Sunday, 12 May 2024
ไตรรงค์_ผิวพรรณ

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ | CONTRIBUTOR EP.28

ค่านิยม ‘ท้าทาย’ กฎหมายของคนในยุคนี้ ยุคที่ใคร ‘แหก’ กฎได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งยกย่องกันแบบผิดๆ ว่า 'เจ๋ง' และดูเก่งในสายตากลุ่มก้อนความคิดเดียวกัน ... เริ่มลุกลาม!!

แต่เมื่อ 'กฎหมาย' คือ กฎที่คนส่วนใหญ่ ทำตาม!!

ผู้ใด 'ท้าทาย' ก็ต้องพร้อมรับผิดชอบในทุกการกระทำ

และนี่คือเรื่องราวของอีกหนึ่งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่อยากฝากบอกถึง 'นักแหกกฎ' ให้ปลดความคิดสุดระห่ำออกไปจากระบบคิด และจงเชื่อเถอะว่าชีวิตของพวกคุณจะไม่มีวันถูกหล่อเลี้ยงได้อย่างยั่งยืนผ่านคำยกย่องผิดๆ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี 

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์

'พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผบช.กมค.' ชี้!! พรบ.ไกล่เกลี่ย 62 สัมฤทธิ์ผล ไม่ถึงปี ไกล่เกลี่ยได้ 1,528 คดี ลดรายจ่าย ปชช.ร่วมร้อยล้าน

จากรายการ CONTRIBUTOR ออกอากาศทาง THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) ในสาระสำคัญของบทบาท ผู้พิทักษ์ 'สันติ' ราษฎร์ โดยมีเนื้อหาช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงผลสัมฤทธิ์ของ พรบ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ปี 2562 ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ และ กมค. ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เกิดการบังคับใช้นั้น ได้สร้างประโยชน์ต่อสังคมไทยในช่วงเวลาแค่ไม่ถึง 1 ปีได้อย่างมาก ว่า…

“สำหรับ พรบ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ทางสำนักงานกฎหมายและคดี รับหน้าที่เป็นฝ่ายเลขา ตัวกฎหมายระบุว่า มีความผิดทางอาญาบางประเภทสามารถยุติได้ในชั้นการไกล่เกลี่ย ไม่ว่าจะเป็นไกล่เกลี่ยในชั้นสอบสวน หรือโดยผู้ไกล่เกลี่ยในภาคประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ผบ.ตร. (พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ได้ยกขึ้นมาเป็นนโยบายประจำปี 2566 เลย โดยกำหนดให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ จะต้องดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยในงานสอบสวน ให้ครบทุกสถานี และพยายามจัดตั้งให้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนให้ครบทั่วประเทศ 1,483 สถานี”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า “ตอนนี้จัดตั้งเฟสแรกในเรื่อง การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยในงานสอบสวน เพราะว่ากฎหมายบังคับให้งานสอบสวน ทุก ๆ หน่วยงาน จะต้องให้มีการไกล่เกลี่ยได้ในคดีความผิดอาญาบางประเภท สมัยก่อน ไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้ หรืออาจจะต้องไปถึงขึ้นชั้นศาล แต่ปัจจุบัน พรบ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2562 แต่พร้อมบังคับใช้จริงก็ต่อเมื่อมีผู้ไกล่เกลี่ยตามกฎหมาย มีการอบรม การขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ มีการเทรนนิ่งใหม่ มีการทำความเข้าใจใหม่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนประหยัดเวลา ลดภาระค่าใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรม และถ้าเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตั้งแต่ต้น จะไม่มีประวัติ ไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือเลย ถ้าทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาในคดีอาญา ประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าไกล่เกลี่ยสำเร็จ ยุติปัญหา ก็จะไม่เกิดเป็นคดีเลย”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยต่อว่า “หลังจากที่เรามีการขับเคลื่อน พรบ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท มีคดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยในสถานีตำรวจรวมทั้งสิ้น 2,139 คดี ไกล่เกลี่ยและยุติไป 1,528 คดี หรือคิดเป็น 71% ดังนั้นท่าน ผบ.ตร. (พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท. นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานคณะขับเคลื่อน โดยมีทาง กบค. เป็นเลขา ก็จะพยายามขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก”

“แต่แค่ช่วงเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ม.ค. 66 - ปัจจุบัน สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว 1,528 คดี ลดภาระ ค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน ไปแล้วกว่าร้อยล้านบาท แต่หากพูดถึงเรื่องคุณค่าทางจิตใจ ความสมานฉันท์ของสังคม ประเมินค่าไม่ได้ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่ทางสำนักงานกฎหมายและคดี มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการนี้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้าย

รับชมสัมภาษณ์เต็มได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=175HCRBK-hk 

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ ขยายผลหลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ พบตร.8 นาย ตั้งแต่ยศ ‘พล.ต.ต.-พ.ต.อ.’ เข้าไปเอี่ยว-รับผลประโยชน์

(25 ก.ย.66) ที่ บก.น.5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผย กรณีที่ได้มีการระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ ที่ได้เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการ

หลังการขยายผลเว็บพนันออนไลน์เบ็ตฟลิกซ์รอยัลดอทคอม และเว็บพนันอื่นๆ รวม 12 เว็บไซต์ของตำรวจ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 8 นาย จากการพฤติการณ์พบว่าขบวนการนี้แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ออกเป็น 4 กลุ่มความผิด 

1.บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ 
2.จัดหาบัญชีม้า
3.จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และ 4.ผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว

โดยตำรวจได้มีการสืบสวนจากหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่า 8 นายตำรวจบางนายมีพฤติการณ์ลักษณะเป็นผู้บริหารเว็บไซต์พนันออนไลน์หรือเสมือนเป็นเจ้าของ ส่วนบางนายก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงในแต่ละกลุ่ม บางคนก็มีหลายพฤติการณ์ โดยพบว่าได้กระทำผิดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่จะมีจำนวนเงินหมุนเวียนเชื่อมโยงกับตำรวจเท่าใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีตำรวจยศพลตำรวจตรีถึงพันตำรวจเอกเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนการเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการตรวจค้นเพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ หลังสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ โดยไม่ทราบว่าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะชื่อตามทะเบียนบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นพลเรือน ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้ 15 คน และในจำนวนนี้เป็นตำรวจอย่างน้อย 1 คน และจะทยอยนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่ บก.น.5

ส่วนจะเชื่อมโยงกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่พบ แต่ก็ต้องมีการขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะนอกเหนือจากหลักฐานที่นำมาใช้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้ ตำรวจยังมีพยานหลักฐานให้เชื่อได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย

'ดร.หิมาลัย' ให้กำลังใจ 'พล.ต.ท.ไตรรงค์' หลังเจอแรงกดดันจากสังคม ขอให้นึกถึงคำสอนของพ่อ ยึดถือความถูกต้องในฐานะตำรวจน้ำดี

(27 ก.ย. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

คิดถึง…พ่อ 

ปกติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ท่านจะเข้ามากราบแม่ที่บ้านเป็นประจำ เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งโดยประมาณ ถ้าช่วงไหนมีงานมาก ก็จะให้พาแม่ไปหาที่ทำงาน ซึ่งไม่บ่อยนัก หรือเวลาคุณแม่ไปหาหมอที่ รพ.ตำรวจ ก็จะคอยรอรับ คุณพ่อของพวกเราเสียไปหลายปีแล้ว ยังมีคุณแม่อยู่เป็นขวัญและกำลังใจของลูกๆ

ในช่วงประมาณ อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าท่านเข้ามาบ่อยผิดปกติ เลยถามเด็กที่บ้านดู ได้ความว่า ประมาณสองสามอาทิตย์มานี้ ท่านเข้ามากราบคุณย่าบ่อยมาก (เด็กที่บ้านจะเรียกคุณแม่ของผมว่าคุณย่า) 

ผมก็คิดอยู่ว่าท่านน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจ จนประมาณวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.66) ผมกลับเข้าบ้านประมาณทุ่มนิดๆ เดินเข้าไปกราบแม่ เจอท่านนั่งอยู่แล้ว กำลังจะกลับ เลยถามว่าพอจะมีเวลานั่งคุยกันสักพักไหม ท่านบอกว่าได้สักครึ่งชั่วโมงแล้วต้องไปทำงานต่อ เลยออกมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ในระหว่างคุย ดูท่านมีสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนมีเรื่องหนักใจ อยู่ดีๆ ท่านก็พูดขึ้นมาว่า "พี่อ๊อด อรรถคิดถึงพ่อ"

พูดถึงคุณพ่อ ท่านเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อท่านไตรรงค์มาก ย้อนไปตอนที่ท่านไตรรงค์จะสอบเข้าเตรียมทหาร จะเลือกเหล่าระหว่างนายร้อยตำรวจกับนายร้อย จปร. คุณพ่อท่านพูดว่า "เป็นตำรวจ ทำบุญได้ทุกวัน แค่ทำตามหน้าที่ก็ได้บุญแล้ว เพราะคนที่มาหาตำรวจ คือ คนที่เดือดร้อน เขาจึงหวังมาพึ่งตำรวจ" 

หลังจากฟังคุณพ่อพูด ท่านไตรรงค์ก็ตัดสินใจเลือกสอบเข้าเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังจากเรียนจนจบการศึกษารับพระราชทานกระบี่ คุณพ่อได้อวยพรให้ประสบความสำเร็จในชีวิตรับราชการ และยังสอนอีกว่า "การประสบความสำเร็จในการรับราชการนั้น ไม่ได้วัดที่ว่าเราจะมียศอะไร ตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่ให้ดูวันที่ลูกเกษียณอายุราชการแล้ว มองกลับมา ว่าเราได้ทำอะไรไว้ให้กับสังคมและประเทศชาติบ้าง ความสำเร็จของเราวัดที่ตรงนั้น" 

คุณพ่อผมท่านมักจะสอนอย่างนี้เสมอ ท่านสอนให้เราให้คุณค่าของความดีมากกว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ ท่านเป็น พระมหา (ผู้ที่สอบได้เปรียญธรรมตั้งแต่ 3 ประโยค ขึ้นไป) ก่อนลาสิกขาออกมารับราชการ

พอผมได้ยินว่าท่านคิดถึงคุณพ่อ ผมก็ทราบว่าท่านต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ ก็ได้แต่นั่งเงียบๆ รอท่านพูดต่อ สักพักใหญ่ๆ ท่านก็พูดว่า "พี่อ๊อด อรรถมาได้ถึงวันนี้ ก็มาได้ไกลมากแล้ว อรรถมีเรื่องต้องตัดสินใจบ้างอย่าง อรรถค่อนข้างกังวล อรรถว่า อรรถจะยึดถือคำพูดของพ่อที่ท่านสอนไว้ตอนรับราชการใหม่ๆ ต่อไปหนทางของอรรถอาจจะลำบาก แต่ถ้าอรรถไม่ทำ เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อที่อรรถยึดถือเสมอมา อรรถก็คงต้องรู้สึกผิดไปตลอด คนเก่งใน สตช.มีเยอะ แต่คนกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง จะมีสักเท่าไร อรรถไม่แน่ใจ"

หลังท่านพูดจบ เราก็นั่งกันอยู่เงียบๆ จนท่านขอตัวกลับ ผมก็บอกท่านไปว่า "ไม่สบายใจก็เข้ามากราบแม่ กราบพระ กราบพ่อ บ่อยๆ จะได้มีกำลังใจ ขอบารมีท่านคุ้มครองให้ปลอดภัย พี่เอาใจช่วยครับ"

มาถึงต้นอาทิตย์นี้ มีข่าวใหญ่เกิดขึ้น พี่ดูข่าวแล้ว บางทีก็นึกน้อยใจ เหมือน สตช. มีอรรถทำงานอยู่คนเดียว ช่วงแรกๆ โดน Social ถล่มอย่างหนัก มาวันนี้ ยังพอมีผู้ที่มีใจเป็นธรรมออกมาพูดให้กำลังใจ สนับสนุนอยู่บ้าง สังคมบางส่วน อาจจะสงสัย ตั้งประเด็นจากจินตนาการส่วนบุคคลกันมากมาย จนลืมข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ... นิสัยอรรถ จะเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว อาจจะชี้แจงช้าไปบ้าง พี่เองก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะงานของอรรถ พี่ก็ไม่มีความรู้ แต่พี่เชื่อว่า คนที่คบหาและได้สัมผัสกับอรรถมา จะเข้าใจและเชื่อมั่นในตัวอรรถเสมอ เหมือนพี่ 

ข้อความนี้ พี่เขียนขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งกำลังใจเล็กๆ จากพี่ให้น้อง พี่ที่เชื่อมั่นและมั่นใจในน้องชายคนนี้เสมอ ขอบารมีแห่งองค์หลวงพ่อโสธร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่อรรถเคารพนับถือ บารมีของคุณพ่อ เทวดาทั้งหลาย คุณความดีที่อรรถทำเสมอมา ได้โปรดเป็นเกราะคุ้มครองป้องกัน ให้อรรถรอดปลอดภัยจากอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ประสบความสำเร็จในกิจการงานเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม สาธุ

'ดร.หิมาลัย' โพสต์ยินดี 'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นั่งผบช.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตอกย้ำ!! อุดมการณ์คนทำงาน ภายใต้ภารกิจยึดตามพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

(17 ต.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“ความยุติธรรมต้องไม่มีธง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน”

หลังจากคำสั่งของ ตร.ให้อรรถ (พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ) ไปปฎิบัติราชการแทน ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ผมได้โทรไปแสดงความยินดีและพูดคุยกันหลายเรื่อง สุดท้ายผมก็ถามอรรถว่า ย้ายไปอยู่ตำแหน่งใหม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง คำตอบของอรรถฟังแล้วน่าปลื้มใจแทนพ่อ วันนี้ พ่อไม่อยู่แล้ว ผมก็ได้แต่ภูมิใจและยินดี ในสิ่งที่พ่อสอนสั่งเขามา ทำไมเป็นอย่างนั้น ลองมาฟังคำตอบที่น้องชายผมตอบกันนะครับ

พี่อ๊อด ในความคิดอรรถ ตำแหน่งทุกตำแหน่ง เป็นเกียรติและศักดิ์ศรี ของตำรวจทุกคน เป็นโอกาสที่จะได้ทำงานตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เลี้ยงดูและสั่งสอนอบรมเรามา ตอนอรรถได้มาเป็น ผู้บัญชาการกองกฏหมายและคดี อรรถภูมิใจมาก เวลาทำงานเหมือนมีพ่อมาอยู่ใกล้ ๆ 

อาชีพของพ่อ นอกจากเป็นตำรวจแล้ว จะบอกว่าพ่อมีอาชีพเป็นพนักงานสอบสวนก็ได้ พ่อภูมิใจที่ได้เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่นของ ตร. อรรถก็ภูมิใจที่ได้เป็น ผบช.กมค. ซึ่งถือเป็นเหล่าแม่ เป็นบ้านของพนักงานสอบสวน ในอุดมคติของอรรถ “ความยุติธรรม ต้องไม่มีธง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน” จะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมต้องมี 2 สิ่งประกอบกันคือ พยานและหลักฐาน จึงสามารถให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดได้ 

พยานหลักฐานนอกจากจะได้มาจากการสืบสวนและสอบสวนแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดอีกส่วนก็คือ การพิสูจน์ว่าหลักฐานที่ได้มานั้นมีความถูกต้องแม่นยำมากแค่ไหน การนำพยานหลักฐานที่ได้มาตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวผู้กระทำความผิด หรือนำพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงเพื่อพิสูจน์เหตุการณ์ หรือคำให้การของผู้เกี่ยวข้องกับคดี ว่าจริงหรือเท็จ ซึ่งส่วนนี้ศาลจะให้น้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะวัตถุพยาน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือทางเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นพยานที่ไม่พูดเท็จ ไม่กลับคำให้การ ดังนั้นสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ต้องเป็นจรวดนำวิถีให้กับพนักงานสอบสวน คือต้องรวดเร็ว แม่นยำ และเข้าเป้า เป็นไม้ตายของกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น

การที่ผู้บังคับบัญชา ไว้วางใจให้อรรถมาอยู่ตรงนี้ (ผบช.สพฐ.) อรรถตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด อรรถมีหลาย ๆเรื่องที่อยากจะทำ กำลังพลที่นี่ดีมาก อรรถเคยสัมผัสมาตอนเป็น ผบก.ทว. เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีอุดมการณ์ ถ้าเขาไปอยู่ที่อื่น เขาจะได้ค่าตอบแทนมากกว่าเป็นตำรวจ แต่เขาเลือกที่จะอยู่กับเรา อรรถตั้งใจว่า เราจะมาช่วยกันพัฒนาหน่วยให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นที่ไว้วางใจและเชื่อถือของประชาชน

'ดร.หิมาลัย' ร่วม 'พล.ต.ท.ไตรรงค์' ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นำคณะผู้มีจิตศรัทธา เป็นเจ้าภาพทอดผ้ากฐิน ณ วัดจิกลาด

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) ที่วัดจิกลาด หมู่ 2 ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ) และภริยา ประธานฝ่ายฆราวาส / ประธานเจ้าภาพ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. และภริยา ประธานอุปถัมภ์ รวมทั้ง คุณหทัยรัตน์ ผิวพรรณ, นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.เขต 3 นครสวรรค์ / ประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน และภริยา, นายวีรศักดิ์ เชียรวัฒนาสุข, คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกอบจ.นครสวรรค์, นายสมจิตร แว่นแก้ว หรือ ‘จิตร เมืองนนท์’, พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ,พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ พร้อมคณะผู้มีจิตศรัทธา ‘มูลนิธิพระราหู’ และพี่น้องกลุ่มหิมาลัยกรุ๊ป เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2566 มีพระครูนิรภัยสุตสุนทร เจ้าคณะตำบลหนองตางู เจ้าอาวาสวัดจิกลาด เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยมี นายพชร ผลชี กำนันตำบลหนองตางู,นายอาวุธ จันแรง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านจิกลาด ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์, นายธีนพล เพชรพิพัฒน์ รักษาการ ผอ.โรงเรียนวัดจิกลาดและพุทธศาสนิกชน ประชาชนร่วมให้การต้อนรับและร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคี ดังกล่าว

สำหรับงานบุญประเพณีทอดผ้ากฐินสามัคคี ประจำปี 2566 ของวัดจิกลาด ต.หนองตางู จ.นครสวรรค์ ครั้งนี้ ซึ่งมียอดทอดผ้ากฐิน รวมทั้งสิ้น 1,234,693 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดทางวัดจะนำไปบูรณะปฎิสังขรณ์ภายในวัดและนำไปจัดสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่กำลังดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ภายในงานทอดผ้ากฐินได้ออกโรงทานนำอาหารมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาร่วมงานทอดผ้ากฐินสามัคคีครั้งนี้ สำหรับงานประเพณีทอดผ้ากฐินเป็นการได้สร้างบุญสร้างกุศลแล้ว ยังได้ช่วยรักษาประเพณีทอดผ้ากฐิน และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รวมทั้งยังได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาเข้าวัด และยังสร้างความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์-มูลนิธิพระราหู’ มอบเงินหนุน ‘กระจกเงา’ ผ่านโครงการ ‘สดชื่นสถาน’ จำนวน 100,000 บาท

(23 ม.ค. 67) ณ กองบินตำรวจ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ศฝร.บช.น., พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ ที่ปรึกษา ผบช.สพฐ.ผู้แทนมูลนิธิพระราหู ได้ร่วมมอบเงินสนับสนุน โครงการ ‘สดชื่นสถาน’ ให้แก่มูลนิธิกระจกเงา จำนวน 100,000 บาท โดยมี ตัวแทนจากมูลนิธิฯ มารับเงินสนับสนุน 

อนึ่ง โครงการ ‘สดชื่นสถาน’ เป็นโครงการของมูลนิธิกระจกเงา ที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาระบบสวัสดิการพื้นฐานของคนไร้บ้าน และกลุ่มคนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยเป็นพื้นที่ที่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา อาทิ เช่น การอาบน้ำ ซักผ้า ที่เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป แต่ทำได้ยากสำหรับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบางนั้น ให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา 

ดังนั้น โครงการดังกล่าวจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการจัดหา เครื่องกรองน้ำ เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า จัดสร้างห้องสุขาชาย-หญิง และห้องอาบน้ำชาย-หญิง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป

เปิดตัว 'ไตรรงค์ Market' ชุมชนเพื่อ 'ครอบครัวพิสูจน์หลักฐานตำรวจ' ช่วยเสริมรายได้ สานความสัมพันธ์ สร้างสุขแก่บุคลากรในองค์กร

(29 ม.ค.67) พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวว่า ตามนโยบายด้านเสริมสร้างสวัสดิการ ที่มุ่งเน้นใน 3 ด้าน คือ 1.เสริมรายได้ 2.สานความสัมพันธ์ และ 3.สร้างความสุขแก่บุคลากรในองค์กร จึงได้จัดตั้งกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นเป็นการเฉพาะ

โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันอย่างแพร่หลาย เสริมสร้างรายได้นอกเหนือรายได้หลักจากเงินเดือน ยกระดับความสุขและสวัสดิการ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ...

1.ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3,000 นาย

2.ครอบครัวข้าราชการตำรวจ 

และ 3.คือกลุ่มสุดท้ายซึ่งสำคัญยิ่งต่อองค์กรและมักจะถูกละเลยลืมเลือนตามกาลเวลา คือ กลุ่มของข้าราชการตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วนแต่ร่วมก่อสร้างวางรากฐาน 'ครอบครัวพิสูจน์หลักฐาน' จนมั่นคงถึงปัจจุบัน

ดังนั้น จึงได้จัดให้มีสื่อสังคมออนไลน์ คือ เฟซบุ๊กชนิดกลุ่มปิด โดยจะมีข้าราชการตำรวจในปัจจุบันของทุกหน่วยในสังกัดร่วมกันเป็นผู้ดูแลระบบ พร้อมเชิญชวน กลั่นกรองสมาชิกและวางกฎระเบียบชุมชน เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้มั่นใจว่า การซื้อขายมีความปลอดภัย ปราศจากการซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายตลอดจนปราศจากการโกง และไม่มีการหักค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

Forensic Marketplace ตลาดนัดออนไลน์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หรือที่เรียกในชื่อเล่นว่า 'ไตรรงค์ Market' จะเป็นสื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของบุคลากรในองค์กร แทนความห่วงใย ความใส่ใจ เพื่อสร้างสวัสดิการอย่างยั่งยืน

"เราจะห่วงใย เราจะใส่ใจ และร่วมเสริมสร้างสวัสดิการร่วมกัน"

เพราะพวกเราคือ 'ครอบครัวพิสูจน์หลักตำรวจ' ตลอดไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top