Tuesday, 14 May 2024
ไอเอส

ทหารสหรัฐฯ บุกจู่โจม ‘ผู้นำไอเอส’ ในซีเรีย ด้านผู้นำจนมุม บึ้มตัวเอง ลากเด็กตายเพียบ

อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ซึ่งขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ‘ไอเอส’ ได้เสียชีวิต หลังจากที่เขาตัดสินใจจุดชนวนระเบิดตัวเองและสมาชิกในครอบครัว ระหว่างทหารสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการจู่โจมในซีเรีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ซึ่งก่อความเสียหายครั้งใหญ่ต่อกลุ่มญิฮาดกลุ่มนี้ที่กำลังพยายามรวมกลุ่มใหม่ในฐานะกองโจร หลังจากสูญเสียดินแดนยึดครองอันกว้างขวางไปเกือบหมดแล้ว

อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ซึ่งขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ‘ไอเอส’ ตั้งแต่การเสียชีวิตของอาบู บักร์ อัล-บักดาดี ในปี 2019 โดย อัล-บักดาดี เองก็เสียชีวิตด้วยการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายเช่นกัน ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมจากหน่วยคอมมานโดของสหรัฐฯ

ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าในระหว่างที่กองกำลังของอเมริกาเข้าใกล้ กูราจี ในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อคืนวันพุธ (2 ก.พ.) เขาจุดชนวนระเบิด ซึ่งคร่าชีวิตสมาชิกในครอบครัวของเขาเช่นกัน ในนั้นรวมถึงเด็กหลายคน

แรงระเบิดรุนแรงมากถึงขั้นซัดศพหลายศพปลิวออกจากอาคาร 3 ชั้น ซึ่งเป็นแหล่งหลบซ่อนของ กูราจี และตกลงสู่ถนนที่อยู่โดยรอบ ในเมืองอัตเมห์ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พร้อมกล่าวโทษพวกรัฐอิสลามสำหรับชีวิตพลเรือนทุกคนที่ต้องมาสูญเสียไปในเหตุการณ์นี้

"ขอบคุณความกล้าหาญของทหารของเรา ไม่มีอีกแล้วผู้นำก่อการร้ายที่น่าขยะแขยง" ไบเดนกล่าวในทำเนียบขาว

ทั้ง ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ให้ตัวเลขของผู้เสียชีวิต แต่หน่วยกู้ภัยของซีเรียระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย ในนั้นเป็นผู้หญิง 4 คน และเด็ก 6 คน

การเสียชีวิตของกูราจี ถือเป็นความเสียหายอีกครั้งของกลุ่มรัฐอิสลาม เกือบ 3 ปีหลังจากคำประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบของพวกเขาพังครืนลง ในขณะที่นักรบของพวกเขาประสบความปราชัยต่อกองกำลังสหรัฐฯ และอิรัก

นับตั้งแต่นั้นกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ก็หันมาโจมตีก่อความไม่สงบในอิรักและซีเรีย หนล่าสุดเร็วๆ นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว โดยกลุ่มมือปืนบุกจู่โจมเรือนจำแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งใช้เป็นสถานที่คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยไอเอส

ไบเดนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า กูราจี วัย 45 ปี คือกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยยาซิดี ทางภาคเหนือของอิรักในปี 2014 และบอกว่าเขาเคยดูแลเครือข่ายของรัฐอิสลามสาขาต่างๆ ไล่ตั้งแต่แอฟริกาไปจนถึงอัฟกานิสถาน

"ปฏิบัติการเมื่อคืนที่ผ่านมา สามารถพรากผู้นำก่อการร้ายคนสำคัญออกจากสมรภูมิรบ และส่งสารอย่างแข็งกร้าวถึงพวกก่อการร้ายทั่วโลก เราจะไล่ล่าพวกแกและหาพวกแกพบ" ไบเดน กล่าว 

ทั้งนี้ ปฏิบัติการสังหาร กูราจี ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลไบเดนคืนมาได้บางส่วน หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากปฏิบัติการอพยพกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

ชาวบ้านในเมืองอัตเมห์ ใกล้แนวชายแดนซีเรีย-ตุรกี เผยว่า พบเห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำลงจอด และได้ยินเสียงปืนและระเบิดดังระงม ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมที่เริ่มต้นขึ้นตอนราวๆ เที่ยงคืน กองกำลังสหรัฐฯ ได้ใช้ลำโพงประกาศเตือนผู้หญิงและเด็กให้ออกนอกพื้นที่

เพนตากอนเผยว่า มีชาวบ้าน 10 คนได้รับการอพยพออกจากพื้นที่จู่โจม ในนั้นรวมถึงเด็ก ขณะที่ พล.อ.แฟรงค์ แม็คเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยและปล่อยไว้ ณ จุดเกิดเหตุ ตอนที่กองกำลังสหรัฐฯ ถอนตัวออกมา

'ไอเอส' อ้างตัว 'กราดยิง' คอนเสิร์ตที่มอสโก ส่วนกลุ่มหนุนยูเครน' ปัดเอี่ยว ฟาก 'รัสเซีย' ลั่น!! "มันเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย" ปูตินรับทราบ

(23 มี.ค.67) คนร้ายกลุ่มหนึ่งเปิดฉากกราดยิงและขว้างระเบิดใส่การแสดงดนตรีร็อก ที่คอนเสิร์ตฮอลล์ชานกรุงมอสโก สังหารผู้เข้าชมไปอย่างน้อย 40 คน บาดเจ็บอีก 100 คน นอกจากนั้นยังวางเพลิงทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามภายในฮอลล์ ทั้งนี้ตามการปากคำของพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียตลอดจนคลิปวิดีโอที่มีผู้นำออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ล่าสุด กลุ่ม 'รัฐอิสลาม' (ไอเอส) ออกมาแถลงอ้างตัวเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้

กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ซึ่งสวมเครื่องแบบชุดลายพราง ได้บุกเข้าไปในอาคารดังกล่าว จากนั้นก็เปิดฉากกราดยิงและขว้างระเบิดมือ หรือไม่ก็เป็นระเบิดเพลิงที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ตามปากคำของนักหนังสือพิมพ์ผู้หนึ่งที่ทำงานให้สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี ของทางการรัสเซีย ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ

เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วหอแสดงดนตรี โครคัส ซิตี้ คอนเสิร์ต ฮอลล์ แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองคราสโนกอร์สก์ ทางตอนเหนือของเมืองหลวงรัสเซีย ซึ่งสามารถบรรจุผู้ชมได้หลายพันคน และใช้เป็นที่แสดงของศิลปินระหว่างประเทศระดับท็อปมาแล้วหลายรายการ ทั้งนี้ อาคารแห่งนี้นอกจากคอนเสิร์ตฮอลล์แล้ว ยังมีหอประชุม และโรงละคร โดยใช้ชื่อเรียกรวมๆ กันว่า โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ นอกจากนั้น บริเวณใกล้ๆ ยังมีศูนย์การค้า ซึ่งเรียกกันว่า โครคัส ซิตี้ เช่นกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คนร้ายบุกเข้าไป ขณะที่วง 'ปิกนิก' ที่เป็นวงร็อกยุคโซเวียต กำลังจะเริ่มการแสดง โดยบัตรการแสดงคราวนี้ขายได้หมดเกลี้ยงทั้ง 6,200 ที่นั่ง

นอกจากนั้นมีสื่อรัสเซียบางเจ้ารายงานว่าได้เกิดการระเบิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 รวมทั้งมีข่าวว่าคนร้ายบางคนยังคงปักหลักอยู่ภายในอาคาร โดยพยายามสร้างเครื่องกีดขวางกำบังตัวเอง

“จากข้อมูลข่าวสารในเบื้องต้น มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิตไป 40 คน และอีกกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บ โดยเป็นผลจากการโจมตีของพวกผู้ก่อการร้ายภายในโครคัส ซิตี้ ฮอลล์” เป็นคำแถลงของสำนักงานเอฟเอสบี ที่เป็นหน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งอ้างอิงโดยสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ และสื่อรัสเซียรายอื่นๆ

พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัสเซียบอกว่า การสืบสวนสอบสวนโดยถือว่าเป็นคดี “ก่อการร้าย” เริ่มต้นขึ้นแล้ว และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้รับรายงานข่าวเพิ่มเติมล่าสุดอย่างสม่ำเสมอ โฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ แถลงกับสื่อมวลชนรัสเซีย

ทางด้านหน่วยทหารรักษาดินแดนแห่งชาติของรัสเซียบอกว่า กำลังของตนได้เข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุ และกำลังค้นหาพวกคนร้าย ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายหนึ่งระบุว่าเห็นพวกตำรวจพร้อมด้วยสุนัขนักดมกลิ่น ออกตรวจตรายวดยานต่างๆ ที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับอาคารที่เกิดเหตุ

สำหรับกลุ่ม 'รัฐอิสลาม' ออกคำแถลงอ้างว่า พวกนักรบของตนได้โจมตี 'การชุมนุมใหญ่' บริเวณนอกกรุงมอสโก และ 'ได้ล่าถอยกลับมายังฐานของพวกเขาได้อย่างปลอดภัย'

ช่องข่าว บาซา แอน์ด มาช ทางแพลตฟอร์มเทเลแกรม ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพวกหน่วยงานความมั่นคง ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเปลวไฟและควันโขมงลอยขึ้นมาจากอาคารแห่งนี้

ภาพอื่นๆ แสดงให้เห็นชาย 2 คน กำลังเดินอยู่ในฮอลล์ และมีคนอย่างน้อย 1 คนนอนอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับทางเข้า นอกจากนั้นยังเห็นพวกผู้เข้าชมคอนเสิร์ตกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ข้างใต้ที่นั่งหรือกำลังพยายามที่จะหลบหนี

พวกเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์สัมภาษณ์ ระบุว่ามีคนร้ายระหว่าง 2 ถึง 5 คน “สวมเครื่องแบบทางยุทธวิธีและถืออาวุธปืนอัตโนมัติ” เปิดฉากยิงใส่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บริเวณทางเข้า จากนั้นก็เริ่มกราดยิงภายในฮอลล์

“คนที่อยู่ข้างในฮอลล์ได้รับคำแนะนำให้หมอบอยู่กับพื้นเพื่อรักษาตัวเองไม่ให้ถูกยิงเป็นเวลาราว 15 ถึง 20 นาที” สื่อรัสเซียอ้างคำบอกเล่าของนักหนังสือพิมพ์อาร์ไอเอ โนวอสตี โดยเขาบอกด้วยว่า ผู้คนเริ่มคลานออกมาข้างนอก เมื่อได้รับแจ้งว่าปลอดภัย

ทางด้านกระทรวงเหตุฉุกเฉินของรัสเซีย โพสต์ข้อความทางช่องเทเลแกรมของตนว่า มีคนราว 100 คนหลบหนีออกมาได้ผ่านทางห้องใต้ถุนของฮอลล์ ขณะที่อีกหลายๆ คนหลบภัยพักพิงที่บริเวณใต้หลังคา

ทว่าประมาณหนึ่งในสามของอาคารแห่งนี้ทีเดียวที่เกิดไฟไหม้ สำนักข่าวทาสส์รายงาน

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แถลงว่า เหตุคราวนี้เป็น “การโจมตีอย่างนองเลือดของผู้ก่อการร้าย”

“ประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวล ต้องประณามอาชญากรรมอันน่าขยะแขยงครั้งนี้” เป็นข้อความที่เธอโพสต์ทางเทเลแกรม

ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคง แถลงแสดงความเป็นห่วงบรรดาเหยื่อของการโจมตีกราดยิงอย่างเลวร้ายคราวนี้

ทางทำเนียบขาวบอกด้วยว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ในเฉพาะหน้านี้ ว่าเหตุคราวนี้เกี่ยวข้องกับการสู้รบขัดแย้งในยูเครน

สำหรับทำเนียบประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีนี้ ขณะที่ฝ่ายข่าวกรองทหารของยูเครนยังไม่ลืมที่จะเรียกเหตุการณ์คราวนี้ว่า เป็น 'การยั่วยุ' ของรัสเซีย รวมทั้งกล่าวหาว่าพวกหน่วยพิเศษของมอสโกอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ด้านกองกำลังอาวุธที่อ้างว่าเป็นชาวรัสเซียซึ่งสู้รบเพื่อยูเครน โดยใช้ชื่อว่า 'กองกำลังรัสเซียแห่งเสรีภาพ' และมีบทบาทรับผิดชอบก่อการโจมตีเข้าไปในพื้นที่ของรัสเซียซึ่งอยู่ใกล้ๆ ชายแดนยูเครนมาแล้วหลายครั้ง ในคราวนี้ได้ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่า พวกตนไม่มีส่วนใด ๆ

กรุงมอสโกและเมืองใหญ่ของรัสเซียแห่งอื่นๆ เคยตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มอิสลามิสต์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็มีเหตุร้ายหลายกรณีเช่นกันที่ไม่ทราบมูลเหตุจูงใจทางการเมืองที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมอสโก ได้ออกคำเตือนพลเมืองของตนว่า “พวกสุดโต่งมีแผนการที่จะออกปฏิบัติการแล้ว โดยพุ่งเป้าหมายที่การชุมนุมขนาดใหญ่ๆ ในมอสโก” รวมทั้งงานคอนเสิร์ต

เปิดยอดผู้เสียชีวิต 'กราดยิงคอนเสิร์ต' ในรัสเซีย พุ่ง 60 ศพ เจ็บ 145 คน ด้านสหรัฐฯ ยัน!! รู้ข่าวกรองล่วงหน้า จึงเตือนมะกันอพยพตั้งแต่ต้นเดือน

(23 มี.ค.67) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุกลุ่มมือปืนบุกกราดยิงและวางเพลิงคอนเสิร์ตวงร็อคที่ชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 60 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 145 คน โดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ ขณะที่สหรัฐฯ เผยได้รับข่าวกรองเตือนล่วงหน้าว่าจะมีเหตุโจมตีเกิดขึ้น และได้เตือนพลเมืองอเมริกันให้เดินทางออกจากรัสเซีย หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมากๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ในการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับรัสเซียนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่พวกอิสลามิสต์จับครูและนักเรียนกว่า 1,000 คนเป็นตัวประกันที่โรงเรียนเบสลัน (Beslan School) เมื่อปี 2004 กลุ่มมือปืนได้สาดกระสุนเข้าใส่ประชาชนที่เข้าชมคอนเสิร์ตวง 'ปิกนิก' ซึ่งเป็นวงร็อคยุคโซเวียต ภายใน 'โครคัส ซิตี้ ฮอลล์' ซึ่งเป็นฮอลล์คอนเสิร์ตทางตะวันตกของกรุงมอสโกที่จุผู้เข้าชมได้ถึง 6,200 คน

ภาพจากคลิปวิดีโอที่ผ่านการยืนยันแล้วจะเห็นผู้คนเข้าไปนั่งในฮอลล์คอนเสิร์ต จากนั้นก็พากันวิ่งกรูไปยังทางออกต่างๆ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังขึ้นต่อเนื่องและเสียงหวีดร้องของผู้คน นอกจากนี้ยังมีคลิปที่กลุ่มชายฉกรรจ์กราดยิงเข้าใส่ฝูงชน และมีเหยื่อบางคนนอนแน่นิ่งจมกองเลือด

พนักงานสอบสวนรัสเซียออกมายืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ ขณะนี้มากกว่า 60 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานยอดผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 145 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ราวๆ 60 คนที่อาการสาหัส

ทำเนียบเครมลินระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กำลังติดตามข้อมูลอัปเดตสถานการณ์จากบรรดาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง รวมถึง อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB)

พนักงานสอบสวนรัสเซียยังได้เผยแพร่ภาพปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟอัตโนมัติ 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธของกลุ่มคนร้าย รวมถึงเสื้อกั๊กที่มีกระสุนสำรอง และกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก

สำนักข่าวอามัก (Amaq) ของกลุ่มไอเอสได้แถลงยืนยันผ่านเทเลแกรมว่า นักรบไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีคอนเสิร์ตที่ชานกรุงมอสโก โดยได้ “สังหารและทำให้ผู้คนบาดเจ็บไปหลายร้อยคน รวมถึงสร้างความเสียหายรุนแรงต่อสถานที่ ก่อนจะถอนกำลังกลับสู่ที่ตั้งอย่างปลอดภัย”

สื่อรัสเซียบางสำนักได้เผยแพร่ภาพชาย 2 คนที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายขับขี่ยานพาหนะสีขาว โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามือปืนถูกจับกุมได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรับมือกับเหตุไฟไหม้รุนแรงที่เกิดขึ้น และหน่วยฉุกเฉินก็ต้องเร่งอพยพผู้ชมคอนเสิร์ตออกมา และมีรายงานว่าหลังคาคอนเสิร์ตฮอลล์บางส่วนพังถล่มลงมาด้วย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งออกมาให้ข้อมูลวานนี้ (22) ว่า รัฐบาลอเมริกันได้รับข่าวกรองยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือกลุ่มไอเอสจริง และวอชิงตันเคยเตือนมอสโกล่วงหน้าไปแล้วหลายสัปดาห์ว่าอาจจะเกิดเหตุโจมตีขึ้น

“เราได้มีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รัสเซียไปแล้วอย่างเหมาะสม” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุ และไม่ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เหตุกราดยิง โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบเครมลินไปเพียง 20 กิโลเมตรเกิดขึ้นเพียงราวๆ 2 สัปดาห์ หลังจากที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโกได้ออกคำเตือนว่าจะมี 'กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง' วางแผนก่อเหตุโจมตีภายในกรุงมอสโก

ก่อนที่สถานทูตอเมริกันจะออกคำเตือนแค่ไม่กี่ชั่วโมง FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลงานด้านข่าวกรองต่อจากองค์กรสายลับ KGB ในยุคสหภาพโซเวียตของรัสเซีย ประกาศว่าสามารถสกัดแผนของเครือข่ายไอเอสในอัฟกานิสถานที่เตรียมโจมตีโบสถ์ยิวแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก

FSB ระบุว่า เครือข่าย IS กลุ่มนี้ปฏิบัติการอยู่ในภูมิภาคคาลูกา (Kaluga) ของรัสเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ISIS-Khorasan ซึ่งมีเป้าหมายสถาปนารัฐคอลีฟะห์ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามขึ้นในพื้นที่แถบอัฟกานิสถาน ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และอิหร่าน

ปูติน ได้ทำให้สงครามกลางเมืองซีเรียเปลี่ยนทิศทางด้วยการเข้าแทรกแซงในปี 2015 โดยช่วยหนุนหลังรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ต่อสู้กับพวกฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่มไอเอสด้วย

คอลิน คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ Soufan Center ระบุว่า “ISIS-K จ้องหาโอกาสโจมตีรัสเซียมาตลอด 2 ปี และสื่อโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาก็มักจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ ปูติน ด้วยเสมอ”

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า นี่คือ “การก่อการร้ายนองเลือด” ที่ผู้คนทั่วโลกสมควรร่วมกันประณาม

สหรัฐฯ รวมถึงบรรดาชาติในยุโรป กลุ่มรัฐอาหรับ และอดีตรัฐในสหภาพโซเวียต ต่างแสดงความตกตะลึงและส่งสารแสดงความเสียใจไปยังรัสเซียเกี่ยวกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ขณะที่ มีไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ยืนยันว่างานนี้เคียฟ 'ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top