Tuesday, 22 April 2025
ไขมัน

ไขมันตัวร้าย ‘แพทย์’ แนะเลิกใช้น้ำมันหมู หันใช้น้ำมันพืชแทน ชี้!! เสี่ยง ‘เส้นเลือดหัวใจตีบ-อัมพาต-กล้ามเนื้อหัวใจตาย’

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังคุณหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช ค่าไขมันบ่งชัด ต่างกันขนาดนี้เลย

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช  เดี๋ยวนี้ผู้คนมักป่วยกันง่ายขึ้น ไม่ใช่เพราะดูแลตัวเองไม่ดี แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษที่หนักหนาขึ้น จึงทำให้หลายคนป่วยง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องอาหารการกิน เพราะจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีก็คืออาหาร 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด นพ.วรุตม์ พิสุทธินนทกุล หมอผ่าตัดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้เผยภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพการตรวจสุขภาพของคนไข้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้ที่เคยผ่าตัดบายพาสหัวใจ จากอดีตที่คนไข้มีไขมันเลวถึง 215 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขนาดที่ว่าอาจเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบอีกรอบ ลงมาเหลือแค่ 103

ทั้งนี้ คนไข้คนดังกล่าว เคยเข้ารับการผ่าตัดมาหลายปี ผลเลือดดีมาตลอด แต่คนไข้ได้รับความรู้มาผิด ๆ จากการพยายามหาความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ โดยบอกว่า ให้เปลี่ยนจากน้ำมันพืชมาใช้น้ำมันหมู จากที่คุมค่าเลือดได้ กลายเป็นค่าไขมันทะลุ 200 คุณหมอเลยบอกว่าต้องเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันพืชตามเดิม และค่าไขมันก็ลดลงมา

"ขอเหอะ หยุดใช้น้ำมันหมู มันหมูปรุงอาหาร มันทำลายสุขภาพทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจตายและอีกมากมาย สรุป น้ำมันหมูทำไขมันตัวร้ายพุ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือด ให้ใช้น้ำมันพืชตามปกติ"
 

‘พี่หมอกลาง’ ไขข้อสงสัย!! “ทำไมคนเราถึงอ้วนได้?” เพราะร่างกายสร้าง ‘ไขมัน’ ได้แบบไร้ขีดจำกัดไงล่ะ!!

(5 พ.ย.66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ @d_klang ที่รู้จักในนาม ‘พี่กลาง หอสมุดแห่งชาติ’ หรือหลาย ๆ คนเรียกติดปากว่า ‘พี่หมอกลาง’ ได้โพสต์คลิปแชร์ความรู้จากการทำคลิปตอบคำถามทางการแพทย์ให้แก่คนที่สนใจและคอมเมนต์ถามเข้ามา ซึ่งคลิปนี้ ‘พี่หมอกลาง’ ได้ตอบคำถาม “ทำไมเราถึงอ้วน?” ว่า…

“ทุกคนคงคิดว่าพี่หมอจะตอบกลับว่าก็เพราะปากเราไง…แต่ไม่ใช่…เวลาที่เราตั้งคำถามว่าทำไมร่างกายของเรามันถึงเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งต้องขอย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคหิน เพราะว่ายีนของพวกเราตอนนี้ หากเทียบกับยุคหิน มันเปลี่ยนไปนิดเดียว มนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติมาตลอด มันก็เลยวิวัฒน์ไปน้อยมาก เอาเป็นว่าร่างกายของพวกเราเป็นร่างกายของมนุษย์ยุคหิน…

ซึ่งยุคหินนั้นจะอยู่กันเป็น ‘แคมป์’ และอาหารในยุคนั้นก็ไม่อร่อย และก็หายากกว่ายุคนี้ ซึ่งสิ่งที่หาง่ายหน่อยก็คือผลหมากรากไม้ที่อยู่รอบ ๆ แคมป์ ซึ่งมันไม่ได้หวานฉ่ำ เพราะยุคนั้นไม่มีปุ๋ย ดังนั้นมันก็ขึ้นในป่าแบบตามมีตามเกิด รสชาติจะเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ อีกทั้งพลังงานยังต่ำ ดังนั้น อาหารที่ให้แคลอรี่เยอะกว่าคืออะไรรู้ไหม… คือ ‘เนื้อสัตว์’ เพราะมีทั้งโปรตีนและไขมัน แต่มันไม่ได้มีมาให้กินบ่อย ๆ เพราะผู้ชายในแคมป์ต้องออกไปล่าหามา 2 สัปดาห์ถึงจะมีมาให้กินซักที และความที่นาน ๆ จะได้อาหารพลังงานสูงเข้าสู่ร่างกายนี่แหละ ร่างกายมันก็เลยพยายามเก็บพลังงานสุดฤทธิ์ ทีนี้มันมีโมเลกุลในธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเวลาเก็บจะเก็บง่ายมาก เพียงแค่เอาพลังงานมาเปลี่ยนเป็นคาร์บอนแล้วก็ต่อ ๆ กัน แต่เวลาจะสลายออกมาใช้จะยากมาก ดังนั้นร่างกายจึงคิดว่าดีเลย…งั้นเก็บเป็นอันนี้แหละไม่รั่วไหลดี ซึ่งก็คือ ‘ไขมัน’ ร่างกายรักไขมันมากดั่งทองคำ…

แต่ทุกคนรู้ไหมทุกปฏิกิริยาในร่างกายเรามันจะมีสิ่งที่เรียก ‘Negatice Feedback’ คือถ้าสร้างออกมาเยอะเกินไป มันจะหยุดสร้าง แต่ไขมันเป็นสารชนิดเดียวที่ไม่มี Negatice Feedback จึงแปลว่าร่างกายสามารถสร้างไขมันได้แบบ ‘อันลิมิต’ เลย… ซึ่งตรงข้ามกับกล้ามเนื้อเพราะเวลาสร้างจะยากมาก เพราะโครงสร้างของกล้ามเนื้อมันซับซ้อน นอกจากนี้ เวลาที่เราพยายามจะสร้างกล้ามเนื้อ มันจะต้องเอาพลังงานยัดลงไปอีกถึงจะสร้างได้ แล้วพอมีกล้ามเนื้อเกิดขึ้น กล้ามเนื้อก็จะสูบพลังงานไปใช้เรื่อย ๆ ซึ่งร่างกายของเราจะเกลียดกล้ามเนื้อมาก เพราะมันผลาญพลังงาน  เพราะฉะนั้นร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อแค่จำเป็น แล้วก็ใส่ลิมิตในการสร้างไว้…

ดังนั้น ถ้าเรากินอะไรเข้าไปร่างกายจะเลือกเก็บเป็นไขมันก่อน แต่ถ้าต้องใช้จะใช้ไขมันเป็นอันดับสุดท้าย ทีนี้เวลาผ่านไปหลายล้านปี สังคมมนุษย์เปลี่ยนไปเยอะมาก อาหารการกินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ อยากกินอะไรก็ต้องได้กิน เนื้อสัตว์ที่นาน ๆ จะได้กินสักที ปัจจุบันนี้ได้กินกันเกือบทุกมื้อ หรือผักผลไม้ฝาด ๆ เปรี้ยว ๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว รสชาติจะหวานฉ่ำหมด ซึ่งทุกอย่างแคลอรี่สูงขึ้นหมดเลย อีกทั้ง มนุษย์เรายังขยับตัวน้อยลงมาก เพราะไม่ต้องออกไปล่าสัตว์แล้ว โดยพลังงานที่ได้จากการกินเข้าไป มันก็มีแนวโน้มที่มันจะเหลือ แล้วพอพลังงานเหลือร่างกายก็จะทำแบบยุคหินคือเก็บเป็นไขมันแบบที่เคยทำ ซึ่งก็คือแบบอันลิมิต

ด้วยปัจจัยเหล่านี้บางคนถึงอ้วนเป็นร้อยโลได้ ดังนั้น ไขมันที่สะสมเยอะ ๆ มันมีพิษภัยมากมาย…”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top