Tuesday, 1 July 2025
NEWS

'หมอแล็บแพนด้า' เตือนอย่าเอายาทาเล็บมาทาฟัน ชี้ อาจขาวทันใจ แต่มีสารอันตรายเพียบ

(16 มี.ค. 66) ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ หมอแล็บแพนด้า นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเตือน อย่าเอายาทาเล็บมาทาฟัน ระบุว่า พี่ ๆ ช่างแต่งหน้าตามงานประกวดบางคน ยังชอบเอายาทาเล็บมาทาฟันอยู่อีก ฟันจะได้ขาววิ้งทันใจ เห็นคลิปแล้วก็สงสารน้อง เพราะยาทาเล็บมีสารอันตรายหลายตัว และมีสารก่อมะเร็งด้วย ห้ามเอาเข้าปากเด็ดขาดนะครับ

อย่าลืมว่าในยาทาเล็บมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ไนโตรเซลลูโลส ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซินโทลูอีน ไดบิวทิล พทาเลต ส่วนผสมในยาทาเล็บที่ควรระวังและอาจเป็นอันตราย ได้แก่

ไดบิวทิล พทาเลต (Dibutyl Phthalate) ตัวนี้เป็นสารที่เขามักเอามาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสี ย่าฆ่าแมลง และพลาสติก ใช้ในยาทาเล็บจะทำให้ทาได้ง่าย เรียบ มีความยืดหยุ่นดี แต่ห้ามเอาเข้าปากเพราะเป็นสารก่อมะเร็งและทำให้ลูกพิการแต่กำเนิด ใครที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ และอาจทำให้มีผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ในเพศชายได้

ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารก่อมะเร็งที่มักจะใช้เป็นส่วนผสมของสีทาเล็บ ทำให้ยาเคลือบเงาเล็บแข็งตัว และเกาะกับเล็บได้ดี ราคาถูก แต่มีพิษต่อร่างกาย มีไอระเหย ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้แสบจมูก แสบคอ แสบตา ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ทำลายภูมิคุ้มกัน และเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย

รมว.พิพัฒน์ ประชุม หารือ กับผู้ประกอบการจังหวัดกระบี่ เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา - ลังกาวี

วันนี้ (16 มี.ค.66) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา - ลังกาวี ของจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ,นางศุภิดา อ่อนบรรจง ผู้อำนวยการกลุ่มงานต้านตลาดในประเทศ ,นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคภาคใต้ ,นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกระบี่ ,นายไพรัช สุขงาม  ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสตูล ,นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 6 มค ที่ผ่านมาได้เดินทางไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย พร้อมกับ ททท เพื่อหารือกับผู้บริหารพื้นที่พิเศษของลังกาวี ก็มีความคิดตรงกันว่าจะทำอย่างไร ให้เป็น Destination to Island คือ หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว สองเกาะ สองประเทศ จึงเป็นที่มาของการหารือในวันนี้ร่วมกับจังหวัด ว่าหากจะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา - ลังกาวี ว่าจะพร้อมขนาดไหน ซึ่งท่านผู้ว่าบอกว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่ศาลาด่าน เกาะลันตา ซึ่งได้ลงไปดูพื้นที่แล้ว และหารือในรายละเอียดด้านการเดินทาง ว่าจะเดินทางอย่างไร โดยมีข้อจำกัดว่าลังกาวีไม่อนุญาตให้นำเรือสปีดโบ้ทเข้าไป ก็น่าจะมีทางออกว่า ใช้เรือเฟอรี่ ซึ่งก็จะได้ดำเนินการต่อไปทั้งสองส่วนคือเกาะลันตาและลังกาวี เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวนี้ได้”

นอกจากนี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้กล่าวด้วยว่า “การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เคยมีรายได้พีคสุดในปี 62 คือ 120,000 ล้านบาท เราจะพัฒนาได้มั๊ยว่าจะเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวได้มากขึ้นอย่างไร เพราะจังหวัดกระบี่ยังมีศักยภาพที่ยังพัฒนาได้อีกมาก โดยขณะนี้ก็ได้วางโครงสร้างไว้ คือ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ซึ่งภูเก็ตเราจะพูดถึงเมืองในอนาคต Smart City และพังงา ได้กำหนดเป็นการท่องเที่ยว Low Carbon ส่วนจังหวัดกระบี่ ก็จะชูคลองท่อมเมืองสปา เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำพุร้อน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ เรามีน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งเป็น 1 ใน 2 แห่งของโลกเท่านั้น เราจึงต้องการพัฒนาให้อำเภอคลองท่อมเป็นเมืองสปา ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมต่อไปยังการท่องเที่ยวทางทะเล” 

ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้อมูลตั้งแต่หลังโควิด ช่วง ต.ค. 65 - ก.พ.66 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เกือบ 800,000 คน ซึ่งถือว่าสูงมาก วันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้หารือการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว  และจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ และหากมีการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาเสร็จก็จะสามารถเชื่อมโยงกันได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทั้งจังหวัด ททท และกระทรวง ที่จะต้องช่วยกันผลักดัน ซึ่งจังหวัดกระบี่ก็พร้อมที่จะพัฒนาด้านการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อความยั่งยืนต่อไป "

กระทรวง อว. จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ป้องกันอาชญากรรมทั้งการกระทำความผิดและการตกเป็นเหยื่อในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทักษะเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญเหตุและสร้างระบบสภาพแวดล้อมในพื้นที่

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ” ระหว่างกระทรวง อว. กับ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม

ทั้งนี้ มี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. และ พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้ร่วมลงนาม ที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสภาวการณ์ของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมมีการพัฒนารูปแบบไปตามยุคสมัยและถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวบุคคลและความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนั้นการจัดการกับปัญหาโดยเฉพาะการป้องกันจึงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการบ่มเพาะกำลังคนสมรรถนะสูงที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคตในการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สำหรับการป้องกันอาชญากรรมให้ครอบคลุมทั้งมิติของการป้องกันการกระทำความผิดและมิติของการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม 

ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับการป้องกันอาชญากรรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและเพื่อสร้างระบบสภาพแวดล้อมการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดแก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย นักศึกษาหรือประชาชนในพื้นที่โดยรอบ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคมที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะกระบวนการป้องกันอาชญากรรมทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค โดยความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลา 3 ปี 

ผบ.พล.ร.15 นำกำลังพล ร่วมเดินทางไกลประจำเดือน เสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงให้แก่กำลังพล ณ ค่ายกัลยาณิวัฒนา จ.นราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบล กะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการตรวจสภาพความพร้อมรบ และเดินทางไกลประจำเดือน ของกรมทหารราบที่ 151 และหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 15 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานทุกภารกิจของกองทัพบก และความพร้อมของเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมถึงเพื่อทดสอบขีดความสามารถ และความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ก่อเกิดความสามัคคีให้แก่กำลังพล ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย และจิตใจให้สมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้ในทุกเมื่อ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ออสเตรเลียด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

วันนี้ (16 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้เดินทางมายังกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อร่วมการประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ออสเตรเลียด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Mekong-Australia Partnership on Transnational Crime: MAP-TNC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มี.ค.66 ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีผู้แทนจากกลุ่มประเทศในเขตลุ่มแม่น้ำโขง อาทิเช่น ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมา รวมทั้งประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการแสวงหาความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ

ในการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้กับทางการสหรัฐอเมริกาทราบ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติทั้งในคดีค้ามนุษย์และคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าหลายปีที่ผ่านมารวมกัน โดยในปีนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเชิญผู้ที่เคยเป็นผู้เสียหายเข้ามาร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อให้ตัวผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการนำประสบการณ์มาใช้พัฒนากระบวนการให้บริการผู้เสียหายให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แนวคิดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับ NGOs อย่างใกล้ชิด และมีการซักซ้อมการปฏิบัติตามกระบวนการ NRM โดยมีการเริ่มใช้ในจังหวัดสตูลในการคัดแยกผู้เสียหายจากการโยกย้ายถิ่นฐานของบุคคลต่างด้าว ซึ่งประเทศไทยไม่มีการกักตัวผู้เสียหายที่เป็นเด็กในห้องกักอีกต่อไป อีกทั้งได้ขยายการใช้กระบวนการ NRM ให้ครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ในยุคปัจจุบัน สถานการณ์ค้ามนุษย์จำเป็นจะต้องมองในระดับภูมิภาค เพื่อให้การขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากประเทศใดไม่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง จะต้องมีการกดดันในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ อาชญากรรมหลายประเภทสามารถนำไปสู่การค้ามนุษย์ได้ และมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด จึงต้องพัฒนาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ชัยวุฒิ ปลื้ม! เยาวชนร่วมกันถกปัญหากัญชา ย้ำทุกความเห็นจะเป็นข้อมูลไปทำนโยบาย

(16 มี.ค.66) เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานกิจกรรมเสวนา เรื่อง ห่วงใยนบาย 'กัญชาเสรี' และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย ณ ห้องประชุม Smart Classroom คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อําเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถใช้สารสกัดกัญชาได้อย่างเหมาะสมรวมไปถึงมุมมองในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้รู้ถึงโทษประโยชน์ กัญชาและการรู้จักวิธีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากกัญชาเสรี โดยภายในงานเสวนาได้มีบุคคลที่มีความรู้ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลาง นักวิชาการ ,รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ,ปริญญา ปลื้มจิต เจ้าหน้าที่ช่วยงานด้านพัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลางให้ความเห็นว่า“ กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดและวิธีการใช้งาน ในมุมของอาจารย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษา อาจารย์มองว่า ในกลุ่มของเด็กและเยาวชนเองยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะใช้ นอกเหนือจากทางการแพทย์ เราควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของกัญชาให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชน หรืออาจะมีการเพิ่มรายวิชาเลือกในหลักสูตรให้กับนักศึกษาได้เรียน”

รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ชี้ว่า “ในมุมมองของนักบริหารระดับท้องถิ่น ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน มองว่าการที่ให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้ ทำให้กัญชาอยู่ใกล้มือเด็กและเยาวชนมากเกินไป บางทีเห็นผู้ปกครองนำมาประกอบอาหาร ก็คิดว่าเป็นสมุนไพร ซึ่งอาจไม่รู้ถึงคุณโทษของกัญชาจริงๆ รัฐควรมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันในจุดที่ยังบกพร่อง เช่น ออกพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากกัญชา ออกระเบียบในการจำหน่ายซื้อขายของกัญชา”

‘กัมพล ตันสัจจา’ ประธานสวนนงนุช รับเครื่องราชฯ ฐานะผู้ทำประโยชน์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

‘กัมพล ตันสัจจา’ ประธานสวนนงนุช รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

(16 มี.ค. 66) ที่ ห้องประชุมจรุวัสตร์ ชั้น 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ นายกัมพล ตันสัจจา ประธานบริษัทนงนุช วิลเลจ จำกัด เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

มัดรวม ‘ศิลปิน-ดารา’ ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง ขันอาสาขอเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน

เลือกตั้งใกล้เข้ามา ผู้สมัครมากหน้าในวงการเมืองก็เริ่มเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องในนามพรรคต่างๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่คนในวงการเมืองเท่านั้น แวดวงคนบันเทิง 'ดารานักแสดง-นักร้อง-นางแบบ' ต่างก็ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง กันอย่างคึกคักด้วยเช่นกัน 

ว่าแต่...ใครเป็นใคร? สังกัดพรรคไหนกันบ้างนั้น? ทาง THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้พิจารณากันโดยพลัน...

คนแรกที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ดีกรีนางร้ายตัวแม่แถวหน้าของเมืองไทย 'อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์' ดาราสาวนักแสดงชื่อดัง หลังจากที่ได้ออกมา Call out แสดงความเห็นกับเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน  ตอนนี้อ๋อมได้เปิดตัวเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย มาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อแพ้”

คนต่อมา ขวัญใจสาวๆ จากย่านลาดพร้าว 'ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์' อดีตนักแสดง-นักร้องชื่อดัง ที่ตัดสินใจเข้าสู่บทบาททางการเมือง อย่างเป็นทางการโดยการเป็นรองโฆษกพรรค พลังท้องถิ่นไทย เมื่อปี 2561 และได้ลาออกไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จากนั้นได้ลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และวันนี้ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้มาทำหน้าที่เป็นโฆษกของพรรคพลังประชารัฐ ของบิ๊กป้อม เพื่อร่วมเสริมทีมสื่อสารนโยบายพรรคสู่สังคม

อีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหม่ ที่ออกมา Call Out ในหลายประเด็น อย่าง 'หมิว-สิริลภัส กองตระการ' นักแสดงคนรุ่นใหม่ ก็ได้เข้ามาร่วมงานกับกับพรรคก้าวไกล เตรียมเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางกะปิ 

ด้าน 'นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง' อยากทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จึงหันมาเล่นการเมืองอย่างจริงจัง ในนามของ 'พรรคไทยภักดี'

ตามรุ่นพี่ปราปต์ปฎลมาติดๆ กับ 'เค-ภัทรพล แก้วสกุณี' ดารานักแสดงสังกัดช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ประกาศลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. ปทุมธานี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ 

'จอนนี่ แอนโฟเน่' สามีของนก จริยา ก็ขออาสาเข้ามาทำงานแก้ปัญหาความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอาสาเป็น ส.ส.กทม. ดูแลประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว คลองสามวา ในนามของพรรคไทยสร้างไทย

ด้าน 'กุ้งพลอย-กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ' หรือ 'ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์' ได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ลั่นว่าจะนำประสบการณ์เรื่องการพนันออนไลน์ เข้ามาแก้ไขในสภา เตรียมลงสมัคร ส.ส.อ่างทอง

ตำรวจสายสอบสวน ขอย้ายไม่ได้ ต้องขอลาออก หลังที่ทำงานไกล ‘ไป-กลับ’ 100 กม. เดือดร้อนมาก

(16 มี.ค. 66) Thaicrime Online โพสต์ข้อความ ระบุ...หัวอกคนไกลบ้าน!....ขอย้ายไม่ได้...ขอลาออกแทน!!....สตช....สายสอบสวนสมองไหล.....เรื่องที่แก้ไม่จบ...

พร้อมทั้งโพสต์ จดหมายของเจ้าหน้าที่สายสอบสวนรายหนึ่ง ที่ขอย้ายไปทำงานใกล้บ้าน แต่ไม่ได้รับการพิจารณา ความว่า...

เรียน ผกก.สน.บางโพงพาง

ด้วยกระผม ร.ต.ท. (สงวนชื่อ-สกุล) ตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง ตำแหน่งเลขที่ (สงวน) อัตราเงินเดือน ส.๑ ขั้น ๑๑.๐ ๑๘,๙๕๐ บาท มีความประสงค์จะขอลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพอื่น เนื่องด้วยที่ทำงานอยู่ไกลจากภูมิลำเนา จำต้องเดินทางไปกลับประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร ทุกผลัดที่เข้าเวร ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และขอไปดำรงตำแหน่งใกล้บ้านก็ไม่ได้รับพิจารณให้ไปตามที่ได้ร้องขอแต่อย่างใด

‘อมรินทร์ทีวี’ ปรับโฉมใหม่ ลุยรายการข่าวเต็มสูบ คว้า ‘ดร.วิทย์-แอน จินดารัตน์-เชียร์ ฑิฆัมพร’ นั่งผู้ประกาศข่าว

อมรินทร์ทีวี ลุยรายการข่าวเต็มสูบ คว้า 3 คนข่าวเซ็ตใหม่สุดปัง ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, แอน จินดารัตน์ และ เชียร์ ฑิฆัมพร มา เขย่าวงการข่าว หลังอดีตลูกหม้อ พุทธ พุทธอภิวรรณ ลาออกซบช่อง 8

ท่ามกลางการจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถานีอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 หลังจากที่ผู้ประกาศคนดัง พุทธ - พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี อดีตลูกหม้อจากรายการ ทุบโต๊ะข่าว ได้ลาออกและหายจากหน้าจอไปนานถึง 4 เดือน ตอนนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พุทธ พุทธอภิวรรณ ได้โผซบช่อง 8 ขึ้นแท่นผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวคนใหม่

โดย เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารอาร์เอส และ ช่อง 8 ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียล ทางทวิตเตอร์ @HereHorRS ร่วมเฟรมกับ พุทธอภิวรรณ ขณะอยู่ที่บริษัทอาร์เอสกรุ๊ป พร้อมแคปชันว่า “ยินดีต้อนรับ ผอ.ข่าวช่อง 8 คนใหม่ คุณพุทธอภิวรรณ จะมาสร้างปรากฏการณ์ข่าวช่อง 8 ทั้งหน้าจอ และ Online พบกันเร็วนี้ สนุกแน่นอน #ใครๆก็ดูช่อง8 #RSGROUP”

ซึ่งพุทธจะมาควบทั้งตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวและผู้ประกาศข่าวช่อง 8 พร้อมลุยข่าวทั้งหน้าจอ TV และ Online จะเริ่มปฏิบัติงานและดำเนินรายการข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ หลังสงกรานต์เป็นต้นไป

โซเชียลร้อนระอุ!! แฟนคลับเชียร์เลิก คู่รัก ‘นิกกี้-ก้อย’ ก่อนโดน ‘นิกกี้’ สวนกลับ “สงสารตัวเองไหม อย่าเสือก”

ความสัมพันธ์ของ นิกกี้ ณฉัตร และ ก้อย อรัชพร ที่ล่าสุดฝ่ายชายได้ออกมาประกาศตามง้อแฟนสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ในอินตาแกรมของ นิกกี้ ก็เดือดไม่น้อย เพราะมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงปมงอนง้อกันครั้งนี้ไว้ว่า "เป็นโสดไปเถอะนิกกี้ สงสารผู้หญิงที่เป็นแฟนด้วย ปากบอกไม่หึงไม่หวงแต่ความจริงทุกคนทนไม่ได้หรอก ลองดูเพื่อน ๆ รอบตัวที่เค้าคบแฟนนาน ๆ ลองดูลีโอ เจมส์ หรือเม้าก็ได้ ว่ากับผู้หญิงอื่น ยิ่งออกสื่อจะกล้าทำแบบคุณมั้ย ก้อยทนมาได้นานขนาดนี้ ในใจก็คือรักจึงทน สุดท้ายก็บั่นทอน นิกกี้ไม่ผิดอะไรหรอก แต่แค่ไลฟ์สไตล์นิกกี้ยังไม่เหมาะมีแฟนมีคู่ชีวิต"

‘สาว’ แชร์อุทาหรณ์ พบ ‘นิ่วในถุงน้ำดี’ ชี้!! ผลข้างเคียงจาก ‘บุฟเฟต์-ของมัน-ของหวาน’

สาวใน จ.กาญจนบุรี โพสต์ภาพก้อนนิ่วในถุงน้ำดี หลังได้รับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเผยสาเหตุมาจากการกินบุฟเฟต์ ทั้งของมัน ของหวาน แนะ ระวังไว้ให้ดี

(15 มี.ค. 66) ที่ผ่านมา มีรายงานว่าสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเป็นอุทาหรณ์ลงในเฟซบุ๊กของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบสายบุฟเฟต์ โดยได้เผยภาพก้อนนิ่วขนาดเท่านิ้วมือและบาดแผลหลังผ่าตัด พร้อมระบุข้อความเตือนภัยสำหรับสายบุฟเฟต์ สายหวาน และสายมันให้ต้องระวัง เพราะจะอร่อยแค่ตอนกิน แต่ผลข้างเคียงมี และนั่นคือก้อนนิ่วในถุงน้ำดี

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Angkana Mam Taptip ได้ระบุข้อความว่า “สายบุฟเฟต์ ของหวาน ของมัน ต้องระวังนะคะ อร่อยตอนกิน เเต่ผลข้างเคียงมันมี เเละนี่คือก้อนนิ่วในถุงน้ำดี เม็ดโตมากแม่ เม็ดนี้ทำให้เราปวดท้องดิ้นทรมานมาเป็นปี ๆ เมื่อวานเราได้มาทำการผ่าตัดที่ รพ.ท่าม่วง ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย เราผ่ากับคุณหมอ เเผลมีขนาดเล็กมาก ใช้วิธีผ่าโดยการส่องกล้อง ต้องขอชื่นชม พี่ ๆ พยาบาลที่ตึก เจ้าหน้าที่ตึกศัลยกรรม พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด น่ารักทุกคน เอาใจใส่คนไข้ดีมากแม่

อธิบายก่อนเเละหลังการผ่าตัดให้เราเข้าใจทุกอย่างเลย มีการพูดคุยหยอกล้อเพื่อไม่ให้เรากลัว หลังการผ่าตัด เราได้นอนที่รพ.เเค่คืนเดียว เช้ามาคุณหมอมาดูอาการ เเล้วให้เรากลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ ฝากถึงใครที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ อย่าคิดว่าเป็นเเค่โรคกระเพาะนะคะ ทางที่ดีเข้ามาหาหมอให้รู้อาการจริง ๆ เลย รักษาไว หายไว ค่า”

ตร. ทำ MOU ม.หอการค้าไทย มอบทุนตำรวจเรียนปริญญาตรี 200,000 บาท ต่อคน และร่วมพัฒนาหลักสูตรอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันประชาชน

(16 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจ ด้านทรัพยากร การฝึกอบรมและป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้แทนจากมหาวิทยาลัยหอการค้า ร่วมลงนาม ในการนี้ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. และ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง รอง ผบช.ศ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แก่ รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิบการบดีอาวุโสสายงานวิชาการและงานวิจัย อาจารย์สมพงษ์ แก้วเจริญไพศาล รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และกิจการพิเศษ ผศ.ดร.ณัฐริกา แชน คณบดีคณะนิติศาสตร์ และ รศ.ดร.เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ ผอ.หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ เข้าร่วมพิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในทางด้านวิชาการ การวิจัย และขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจ เพื่อให้เปิดโอกาสเข้าถึงการศึกษาในสาขาต่าง ๆ  ที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบของหลักสูตรปริญญาบัตร หรือหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้นต่าง ๆ อันนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาและเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยที่ผ่านมาได้จัดทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 2,900 นาย   

โดยบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพลครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรวิชาเฉพาะ เพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยมีความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้ 

1) สนับสนุนทุนการศึกษา (ด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียน) สำหรับข้าราชการตำรวจ เป็นมูลค่า 200,000 บาทต่อคน (จำนวน 500 ถึง 1,000 ทุน ต่อปีการศึกษา) คงเหลือค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 95,000 บาท ตลอด 3 ปี จนจบหลักสูตร

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เปิดประตูสู่ภาคอีสาน เยือนขอนแก่นสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่ายในการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม ณ โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 14 มีนาคม 2566 โดยคาดว่าจะสามารถสร้างเงิน สร้างงาน กระจายรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศผ่านกลไกการจัดกิจกรรมไมซ์ และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 180 ล้านบาท


คุณกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดไมซ์ในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ นับเป็นเฟสที่ 4 ที่ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อ ภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนตัวของกลุ่มนักเดินทางไมซ์เพิ่มมากขึ้นและสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยใช้กลไกการสนับสนุนงบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคและยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ


ภายในงานโรดโชว์พบกับช่วงเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดยผู้ทรงคุณวุฒิหลายหน่วยงาน อาทิ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น ตัวแทนจากบริษัทเอกชนผู้ร่วมโครงการ ร่วมให้มุมมองและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใช้จริงจากโครงการประชุมเมืองไทย และ ดร.จารุวรรณ สุวรรณศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่าย ไมซ์ อินเทลลิเจนท์ และนวัตกรรม ให้เคล็ดลับการสมัครร่วมโครงการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

 

ตามด้วยช่วงบรรยายพิเศษ “เพิ่มโอกาสการขายลูกค้ากลุ่มธุรกิจบนโลกการตลาดออนไลน์ (B2B Digital Marketing Talk)” โดยวิทยากรผู้มากประสบการณ์ด้านการตลาดดิจิตัล พร้อมช่วงไฮไลท์ชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งภายในงานยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวตั้งไว้ให้บริการอีกด้วย


สำหรับโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการจัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)


โดยตั้งเป้าหมายมีองค์กรสมัครเข้าร่วมขอรับการสนับสนุน 1,000 กลุ่ม มีจำนวนนักเดินทางไมซ์กว่า 30,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท สร้างผลทางกระทบทางเศรษฐกิจ 180 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP Contribution) 101 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 6 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน 120 อัตรา

ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจความพร้อมเตรียมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดนราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรีที่หมายด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เดินทางมาตรวจความพร้อมด้านสถานที่ การเตรียมงาน การวางกำลัง การคัดกรองบุคคลก่อนเข้างาน ตลอดจนแผนรักษาความปลอดภัยรองรับภารกิจให้การต้อนรับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะในการเดินทางปฏิบัติภารกิจ ติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดนราธิวาส โดยมี พันโท ณัฐวุฒิ  ศรีสังข์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151  เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top