมีส่วนแบ่งด้วย ซึ่งเป็นรายได้ที่รัฐบาลได้มาจากผู้มีรายได้น้อย  ถามต่อว่าในลักษณะแบบนี้มันไปกระตุ้นเศรษฐกิจไหม คำตอบคือไม่กระตุ้น เพราะกิจการสลากเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีห่วงโซ่การผลิตสั้นมาก จึงไม่ได้ก่อให้เกิดผลต่อวัฏจักรการผลิตสักเท่าไหร่   แต่จะมีผลต่อการบริโภคมากกว่า  ลองคิดง่าย ๆ สลาก 1 ชุด มี 1 ล้านใบ เป็นเงินรางวัล 60% มีผู้ถูกรางวัลเพียง 14,168 รางวัล และคนถูกรางวัลใหญ่จะนำเงินมาใช้ไม่มาก สลากจึงเป็นกิจกรรมที่แย่งชิงตลาดการบริโภคสินค้าอื่นๆ ดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจจริง การที่ประชาชนซื้อสลากงวดละ 100 ล้านใบ ๆ ละ 80 บาท คิดเป็นเงิน 8,000 ล้านบาทต่องวด หรือปีละ 192,000 ล้านบาท แทนที่ประชาชนจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้เพื่อการบริโภคสินค้าและบริการอื่นๆ  การเพิ่มสลากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริโภคในลักษณะที่ไม่เป็นผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม”


“ส่วนการออกผลิตภัณท์ตัวใหม่เพื่อสู้กับหวยใต้ดินนั้น ต้องถามว่าจะสู้อย่างไร เพราะถ้าไปดูบทเรียนสมัยที่ออกหวยเขียน 2 ตัว 3 ตัว ทำได้แค่ดึงส่วนแบ่งมาบางส่วน บางส่วนก็ดึงไม่ได้  ในขณะนี้เศรษฐกิจไทยก็ไม่ค่อยจะดี รัฐบาลก็ยังคิดจะหารายได้จากการออกผลิตภัณฑ์หวยเพิ่มขึ้น ก็รู้สึกเป็นกังวลว่าหวยใต้ดินก็ยังอยู่ และจะมีหวยอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีก  ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเพราะไม่อยากให้เพิ่มการพนันในสังคม ” รศ.นวลน้อยกล่าว


​ด้านนายธนากร  คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า “การแก้ปัญหาสลากแพงด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ เป็นวิธีการที่ล้มเหลวซ้ำซาก ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 11 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธตั้งแต่สมัยคสช. มีการพิมพ์สลากเพิ่มทั้งหมด 11 ครั้ง ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล    

ขณะที่การเปลี่ยนผ่านการจำหน่ายสลากใบมาสู่การจำหน่ายผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์ แสดงให้เห็นผลว่าทำให้สามารถจำหน่ายสลากได้ในราคา 80 บาทจริง เพียงแต่ว่ายังเป็นสลากส่วนน้อยเท่านั้น จึงยังดึงราคาสลากทั้งตลาดลงมาไม่ได้  สิ่งที่ควรทำต่อคือ การเพิ่มจำนวนสลากเข้าสู่ระบบดิจิตัลให้มากพอ  อย่างน้อย 50% ของสลากทั้งหมด หรือ 50 ล้านใบ  ก็น่าจะมีผลทำให้ราคาสลากลงมาที่ 80 บาทได้ เรื่องนี้สำนักงานสลากฯ ควรทำโดยเร็ว แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรถึงเพิ่มจำนวนสลากฯเข้าระบบได้ช้ามาก  ทั้งที่เดินมาถูกทางแล้ว และก็ยังไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องออกสลาก L6 มาซ้ำซ้อนกับสลากใบที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และดูมีแนวโน้มจะเกิดการ “ตีกิน” เติมจำนวนสลากเพิ่มเข้ามาอีก นอกเหนือจากสลาก 100 ล้านใบเดิม”


​“ในช่วงปลายรัฐบาลอย่างนี้ หากครม.มีมติที่ดูเป็นการทิ้งทวนเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง จะทำให้รัฐบาลถูกครหาได้ กลายเป็นการจบที่ไม่สวยของรัฐบาลนี้  อีกทั้งเป็นการตอกย้ำว่าที่เคยสัญญาว่าจะแก้ปัญหาสลากแพง 8 ปีผ่านไปยังทำไม่สำเร็จ และกลายเป็นยุคที่ทำให้หวยเฟื่องฟูมากที่สุด

เชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวันช้างไทย ประจำปี 2566 

สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวันช้างไทย ประจำปี 2566 ณ ส่วนจัดแสดงช้างเอเชีย “ช้างไชโย” สัญลักษณ์การจัดแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ปี ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2541

13 มีนาคม วันช้างไทย สวนสัตว์เชียงใหม่ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของช้างไทย ช้างเป็นสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย ช้างเป็นสัตว์ที่ดำรงอยู่คู่กับประเทศไทยมาเป็นเวลานาน

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เผยว่า เนื่องในวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี เป็นวันช้างไทย เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติช้างที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเพื่อให้นักท่องเที่ยวร่วมกันอนุรักษ์และเห็นความสำคัญของช้างไทย สำหรับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2552 ภายหลังจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงโปรดให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ดูแลและอนุรักษ์พันธุ์ช้างไทย  เนื่องจากช้างเป็นสัตว์สำคัญ คู่บ้าน คู่เมือง และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชาติ ควรได้รับการคุ้มครองและปกป้องให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้น้อมนำมาปฏิบัติต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ มีช้างอยู่ในความดูแลร่วม 200 เชือก 

ตัวตึงจอมโกง! เซียนพระกำมะลอ ตุ๋นเหยื่อทัวสารทิศ ติดหนี้การพนัน เช็คประวัติมีหมายจับเพียบ ก่อคดีตั้งแต่จบม.6

วันที่ 13 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม
 นายภัทระ หรือฟลุ๊ค ฤทธาภินันท์ อายุ 25 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 9 ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ จ.356/2565 ข้อหาฉ้อโกง จับตัวได้ที่หน้าบ้านไม่ทราบเลขที่ ภายในซอยวัดร่าง บ้านกุดแห่ ถ.ชยางกูร ตำบลกุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ขณะหลบหนีมาพักอาศัย

สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ตั้งตนเรียนจบชั้นม. 6 เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2560 โดยขณะนั้นอายุประมาณ 19 ปี ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพระเครื่องใหม่สายภาคอีสานใต้ เคยมีเฟซบุ๊กสำหรับโพสต์ประกาศเช่าบูชาพระเครื่องส่งพระให้ลูกค้าจริง ชื่อบัญชี “ ชรัณ มุกธวัตร” มีเครดิต มีคนติดตาม มีรายได้จากการปล่อยเช่าบูชาพระเครื่องกว่าเดือนละ 100,000 ถึง 200,000 บาท/ต่อเดือน แต่เนื่องจากติดการพนันตามบ่อนวิ่ง ไม่สามารถมีเงินมาหมุนทำการเช่าซื้อขายพระได้ จึงใช้เครดิตการเช่าซื้อขายพระที่ตนพอมีชื่อเสียง หลอกเช่าบูชาพระเครื่องกับลูกค้าที่สนใจในกลุ่มเฟซบุ๊ก อาทิ กลุ่มสุดยอดวัตถุมงคลหลวงปูแสง ญาณวโร กลุ่มพระเครื่องหลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน กลุ่ม ครูบากฤษดา

นายภัทระ กล่าวต่อว่า เมื่อมีลูกค้าเริ่มทราบข่าวถูกตนโกง ผมจะเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก โดยใช้วิธีสลับเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก มาเป็นชื่อบัญชี Charun , ชื่อบัญชี Pat Pat , ชื่อบัญชี Pattara , ชื่อบัญชี Watpa และช่วงใดที่เล่นพนันได้พอมีเงินก้อนก็จะหยุดโกง เพื่อให้เรื่องซา แล้วกลับมาทำใหม่อีกเช่นเดิมวนไป  เรื่อยๆ
  
“ที่ผ่านมามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเดือนละ 20 ราย มีรายได้จากที่หลอกเหยื่อ 5,000-400,000 บาท ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2560 มีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

ู้รู้คุณ รู้โทษ กลุ่ม ‘THE NEXT GEN’ จัดงาน ‘Cannabis Literacy’ สร้างเสริมความรู้เรื่อง ‘กัญชง-กัญชา’ ให้เยาวชนภาคเหนือ

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.66) กลุ่มเยาวชน ‘THE NEXT GEN’ รวมกลุ่มเยาวชนภาคเหนือ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาวะที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงโดยเด็กเยาวชนภาคเหนือตอนบน (Cannabis Literacy) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยจัดเสวนาในหัวข้อห่วงใยนโยบาย ‘กัญชาเสรี’ และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย บริเวณลานหน้า ห้างเมญ่าไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ โดยวิทยากรในการบรรยายครั้งนี้ได้แก่ ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ต่อมาคือ ธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และ ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ และ ศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN โดยภายในงานได้มีการดึงตัวแทนกลุ่มเยาวชนในภาคเหนือหลายองค์กรเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ในครั้งนี้ 

โดย ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ให้ความคิดเห็นว่า “ความรอบรู้เรื่องกัญชามีความจำเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและเท่าทัน ให้กับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชาต้องเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ที่ผิด อาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากคาดเดาได้ในอนาคต หลังจากนี้คงเห็นหลาย ๆ สถาบันการศึกษาทุกระดับจะให้ความจริงจังกับเรื่องนี้”

ในส่วนของ นายธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ ให้ความคิดเห็นว่า “ควรสร้างกระบวนการเรียนรู้สู่เด็กและเยาวชน เพื่อปลูกฝังให้กลุ่มเยาวชนมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสามารถต่อยอดในการขยายชุดความรู้ตัวนี้สู่ครอบครัวของตนเอง สู่ชุมชนของตนเองต่อไป เนื่องจากปัจจุบันกัญชาเข้ามามีส่วนผสมในอาหารค่อนข้างหลากหลายช่องทางทั้งเป็นขนม อย่างเจลลีกัญชา น้ำหวานกัญชา ที่เด็กจะเข้าถึงได้ง่าย และถ้าเด็กและเยาวชนหรือคนอื่น ๆ ขาดความตระหนักรู้หรือข้อมูลถึงโทษของการใช้สารกัญชาที่ผิด หรือหากผู้บริโภคแพ้ อาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขั้นการสูญเสียเลยก็ว่าได้”

นอกจากนี้ นายศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN กล่าวว่า “พืชนี้มีประโยชน์มาก หากดึงส่วนสำคัญมาใช้ในการแพทย์ ส่วนในเรื่องของการใช้เพื่อนันทนาการนั้นก็คงจะต้องปรับแก้ทางกฎหมายกันต่อไป”

EA ร่วมมือรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เซ็น MOA เพิ่มขีดความสามารถพลังงานสะอาด และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ครบวงจร ยกระดับ สปป.ลาว สู่สังคมไร้มลพิษ

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566  ได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน(กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)  ร่วมในพิธีลงนาม ณ โรงแรม ลาว พลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว 

ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว ได้กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นขีดหมายสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทฯกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้”

วัคซีนมาแล้ว!! ‘อนุทิน’ รับวัคซีน ‘โมเดอร์นา’ ล็อตใหม่ จากฝรั่งเศล เร่งเคาะฉีด ‘ครึ่งโดส-เต็มโดส’ คาด!! ส่งต่อ รพ.ทั่วประเทศวีกหน้า

(12 มี.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการรับมอบวัคซีนโควิด-19 จากสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมี นายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบ ว่า วันนี้ สธ. ได้รับมอบวัคซีนโควิด-19 โดยบริษัทโมเดอร์น่า ชนิดไบวาเรนท์ ซึ่งเป็นวัคซีนสองสายพันธุ์ จำนวน 1,000,200 โดส จากรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3 รวมทั้งสิ้น 4.2 ล้านโดส โดยวัคซีนที่ได้รับสนับสนุนมานี้อยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต (Lot release) คาดว่าจะสามารถกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในวันที่ 20 มี.ค. นี้ และพร้อมฉีดให้กับประชาชนได้ทันที

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยวัคซีนเข็มแรกมากกว่าร้อยละ 83 ของประชากรทั้งหมด และได้รับวัคซีนเข็มที่สองร้อยละ 78 ทำให้การระบาดของโรคลดความรุนแรงลง ประกอบกับการมีเวชภัณฑ์ ยา มีความพร้อมของระบบสาธารณสุข ทำให้ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้เปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 มีนักท่องเที่ยว นักลงทุน ทำให้เกิดการสัญจรได้สะดวกตามปกติ ทั้งยัง สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติ โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยในปี 2566 สูงถึง 15 ล้านคน แต่ทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยเกินหลัก 20 ล้านคน ดังนั้น สธ.ยังขอเชิญชวนให้คนไทยมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top