Tuesday, 1 July 2025
NEWS

‘กิมิทาเทวี’ นางสงกรานต์ปี 66 ขี่ควายเป็นพาหนะ ทำนาย เกณฑ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์

14 มีนาคม 2566 - นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำภาพวาดนางสงกรานต์ ประจำปี 2566 พร้อมเผยแพร่ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช 2566 จากฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ดังนี้

ปีเถาะ (มนุษย์ผู้หญิง ธาตุไม้) เบญจศก จุลศักราช ๑๓๘๕ ทางจันทรคติ เป็น อธิกมาส ทางสุริยคติ เป็น ปกติสุรทิน วันที่ ๑๔ เมษายน เป็น วันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับวันศุกร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๑๖ นาฬิกา ๐๑ นาที ๐๒ วินาที

นางสงกรานต์ ทรงนามว่า “กิมิทาเทวี” ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จนั่งมาเหนือหลังมหิงสา (ควาย) เป็นพาหนะ

ด้านคำทำนาย วันที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๒๐ นาฬิกา ๑๒ นาที ๒๔ วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น ๑๓๘๕ ปีนี้ วันเสาร์ เป็น ธงชัย , วันพุธ เป็น อธิบดี , วันศุกร์ เป็น อุบาทว์ , วันศุกร์ เป็น โลกาวินาศ ปีนี้ วันจันทร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๕๐๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๕๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๐๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๕๐ ห่า ตกในเขาจักรวาล ๒๐๐ ห่า นาคให้น้ำ ๒ ตัว

เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ ๖ ชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ ๙ ส่วน เสีย ๑ ส่วน ธัญญาหาร พลาหาร มัจฉมังษาหาร จะบริบูรณ์ อุดมสมบูรณ์ เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีปัถวี ( ดิน ) น้ำงามพอดี

ประวัตินางสงกรานต์ ทั้ง 7 นาง นางสงกรานต์ นั้นเป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม หรือท้าวมหาสงกรานต์ และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (สวรรค์ชั้นที่ 1 ในทั้งหมด 6 ชั้น) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับศีรษะของท้าวกบิลพรหมแห่รอบเขาพระสุเมรุในแต่ละรอบปี หรือในวันสงกรานต์นั้นเอง โดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์ คือวันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่ นางสงกรานต์มีทั้งหมด 7 องค์ ได้แก่

นางสงกรานต์ทุงษะเทวี
ทุงษะเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ ทัดดอกทับทิม มีปัทมราค (แก้วทับทิม) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ อุทุมพร (มะเดื่อ) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือสังข์ เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์ครุฑ

นางสงกรานต์โคราคะเทวี
โคราคะเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันจันทร์ ทัดดอกปีป มีมุกดาหาร (ไข่มุก) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ เตละ (น้ำมัน) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จประทับเหนือพยัคฆ์ (เสือ)

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ห่วงใยประชาชน ขับเคลื่อนโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร  ประชาชนสัญจรปลอดภัย”  ลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนน

วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนและสังคมนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้จัดทำโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศจร.ตร.) ประชุมขับเคลื่อน เร่งรัดและติดตามประเมินผล ความคืบหน้าโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย โดยมีผู้แทน บช.น., ภ.1-9 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบงานจราจรของ บก.น., ภ.จว.,บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายจราจรทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลโดยพร้อมเพรียงกัน 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การดำเนินโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เช่น การทุจริต การข่มขู่ บุคลิกท่าทางที่ไม่เหมาะสม มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนภาคีเครือข่ายและข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจ    และหน่วยงานที่ปฏิบัติ ภายใต้องค์กรที่ร่วมบูรณาการขับเคลื่อน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และภาคเอกชน

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดอบรมโครงการ “หนึ่งคนเรียน หลายคนรอด” สอนปฐมพยาบาลเบื้องต้น ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ลดความสูญเสีย 

วันนี้ (อังคาร 14 มี.ค.66) คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานเปิดโครงการอบรม “หนึ่งคนเรียน หลายคนรอด” รุ่นที่ 1 จัดโดยสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกับ BEAT CPR TRAINING CENTER ณ ห้องแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี คุณอุชัญญา ปราสาททองโอสถ อุปนายกสมาคมฯ คุณจันทร์ทิพา หลักบุญ คุณณัฐนี เหลื่อมศรี คุณมนสิการ สำราญสำรวจกิจ คุณวัชรี แก้วแสงเอก คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมฯ เข้าร่วมงาน

สืบนครบาลรวบหมวย ดาวคะนองผู้ต้องหาบัญชีม้าคอลเซ็นเตอร์คดีติดตัวกว่า 5 คดี เสียหายกว่าล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง 
ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์พบคนร้ายเปิดบัญชีธนาคารและขายบัญชีธนาคารต่อให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะนำบัญชีม้าที่หาซื้อมาได้มาใช้ในรูปแบบเป็นบริษัทสินเชื่อหลอกให้กู้ยืมเงิน โดยจะอ้างกับผู้เสียหายว่า ต้องทำการโอนค่าธรรมเนียม ค่าค้ำประกัน  และค่าดำเนินการอื่นๆ เข้ามาก่อน ซึ่งอาศัยความเดือนร้อนของประชาชนเป็นช่องว่างในการหลอกลวง และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบลงทุนออนไลน์ โดยเสนอให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้จะมาลงทุน มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท

เมื่อวันที่  13  มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 15.15  น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.
นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.วิโรฒ  จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นิธิ  ปิยะพันธุ์  สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ธนิตศักดิ์  สัจจะวีระชัย รอง สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ปณวัฒน์  จอกสุวรรณ์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. 

ทำการจับกุมตัว น.ส.แก้วใจ หรือหมวย  อายุ 48 ปี อยู่ที่ 348/3 หมู่ 3 ซอยสุขสวัสดิ์ 2 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2919/2565  ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ ในซอยสุขสวัสดิ์ 1 แยก 10 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์คือ ผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีธนาคารและขายบัญชีธนาคารต่อให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 
โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะนำบัญชีม้าที่หาซื้อมาได้มาใช้ในรูปแบบ เป็นบริษัทสินเชื่อหลอกให้กู้ยืมเงิน โดยจะอ้างกับผู้เสียหายว่า ต้องทำการโอนค่าธรรมเนียม ค่าค้ำประกัน  และค่าดำเนินการอื่นๆ เข้ามาก่อน ซึ่งอาศัยความเดือนร้อนของประชาชนเป็นช่องว่างในการหลอกลวง และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบลงทุนออนไลน์ โดยเสนอให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้จะมาลงทุนอยากที่จะเข้ามาลงทุนที่ไม่ได้ทำการศึกษาในการลงทุนมาก่อน จากนั้น เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาแล้ว ก็จะปิดบัญชีหนี สร้างความเสียหายให้กับประชาชนมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

“ผู้ว่า” นั่งหัวโต๊ะประชุม คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในอาคารห้องประชุม ชั้น 3 อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมือง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีการกำหนดการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ 

โดยภายในการประชุมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากท่าน ศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะ ประธาน กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติมาเป็นประธานในการประชุม โดยมี นายสุดใจ จิรยาภากร ผู้บริหาร บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ ประธานที่ปรึกษา กต.ตร. จังหวัดสมุทรปราการ ดร.พัชรางสุ์ ชัยวรมุขกุล อัยการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะ รองประธาน กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต. ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะ รองประธาน กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ ดร.กิตติ ยงค์สงวนชัย ที่ปรึกษา กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ นายธงชัย อัศวสุขี รองประธาน กต.ตร. สภ.บางพลี นายสมหวัง เกษมโกสินทร์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ (กต.ตร.) เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง

โดยก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น ทางคณะเจ้าหน้าที่ได้นำคณะ กต.ตร.เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ จากนั้น นายสมหวัง เกษมโกสินทร์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะ ตัวแทนนางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ กล่าวให้การต้อนรับทางคณะ กต.ตร.ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ

จากนั้น นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติมอบโล่เพื่อขอบคุณในการสนับสนุนสถานที่จัดการประชุม และการเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการในครั้งนี้ พร้อมทั้ง ยังได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัลแก่ข้าราชการตำรวจดีเด่น จำนวน 3 นาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่

โดยระเบียบวาระการประชุม ประกอบไปด้วย การแนะนำและพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการ กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 2 ท่าน พร้อมทั้ง เปิดวีดีทัศน์รับชมผลงานและการปฎิบัติหน้าที่ของทาง กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมทั้ง การรายงานผลการปฎิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการและการติดตามจับกุมในคดีต่างๆ รวมถึงคดีที่สำคัญ 

‘ในหลวง’ ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความยินดี ‘สี จิ้นผิง’ ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สมัยที่ 3

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยัง นายสี จิ้นผิง (Mr. Xi Jinping) ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สมัยที่ 3 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ความว่า

ฯพณฯ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กรุงปักกิ่ง 

ในโอกาสอันสำคัญที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีนอีกวาระหนึ่ง ข้าพเจ้าในนามของประชาชนชาวไทย ขอแสดงความยินดีด้วยใจจริง และขออำนวยพรให้ท่านประธานาธิบดีประสบความสำเร็จในภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ  และภารกิจแห่งรัฐทุกประการ

อิ่มบุญถ้วนหน้า!! นทท.ไต้หวันสายมู แห่ทำบุญ วัดราชบูรณะ พร้อมร่วมสร้างวัตถุมงคล - บริจาคข้าวสาร 14 ตัน

วันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่วัดราชบูรณะ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจรุ่นใหม่ชาวไต้หวันสายมูกว่า 20 คน มาร่วมทำบุญปลุกเสก วัตถุมงคล พระพุทธชินราชจำลอง  36 องค์ และพระพรหม จำนวน 77 องค์  เพื่อนำไปบูชาที่ไต้หวัน  ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน และชาวจีน เป็นอย่างมาก โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ได้ร่วมบวงสรวงเทพท้าวเทวา มีพระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ เป็นประธานในการปลุกเสกวัตถุมงคล มีเกจิอาจารย์ดัง อาทิ หลวงพ่อขวัญ วัดทับยายเชียง เป็นต้น ถือว่าสร้างกระแสการท่องเที่ยวในมิติใหม่ของประเทศไทยและจังหวัดพิษณุโลก ได้เป็นอย่างดี

โดยในวันนี้นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันและประชาชนสายมู ก็ไม่พลาดที่นำเลขจำนวน พระพุทธชินราชจำลอง 36 องค์ และท้าวมหาพรหมจำนวน 77 องค์ ตีเป็นเลขเด็ดแห่เสี่ยงโชคตามแผงล็อตเตอรี่กันจนเลขเด็ดหมดแผงไปตาม ๆกัน

สะเทือนหวยใต้ดิน!! ครม. ไฟเขียว ออกหวยแบบใหม่ 6 และ 3 หลัก เล็งขายใบละ 20-40 บาท จ่ายไม่ต่ำกว่าบาทละ 70

(14 มี.ค.66) พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คือ สลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 6 หลัก (L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (N3) โดยที่ประชุม ได้สั่งการให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปจัดทำร่างประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลรูปแบบใหม่ เพื่อนำมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง

ทั้งนี้ การจัดทำประกาศสลากรูปแบบใหม่ สำนักงานสลากฯ ได้จัดทำแล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว แต่ในชั้นการเสนอ ครม. เป็นการนำเนื้อหาสาระสำคัญ เข้าพิจารณาเห็นชอบก่อน ซึ่งที่ประชุม ครม. ต้องการให้สำนักงานสลากฯ เสนอประกาศฉบับเต็มให้พิจารณาด้วย ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะไปพิจารณาเตรียมนำกลับเข้ามาเสนอ ครม.อีกครั้งโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าไม่มีผลกระทบให้ล่าช้า แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการก็ยังสามารถเห็นชอบรายละเอียด ตามที่ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วได้

“ครม.วันนี้เป็นเพียงเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ หลังจากนี้ก็ต้องไปจัดทำประกาศ เพื่อมาเสนอ ครม.อีกครั้งหนึ่ง ส่วนรูปแบบเกมการเล่น การจ่ายเงินรางวัล ราคาสลาก ไม่มีการเสนอให้ ครม.พิจารณา เพราะเป็นรายละเอียด รูปแบบ ที่สำนักงานสลากฯ ต้องไปพิจารณากำหนดหลังจากนี้” พ.ท.หนุน กล่าว

มีรายงานว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการออกตามที่กระทรวงการคลังและสำนักงานสลากฯ เสนอ โดยให้ความห่วงใยใน 3 ประเด็น คือ 1.จะสามารถควบคุมราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลได้หรือไม่ โดยสำนักงานสลากฯชี้แจงว่า สามารถควบคุมได้ จากที่ผ่านมามีการออกผลิตภัณฑ์สลากหลายประเภท ก็สามารถช่วยลดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลลงมาได้

2.จะช่วยลดปัญหาหวยใต้ดินหรือไม่ สำนักงานสลากฯ ชี้แจงว่า ว่าจะสามารถลดได้ เพราะการซื้อสลาก 1 ใบ มีสิทธิ์ถูกรางวัลถึง 4 รางวัล คือ 3 ตัวตรง 3 ตัวสลับ 2 ตัวตรง และ แจ็คพ็อต ซึ่งต่างจากหวยใต้ดินที่ซื้อ 1 ครั้งลุ้นเพียง 1 รางวัล และ 3.จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และ ตัวแทน เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งสำนักงานสลากฯ ชี้แจงว่า การขายสลากตัวเลข 3 หลัก จะมีเพิ่มตัวแทนจำหน่าย จากสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายธนวรรธน์  พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาระบุถึงสลากรูปแบบใหม่ได้แก่ ลอตเตอรี่ 6 หรือแอล 6 และสลากเลข 3 หลักหรือเอ็น 3 หลังจากสำนักงานสลากฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และได้ดำเนินการแก้ไขรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว หาก ครม.เห็นชอบ จะสามารถดำเนินการขายได้ภายใน 6 เดือน หรือไม่เกินไตรมาส 3 ปีนี้ แต่สิ่งที่จะพิจารณาใหม่คือ ราคาขาย จากเดิมที่ใบละ 50 บาท อาจเป็นใบละ 20 หรือ 40 บาท เพื่อสู้ราคาหวยใต้ดิน โดยสัดส่วนการจ่ายเงินรางวัลยังเท่าเดิมคือ ขั้นต่ำที่ถูกรางวัลไม่ต่ำกว่าบาทละ 70 บาท

สำหรับสลาก L6 - N3 คือ สลากรูปแบบใหม่ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมที่จะนำออกมาจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัล เพื่อทดแทนสลากดิจิทัลที่ปัจจุบันนำสลากใบมาสแกนหรือถ่ายภาพมาจำหน่ายผ่านระบบดิจิทัลในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา โดยสลากดิจิทัลถูกกำหนดให้ขายในราคาไม่เกิน 80 บาท โดยการออกรางวัลจะอิงกับการออกรางวัลในปัจจุบัน

‘พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์’ ถอดบทเรียนอวสาน Silicon Valley Bank  โอกาส ‘โดมิโนเอฟเฟกต์’ เป็นไปได้แค่ไหน?

จากกรณี สหรัฐอเมริกา สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 16 ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสินทรัพย์ประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7 ล้านล้านบาท เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ลูกค้าเจ้าของบัญชีแห่ถอนเงิน จนทางการต้องสั่งปิดกิจการ และให้ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ซึ่งเป็นสถาบันที่ให้ประกันเงินฝากจากความล้มเหลวของธนาคาร มาเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดยจะขายสินทรัพย์ของธนาคารเพื่อจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ธนาคาร จากกระแสข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตัวให้กับภาคเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคารของไทย รวมถึงคำถามจากประชาชนผู้ฝากเงินกับธนาคารในประเทศไทยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่ 

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ถึงกรณีดังกล่าวว่าจะมีผลกระทบวงกว้างต่อโลกและประเทศไทยแค่ไหน โดยกล่าวว่า “SVB เริ่มมีฐานะการเงินเลวร้ายลง โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น SVB จึงพยายามที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียน ประมาณ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มทุนได้  ทำให้แผนการเพิ่มทุนจึงล้มไป ส่งผลให้หุ้น SVB ตกต่ำลงอย่างมาก ลดลง 60% ในครั้งแรก และลดลงอีก 70%” 

ส่วนสาเหตุที่ SVB ถูกปิดกิจการนั้น คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “SVB ทำหน้าที่เป็นนายธนาคารของธุรกิจ Startup ในสหรัฐอเมริกา ย่าน Silicon Valley ซึ่งเป็นย่านธุรกิจไฮเทค โดย SVB ปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารทั่วไปจะไม่ปล่อย เพราะธุรกิจ Startup ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะมาวางเป็นหลักประกันเงินกู้ให้แบงก์ โดย Silicon Valley ในช่วงที่ผ่านมาก่อนดอกเบี้ยจะปรับขึ้น มีธุรกิจที่ขยายตัวเร็วมาก มีเงินฝากเพิ่มและปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าสินเชื่อ เพราะตอนนั้นสภาพคล่องในธุรกิจไฮเทค ค่อนข้างสูง เกิด Mix & Match ระหว่างเงินฝากกับสินเชื่อ สภาพคล่องที่มีมากเกินไปโดยนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ถึง 2 ใน 3 ของสินทรัพย์ที่แบงก์มีอยู่ ปล่อยเป็นสินเชื่อเพียง 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสถานะของแบงก์ SVB ในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤต

“พอปี 2022 โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อต้านเงินเฟ้อที่เกิดในสหรัฐอเมริกาอย่างไม่มีทางเลือก เพราะต้องควบคุมเงินเฟ้อตามที่วางเป้าหมายไว้ เมื่อดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พันธบัตรที่ธนาคาร SVB ลงทุนไป ตอนเริ่มลงทุนรัฐบาลสหรัฐฯ ดอกเบี้ยต่ำ ราคาพันธบัตรแพง เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรก็ลดลง แม้ว่าพันธบัตรรัฐบาลจะไม่มีความเสี่ยงทางด้านเครดิต แต่อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยขึ้นแรง ก็จะทำให้ราคาพันธบัตรลดลง พอ SVB เริ่มมีปัญหา จึงจำเป็นต้องขายพันธบัตรนี้ออกไป เพื่อนำเงินมาใช้จุนเจือสภาพคล่องของตัวเองโดยขายพันธบัตรราคาถูก ทำให้ SVB ขาดทุนจำนวนมาก ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงพยายามเพิ่มทุนโดยเสนอ FDIC ปรากฏว่าเพิ่มทุนไม่สำเร็จ จึงเป็นที่มาของการปิดกิจการ ไม่สามารถชำระคืนเงินผู้ฝากได้ โดยสรุปแล้ว SVB ประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย”

เมื่อถามถึงความกังวลในระดับโลกว่ามีโอกาสเกิดโดมิโนหรือวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่? คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “ไม่น่าจะมีโอกาสสูงนัก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส SVB เป็นแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อน้อย ลงทุนตราสารการเงินค่อนข้างเยอะ แบงก์โดยทั่วไป ถ้าดูงบดุลแบงก์ ทางด้านหนี้สินแบงก์มีเงินฝากจากประชาชนเข้ามา แล้วนำเงินฝากไปปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจ ไปปล่อยลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่ง SVB ปล่อยสินเชื่อน้อย ลงทุนเยอะ แต่แบงก์อื่นๆในสหรัฐอเมริกาจะปล่อยสินเชื่อมากกว่าลงทุน เพราะฉะนั้นสินเชื่อสามารถปรับดอกเบี้ยให้ขึ้นได้ ถ้าเกิดลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็น FIXED INCOME ดอกเบี้ยไม่ขึ้น แต่ถ้าเป็นพันธบัตรระยะยาว ดอกเบี้ยคงที่ เพราะฉะนั้นราคาจึงต้องปรับตัวลดลง แบงก์ส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อ สามารถมีความยืดหยุ่นได้มากกว่า SVB เป็นสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ลุกลามไปยังแบงก์อื่นๆ อาจจะจำกัดอยู่แค่แบงก์ SVB” 

เมื่อถามว่า ประเทศไทยควรถอดบทเรียนจากกรณีข้างต้นเพื่อรับมือได้อย่างไร? คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “ประเทศไทยหนีไม่พ้นกับการที่ดอกเบี้ยปรับขึ้น จากที่เป็นดอกเบี้ยขาขึ้น ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนประมาณ 90% ของ GDP หนี้ของประชาชน หนี้ของครัวเรือนสูง ดอกเบี้ยขึ้นเมื่อไหร่ หนี้เหล่านี้ก็พร้อมที่จะเป็นหนี้เสียได้ทุกเมื่อ ในขณะที่หนี้รัฐบาล ซึ่งอยู่ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล ก็มีอยู่มากพอสมควร ปัจจุบัน 60% ของ GDP โดยหนี้ส่วนใหญ่ถูกถือโดยสถาบันการเงิน เมื่อดอกเบี้ยขึ้น สถาบันการเงินจะต้องปรับราคาของพันธบัตรเหล่านี้ แม้จะไม่มีความเสี่ยงกับเครดิตเหล่านี้ แต่มีความเสี่ยงทางด้านอัตราดอกเบี้ยอยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะต้องใช้เป็นบทเรียน คือ การปรับดอกเบี้ยขึ้นมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่ในภาคธุรกิจจริงเท่านั้น แต่สถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก จะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงนี้อย่างเต็มที่ 

ไทยแลนด์กระหึ่มโลก!! ‘เกาะหมาก’ คว้าอันดับ 2 รางวัลระดับโลก   ด้าน ‘การจัดการ-ฟื้นฟู’ จาก ‘ITB Berlin 2023’

อพท. เผย ‘เกาะหมาก’ จ.ตราด คว้ารางวัลระดับโลก “2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS” ด้านการจัดการและการฟื้นฟู โดยได้รางวัลอันดับ 2 รองจาก NORMANDIE ประเทศฝรั่งเศส

เพจ Dasta Thailand ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า ‘เกาะหมาก’ จ.ตราด คว้ารางวัลระดับโลก ‘2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS’ ในประเภท Governance, Reset and Recovery (ระบบการจัดการและการฟื้นฟู) โดยรางวัลในประเภทนี้มี 3 รางวัลได้แก่ อันดับ 1 คือ NORMANDIE จากประเทศฝรั่งเศส อันดับ 2 เกาะหมาก จากประเทศไทย และอันดับ 3 OGUNI TOWN จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้จัดได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก ในปี 2565 (2022 Green Destinations Top 100 Stories)

ทั้งนี้ นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. และ นายนล สุวัจนานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก จังหวัดตราด ได้เข้ารับรางวัลดังกล่าวที่จัดขึ้น ในงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ ‘ITB Berlin 2023’ ซึ่งเป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประเทศจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงและนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยว

สำหรับเกาะหมาก เป็นเกาะขนาดกลางแห่งหมู่เกาะช้าง ทะเลตราด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด บนเกาะมีอ่าวและหาดหลายแห่งที่น่าสนใจและเหมาะแก่การท่องเที่ยว เช่น “อ่าวนิด” เป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่ ‘อ่าวสวนใหญ่’ เป็นอ่าวโค้งยาวน่ายล ‘อ่าวโล่ง’ ที่รอบข้างร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยสวนยางพารา ในหลาย ๆ หาดหลาย ๆ อ่าวจะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะหมาก

อีกทั้งเกาะหมากยังเป็นจุดเชื่อมโยงไปยังเกาะอื่น ๆ เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ดำน้ำดูประติมากรรมช้างใต้ทะเล ดำน้ำดูปะการังเกาะยักษ์ หมู่เกาะรังได้อีกด้วย

รถทัวร์ลง ‘ครูไพบูลย์’ หลังผุดคอนเทนต์ เอาช็อกโกแลตผสมเหล้า ให้น้องหมากิน

ทำเอาคนรักสุนัขเห็นแล้วถึงกับทนไม่ไหว อัดคลิปติ๊กต๊อกต่อว่า ‘ครูไพบูลย์ แสงเดือน’ สามีของนักร้องสาว ‘กระต่าย พรรณนิภา’ ที่ก่อนหน้านี้ลงคลิปแกล้งน้องหมา 2 ตัวที่บ้าน เพราะน้องหมาดื้อ โดยการให้ช็อกโกแลตผสมเหล้าให้น้องหมากิน แม้ตอนนี้คลิปต้นฉบับของทางติ๊กต๊อกครูไพบูลย์จะลบทิ้งไปแล้ว แต่ก็มีคนมือไวเซฟคลิปดังกล่าวเอาไว้และนำมาโพสต์เป็นประเด็นในโลกโซเชียล

โดยคนที่นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์นั้น ได้เขียนข้อความว่า ‘อะ มันสมควรไหม? แล้วคนถ่ายนี่กะจะไม่ห้าม ก็ว่าอยู่ทำไมไปกันได้ สงสารหมาโว้ย!! ว่าไผปึก มาดูนี่มา" งานนี้คนเข้ามากระหน่ำต่อว่า ครูไพบูลย์ กันมากมาย เช่น อย่าว่าแต่ใส่เหล้าเลย เขาไม่ให้หมากินช็อกโกแลตด้วยซ้ำ, หมากินช็อกโกแลตไม่ได้ระวังชักหรือหัวใจเต้นผิดปกติ, น้องกินช็อกโกแลตไม่ได้ โอ๊ยยสู, บ่ได้เรียนหนังสืออีหลีตั๊วนิ, อยากเลี้ยงแต่ไม่รู้วิธีเลี้ยง"

สวธ.ปฐมนิเทศน้องๆเยาวชน สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

น้องๆเยาวชน  ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ารับการปฐมนิเทศ สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทยและวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2566 โดยมี นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธาน โอกาสนี้  นายสาโรจน์  เล้าเจริญสมบัติ  ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิปัญญา  นายกสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากล วาทยกร คณะผู้เชี่ยวชาญ และคณะนักดนตรี ร่วมงาน ณ ห้องแกลลอรี่ ๕ ชั้น ๑ หอศิลป์แห่งชาติ   
  
วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  รับมอบหมายจากท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานการปฐมนิเทศสมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ รวม 475 คน ร่วมฟังการปฐมนิเทศ  โอกาสนี้ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือก และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนทุกคนในวันนี้ ขอขอบคุณท่านวาทยากร คณะผู้เชี่ยวชาญและผู้ปกครองทุกท่าน ที่มีส่วนผลักดันและร่วมกันนำพาคณะนักดนตรี นักร้องของเราไปสู่ความสำเร็จในทุกๆด้านดังที่หวังไว้ทุกประการ  จากนั้นได้กล่าวให้โอวาทว่า  “วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ Thai  Youth  Orchestra (TYO)  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย หรือ Thai  Youth  Chio (TYC) และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย หรือ Thai Youth Winds (TYW)  ถือว่าเป็นตัวแทนของคณะเยาวชน ระดับชาติ ที่เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงในโอกาสต่างๆ ของรัฐบาลและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคณะนักดนตรี นักร้อง จะมีผลงานดีมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเยาวชนทุกคนที่ผ่านการสอบคัดเลือกในที่นี้  จะต้องหมั่นฝึกฝน มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนาศักยภาพ ให้ทัดเทียมนานาประเทศต่อไป”
 
จากนั้น นางณัฐภา บุญงาม  ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการพัฒนา วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย  วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย  มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี การดำเนินโครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้บูรณาการร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมดนตรีสากลเยาวชน  สมาคมขับร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย  สมาคมดนตรีและ มาร์ชชิ่งอาร์ทสากล  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนด้านดนตรีสากลและขับร้องประสานเสียง ที่มีอายุไม่เกิน ๒๕ ปี  ให้ได้รับการถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านดนตรีสากล และขับร้องประสานเสียงจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน  ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะ สร้างเสริมประสบการณ์  

สวธ. ขอเชิญชวนน้อง ๆ ยุวชนไทย เข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน”

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)  เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมการ์ตูนไทย จัดกิจกรรมอบรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน” รุ่นที่ ๗๗ และ ๗๘ เพื่อส่งเสริมทักษะการวาดภาพการ์ตูนของยุวชนไทยเป็นพื้นฐานงานศิลปศึกษา และยังเป็นการปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัย วัฒนธรรมไทยแก่ยุวชนให้ประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม ระหว่างที่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ระหว่างปิดภาคเรียนด้วย 

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าว เปิดรับสมัครยุวชนตั้งแต่อายุ ๗-๑๖ ปี โดยแบ่งออกเป็น ๒ รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นที่ ๗๗ “วาดจินตนาการ การ์ตูนเปลี่ยนโลก” ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และรุ่นที่ ๗๘ “เส้นสายสีสัน การ์ตูนเล่าเรื่อง” ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ ห้องประชุม ๒ และห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงาน CAMT

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงานระบบการจัดการความรู้ตามมาตรฐาน ISO 30401 และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัว TQA และ EdPEx ของ CAMT นำทีมดำเนินกิจกรรมโดยศูนย์ KIND BY CAMT วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ศูนย์ KIND BY CAMT และหลักสูตรการจัดการความรู้และนวัตกรรม วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ณวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี ให้แก่ทีมผู้บริหารและบุคลากร จากมหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้โครงการพัฒนาองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้”นำทีมโดย คณบดี วิทยาลัยศิลปะสื่อฯ ผศ.ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย ได้กล่าวต้อนรับและแชร์ความรู้ในหัวข้อ TQA และ EdPEx และแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมือด้านการจัดการความรู้สู่องค์กรสู่ความเป็นเลิศ นำโดย อาจารย์ ดร.อัจฉรา คำอักษร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยคณบดี ด้านการบริหารระบบ ISO 30401 วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมแนะนำศูนย์ KIND BY CAMT 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่”

ตามที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายหลักของการปฏิรูปประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดหลักการและแนวทางการปฏิรูปประเทศ รวมถึงมีพระราชบัญญัติ
แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560  และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนในเชิงโครงสร้าง วิธีการ และกระบวนการ หรือกฎระเบียบ
ที่สำคัญเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลอันพึงประสงค์
ตามรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ นั้น 


โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.62  ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งแต่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย 
การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภาขึ้น โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามนโยบายด้านกฎหมาย 
การบริหารงานยุติธรรม กระบวนการยุติธรรม การตำรวจ อัยการ และราชทัณฑ์ การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การพัฒนากลไกและวิธีการปฏิบัติงานกิจการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ ร่วมถึงการพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ


โดยในส่วนของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแจ้งความ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้มีการจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวเรื่อง “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่” ขึ้น ในวันอังคาร ที่ 14 มี.ค.66 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์  สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีฯ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top