Friday, 19 April 2024
NEWS

เพชรบูรณ์ - ‘มณฑลทหารบกที่ 36’ ร่วมกับ ‘เหล่ากาชาด’ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 และประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 36 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลจิตอาสาของหน่วย ที่มาร่วมบริจาคโลหิต, ดวงตาและอวัยวะให้กับโรงพยาบาลเพชรบูรณ์และเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2564 และช่วยเหลือประชาชนในห้วงสถานการณ์โควิด-19  

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 13/2564 และประธานเปิดนิทรรศการ “โครงการของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขความปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 13  โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุม ณห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคลได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ธ.ค. 2564 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้นจำนวน 28 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 26 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 2 นาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. 64 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 250 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 192 นาย ปลดออกจากราชการ จำนวน 49 นาย และให้ออกจากราชการ จำนวน 9 นาย และในโอกาสเดียวกันนี้  พล.อ. ประยุทธ์ฯ  ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด “กิจกรรมของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 ซึ่งประกอบด้วย 6 โครงการ ที่จะมอบเป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2565 ดังนี้

1. ด้านป้องกันอาชญากรรม ได้แก่ 

(1)  โครงการ Smart Safety Zone 4.0 เป็นโครงการยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ โดยผสมผสานทฤษฎีและแนวคิดในเรื่องการป้องกัน อาชญากรรม และอาชญาวิทยา มีการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ร่วมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 64) มีสถานีตำรวจในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนำร่องในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1-9 จำนวนทั้งสิ้นรวม 15 สถานีทั่วประเทศ สำหรับในปี 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้มีการขยายการดำเนินโครงการไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ ทาง  http://smartsafetyzone.police.go.th

(2) โครงการฝากบ้าน 4.0 เป็นโครงการที่พัฒนามาจากโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เป็นที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยการนำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าระบบคลาวด์กลางของภาครัฐ ในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ผ่านทางแอปพลิเคชัน OBS  ที่มีการใช้ระบบQR Code ในระบบการตรวจสอบ การควบคุมการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา และมีการส่งผลให้ประชาชนเจ้าของบ้านโดยทันที เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลบ้านของตนที่ฝากไว้ในโครงการ

(3) โครงการ CCTV ระวังภัย ระยะที่ 2 เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากความสําเร็จในการดําเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในระยะที่ 1 ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน ในปี 2565 ได้มีการขยายเขตพื้นที่ในการติดตั้งกล้อง CCTV ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกจำนวน 8,500 ตัว และในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 อีกจำนวน  5,000 ตัว

2. ด้านการสืบสวน ได้แก่

(1) โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร เป็นโครงการที่แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ชองกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการดำเนินงานชุมชนแบบยั่งยืน ในการป้องกัน และปราบปรามปัญหายาเสพติด บูรณาการความร่วมมือ กับทุกภาคส่วน ในการลดจำนวนผู้เสพ ผู้ขายยาเสพติดให้หมดไปจากชุมชน ลดอุปสงค์หรือจำนวนผู้ติดยาเสพติดในประเทศให้ลดลงได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน และเพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งให้ถือว่า ผู้เสพ คือ “ผู้ป่วย” ทั้งนี้ ในปี 2564 มีการดำเนินงานในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน ในห้วงระยะเวลา 3 เดือน

(2) โครงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมออนไลน์ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาระบบในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อให้ได้รับการบริการที่รวดเร็ว ลดอัตราความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผ่านระบบออนไลน์  โดยผ่านทางเว็บไซต์ www.crd-check.com พร้อมระบุสถานที่ติดต่อขอรับผลการตรวจสอบ ได้ที่กองทะเบียนประวัติ อาชญากร ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดทั่วประเทศ 

3. ด้านการท่องเที่ยวปลอดภัย ได้แก่

(1) โครงการสุภาพบุรุษจราจร เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างตำรวจจราจรต้นแบบที่มีความเป็นสุภาพบุรุษจราจร เป็นที่รักของประชาชน สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา ตามหลัก 5 s คือ smile smart salute service mind standard ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ลดจุดเสี่ยง และลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ พร้อมแสวงหาความร่วมมือกับภาค ซึ่งกำหนดให้มีฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้แก่ประชาชน อาทิ การสร้างอาสาจราจร และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม รวมถึงในเรื่องของการว่ากล่าวตักเตือนกรณี ความผิดเล็กน้อย โดยเปลี่ยนเป็นให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายจราจรกับผู้ที่ถูกว่ากล่าว เป็นต้น

(2) โครงการใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากปี 2564 ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับบริษัทมหาชน (จำกัด) ธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพื่อให้บริการรับชำระค่าปรับจราจรใบสั่งทุกประเภท ซึ่งได้เชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของสถานีตำรวจทั่วประเทศ และกรมขนส่งทางบก โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 และได้มีการต่อยอดพัฒนาระบบ Police Ticket Management (PTM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบันทึกค่าปรับจราจร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน 

(3) โครงการ TOURIST POLICE I LERT U  เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ที่พัฒนาระบบนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ผ่านระบบ Application “TOURIST POLICE I LERT U” โดยมีระบบการระบุตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกทั้งการจัดตั้งจุดบริการกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นการดูแลความปลอดภัยและความอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทาง ทั้งนี้ ยังมีระบบสายด่วน Call Center 1155 ที่ให้บริการถึง 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี ตลอด 24 ชั่วโมง

สตูล - ติวเข้ม!! ยกระดับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวชุมชน

ที่วิทยาลัยชุมชนสตูล อำเภอเมือง จังหวัดสตูล สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล จัดโครงการส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยเชิญ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิด กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวจังหวัดสตูลรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 27- 29 ธันวาคม ปี พ.ศ.2564

นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยวให้เกิดการมีส่วนร่วมและยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูล โดยมีการจัดกิจกรรมอบรมและศึกษาดูงานจำนวน 2 รุ่น  โดยรุ่นที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 ธันวาคม 2564 ณ วิทยาลัยชุมชนและจังหวัดพัทลุง รุ่นที่ 2 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2565 ณ ศูนย์ เรียนรู้ชุมชนท่องเที่ยวบ้านพญาวังสาจังหวัดสตูลและจังหวัดตรัง โดยผู้เข้าอบรมจากสมาชิกและชุมชนเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูลจำนวนรุ่นละ 55 คน

การส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในครั้งนี้เพื่อให้ความรู้และเป็นการเตรียมความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการรองรับนักท่องเที่ยวการส่งเสริมตลาดดิจิทัล รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ new normal รวมทั้งการศึกษาดูงานเรียนรู้ชุมชนท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องมาร่วมแลกเปลี่ยน

นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า การอบรมศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดพัทลุงรุ่นที่ 1ในครั้งนี้ของชุมชนท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ขอให้ทุกคนได้เก็บเกี่ยวความรู้เพื่อมาปรับใช้ให้ตรงกับจุดแข็งของชุมชนของตัวเอง

 

โพล มธ. “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”และ”กระทรวงเกษตรฯ.” ขึ้นแท่นรัฐมนตรีและกระทรวงที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดปี2564

ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อผลงานของรัฐบาล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 21-25 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ ปรากฎผลดังนี้

1.    ความพอใจภาพรวมผลงานและการทำงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานคร พอใจ 49.47% ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง พอใจ 51.08% และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ พอใจ 65.60% 

2.    ภาพรวมผลงานและการทำงานของแต่ละกระทรวงที่ประชาชนพอใจมากที่สุด อันดับ 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 58.58% อันดับ 2 กระทรวงสาธารณสุข 57.17% อันดับ 3 กระทรวงพาณิชย์ 56.83% และอันดับ 4 กระทรวงแรงงาน,กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 54.65%

3.    ภาพรวมรัฐมนตรีที่ประชาชนชื่นชอบผลงานมากที่สุด อันดับ 1 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน 40.92% อันดับ 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 39.91% อันดับ 3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 35.41% และอันดับ 4 นายสุชาติ ชมกลิ่น,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 34.13% 

4.    ผลงานของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบและรับรู้มากที่สุด อันดับ 1 โครงการประกันรายได้เกษตรกร 40.16% อันดับ 2 โครงการ “คนละครึ่ง” 38.54% อันดับที่ 3 โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” 34.23% อันดับที่ 4 ผลงานตัวเลขการส่งออกสินค้า 33.42% อันดับที่ 5 โครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกร 32.61% อันดับ 6 การแก้ไขปัยหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 30.73% อันดับ 7 โครงการ “มง33 เรารักกัน” 30.51% อันดับ 8 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.56% อันดับ 9 โครงการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว 11.32% และอันดับ 10 โครงการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 8.09%

จีนวีนแตก!! หลังต้องย้ายสถานีอวกาศหนี เหตุดาวเทียมของ​ 'อีลอน มัสก์'​ โฉบใกล้บ่อยเกิน

ขึ้นชื่อว่า "สงครามเย็น" เหล่าชาติมหาอำนาจย่อมพร้อมจะทะเลาะกันได้ที่ทุก ที่เวลา ตั้งแต่บนพื้นผิวโลกยันนอกชั้นอวกาศ 

ล่าสุดรัฐบาลจีนปักกิ่งส่งเรื่องฟ้องร้องถึงองค์การสหประชาชาติ อันเนื่องมาจากดาวเทียม Starlink ของ อีลอน มัสก์ ถึง 2 ดวง ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้วงโคจรของสถานีอวกาศเทียนกงของจีนมากเกินไป และหวุดหวิดที่จะชนกันอยู่ถึง 2 ครั้งในเดือนกรกฎาคม และ ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา จนต้องย้ายตำแหน่งสถานีอวกาศหนี ทางรัฐบาลจีนไม่ไหวจะทน ต้องส่งหนังสือร้องเรียนถึงหน่วยงานด้านอวกาศขององค์การสหประชาชาติ ให้สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ 

ซึ่งสถานีอวกาศเทียนกง ถือเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่ของการพัฒนาด้านอวกาศของจีน หลังจากที่จีนประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศฉางเอ๋อ - 5 ไปลงบนดวงจันทร์ด้านที่ไม่เคยมีชาติใดสำรวจมาก่อน และ ส่งยานสำรวจจู้หรง ลงพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จเป็นชาติที่ 2 ของโลกต่อจากสหรัฐอเมริกา โดยสถานีอวกาศเทียนกงมีกำหนดพร้อมปฏิบัติการจริงอย่างเป็นทางการในกลางปี 2022 

แต่จากเหตุการณ์ที่สถานีอวกาศจีนต้องหลบวงโคจรของดาวเทียมเอกชนของค่าย SpaceX ถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 3 เดือน ทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก ที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน และความปลอดภัยของนักบินอวกาศจีนที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีเทียนกงในอนาคตได้ 

ทางฝ่ายจีนได้ระบุในจดหมายร้องเรียนถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติให้สหรัฐอเมริกาปฏิบัติตามสนธิสัญญาอวกาศสากล แม้จะอยู่ในพื้นที่นอกโลกก็ตาม 

‘กรมศุลกากร’ ร่วมกับ ‘สวนนงนุชพัทยา และ คณะวปอ. รุ่น 55’ มอบอุปกรณ์และทุนการศึกษา ให้กับโรงเรียนบ้านปางห้วยตาด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ที่โรงเรียนบ้านปางห้วยตาด จังหวัดเชียงใหม่ ท่านชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา และคณะ วปอ. รุ่น55 ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์ทางการศึกษา ทุนการศึกษาให้กับนักเรียนบ้านปางห้วยตาด ตำบลอินทขิน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีการศึกษา พ.ศ. 2564 เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน และการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจน มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของผู้ปกครองในระดับหนึ่ง รวมทั้งเสริมสร้างขวัญกำลังใจ ก่อเกิดแรงจูงใจให้แก่นักเรียน มีความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป

โดยมีนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอินทขิล คุณจักริน วังวิวัฒน์ อดีตประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนบ้านปางห้วยตาด กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดมอบทุนในครั้งนี้ว่า ในการมอบทุนการศึกษาทางโรงเรียนได้มีขึ้นเป็นครั้งแรก  สืบเนื่องจากโรงเรียนได้รับการติดต่อจากทางกรมศุลกากรและสวนนงนุชพัทยามีความประสงค์ที่จะจัดทำโครงการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยคณะผู้บริจาคพบว่ามีนักเรียนหลายคนที่ขาดความพร้อมในเรื่องการใช้ชีวิต พื้นฐานทางเศรษฐกิจครอบครัวไม่ดี  แต่ผู้ปกครองอยากให้เด็กได้เรียนในสถานศึกษาที่ดี มีคุณภาพ

 

‘ไป่ ทาคน’ นายแบบดังเมียนมา ไม่รอด!! ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานประท้วงรัฐบาล

ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ‘ไป่ ทาคน’ นายแบบและนักแสดงชื่อดังชาวเมียนมา ฐานอารยะขัดขืนหยุดงานประท้วงรัฐบาล

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายแบบและนักแสดงชื่อดังชาวเมียนมา ไป่ ทาคน วัย 24 ปี หลังจากถูกทหารจับกุม ตามแผนการปราบปรามศิลปินและดาราที่ออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐประหาร ล่าสุด ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปีในเรือนจำอินเส่ง

โดยไป่ ทาคน ถูกฟ้องตามมาตรา 505 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมาตรา 505 (ก) เป็นความผิดในฐานอารยะขัดขืนโดยการหยุดงานประท้วง เข้าร่วม สนับสนุน หรือกดดันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหยุดงานประท้วง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือติดคุก 3 ปี เป็นสาเหตุให้ไป่ ทาคน ถูกพิพากษาจำคุกหลายเดือนต่อมาในเรือนจำอินเส่ง

ทบ. ตั้งจุดบริการ ดูแลความปลอดภัยปชช. ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า   เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ กองทัพบกเตรียมดูแลประชาชนในการเฉลิมฉลองเทศกาลอย่างมีความสุขและปลอดภัย ภายใต้แนวคิด “ปีใหม่ปลอดภัย กองทัพบกห่วงใยประชาชน” ซึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้หน่วยทหารทั่วประเทศร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด จัดตั้งจุดพักรถและจุดบริการประชาชนบริเวณหน้าหน่วยทหาร และสถานที่สำคัญของจังหวัด ที่มีประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมาก รวม 226 จุด ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 28 ธ.ค.64 – 5 ม.ค.65  

ในแต่ละจุดได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน อาทิ น้ำดื่ม กาแฟ ผ้าเย็น พร้อมจัดกำลังพลจิตอาสา เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางการจราจร เจ้าหน้าที่เสนารักษ์พร้อมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ช่างที่จำเป็น อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับโทรศัพท์มือถือ ให้บริการห้องน้ำ และนวดแผนไทยผ่อนคลาย

ในโอกาสนี้ กองทัพบกได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโครงการทหารพันธุ์ดีในหน่วยทหาร จำนวน 107 แห่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้และเปิดโอกาสให้ประชาชน มีส่วนร่วมด้วยวิธี Learning by Doing ในกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ อาทิ การปลูกผักปลอดภัยปลอดสารพิษ การทำปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น รวมทั้งจำหน่ายผลผลิตจากโครงการในราคาถูกให้กับประชาชนทั่วไปด้วย

นอกจากนี้ กองทัพบกได้เปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทหารอนุสรณ์สถาน และพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ในหน่วยทหาร จำนวน 173 แห่ง ทั่วประเทศให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม และศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยควบคู่กับการจัดกิจกรรมสันทนาการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

EA ส่งมอบโครงการโรงเรียนวัว เสริมทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนในชุมชน

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ศรัณญู และ นายณปพน โดยมีท่านสุวิทย์และคุณกุลพรภัสร์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ส่งมอบโครงการ"โรงเรียนวัว" ให้กับ โรงเรียนร่วมราษฎร์วิทยานุกูล อ.เนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ เพื่อส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ อ.เนินสง่าและอำเภอใกล้เคียงของจังหวัดชัยภูมิ สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาคุณภาพชีวิตในอนาคต

ได้รับเกียรติจากนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานในพิธีรับมอบ ร่วมด้วยนายสุวิทย์ คำดี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายยุทธนา ศรีนวลดี นายอำเภอเนินสง่า นายประวิช ยะรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต3 และนางนงค์นุช คชา ผู้อำนวยการโรงเรียนร่วมราษฎร์วิทยานุกูล ร่วมในพิธีดังกล่าว

“บิ๊กตู่” อวยพรสื่อมวลชนเนื่องในโอกาสปีใหม่ ในฐานะสื่อกลางที่มีคุณภาพ และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชน เพื่อความรักสามัคคีของคนไทย” 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่แทนการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2565 ที่จะมาถึงนี้ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้อำนวยพรให้สื่อมวลชนทุกท่าน ทุกแขนง มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งไว้ และเป็นส่วนสำคัญในการนำพาประเทศชาติ และประชาชน เดินไปข้างหน้า อย่างมั่นคง และยั่งยืน ในฐานะสื่อกลางที่มีคุณภาพ และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชน เพื่อความรักสามัคคีของคนไทย” 

‘โอมิครอน’ ไทย พบติดเชื้อพุ่ง 514 คน สธ.เตือนภัย! ระดับ 3 จ่อปิดสถานบริการ - WFH 

‘โอมิครอน’ เริ่มลามไม่หยุด ติดเชื้อพุ่ง 514 คน สธ.สั่ง รพ.ทั่วประเทศ สำรองเตียง-ยา ประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่ ถ้าการ์ดตกอาจป่วยวันละ 3-4 หมื่น คลัสเตอร์กาฬสินธุ์กระจายวงกว้าง ติดเชื้อรายวัน 2.4 พันเสียชีวิต 18 ศพ

ไทยติดโควิดรายวัน 2.4 พันราย ตาย 18 ศพ คลัสเตอร์ใหม่โผล่หลายจังหวัด ศบค. ห่วงร้านอาหาร-สถานบันเทิงลอบขายเหล้า โดยเฉพาะเชียงใหม่ ยกระดับคุมเข้มสกัดเชื้อลาม ตรวจเจอสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศแล้ว 514 คน เป็นการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด คลัสเตอร์กาฬสินธุ์พุ่ง 125 คน รอยืนยันผลอีก 97 คน ลามไปอีกหลายจังหวัด จี้เร่งฉีดเข็ม 3 ให้ครอบคลุมมากที่สุด แต่ไม่ห้ามจัดปีใหม่ ให้พื้นที่เคร่งครัดมาตรการ

ด้าน สธ. เตือนภัยโควิด-19 ระดับ 3 คาดการณ์สถานการณ์หลังปีใหม่ หากไร้มาตรการ-ไร้ความร่วมมือติดเชื้ออาจพุ่งวันละ 3 หมื่น ตาย 170 ถ้าตั้งการ์ดสูง ฉีดวัคซีนครบ อาจแตะหลักหมื่น ตาย 60-70 ราย

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. แถลงภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ รวมถึงความคืบหน้าการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

>> ไทยติดโควิด 2,437 ตาย 18 คน
ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,437 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,327 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,307 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 20 ราย มาจากเรือนจำ 18 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 92 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,212,407 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 3,845 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,156,374 ราย อยู่ระหว่างรักษา 34,436 ราย อาการหนัก 752 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 179 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย เป็นชาย 8 ราย หญิง 10 ราย เป็นผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปีขึ้นไป 14 ราย มีโรคเรื้อรัง 3 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่จ.เชียงใหม่ 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,598 ราย

>> ฉีดวัคซีนสะสมกว่า 102 ล้านโดส
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ฉีดวัคซีนเพิ่ม 120,612 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ทั้งสิ้น 102,681,943 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 280,332,969 ราย เสียชีวิตสะสม 5,416,370 ราย

>> ชลบุรีมาแรง ติดเชื้อแซงขึ้นที่ 2 ของประเทศ 
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 27 ธันวาคม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 427 ราย นครศรีธรรมราช 450 ราย ชลบุรี 138 ราย ขอนแก่น 96 ราย สมุทรปราการ 88 ราย เชียงใหม่ 57 ราย ตรัง 56 ราย ฉะเชิงเทรา 54 ราย สงขลา 53 ราย และสุราษฎร์ธานี 52 ราย สำหรับประเทศไทยยังพบคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ ทั้งคลัสเตอร์โรงงาน ตลาด พิธีกรรมทางศาสนา เช่น มีผู้เดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปร่วมงานศพที่ จ.เลย คลัสเตอร์สถานศึกษา โรงเรียน ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ศรีสะเกษ นนทบุรี ลำปาง

>> ห่วงร้านแอบขายเหล้า - เชียงใหม่สั่งคุมเข้ม
นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ร้านอาหารและสถานบันเทิง มีหลายพื้นที่ยังพบลักลอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะที่จ.เชียงใหม่ จึงมีการเข้มงวดกวดขันที่ไม่ใช่การขอความร่วมมือ แต่จะกำหนดบทลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เน้นย้ำว่า หากสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการแล้วเกิดพบการติดเชื้อ จะเสนอให้ปิดล็อกได้บางจุด บางถนน หากบางร้านมีความเข้มงวดแต่ร้านอื่นไม่ทำตาม อาจเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงให้สมาคมผู้ประกอบการเหล่านี้ติดตามเฝ้าระวังกันเอง

>> ‘โอมิครอน’ ก้าวกระโดด ติดพุ่ง 514 คน
พญ.อภิสมัย ยังแถลงความคืบหน้าการรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จากตัวเลขเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 205 ราย ล่าสุดวันนี้ตัวเลขเพิ่มเป็น 514 ราย ถือว่าสัปดาห์นี้ตัวเลขก้าวกระโดด ต้องเน้นย้ำว่าการพบสายพันธุ์โอมิครอนของประเทศยังเป็น 2 ใน 3 คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและมี 1 ใน 3 ที่เป็นการสัมผัสติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ

>> คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ลามไม่หยุด!! 
สำหรับคลัสเตอร์ที่มีรายงานจากกรมควบคุมโรค กลุ่มใหญ่จะเป็นคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ สามี-ภรรยา เดินทางจากเบลเยียมถึงไทยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม และจากประวัติไปรับประทานอาหารในผับ ตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมือง จ.กาฬสินธุ์ นอกจากผู้ติดเชื้อ 2 รายแรกที่เป็นสามี-ภรรยาแล้ว ยังพบนักดนตรี พนักงานร้าน และพนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าผู้ใช้บริการร้านเดียวกันอีก 21 ราย และจากการตรวจสอบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง มีการติดเชื้อผลยืนยันผลเป็นสายพันธุ์โอมิครอนสำหรับคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ขณะนี้เพิ่มเป็น 125 ราย ส่วนอีก 97 ราย รอผลยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่ ขณะเดียวกัน คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ยังเกี่ยวโยงการติดเชื้อที่ จ.อุดรธานี เพราะจากรายแรกที่เป็นครอบครัวของคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ที่มีบ้านอยู่ จ.อุดรธานี และตอนนี้ผู้ติดเชื้อ 1 รายของจ.อุดรธานี ทำให้เกิดติดเชื้อไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดของเคสแรก โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อ 6 ราย และจ.ลำพูน อีก 4 ราย เป็นการสัมผัสเคสยืนยันจากคลัสเตอร์กาฬสินธุ์

>> คลัสเตอร์แสวงบุญกระจายหลายจังหวัด
นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ของจ.ปัตตานี รายงานผู้ติดเชื้อ 7 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อที่กลับจากการแสวงบุญที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยคลัสเตอร์กลุ่มผู้แสวงบุญ มีรายงานที่จ.นนทบุรี จ.อยุธยา จ.ปทุมธานี และกทม. โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างรอยืนยันสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่ แต่ที่ยืนยันแน่นอนคือ ที่กทม. 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ติดจากสามีที่เป็นนักบินชาวไนจีเรีย จ.ภูเก็ต และจ.กระบี่ 2 ราย มีประวัติเป็นแม่บ้านทำงานในโรงแรมที่ผู้ติดเชื้อพักอาศัย ส่วนคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ จะรายงานไปที่จ.ขอนแก่นและจ.มหาสารคาม และอีกคลัสเตอร์คือผู้ติดเชื้อที่รายงานจากจ.สุรินทร์ เป็นผู้สัมผัสที่ผู้ติดเชื้อรายแรกเดินทางมาจากเดนมาร์ก

>> ไอ - เจ็บคอ - มีไข้ สังเกตอาการยาก
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเบื้องต้นอาการผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 41 ราย พบว่ามีอาการไอมากที่สุดถึงร้อยละ 54 ราย รองลงมาคือ เจ็บคอ และเป็นไข้ ส่วนอาการที่พบน้อยที่สุดคือ การรับรู้กลิ่นน้อยลงมีเพียง 1 ราย โดยโอมิครอนเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบน ไม่ลงปอด จึงยากที่จะสังเกตอาการคนใกล้ชิด สาธารณสุขจึงแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยสองชั้นเพื่อป้องกัน

>> ตีปี๊บบูสเตอร์เข็ม 3 ด่วน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โอมิครอนในประเทศไทยทำให้ทั้งไทยและหลายประเทศมีมาตรการตอบโต้ โดยแนะนำให้ประชาชนฉีดบูสเตอร์เข็มสาม เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพและหลายประเทศเห็นพ้องแนวทางนี้ ในส่วนไทยนั้นอัตราการบูสเตอร์เข็มสามยังน้อยมาก มีผู้ฉีดเข็มสามเพียง 6,226,249 รายเท่านั้น คิดเป็น 8.6% ของประชากร จึงขอให้เร่งรณรงค์เรื่องนี้ สำหรับผู้ฉีดเข็มที่หนึ่งและสองเป็นซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม ให้ฉีดบูสเตอร์เข็มสามหลังจากฉีดเข็มที่สองแล้ว 4 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่สองแล้ว ให้รอ 3 เดือน จึงไปกระตุ้นเข็มที่สาม เช่นเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ให้รอหลังจากหายแล้ว 3 เดือน และ ศบค.ชุดเล็ก ยังมีความห่วงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค จึงขอให้ไปฉีดเข็มที่สี่

>> 26 วันเข้าไทย 2.4 แสน - เยอรมันมากสุด
สำหรับตัวเลขผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศตั้งแต่วันที่ 1 - 26 ธันวาคมมีทั้งสิ้น 240,277 ราย 5 ชาติอันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี 20,620 ราย พบผู้ติดเชื้อ 35 ราย สหราชอาณาจักร 16,470 ราย ติดเชื้อ 131 ราย รัสเซีย 12,297 ราย ติดเชื้อ 43 ราย สิงคโปร์ 9,528 ราย ติดเชื้อ 3 ราย และสหรัฐอเมริกา 9,357 ราย ติดเชื้อ 101 ราย

>> ไม่ห้ามจัดปีใหม่ย้ำจังหวัดเข้มมาตรการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับมาตรการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังพบสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดเร็วและเริ่มพบเชื้อในประเทศมากขึ้น พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ตอนนี้มีหลายจังหวัดที่เข้มงวดกวดขันการจัดเทศกาลปีใหม่ โดยที่ประชุมศบค. เน้นย้ำให้คำนึงถึงประชาชนที่ต้องการดำเนินชีวิตตามปกติ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่ใช่แค่การฉลอง แต่มีหลายครอบครัวต้องการเดินทางกลับไปดูแลผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน ดังนั้น เบื้องต้นยังไม่มีมาตรการห้ามจัดเทศกาลปีใหม่ แต่ขอให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะคณะกรรมการโรคติดต่อกทม.คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เข้มงวดมาตรการ

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชี้! นายกนิวซีแลนด์ หนุนมาตรการ ให้ทางเลือกผู้สูบบุหรี่ ยันไม่ปิดกั้นเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ลาขาดควันยาสูบ” หรือ ECST และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เผยหลังมีข่าวรัฐบาลนิวซีแลนด์เคาะมาตรการเด็ดขาดเพื่อหยุดการสูบบุหรี่ในคนรุ่นใหม่ โดยห้ามเด็กเกิดหลังปี 2551 ซื้อบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบไปจนตลอดชีวิตว่า “วัตถุประสงค์ของการทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศปลอดควันมี 2 ส่วนสำคัญคือ 

1.) การควบคุมผลิตภัณฑ์ไร้ควันและสร้างความแตกต่างจากบุหรี่แบบเผาไหม้เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่หรือเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกที่เป็นอันตรายน้อยกว่า

และ 2.) การเข้มงวดกับบุหรี่ซิกาแรตที่มีการเผาไหม้เพื่อค่อย ๆ ให้หมดไป เพราะนิวซีแลนด์ตั้งเป้าหมาย 'Smokefree 2025' เพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่ในประเทศให้เหลือต่ำกว่า 5% ภายใน ค.ศ. 2025 ซึ่งมาตรการทั้งหมดมาจากการยอมรับแนวทางการลดอันตรายจากยาสูบ (tobacco harm reduction) และชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้จำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนิวซีแลนด์มองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเลิกบุหรี่”

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิน กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “เรากำลังเห็นการใช้ผลิตภัณฑ์ไร้ควัน (การเวป) เป็นเครื่องมือในการเลิกสูบบุหรี่ของคนจำนวนมาก และนี่ทำให้เราสามารถผลักดันมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อลดการสูบบุหรี่เพราะมีทางเลือกที่ผู้สูบบุหรี่สามารถใช้เลิกสูบบุหรี่ได้อย่างประสบความสำเร็จ เรารู้ว่าการเวปได้สร้างความแตกต่างให้กับคนเหล่านั้นเพื่อเลิกสูบบุหรี่และเป็นเครื่องมือที่สำคัญ”

ป.ป.ช. เปิดเซฟ 3 อดีต ผบ.เหล่าทัพ “บิ๊กแอร์บูล” อู้ฟู่ 108 ล้าน ไร้หนี้สิน ภรรยารวยที่ดิน ด้าน “บิ๊กอุ้ย-บิ๊กณัฐ” รวยเท่ากัน 29 ล้าน  

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ กรณีพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ และสมาชิกวุฒิสภา 2. พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน กรณีพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือและสมาชิกวุฒิสภา 3.พล.อ.ณัฐ  อินทรเจริญ กรณีพ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมและสมาชิกวุฒิสภา

 โดย พล.อ.อ.แอร์บูล แจ้งว่า ตนเอง และนางพรรณระพี สุทธิวรรณ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 108,960,960 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยเป็นทรัพย์สินของ พล.อ.อ.แอร์บูล 20,590,105 บาท เป็นของนางพรรณระพี 88,370,854 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 16,647,858 บาท เงินลงทุนของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 10,579,568 บาท ที่ดินในชื่อของนางพรรณระพี 34,732,500 บาท โดยเป็นที่ดินในเขตพญาไท กทม. อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในชื่อของนางพรรณระพี 29,700,000 บาท ส่วนรายการทรัพย์สินอื่นของทั้งคู่ แจ้งว่า มี 88 รายการ มูลค่ารวมกัน 10,472,200 บาท โดยมีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ ทองคำแท่ง น้ำหนัก 40 บาท สร้อยคอทองคำ แหวนทองประดับเพชร แหวนทองฝังเพชร พระเลี่ยมทอง เครื่องประดับสตรี

 ผู้ยื่นยังแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 2,072,000 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 1,400,000 บาท เบี้ยประชุม 672,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปี 980,000 บาท ส่วนคู่สมรส แจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 2,018,200 บาท โดยเป็นเงินเดือนและเบี้ยประชุม และมีรายจ่ายต่อปี 960,000 บาท โดยเป็นค่าอุปโภคบริโภค ประกันชีวิต อุปการะมารดา ท่องเที่ยว บริจาค

 ด้าน พล.ร.อ.ชาติชาย แจ้งว่า ตนเอง และนางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 29,270,306 บาท มีหนี้สิน 2,661,557 บาท โดยเป็นหนี้สินของ พล.ร.อ.ชาติชาย ซึ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น โดยทรัพย์สินแบ่งเป็นของ พล.ร.อ.ชาติชาย 25,398,206 บาท เป็นของนางจุฬารัตน์ 3,872,099 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของทั้งคู่ มูลค่ารวมกัน 3,592,045 บาท ที่ดินของ พล.ร.อ.ชาติชาย 9,894,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของ พล.ร.อ.ชาติชาย 3,840,000 บาท เงินลงทุนของ พล.ร.อ.ชาติชาย 2,165,670 บาท ส่วนรายการทรัพย์สินอื่นของคู่ แจ้งว่า มี 11 รายการ มูลค่ารวมกัน 5,758,500 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ นาฬิกา ROLEX 2 เรือน สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง สร้อยคอมือ เข็มขัดนาค แหวน 

 ผู้ยื่นยังแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 2,148,000 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 970,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง เงินค่าตอบแทน 500,000 บาท เบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยงเดินทาง 650,000 บาท เงินปันผลสหกรณ์ 28,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ยื่นและคู่สมรสแจ้งว่า มีรายจ่ายต่อปีรวมกัน 1,751,600 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าผ่อนบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร 

ทบ. ร่วมหน่วยงานมั่นคง ควบคุมพื้นที่ ดูแลปชช. ชายแดนตาก พร้อมช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม พร้อมสั่งเข้มปีใหม่มาตรการป้องกันโควิดทั้งในหน่วยทหารและบ้านพัก

ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า  พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันด้วยระบบออนไลน์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก ซึ่งปัจจุบันมีการสู้รบในเขตประเทศเพื่อนบ้านระหว่างทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อยอยู่เป็นระยะ  หน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งระดับพื้นที่และระดับนโยบาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครกู้ภัย ผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันติดตามสถานการณ์ในทุกด้าน

รวมทั้งการส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ลาดตระเวนและเฝ้าตรวจตลอดแนวชายแดนที่ติดกับพื้นที่สู้รบ และพร้อมจะใช้กลไกที่มีอยู่ดูแลอธิปไตยตามหลักสากล  ควบคู่กับการใช้กระบวนการแจ้งเตือนโดยทันทีเมื่อตรวจพบสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชน เช่น เมื่อมีกระสุนข้ามมาตกยังฝั่งไทย ฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงไปยังรัฐบาลเมียนมา ผ่านช่องทางคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ให้ระมัดระวังเรื่องการใช้อาวุธ และปฏิบัติการทางอากาศ ซึ่งที่ผ่านมาการคลี่คลายผลกระทบดังกล่าวได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย 

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ย้ำให้ทุกหน่วยดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล และ กระทรวงกลาโหม  ในการติดตามสถานการณ์และการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศของกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้กองกำลังนเรศวรเข้าดูแลราษฎรไทยที่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย จากกระสุนที่พลัดตกเข้ามาในฝั่งไทย ช่วยซ่อมแซมให้คืนสภาพโดยเร็ว รวมถึงการปรับภูมิทัศน์ ที่พักอาศัยของประชาชนชายแดนให้มีความปลอดภัยจากสถานการณ์  

ทั้งนี้ การสร้างความมั่นใจและดูแลความปลอดภัยให้กับราษฎรไทยเป็นเรื่องที่กองกำลังป้องกันชายแดนและหน่วยงานด้านความมั่นคงให้ความสำคัญสูงสุด  สำหรับการช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาให้ยึดตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ขีดความสามารถของหน่วยงาน และเมื่อเหตุการณ์สงบลงให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งกลับข้ามแดนด้วยความสมัครใจ  ซึ่งส่วนใหญ่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศทันทีอยู่แล้วเมื่อการสู้รบในแต่ละห้วงยุติลง 

ตำรวจสอบสวนกลาง จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

บนถนนทางหลวงมอเตอร์เวย์สาย 6 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.พร้อมกำลังจิตอาสา จัดกิจกรรมจิตอาสา “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยมุ่งเน้น “เปิดจุดอับ ขยายจุดสว่าง จุดพักรับรองเพื่อความสุขของประชาชน” ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.64 - 4 ม.ค.65

โดยมีจิตอาสาเข้าร่วมกว่า 200 นาย ประกอบด้วยจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง  เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครราชสีมา , เจ้าหน้าที่ อบต.หนองสาหร่าย , อาสาจราจรตำรวจทางหลวง , จิตอาสาอำเภอปากช่อง ,  ชมรมฮักเขาใหญ่ , วิทยาลัยอาชีวศึกษากุสุมภ์เทคโนโลยี , นักเรียนโรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร), นักเรียนโรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคารในพื้นที่ อ.ปากช่อง และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาด้านการจราจร พร้อมรับเทศกาลปีใหม่ 2565 ณ บริเวณมอเตอร์เวย์ (M6) สายบางปะอิน – นครราชสีมา ต.หนองสาหร่าย  อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เช่น ทาสีเครื่องหมายจราจรให้ชัดเจน ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดหญ้าที่บดบังภูมิทัศน์ เก็บเศษขยะที่อาจทำให้เกิดการกีดขวางการจราจร  และล้างถนน

นอกจากนี้ยังมีการทำกิจกรรมพร้อมกันทั้ง 41 สถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ  ถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ เป็นการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกันรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ตามโครงการแจกหมวกนิรภัยแก่เด็กนักเรียน มอบหมวกนิรภัยให้กับเด็กนักเรียน โรงเรียนในพื้นที่ อ.ปากช่อง

สำหรับการดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในเทศกาลปีใหม่ 2565 นั้น ตำรวจทางหลวง ได้ประสาน กรมทางหลวง ในการคืนพื้นผิวการจราจรในจุดซ่อมสร้างต่าง ๆ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถบรรทุกในการงดเดินรถบรรทุกในบางเส้นทาง พร้อมเตรียมเปิดช่องทางพิเศษและเส้นทางเลี่ยง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และอาสาจราจรตำรวจทางหลวง ที่ได้ผ่านการฝึกอบรมแล้ว มาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน 

สำหรับประชาชนที่ต้องเดินทางไกล ขับรถเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความเหนื่อย เมื่อยล้า  ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้จัดห้องพักฟรีทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง ไว้รองรับประชาชน สามารถจอดรถแวะพักได้ หรือจะพักค้างคืนได้เช่นกัน โดยได้จัดห้องพัก อาหาร ห้องน้ำ wifi และเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ ซึ่งทุกหน่วยบริการฯ จะมีการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด และภายในที่พักยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้  ขอคำแนะนำจากตำรวจทางหลวงได้ และสามารถนำผลิตผลทางการเกษตรกลับไปได้อีกด้วย ทั้งนี้ ประชาชน ที่สนใจสามารถจองที่พักได้ที่ www.booking.hwpdth.com หรือ สแกนผ่าน QR Code  

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top