Wednesday, 23 April 2025
โลกออนไลน์

'กระทรวงดิจิทัลฯ' กร้าว!! ดำเนินการอย่างเข้มงวด 'สื่อลามก-ยาเสพติด-ความรุนแรง' บนโลกออนไลน์

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ รับข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความห่วงใยต่อเด็กและเยาวชน กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่าในขณะนี้มีการจำหน่ายสื่อลามกอนาจารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์มาโดยตลอด และได้ดำเนินมาตรการในการป้องกันด้วยการสร้างการตระหนักรู้ในการใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ชี้ให้เห็นถึงอันตรายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและวิธีการในการรับมือแต่ละสถานการณ์ 

รวมทั้งจัดให้มีหน่วยงานรับแจ้งเบาะแสและให้คำปรึกษาเมื่อประชาชนพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ ควบคู่ไปกับเข้มงวดในการปราบปรามด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ภายใต้หลักสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงสื่อบนโลกออนไลน์

‘มาเลเซีย’ ออกกฎหมายต่อสู้กับอาชญากรรมในโลกออนไลน์ บังคับทุกแพลตฟอร์ม ‘โซเชียลมีเดีย’ ต้องขอใบอนุญาตจากภาครัฐ

รัฐบาลมาเลเซียเอาจริงกับปัญหาสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศ เมื่อคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) กำหนดให้แพลตฟอร์มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย และส่งข้อความออนไลน์ ที่มีบัญชีผู้ใช้งานตั้งแต่ 8 ล้านบัญชีขึ้นไปในมาเลเซีย ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตตามกรอบกฎหมายการกำกับดูแลใหม่ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 มกราคม 2568

กรอบระเบียบใหม่นี้ สอดคล้องกับการตัดสินใจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ว่าโซเชียลมีเดียและบริการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของมาเลเซีย เพื่อต่อสู้กับคดีอาชญากรรมและการฉ้อโกงทางไซเบอร์ รวมถึงพฤติกรรมการกลั่นแกล้งกันบนโลกออนไลน์ และอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กและเยาวชน ผ่านสื่อโซเชียลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 

โดยรัฐบาลมาเลเซียเชื่อมั่นว่า กรอบระเบียบใหม่นี้ จะช่วยสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ปลอดภัย มีคุณภาพ เพื่อประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและครอบครัว

นั่นหมายความว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ อาทิ Facebook, Instagram, WhatsApp, Line, Youtube, TikTok, Telegram, X และอื่น ๆ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียเกิน 8 ล้านบัญชี ต้องมาลงทะเบียนขอใบอนุญาต และปฏิบัติตามกรอบกฎหมายใหม่นี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้เป็นต้นไป จนถึงภายในวันที่ 1 มกราคม 2568 มิฉะนั้น จะถือเป็นความผิด ที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของมาเลเซีย ที่อาจมีผลถึงการถูกระงับการเผยแพร่ หรือใช้งานภายในประเทศได้

ก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์ ได้รับการยกเว้นในการขอใบอนุญาตตามระเบียบข้อบังคับกิจการสื่อในมาเลเซีย ซึ่งแตกต่างจากสื่อออฟไลน์ดั้งเดิม ที่ต้องอยู่ภายในกฎหมายควบคุมของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และนั่นจึงกลายเป็นช่องโหว่ที่นำไปสู่การก่ออาชญากรรมมากมาย ที่ใช้ช่องทางโซเชียลเข้าถึงเหยื่อผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลของ MCMC พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 - ตุลาคม 2023 มีคดีหลอกลวงทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้แก่เหยื่อ เป็นมูลค่าสูงกว่า 506 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีคดีเกี่ยวข้องกับการ กลั่นแกล้ง และเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังผ่านโซเชียลถึง 3,419 รายการ

และล่าสุดจากกรณีการฆ่าตัวตายของ ‘Esha’ หรือ ราชาสวารี อัพพาหุ TikToker สาวชื่อดังชาวมาเลเซีย ที่ทำคอนเทนต์ด้านความงาม และการใช้ชีวิตแบบคิดบวก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อสู้กับข้อความบูลลี่ คุกคาม ไปจนถึงการขู่ฆ่าทางออนไลน์ได้ จนเกิดอาการซึมเศร้าและจบชีวิตตนเองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นที่ชาวมาเลเซียวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงมาตรการป้องกันการกลั่นแกล้ง ดูหมิ่นกันในโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม

แต่เมื่อรัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจที่จะจัดระเบียบโซเชียลใหม่ ก็มีกลุ่มต่อต้านมองว่า รัฐบาลกำลังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุมสื่อออนไลน์ เป็นการละเมิดเสรีภาพทางการพูด และนำเสนอข่าวทางสื่อสาธารณะ ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ที่จะนำไปสู่การปิดกั้น และ ปราบปรามกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง ที่ต่อต้านรัฐบาลได้ในภายหลัง

และมีการส่งจดหมายเปิดผนึกจากองค์กรอิสระ 44 แห่งและนักเคลื่อนไหว 23 คน ถึงนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ประณามการออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียดังกล่าวว่า เป็นการใช้อำนาจมิชอบอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อโจมตีระบอบประชาธิปไตย และลดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ในขณะเดียวกัน กฎหมายควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ของมาเลเซีย กำลังจะกลายเป็นต้นแบบให้กับรัฐบาลอื่น ๆในอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ที่กำลังพิจารณากฎหมายควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ไม่ให้ประชาชนของชาติตกเป็นเหยื่อ

หากรัฐบาลหลายชาติเริ่มออกมาเคลื่อนไหวในการกำหนดกรอบกติกาการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้น ก็ต้องมาติดตามว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ว่าจะออกมาปรับตัวให้อยู่ในกรอบเพื่อรักษาตลาด หรือ ปลุกกระแสต่อต้านเพื่อรักษาคำว่า "เสรีภาพสื่อ" ที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฎหมายของชาติใด

'ชาวมาเลเซีย' เกินครึ่ง เห็นด้วย!! จำกัดเด็กต่ำกว่า 14 เล่นโซเชียลมีเดีย แนะ!! 'ครู-ผู้ปกครอง' สำคัญ ช่วยสร้างภูมิเท่าทันภัยโลกออนไลน์

(9 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยผลสำรวจจาก ‘อิปซอสส์’ (Ipsos) บริษัทวิจัยการตลาดและสำรวจความคิดเห็นระดับโลก พบว่า มีชาวมาเลเซียถึง 71% เห็นด้วยกับการจำกัดการเข้าถึงโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี

โดยผลโพลการติดตามการศึกษาของอิปซอสส์ ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของผู้คนในมาเลเซีย ไทย, อินโดนีเซีย, และสิงคโปร์ ระบุว่า มาเลเซียเป็นประเทศที่มีผู้คนคิดเห็นตรงกันในเรื่องนี้มากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก ‘อินโดนีเซีย’

"ชาวมาเลเซียระมัดระวังการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของเด็กๆ มากที่สุด ขณะที่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้สมาร์ตโฟนและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโรงเรียนนั้นแตกต่างกันออกไป" ผลสำรวจระบุ

ต่อมา ผลสำรวจยังพบว่าชาวมาเลเซีย 51% มองว่าควรห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปีใช้สมาร์ทโฟนทั้งในระหว่างคาบเรียนและหลังเลิกเรียน ส่วนอีก 29% เห็นด้วยว่าควรห้ามใช้โมเดลภาษาเอไออย่างแชทจีพีที (ChatGPT)

ขณะเดียวกัน ชาวมาเลเซีย 56% เชื่อว่าครูและโรงเรียนควรมีหน้าที่ในการสอนความรู้ด้านดิจิทัลและความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ด้าน 39% มองว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของผู้ปกครอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top