Friday, 10 May 2024
ไอติม

'ไอติม' ยก 4 เป้าหมายเปลี่ยนประเทศ สู่ ปชต. วอนคนทุกรุ่นต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน

ไอติม ขึ้นเวทีปาฐกถา 14 ตุลา ชี้ 49 ปี ไทยยังคงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย - ชู 4 พันธกิจเปลี่ยนประเทศสู่ประชาธิปไตย ที่คนทุกรุ่นต้องร่วมมือกัน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.65 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกลได้ร่วมแสดงปาฐกถางาน '14 ตุลา 16 ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์สังคมไทยแค่ไหน' พริษฐ์เริ่มต้นปาฐกถาด้วยการอธิบายว่าโจทย์ของพูดถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วกว่า 49 ปี และตนเองไม่ได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ แต่ด้วยความที่ 14 ตุลา เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่ถูกตีความอย่างหลากหลายโดยคนแต่ละกลุ่ม ตนจึงตั้งใจที่จะพยายามสรุปและอธิบายเหตุการณ์ผ่านมุมมองของคนแต่ละยุค ทั้งมุมมองที่มองว่า 14 ตุลาเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และมุมมองที่อาจมองว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาเป็นชัยชนะที่ลวงตาและไม่สามารถนำไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างยั่งยืนซึ่ง

โดยพริษฐ์กล่าวว่า 14 ตุลา อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่สามารถกำจัดระบบทรราชอย่าง 'ถนอม-ประภาส-ณรงค์' ออกไปจากระบบการเมืองไทยได้ก็จริง แต่ 3 ปีหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา กลับเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง 6 ตุลา 2519 โดยเหตุการณ์นี้พริษฐ์อธิบายว่า "เป็นเสมือนการล้างไพ่ประชาธิปไตยไทย ให้ถอยกลับไปอยู่จุดเดิม หรือแย่กว่าเดิม" พริษฐ์ยังอธิบายต่อไปอีกว่า คนรุ่นใหม่ในเหตุการณ์ 14 ตุลา กับคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน เติบโตมาในโลกที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน

พริษฐ์ กล่าวว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่ในแต่ละยุคต้องพบเจอเหมือนกัน คือการเติบโตมาในยุคที่การเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น คนรุ่นใหม่ในยุค 14 ตุลาเป็นยุคที่เติบโตมากับระบบเผด็จการทหารที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานและมีผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จตามมาตรา 17 ขณะที่คนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันเติบโตมาในยุคที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอย่างเต็มใบและต้องอาศัยอยู่ภายใต้ 'ระบอบประยุทธ์' ซึ่งเป็นเสมือนเผด็จการอำพรางที่ชุบตัวจากการเลือกตั้ง แต่ยังคงมีกลไกควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จผ่านกลไกสืบทอดอำนาจ ส.ว. 250 คนศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระรวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

แต่ตัวอย่างหนึ่งที่มีความแตกต่าง คือในมิติเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร คนรุ่นใหม่ยุค 14 ตุลามีทางเลือกในการติดตามข่าวสารอย่างจำกัดเพราะเทคโนโลยีขนาดนั้นมีเพียงวิทยุหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้นซึ่งก็ไม่ได้มีอุปกรณ์เหล่านี้ครบทุกบ้าน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกควบคุมและกำกับโดยรัฐในทางกลับกันคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันกลับมีช่องทางในการติดตามข่าวสารมากมายนับไม่ถ้วนเพราะการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียรัฐไม่อาจควบคุมและจำกัดข้อมูลเนื้อหาได้ดังเช่นในอดีต

แม้ความแตกต่างระหว่างรุ่นเป็นเรื่องปกติ แต่จากโจทย์ปัจจุบันที่เป็นช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประชาธิปไตยไทยและที่มีการปะทะกันระหว่างระบบที่ล้าหลังและสังคมที่ก้าวหน้ามากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป้าหมายและความตั้งใจของคนยุค 14 ตุลา มีภารกิจหลายส่วน ที่สอดคล้องกับความฝันของคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน แต่ยังไม่สำเร็จถึงฝั่งและยังต้องอาศัยพลังและเจตจำนงของคนทั้ง 2 รุ่น ในการร่วมกันขับเคลื่อนต่อไป

เป้าหมายที่หนึ่งคือการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย - แม้เหตุการณ์ 14 ตุลาได้นำมาสู่รัฐธรรมนูญปี 2517 แต่กระบวนการจัดทำยังคงไม่ได้มีส่วนร่วมของตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และเป็นฉบับที่มีอายุเพียง 2 ปี ก่อนถูกฉีกโดยคณะรัฐประหาร ปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้ธรรมนูญปี 2560 ซึ่งถูกเขียนโดยคณะรัฐประหาร มีวัตถุประสงค์ในการสืบทอดอำนาจ และมีเนื้อหาที่ขัดกับหลักสากล จึงต้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชน ผ่าน สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

เป้าหมายที่สองคือการขับเคลื่อนประชาธิปไตยในเชิงวัฒนธรรม ที่ไปไกลกว่าการกำจัดผู้นำเผด็จการ แม้ 14 ตุลาจะเป็นหมุดหมายสำคัญทางการเมืองไทยที่ภาคประชาชนรวมกันแสดงตัวเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล แต่ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้เห็นว่าการตื่นตัวของประชาชนไม่สามารถนำไปสู่ชัยชนะที่ยังยืนของประชาธิปไตยเสมอไป ตราบใดที่เรายังไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่แข็งแรงให้เกิดขึ้นในระดับความคิด และกำจัดวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมในทุกอณูของสังคม ตั้งแต่ระบบราชการ ยันระบบการศึกษา เพื่อสร้างโครงสร้างและวัฒนธรรม ที่อยู่บนฐานของการไว้วางใจประชาชน

น้ำ นิชนันท์ ขอให้มั่นใจ 'พรรคก้าวไกล' พร้อมเป็นตัวเลือกให้ 'ชาวสัตหีบ'

'ไอติม' นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล นำ 'น้ำ' นิชนันท์ วังคะฮาต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล เขต 10 อ.สัตหีบ จัดงานเสวนาสื่อสารนโยบาย รับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ อ.สัตหีบ เรื่องการศึกษาไทยก้าวหน้า ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ยืนยันพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายหรือแนวคิดที่จะตัดเงินบำนาญข้าราชการ พร้อมนำเสนอนโยบายพรรคก้าวไกล เป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ชลบุรี เขต 6 อ.ศรีราชา นาย กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ และว่าที่ผู้สมัคร สส.ชลบุรี เขต 9 อ.บางละมุง ยอดชาย พึ่งพร เข้าร่วมเสวนาในวันนี้ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวสัตหีบ เป็นจำนวนมาก

'ไอติม' นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า วันนี้เรามาทำกิจกรรมกันในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อมารณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะนำเสนอประชาชน ในการเลือกตั้งและเข้ามาแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคก้าวไกล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาเป็นประชาชนหลากหลายช่วงวัย ที่มีความสนใจแตกต่างกันออกไป โดยได้มีการนำเสนอชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล 3 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมเสวนาได้ให้ความสนใจจำนวนมาก คือนโยบายการศึกษา หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะออกแบบหลักสูตรใหม่ภายใน 1 ปีแรก เพื่อเน้นทักษะที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อทำให้การศึกษาเป็นการศึกษาที่ฟรีจริง ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยไร้อำนาจนิยม ลดเวลาที่คุณครูเสียไปกับสิ่งที่ไม่ใช่การเรียนการสอนคืนครูให้กับห้องเรียน ประเด็นที่ 2 เสนอการยกเลิกการเกณท์ทหาร 

ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นนิมิตรใหม่ที่ดีมากที่มีทั้งเยาวชนที่อาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการ รวมถึงอดีตนายทหารที่มาเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ผลที่ออกมาคือทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าประเทศไทย ควรจะมีการยกเลิกการเกณท์ทหารและใช้เฉพาะทหารที่มีความสมัครใจ น่าจะเพียงพอต่อการรักษาความมั่นคง เพราะการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหาร มาเป็นทหารทำให้เขาต้องสูญเสียเสรีภาพในการประกอบอาชีพที่เขาอยากจะทำ ดึงเวลาเขาออกจากครอบครัว ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจมีจำนวนคนทำงานลดน้อยลง ท่ามกลางสภาวะสังคมสูงวัย ท้ายสุดได้พูดคุยเรื่องนโยบายสวัสดิการ ความต้องการของพรรคก้าวไกล ที่จะมาสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับคนในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเงินเด็กเล็กที่เพิ่มจาก 600 เป็น 1,200 บาทต่อเดือน หรือว่าเงินผู้สูงวัยที่เพิ่มจาก 600 บาท เป็น 3,000 บาทต่อเดือน และขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายในการลดหรือตัดงบบำนาญของข้าราชการ เราเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญของทุกกลุ่มว่าเงินก้อนนี้ เป็นเงินที่รัฐบาลได้สัญญากับพี่น้องข้าราชการที่มารับตำแหน่ง เพื่อเป็นหลักประกันของเขาในวัยหลังเกษียณ พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายในการปรับลดบำนาญของข้าราชการ อย่างแน่นอน

'นักเขียนซีไรต์' ฉะ!! 'ไอติม' ก่อนพูดต้องรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ย้อนรอย "พลทหารหนึ่งแสนคน ทำให้ประเทศอื่น เกรงกลัวเราจริงหรือ?"

(31 ต.ค.66) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า...

"เด็กๆ ค้าาา... พวกเธอเรียนอยู่ในระดับมัธยมแล้วนะคะ จะเอาแต่พูดตามๆ กันเป็นนกแก้วนกขุนทองทั้งห้องไม่ได้นะคะ ประธานห้องกับหัวหน้าห้องคนเก่าก็พูดเรื่อยเจื้อยอย่างนี้ ก่อนพูด... พวกเธอจะต้องหาความรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังให้กระจ่างก่อนนะคะ เมื่อพูดแล้วอาจจะมีคนปลื้มชื่นชมพวกเธอ แต่นั่นก็เป็นคนระดับเดียวกับพวกเธอ คนอื่นๆ เขาอาจจะเห็นกะโหลกของพวกเธอเป็นแค่กะลาก็ได้นะคะ"

ทั้งนี้ ยังได้ลงรูปภาพของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ที่มีข้อความด้วยว่า "การมีพลทหารหนึ่งแสนคน ทำให้ประเทศอื่น เกรงกลัวเราจริงๆ หรือ"

‘ไอติม’ ขออย่าเพิ่งด่วนสรุป หลัง กกต. ยื่นศาล รธน. ‘ยุบก้าวไกล’ ลั่น!! เตรียมแผนไว้พร้อม ซ้ำ!! ทีม กม.สู้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

(12 มี.ค.67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งสำนวนยุบพรรคก้าวไกล ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างไรบ้างนั้น ว่า พรรคก้าวไกล และทีมกฎหมายได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ ไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทีมกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องไม่ให้เกิดการยุบพรรค และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ประเด็นนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ชะตากรรมและอนาคตของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ ว่าสิ่งที่พรรคทำไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเราทำได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในอนาคต 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางพรรคเองเข้าใจดี การถูกยุบพรรคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับหลายพรรค เราไม่อยากให้พรรคการเมืองถูกยุบเป็นเรื่องปกติ ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเป็นพรรคที่มีคดีถูกยุบพรรคอยู่ อย่างกรณีพรรคภูมิใจไทยที่สังคมความสนใจอยู่ แม้จะมี สส. พรรคก้าวไกลเป็นผู้เปิดโปง เรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นกับบริหารพรรค แต่บทลงโทษที่เหมาะสมคงไม่ใช่การยุบพรรค ควรลงโทษที่ผู้บริหารพรรค 

เมื่อถามว่ามีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความจริงเท่าที่จะทำได้ จนถึงวันที่จะเกิดการวินิจฉัยคำตัดสินออกมา สส. และทีมงานของพรรคก็ยังทำงานเต็มที่ในการผลักดันกฎหมายความเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร แต่ทางผู้บริหารพรรค ได้เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เรามีการวางแผนทุกฉากทัศน์ ตนยืนยันเหมือนที่ได้ยืนยันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกความคิด ทุกนโยบาย ที่เราพยายามจะผลักดัน อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนชุดความคิดต่อไปในการเมืองไทยแน่นอน ไม่อยากให้เราด่วนสรุป ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบ จนกระทั่งมีคำวินิจฉัยศาลออกมา แต่สำคัญกว่านั้น ก็ไม่อยากให้เราตั้งค่านิยม การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ลูกพรรคจะเสียขวัญ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ยุบพรรค ก็มีสถานการณ์ผึ้งแตกรัง นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่านิยมของการเมืองไทย ถ้าพูดถึงขวัญกำลังใจ หรือความทุ่มเทของสมาชิกพรรค ตนคิดว่าเราเดินหน้าต่อเต็มที่อยู่แล้ว

"สิ่งที่เรากังวลมากกว่า คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อค่านิยมของการเมืองไทย เพราะยิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นพรรคการเมืองในอดีตด้วย กลายเป็นว่าเรากำลังไปสร้างค่านิยม หรือวัฒนธรรมทางการเมือง ที่การยุบพรรคกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เราควรจะสร้างนิเวศทางการเมือง ที่ทุกพรรคการเมืองสามารถเติบโตเป็นสถาบันการเมืองได้ ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ เป็นศูนย์รวมคนที่มีชุดความคิดแบบเดียวกัน" นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะจับมือกันแน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ ว่าคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. มี 2 อย่างที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเปลี่ยนแปลงสังคม และสภาวะนิติสงครามไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งแม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เกินจินตนาการ ตนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ 

เมื่อถามว่าในช่วงที่มีความอ่อนไหว จะไม่มี สส. ย้ายพรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหา มีชุดความคิดตรงกัน และมีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง ตัวอย่างเช่น การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ถ้าใครที่ติดตามการประชุมสภา จะเห็นว่าทุกสัปดาห์ มีกฎหมายที่ถูกเสนอโดยสส.พรรคก้าวไกล อย่างน้อย 1 ฉบับ ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ ตนมองว่าเป็นมิติใหม่ของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการดึงหรือบีบรัฐบาลให้ความสำคัญกับวาระที่เรามองว่าสำคัญ 

เมื่อถามว่า คดียุบพรรคจะทำให้เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่เสียสมาธิแน่นอน ตั้งแต่เริ่มทำงานสภาชุดนี้มา พรรคไกลก็เดินคู่ขนานอยู่แล้วทีมกฎหมายก็ทำเต็มที่ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วน สส. ก็ทำงานในสภา โดยเดินหน้าต่ออย่างไม่เสียสมาธิ 

ส่วนจะยังเข้มข้นอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เข้มข้นเหมือนเดิม เราก็ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงที่เรารับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ

นายพริษฐ์ กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายในมาตรา 152 ว่า จะมีการเปิดให้ สส. ยื่นความจำนง ว่าจะอภิปรายในประเด็นอะไร ก่อนที่จะมีการคัดเลือก ยืนยันว่าข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน ละเอียด ทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว ซึ่ง สส. ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลและทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว

‘ไอติม’ แจง!! ปม ‘พิธา’ ลงเชียงใหม่ชน ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ ยัน!! เป็นกำหนดการของพรรค ที่วางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้ว

(15 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่พอดีว่า เป็นแผนการดำเนินงานของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า ที่วางแผนล่วงหน้ามานานแล้ว เพราะเป็นการศึกษาผลกระทบที่มีต่อประชาชนในภาคเหนือ เพื่อหวังจะถอดบทเรียนในการนำเสนอนโยบาย และการแก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันไม่ได้มีการจัดตารางลงพื้นที่ชนกันกับนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ามองภาพนายเศรษฐา นายทักษิณ และนายพิธา ลงพื้นที่พร้อมกัน ที่เหมือน 3 นายกฯ ในวันเดียวกันอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลยึดถือมาตลอดคือยึดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะมีปัญหาของประชาชนเยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า พร้อมย้ำว่าจะนำปัญหาดังกล่าวมาผลักดันโดยกลไกของสภา จึงไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำมาตลอด ว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ในการทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรับใช้ประชาชน

ส่วนประชาชนที่อาจจะคิดว่าเป็นการเปรียบเทียบรัศมีนั้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะวิเคราะห์ แต่ขอยืนยันต่อสาธารณะว่าพรรคก้าวไกลไปดำเนินการเรื่องไฟป่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ของใคร

เมื่อถามว่าเรื่องไฟป่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นการอภิปราย แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือก สส. ไปอภิปรายว่าผ่านการคัดเลือกหรือไม่ และหัวข้ออะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะใช้เวลาอภิปราย ทั้ง 2 วันให้ครอบคลุมนโยบายสำคัญ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม 

เมื่อถามว่าในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมองหน่วยงานราชการที่เข้ารายงานนายทักษิณระหว่างลงพื้นที่เชียงใหม่อย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ต้องให้รัฐบาลตอบว่า การดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบราชการหรือไม่ ดังนั้น เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในการจัดสรรบุคลากรไปให้ข้อมูล จึงเป็นคำถามที่รัฐบาลควรตอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปคอยให้การต้อนรับนายทักษิณ ที่เชียงใหม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็น คำชี้แจงผ่านๆ ว่าไปภารกิจอื่น แต่หากประชาชนยังเคลือบแคลงสงสัย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องชี้แจงให้ประชาชนมั่นใจ ว่าไม่ได้มีการจัดสรรบุคลากรภาครัฐ ที่ไม่เหมาะสม แม้รัฐมนตรีจะอ้างว่าลางานไป แต่เป็นสิ่งที่จะต้องตอบ และสิ่งที่พรรคก้าวไกล เวลาเลือกจะไปจังหวัดไหนจะยืดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นมาตรฐานที่หวังว่า พรรคการเมืองอื่น ทุกพรรคจะนำไปใช้ 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของพรรคก้าวไกลว่า เป็น 1 ใน 16 จังหวัด ที่พรรคก้าวไกลประกาศรับสมัคร นายก อบจ. ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ และเป็นแรงจูงใจ ให้คนมาสมัคร ส่วนจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 16 จังหวัดหรือไม่ต้องรอผลการคัดเลือก เพราะจะเน้นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ไม่ได้เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว เน้นบุคลากรที่เชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งด้วย

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าหากประชาชนสงสัยเรื่องมีนายกฯ หลายคน ก็เป็นสิ่งที่นายเศรษฐา จะต้องให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ว่าถึงแม้จะมีสิทธิปรึกษาใครหลายคน แต่การตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ส่วนการลงพื้นที่เชียงใหม่ของนายทักษิณ จะทำให้กระแสพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่นั้น พรรคก้าวไกลปีที่แล้วเป็นอย่างไรปีนี้ก็เป็นเช่นนั้น ใครที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง เราก็จะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล และหวังว่าการทำงานของก้าวไกล จะทำให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเปิดใจมาให้โอกาสมากขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top