Tuesday, 1 July 2025
NEWS

หาหมอออนไลน์!! ‘รัชดา’ เผย สิทธิบัตรทองหาหมอ ‘ฟรี’ ผ่านแอปฯ Clicknic ยัน!! ครอบคลุมถึง 42 โรค ขอนำร่องแค่ กทม. ก่อน

(13 มี.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เปิดบริการทางเลือกให้แก่ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง 30 บาท) ที่ป่วยด้วยโรคทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน 42 กลุ่มอาการโรค สามารถพบแพทย์เพื่อรักษาทางไกลหรือเทเลเมดิซีน (telemedicine) โดยแอปพลิเคชัน  Clicknic โดยคลิกนิกเฮลท์ คลินิกเวชกรรม 42 โรค เช่น ตาแดง ท้องร่วง ไข้ หวัด อาหารเป็นพิษ กระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ กล้ามเนื้อ ข้ออักเสบ ลมพิษ ผื่น รวมถึงโรคโควิด 19 กลุ่มสีเขียวหรือกลุ่มที่มีอาการเล็กน้อย ฯลฯ

สาระสำคัญคือเป็นโรคที่ไม่มีความซับซ้อนมากและพบได้บ่อย โดยนำร่องใน กทม. ก่อน รวมทั้งคนที่มีสิทธิอยู่ในต่างจังหวัดแต่ตัวอยู่ที่ กทม. ก็ใช้บริการได้เช่นกัน บริการนี้เป็นทางเลือกที่มุ่งอำนวยความสะดวก สำหรับขั้นตอนการรับบริการนั้น ก่อนอื่นต้องดาวน์โหลดแอปฯ Clicknic มาติดตั้งในมือถือก่อน เมื่อเข้าไปในแอปฯ แล้วจะมีแบนเนอร์ "ผู้ป่วยกลุ่มโรคทั่วไป (สปสช.)" เมื่อคลิกเข้าไปจะมีช่องบันทึกข้อความสำหรับระบุที่อยู่และสถานที่จัดส่งยา พร้อมระบุอาการ รวมทั้งระบุข้อมูลสุขภาพ เช่น ส่วนสูง น้ำหนัก และยังสามารถใช้เทคโนโลยีตรวจสัญญาณสุขภาพผ่านกล้องมือถือ เพื่อให้แพทย์มีข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการรักษาได้ด้วย

การ์ดอย่าตก!! ‘กรมควบคุมโรค’ แจ้ง!! ยอดผู้ติดเชื้อ ‘โควิด’ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วย 122 ราย เสียชีวิต 6 คน

(13 มี.ค. 66) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 5 -11 มีนาคม ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) จำนวน 122 ราย เฉลี่ยรายวัน จำนวน 17 ราย/วัน รวมสะสม 4,385 ราย และมีผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์) จำนวน 6 คน เฉลี่ยรายวัน จำนวน 1 คนต่อวัน

ทั้งนี้ ยอดเสียชีวิตสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จำนวน 255 คน มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 46 คน และผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ 27 คน


ที่มา : https://mgronline.com/uptodate/detail/9660000023353
 

สวนนงนุชพัทยา จัดงานวันช้างไทยอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมพิธีฮ้องขวัญช้าง

วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม  2566  ถึงว่าเป็นวันช้างไทย และในเวลา 07.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา  ประธานสวนนงนุชพัทยา  จ.ชลบุรี  และคณะผู้บริหาร นำช้าง 19 เชือก ร่วมประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป จากวัดสามัคคีบรรพต โดยมีพระครูเกษมกิตติโสภณ ( อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสเป็นประธาน ฝ่ายสงฆ์ พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้โขลงช้างเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันช้างไทย ประจำปี 2566

ต่อมาเวลา 08.30 น. ได้มีพิธีฮ้องขวัญช้าง (ทำขวัญช้าง) โดยมีนาย กัมพล  ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยนายอำนาจ    เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , นายสุนทร    มูเนาวาเราะ  นายอำเภอสัตหีบ นางพัทธนันท์ ขันติสุขพันธ์ ผู้จัดการทั่วไปสวนนงนุชพัทยา,นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา , นายวรฉัตร   วิรัชลาภ ปศุสัตว์เขต 2 ,  นายชวนะ ทองเย็น  ปศุสัตว์จังหวัดชลบุรี ,นายไพโรจน์ มาแสง  ปศุสัตว์อำเภอบางละมุง , นายอริญชย์พนธ์  ไชยพิเดช   ปศุสัตว์อำเภอสัตหีบ ร่วมเป็นประธานเปิดงาน

“วันช้างไทย” ประจำปี 2566  โดยบรรยากาศภายในงานได้มีขบวน “คชคชาคู่บารมี”  และเปิดโต๊ะจีนช้าง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ห่วงประชาชน!! ‘บิ๊กตู่’ สั่งเข้มทุกฝ่าย ยกระดับแก้ปัญหา PM 2.5 บังคับใช้ กม. ‘ติดตาม-ประเมิน-ปรับแผน’ ลดผลกระทบทุกด้าน

(13 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของประเทศไทย ห่วงใยประชาชนที่อาศัยและทำกิจกรรมในพื้นที่ที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 รุนแรง กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรุงเทพมหานคร ตลอดจนกระทรวงต่างประเทศและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกระดับ บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 ตามแนวทางปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ภายใต้ 3 มาตรการสำคัญ คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ รวมทั้งแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ภายใต้แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566  

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ยกระดับเชิงปฏิบัติการให้เข้มข้นขึ้น ทั้งการปรับแผนเพิ่มตรวจสกัดรถควันดำ เข้มงวดเรื่องการก่อสร้าง ตรวจโรงงาน การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นจริงจัง ควบคู่ส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด (เช่น พืชทางการเกษตร วัชพืชต่าง ๆ ขยะ และการเผาป่า) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศ หากเผา มีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ได้มีการประกาศห้ามเผา ปี 2566 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือแล้วจนถึง 30 เม.ย. 66 ยกเว้นจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ประกาศห้ามเผาที่ในโล่งถึง 16 เม.ย. 66 อีกทั้งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2566 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น Single Command ในการยกระดับการลดการเผาอย่างเด็ดขาดในช่วงวิกฤต รวมทั้งการบริหารจัดการเชื้อเพลิงผ่านโปรแกรม Burn Check เพื่อให้สามารถควบคุมจุดความร้อนได้ในระดับที่เหมาะสม ไม่ทำให้ค่า PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานจนสูงเกินไป เพราะเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน เป็นอีกปัจจัยและสาเหตุสำคัญของปัญหา PM 2.5 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตามเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนและการปฏิบัติให้สอดคล้องทันกับสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนให้มากที่สุด 

นายอนุชา กล่าวว่า จากรายงาน GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) (วันที่ 11 มีนาคม 2566) ระบุไทยพบจุดความร้อนจำนวน 1,061 จุด ซึ่งส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 383 จุด  พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 278 จุด พื้นที่เกษตร 192 จุด พื้นที่เขต สปก. 123 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่น ๆ 78 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือแม่ฮ่องสอน 127 จุด ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา พบจุดความร้อนจำนวน 4,363 จุด สปป.ลาว 2,868 จุด กัมพูชา 1,182 จุด เวียดนาม 647 จุด และมาเลเซีย 32 จุด โดยสถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ซึ่งปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 นอกจากส่งผลกระทบกับสุขภาพประชาชนแล้วยังส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ด้วย ทั้งระบบเศรษฐกิจ และระบบสังคม เป็นต้น ดังนั้น การแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควันและ PM 2.5 นอกจากการบูรณาการร่วมมือร่วมใจกันภายในประเทศแล้ว นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนผ่านกลไกระหว่างประเทศเพื่อให้การป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด 

นายอนุชา กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขับเคลื่อนโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ฝึกซ้อมระดมพล ดับไฟป่าและจัดทำแนวกันไฟ 2 แผ่นดิน โดยส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหมอกควันกับประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับพื้นที่บริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้านให้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควันและ PM 2.5 อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เช่น ประสานขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในการใช้รถไฟฟ้า รวมถึงการปรับใช้พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นและลดใช้พลังงานหรือเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของทั่วโลกในการที่จะร่วมมือกันลดโลกร้อน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อไปสู่การพัฒนาและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน

ตามแต่สมัครใจ ทีมทนาย 'ส.ว.อุปกิต' จ่อตัด 'บิ๊กปั๊ด' พ้นบัญชีพยาน คดีฟ้อง 'อัจฉริยะ'

(13 มี.ค.66) นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ว่า คดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งทีมทนายความได้มีการซักซ้อมพยานและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม พบว่า รูปคดีฝ่ายโจทก์มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดจำเลยได้ โดยสามารถตัดพยานบางปากออกไปได้เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดีของศาล

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะ บางครั้งมีการนำภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (บิ๊กปั๊ด) อดีต ผบ.ตร มาประกอบการอ้างอิงต่าง ๆ นานาด้วย จึงเป็นประเด็นที่ทีมกฎหมายต้องนำสืบข้อเท็จจริงต่าง ๆ หักล้าง โดยเห็นสมควรต้องนำพยานที่ถูกพาดพิง ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยตัวเอง เพื่อประกอบการบรรยายพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆ ของนายอัจฉริยะ ตามคำฟ้อง และคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อตัวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย 

งานนี้ไม่รอด!! ‘อัยการคดีพิเศษ’ สั่งฟ้อง ‘แยม-สามี’ พร้อมพวกหลายข้อหา ลั่น!! แยกคดี ‘ปล่อยกู้’ เก็บดอกเกินกฎหมายเป็นอีกคดี

(12 มี.ค. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งมีความเห็นสั่งฟ้องนายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี และน.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี ภรรยานายภูมิพัฒน์อดีตนักแสดงแนวพื้นบ้านผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์และฟอกเงินฯว่าด้วยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ส่งสำนวนคดีอาญาที่ 35/2565 โดย พ.ต.ท. ปรัชญา บุญยืน กล่าวหานายสุด ภูวสิษฐ์ กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหาร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้าทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพโฆษณา รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งใดอันลามก, ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินฯ , ร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต มายังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ

ทั้งนี้ นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 รับผิดชอบพิจารณาสำนวนและแต่งตั้งคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนดังกล่าว พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 16 รายร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำ จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ www.ufa24h.net และแพร่ภาพยนตร์ลามกที่มีภาพเปลือยอวัยวะเพศ และภาพชายหญิงแสดงการร่วมเพศอันมีลักษณะลามก เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทางเว็บไซต์ https://hd.star4k.com โดยให้ประชาชนเข้าดูได้ และเรียกเก็บเงินในการสมัครเป็นสมาชิก และมีการโอนเงินระหว่างบัญชีม้า บัญชีพัก บัญชีจ่าย และมีการถอนเงินออกจำนวนมากรวมกันหลายร้อยล้านบาท อันมีลักษณะสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด

ต่อมาวันที่ 9 มีนาคม 2566 อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาโดยมี นายภูมิพัฒน์ เป็นจำเลยที่ 2 และน.ส.ธมลพรรณ์ เป็นจำเลยที่ 7 ต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ. 669/2566 กับพวกรวม 12 คนในความผิดฐานร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพ โฆษณา รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก, ร่วมกันจัดให้มีการ เล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และร่วมกันฟอกเงิน ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คนได้มีความเห็นควรสั่งไว้เช่นกัน แต่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี

ในส่วนข้อหาร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้กล่าวหานายเชษฎ์ชัย หงส์คำ นายภูมิพัฒน์ และน.ส.ธมลพรรณ์ อัยการได้มีคำสั่งให้แยกสำนวนการสอบสวนเป็นอีกคดีเนื่องจากพยานหลักฐานมีความเชื่อมโยงกับการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนยังสอบสวนประเด็นนี้ในสาระสำคัญไม่ครบถ้วน และคดีจะครบฝากขังครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 9 มีนาคม 2566 เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงให้แยกสำนวนคดีต่อไป
 

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ประชาชนต้องการ” จุรินทร์ “ ถึง 84.6 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน 1,102 คน ระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค. เรื่อง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการคือ  84.6 เปอร์เซ็นต์ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง ส่วน 15.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุอย่างเดิมดีอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นพบว่า 81.5  เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายชวน หลีกภัย จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 62.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 84.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายจุรินทร์ รวมพลังกับ นายชวน และนายบัญญัติ จะช่วยพาพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอีกหลังการเลือกตั้ง ทั้งนี้ประชาชน 74.6  เปอร์เซ็นต์ ระบุพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นพรรคเก่าแก่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...

 

เมื่อถามถึงผลงานเด่นของนายจุรินทร์ 80.9 เปอร์เซ็นต์ ระบุ คือประกันรายได้เกษตรกร พืชเศรษฐกิจ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง 62.3 เปอร์เซ็นต์ คือส่งออกการค้าระหว่างประเทศ สร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน และ 61.5 เปอร์เซ็นต์ การค้าชายแดน

ทำแบบนี้ไม่น่ารัก!! ‘เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์’ ตัดพ้อ ถูกคนดูสาดน้ำใส่หน้า ‘ไมค์ครึ่งแสน’ เปียกโชก!! คนทำยอมรับว่า เมา-พร้อมรับผิดชอบ

เผยคลิป เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์ ถูกสาดน้ำระหว่างโชว์ ไมค์ราคาครึ่งแสนชุ่มโชก คนทำโทรเคลียร์แล้ว ยอมรับเมาขาดสติ พร้อมรับผิดชอบหากของพัง

เหตุการณ์นักร้อง นักดนตรี “ถูกคุกคาม” ระหว่างการแสดงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนนี้เกิดขึ้นกับ เอิร์ธ ธัชณรงค์ หรือ เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์

“เอิร์ธ” ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมแนบคลิปที่เผยให้เห็นผู้ชมด้านล่างเวทีสาดน้ำขึ้นมาด้านบนจน “ไมโครโฟน” ชุ่มโชก ความว่า ผมไม่เคยใจเย็นแบบนี้มาก่อน ผมเก็บและกัดฟันสุดๆ อยากให้คนที่มางาน หรือแขก ถ้าเมาแล้วควรใช้พฤติกรรมดีๆ ต่อพวกผมบ้างครับ พวกผมเป็นคนเอ็นเตอร์เทนงาน เป็นคนให้ความสุขคน ผมมาเจออะไรแบบนี้มันไม่ไหว งานนี้เจ้าภาพดีกับทีมงานและผมมากๆ มีแค่คนคนเดียวที่ทำให้ผมพัง

ตอนนี้ไม่รู้ของผมพังมั้ย แต่เจ้าภาพน่ารักมาก บอกถ้ามีปัญหาให้ติดต่อได้เลย ผมไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดกับศิลปิน หรือนักร้องท่านใด 

ปล.ถ้าเป็นสมัยก่อน กูถึงตัวแน่นอน และสุดท้ายไมค์ตัวนี้คือ Sennheiser ew500 g4

ด้วยความเคารพ
 

นราธิวาส-เปิดตัว 'มาดูดิ' กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างยอดขายให้พ่อค้าแม่ค้า แค่ปลายนิ้วสัมผัส อิ่มทั้งซอย อร่อยทั้งอำเภอ นราธิวาส

ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง นราธิวาส ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ ได้ร่วมเปิดตัวแอปพลิเคชัน 'มาดูดิ' แอปส่งอาหาร 'มาดูดิ' ของชาวนราธิวาส โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานแอปพลิเคชัน "มาดูดิ" แอปฯ ส่งอาหาร สำหรับชาวนราธิวาส ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจังหวัดนราธิวาสจะได้มีแอปพลิเคชั่น "มาดูดิ" ส่งอาหารถึงบ้าน สร้างความสะดวกสบาย และรวดเร็วทันสมัย ตลอดจนเป็นการกระตุ้นยอดขาย และรายได้ให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่

นายสมโชติ เสาร์สีอ่อน ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ กล่าวว่า การเปิดตัวแอปพลิเคชัน “มาดูดิ” ครั้งนี้ว่า ต้องการให้เป็นทางเลือกอีก 1 ทางให้กับชาวนราธิวาส และสนับสนุนการดำเนินงานของคนไทยซึ่ง “มาดูดิ” มีการเขียนโปรแกรมโดยคนไทย อีกทั้งโดยหวังขยายตลาดในภาพรวมของพื้นที่ด้วย ทั้งการกระตุ้นยอดขายของพ่อค้าแม่ค้า สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมเป็นพนักงานแล้วกว่า 10 คน โดยในอนาคตคาดจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกับ “มาดูดิ” มากขึ้นอย่างแน่นอน

แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 พื้นที่กองกำลังสุรนารี

ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี พลโทสวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรีวีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกปิยวัฒน์ สุประการ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(2) พันเอกสมภพ ภาระเวช รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(3) พันเอกจิรัฐฏ์ ช่วงฉ่ำ เสนาธิการกองกำลังสุรนารี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ และฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจ ในโอกาสนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การฝึกในภาพรวม ณ ห้องอำนวยการยุทธ์ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ชายแดน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้มอบรางวัลให้กับกำลังพลที่ชนะการแข่งขันชุดปฏิบัติการรบในสนามทดสอบกำลังใจ 22 สถานี รับชมการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ด้วยอากาศยาน และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านน้ำเย็น(กองทัพบกอุปถัมภ์) ต่อมาเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพล รับชมการฝึกฯ ผ่านจอภาพ เเละรับชมการซักซ้อมแผนบนภูมิประเทศจำลอง ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ให้โอวาทและเน้นย้ำกำลังพลที่เข้ารับการฝึก ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจเข้ารับการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ และให้มีความปลอดภัย รวมทั้งได้ให้แนวทางการใช้กำลังในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามแผนได้จริงไม่สับสนหากเกิดเหตุการณ์จริง

ผบก.ปส.3 บช.ปส. แจงการดำเนินคดี เครือข่าย 'ทุน มิน ลัด'

(12 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. เปิดเผยว่า จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุน มิน ลัด” ตามปรากฏเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น 

ประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย “ทุน มิน ลัด” คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. 

สำนวนที่ 1. เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้กล่าวหา กับ นายทุน มิน หลัด กับพวกรวม 10 คน ผู้กล่าวหามีการดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 ราย ในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน (ชั้นการสืบสวนความผิดก่อนร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน) และต่อมา ผู้กล่าวหาได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา รวม 4 ราย ส่งให้ บช.ปส.ดำเนินคดี (หลบหนี 2 ราย) และผู้กล่าวหามีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายอุปกิตฯ เพิ่มเติม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย ต่อมา อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 1 เห็นว่า 

“คดีนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด” ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และได้มีคำสั่งมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ โดยสำนวนแรกพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้มีสอบสวนร่วมกันและมีความเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาในคดีเข้าข่ายเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เห็นควรให้แจ้งข้อหาในความผิดตามกฎหมายดังกล่าวที่พบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากนั้น คณะพนักงานสอบสวนและ คณะพนักงานอัยการสำนวนที่ 1 ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ราย เนื่องจาก ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาใกล้ครบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับกรณี นายอุปกิตฯ ที่ร้องทุกข์เพิ่มเติมในภายหลังได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน

สำนวนที่ 2. เป็นการกล่าวหา นายอุปกิตฯ เป็นผู้ต้องหาที่เพิมเติมในภายหลังในชั้นการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน ซึ่ง อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 2 เมื่อ 26 ม.ค.66 ยังคงเห็นว่า คดีส่วนนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร เช่นเดียวกันกับสำนวนที่ 1 จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 

จึงมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานสอบสวน รวม 7 ท่าน ซึ่งมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานอัยการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการก็ได้ร่วมกัน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อย่างรวดเร็ว โดยมีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อสาธารณะหลายสื่อมีเนื้อหาระบุว่า “ศาลได้ให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกเนื่องจาก นายอุปกิตฯ เป็น สว. ภายใน 15 วัน แล้วเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกตามที่ศาลสั่งการ” ประเด็นดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้พิจารณาร่วมกันตลอด เห็นว่า พยานหลักฐานในสำนวนหลายประการยังไม่มีความสมบูรณ์เนื่องจากมีเอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทย จำนวนมากประมาณกว่า 1,000 แผ่น จะต้องจัดแปลให้เป็นภาษาไทย เพื่อที่จะพิสูจน์ความผิดได้ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานที่สำคัญมาก ประกอบกับอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมในสำนวนที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาใน สำนวนที่ 2 ด้วย รวม 4 ประเด็น ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้ดำเนินการไปแล้วหลายประเด็น คงเหลือ ประเด็นที่สำคัญที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ อาทิ การสั่งให้สอบสวนเกี่ยวกับการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2551 - ปัจจุบัน การตรวจสอบบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินของบัญชีที่เกี่ยวข้อง ประมาณกว่า 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไฟฟ้า และพิจารณาว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้ง การตรวจสอบกรรมการผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลในต่างประเทศ เพื่อใช้ในการแจ้งข้อเท็จจริงและแจ้งข้อหากับนิติบุคคลต่างประเทศภายในกำหนดอายุความ 

ในชั้นนี้รายละเอียดในสำนวนไม่อาจเปิดเผยได้หมด เนื่องจาก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องในสำนวนอาจเป็นความผิดตาม มาตรา ๒๖ ได้ จึงขอชี้แจงความคืบหน้าเพื่อให้สื่อสาธารณะทราบว่า

1. อำนาจในการสอบสวนคดีนี้ มาตรา ๒๐ ป.วิอาญา กฎหมายบัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน บรรดาอำนาจและหน้าที่ประการอื่นที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ และให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของพนักงานอัยการในเรื่องที่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินคดีในที่ประชุมจึงเป็นการดำเนินการโดยการเห็นชอบร่วมกันทั้งสิ้น 

2. การสอบสวนในคดีอาญากฎหมายบัญญัติไว้ใน มาตรา 131 ป.วิอาญา ว่าการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ ประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา และเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา โดย มติที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและต้องพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด โดยจะต้องไม่มีประเด็นสงสัยและต้องชี้แจงต่อสาธารณชนได้ และคดีไม่ถือว่าล่าช้าแต่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมและพิจารณาสั่งคดีของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็น คดีนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว 

3. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 8 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 180 บัญญัติไว้ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และ บช.ปส. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้รับทราบแล้ว จึงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรมตามกฎหมาย และต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด 

น้ำลดฮวบ!! ‘แม่น้ำโขง’ น้ำลดจน ‘พระธาตุกลางน้ำ’ โผล่เห็นชัดเจน คนแห่กราบไหว้ขอพร ฝากเตือน!! ขับเรืออย่างระมัดระวัง

(12 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ว่าระดับน้ำโขงช่วงที่ไหลผ่าน จ.หนองคาย วัดโดยส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ วัดได้ 0.91 เมตร ระดับน้ำโขงลดลงในช่วงนี้จากสถานการณ์เข้าสู่หน้าแล้ง ระดับน้ำโขงจะลดลงมากส่งผลให้การสัญจรทางเรือข้ามแม่น้ำโขงระหว่างไทย -ลาว ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

ทั้งนี้ โดยเฉพาะการล่องเรือสักการะพระธาตุกลางน้ำ บริเวณชุมชนวัดธาตุ เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ซึ่งระดับน้ำโขงที่ลดลงทำให้มองเห็นฐานองค์พระธาตุชัดเจนมากขึ้น จึงทำให้พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ขอพร ทั้งการกราบไหว้บนฝั่ง และแม้กระทั่งการลงเรือไปขอพรที่องค์พระธาตุอย่างใกล้ชิด คนขับเรือเองต้องเพิ่มความระมัดระวัง

น้ำใจคนไทย!! ชื่นชม!! ‘หนุ่มไรเดอร์’ อาสาไปส่ง ยาย-หลาน ฟรี!! เผย!! เห็นเดินตากแดดกลับบ้าน หลังไปยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการฯ

(11 มี.ค. 66) หลังจากสมาชิกเฟซบุ๊ก “วา’ หวั่น’น” ซึ่งเป็นหนุ่มแกร็บไรเดอร์ โพสต์ภาพช่วยเหลือหญิงชราและเด็กเล็กวัยขวบเศษ หลังอุ้มหลานยืนรอตาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่มา เนื่องจากเพิ่งไปยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ธนาคารมา จึงอาสาพาไปส่งบ้านฟรี

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบไรเดอร์หนุ่มในโพสต์ดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่าชื่อ นายอถพล วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ สาขางานเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า ปวส.2 กำลังขับแกร็บรับส่งอาหารอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์

นายอถพล เล่าว่า ปกติทุกวันจะพกเสื้อแกร็บใส่ในกระเป๋าหนังสือไปด้วย วันไหนเลิกเรียนไม่ค่ำก็จะสวมเสื้อแกร็บแล้วทำงานทันที วันที่เจอยายเป็นวันที่ 10 มี.ค.เวลาประมาณ 15.00 น.ช่วงนั้นตนกำลังจะกลับบ้าน ช่วงที่มาจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกแสงรุ้ง เห็นยายอายุประมาณ 65 ปี อุ้มหลานชายอายุขวบเศษ เดินฝ่าแสงแดดจะข้ามถนน ลักษณะเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย

จะไม่ทน!! ‘หมอยง’ โพสต์เฟซ โดนนำภาพไปหลอกขายยา  วอน!! ปชช. อย่าหลงเชื่อ งานนี้ไม่ยอมความแน่นอน 

(11 มี.ค. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Yong Poovorawan" เตือนภัย หลังพบกลุ่มมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อตนเองไปหลอกขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ โดย "หมอยง" ได้ระบุข้อความว่า

“ช่วยกันส่งต่อ ขณะนี้มีการเอารูปผมไปแอบอ้างโฆษณาผ่าน Facebook และสื่อออนไลน์มากมาย ผมได้ดำเนินการให้ทางตำรวจจัดการแล้ว แต่การดำเนินการค่อนข้างยุ่งยาก ล่าช้า เพราะส่วนใหญ่จะใช้ Proxy ต่างประเทศ ทำให้หาต้นตอค่อนข้างยาก และการขอความร่วมมือกับสื่อต่างประเทศทำได้ยากมาก

อย่าหลงเชื่อ!! ‘โจรไซเบอร์’ อาละวาด!! ปั่นข่าวปลอมอ้างชื่อสถาบันการเงิน ‘ออมสิน’ เจอศึกหนัก ทั้งหลอกลงทุน-ปล่อยเงินกู้

‘กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม’ เผยตัวเลข‘ข่าวปลอม’สัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการลงทุนและการปล่อยกู้วงเงินสูง-ดอกเบี้ยต่ำ หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นสถาบันการเงิน โดยเฉพาะ‘ธนาคารออมสิน’ และหน่วยงานด้านการลงทุนอื่นๆ ขณะที่ข่าวปลอม‘กรมการขนส่งทางบก’รับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสูงสุด เตือนประชาชนต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้านอย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

(12 มี.ค. 66) นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประจำวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566  พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,207,100 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 210 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 180 ข้อความ ข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 29 ข้อความ และข้อความที่มาจาก Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 127 เรื่อง

ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดีและความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 44 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 11 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 23 เรื่อง

สำหรับข่าวปลอมทั้ง 4 กลุ่มมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องโควิด-19 จำนวน 3 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อมูลเชิงลึก (Insight) ยังพบข้อน่าเป็นห่วงและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีการกระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับการเงินเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องการปล่อยสินเชื่อ การให้เงินกู้ หรือชักชวนลงทุน โดยอ้างชื่อสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคข่าวสารออนไลน์อย่างมาก รวมทั้งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ ทั้งประกันสังคม ส่งข้อความให้ประชาชน ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยาโควิด และกรมการขนส่งทางบกรับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับระหว่างวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566 ดังนี้
อันดับที่ 1 เรื่อง เพจ Asaia money ของธนาคารออมสิน ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่
อันดับที่ 2 เรื่อง ออมสินให้เงินทุน เปิดให้กู้สินเชื่อประชาชนสุขใจ ง่าย ๆ ผ่านมือถือ
อันดับที่ 3 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กชื่อ “สินเชื่อ ออมสินประกันสังคม” เปิดให้กู้สินเชื่อสวัสดิการ ไม่ต้องมีคนค้ำ วงเงินสูงอันดับที่ 4 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กรับต่ออายุใบขับขี่ ผ่านการรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top