Sunday, 12 May 2024
โรคมะเร็ง

‘ประกันสังคม’ คุ้มครองการรักษา ‘โรคมะเร็ง’ แก่ ‘ม.33-39’ ยัน!! หากตรวจพบสามารถใช้สิทธิรักษา ‘ฟรี’ 20 ชนิด

(9 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้การคุ้มครองด้านการรักษาโรคมะเร็งแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจนสิ้นสุดการรักษา หากเข้ารับการรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) แต่ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) และมีความจำเป็นที่ต้องให้การรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็ง เคมีบำบัด รังสีรักษา ให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี

นายคารม กล่าวว่า สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง สามารถเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งได้ 20 ชนิด ประกอบด้วย…

1.โรคมะเร็งเต้านม 
2.โรคมะเร็งปากมดลูก 
3.โรคมะเร็งรังไข่  
4.โรคมะเร็งมดลูก 
5.โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก 
6.โรคมะเร็งปอด 
7.โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ตรง 
8.โรคมะเร็งหลอดอาหาร 
9.โรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี 
10.โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 
11.โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 
12.โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 
13.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบลิมฟอยด์ในผู้ใหญ่ 
14.โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในผู้ใหญ่
15.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่ 
16.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันในผู้ใหญ่แบบ Acute Promyelocytic leukemia (APL) 
17.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่ 
18. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมัยอีโลมาในผู้ใหญ่ 
19.โรคมะเร็งกระดูกชนิด Osteosarcoma ในผู้ใหญ่
20.โรคมะเร็งเด็ก

นายคารม กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน มุ่งยกระดับมาตรฐานการให้บริการครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ผู้ประกันได้คลายความกังวลเมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ จังหวัด สาขาทุกแห่ง หรือ สายด่วน 1506

'หมอป่วยมะเร็งหนัก' ขอตั้งมั่นใช้เวลาที่เหลือถ่ายทอดความรู้แพทย์ เตือนผู้คน!! อย่าเครียด โหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดีๆ

(28 พ.ย. 66) นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู โดยหลังจากที่คุณหมอสมรส เคยออกมาเปิดเผยถึงการป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ไปแล้วนั้น 

ล่าสุดคุณหมอได้โพสต์อัปเดต ระบุว่า รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก จนผมร้องไห้

1.หลังผ่าตัดมะเร็งที่แพร่ไปต่อมน้ำเหลืองที่คอไม่ถึงสองสัปดาห์ ผมยังไปบรรยาย TMS ไปเข้าร่วมได้สามงาน ก็เข้าใจว่าตัวเองแข็งแรงพอสมควร จิตใจเข้มแข็งระดับนึง

2.แต่หลังจากกลืนแร่ไอโอดีนความเข้มข้นสูง 3 เท่าไปแค่วันเดียว มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลายรอบ ปวดมวนท้อง เจ็บจุกแน่นลิ้นปี่ แสบร้อนกลางอก ร้อนปลายเท้าปลายมือ ปวดจนลุกไม่ไหว คลื่นไส้ตลอดเวลา สงสัยเป็นหลอดอาหารอักเสบและกรดไหลย้อน (อาจจะของเดิม + หลังกลืนแร่ ร่างกายอ่อนแอ)

3.vdo call ไปหาพ่อ แม่ และพี่สาว ร้องไห้ให้สามคนนั้นเห็น เพราะกินอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้ำเปล่า อาเจียนตลอด ทรมานมาก ๆ เข้าใจคนไข้ได้เคโมเลย

4.บ่ายวันนั้นมีการ revise CPG (ทบทวนแนวทางการรักษาโรคของประเทศไทย) จำเป็นต้องฉีดยาและให้น้ำเกลือ จนพอที่ฝืนสังขารประชุมทั้งเช้าและบ่ายได้ หลังเสร็จก็นอนซมต่อ ต้องขอบพระคุณอาจารย์เจ้าของไข้ คุณหมอ resident และพี่พยาบาล ที่คอยช่วยดูแลครับ

5.หลังออกจากโรงพยาบาลอาการก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปรึกษาอาจารย์ทางเดินอาหาร GI Med และพี่ ๆ แนะนำควรกินยา 5 ตัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งชีวิตแทบไม่กินยาเกี่ยวกับทางเดินอาหารเลย แต่ทนไม่ไหวจริง ๆ ทรมานมาก

6.วันนี้ค่อย ๆ ดีขึ้นช้า ๆ จนสามารถพิมพ์โพสต์นี้ได้ด้วยตนเอง (ผมพิมพ์สัมผัส การพิมพ์ง่ายกว่าการพูด) ไม่อยากคุยกับใครเลยเพราะจุกแน่นหน้าอกตลอดเวลา

7.นึกภาพแต่ก่อนอาจารย์ทางเดินอาหาร GI med จะส่งคนไข้กรดไหลย้อนหรือกระเพาะอักเสบ GERD, dyspepsia, IBS มาให้ผมฝังเข็ม เสริมกับการกินยา ซึ่งก็สามารถช่วยคนไข้ได้หลายคน แต่ไม่คิดว่าวันนึงต้องมารักษาตัวเองเพราะอาการรุนแรงมากแบบเดียวกัน

ป่วยรอบนี้ ตกผลึกอะไรหลาย ๆ อย่าง 

8.ทางโลก ผมกำหนดเส้นตายไว้ 2 ปี จะถ่ายทอดความรู้และประสบกาณ์การทำ TMS ทั้งหมดที่ผ่านมา 11 ปี ที่เรียนมาจากยุโรปโดยตรง ให้อาจารย์ในโรงเรียนแพทย์เป็นหลักก่อน ให้ท่านทำวิจัยที่เห็นผลลัพธ์จริงอย่างชัดเจน จนนำไปสู่การทำวิจัยคุณภาพสูง เช่น double blinded randomized sham control trial บน paradigm ใหม่และ network neuroscience 

9.จะสนับสนุนให้งานวิจัยของคนไทย มากพอจนเพิ่ม TMS ลงใน CPG ของประเทศและโลกนี้ได้ 

มีหลาย ๆ โรคที่ผมไม่ได้ประชาสัมพันธ์หรือสอนเพราะมันซับซ้อน มีความเสี่ยงหากใช้ไม่เหมาะสม เป็นทักษะมือที่ไม่ใช่แค่อ่านงานวิจัยแล้วจะทำได้ผลดีปลอดภัย หรือไม่สามารถสอนในงานประชุมแค่ 2 วันได้ ต้องใช้เวลา 20 ชั่วโมงขึ้นไป จะสอน skill มือที่ไม่มีเขียนใน papers จะช่วย critic งานวิจัยต่าง ๆ ว่าเค้าไม่ได้บอกอะไรไว้บ้าง อีกอันที่อยากถ่ายทอดไว้คือ scientific acupuncture 

10.ทางธรรม ผมจะเพิ่มสัดส่วนทางธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2 ปี มีแนวโน้มจะตัดเรื่องทางโลกออก  90% อาจสร้างสถานปฏิบัติธรรมหรือวัดขึ้นมาเอง ให้สอดคล้องกับพุทธวจน พระไตรปิฎกและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ช่วยให้คนพ้นทุกข์ในอีกรูปแบบนึง

11.ด้วยความรู้ scientific buddhism ที่ลิงก์กับ neuroscience, astronomy, cosmology แต่ต้องปฏิบัติให้ตกผลึกให้รู้จริงก่อนที่จะไปสอนใคร ถ้าตัวเองละสังโยชน์ได้ 3 ข้อ ก็จะเผยแผ่คำสอนทั้งไทยทั้งอังกฤษไปทั้งโลก

12.จะปฏิเสธเยอะขึ้น ใน 2 ปีจากนี้ คนไข้กลุ่มไหนที่ทำให้ผมทุกข์มาก อธิบายเยอะแล้วก็ไม่เข้าใจแบบวิทยาศาสตร์ มีความเอาแต่ใจสูง ร่างกายผมคงรับไม่ไหว อาจจะต้องลดการรับเคสแบบนี้ลง 
หรือใครที่ร่วมงานกันแล้วทำให้ผมทุกข์มาก พยายามปรับตัวกันแล้วแต่ไม่ได้ ก็คงต้องลดการพบปะลง 
ตอนนี้ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงต้องปฏิเสธคนที่ไม่ใช่ออกให้มากที่สุด ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ ชีวิตผมเหลือน้อยแล้ว ผมอาจจะดีไม่พอสำหรับทุกคน ผมเหนื่อยกับการเป็นมะเร็งรอบที่สามแล้ว

13.จะสร้างองค์กรสร้างระบบให้ยั่งยืน ผมจะหาคนที่มีจริต มีศีลธรรม มี mindset และปัญญาเสมอกันมาช่วยกัน จะถ่ายทอดความรู้ทุกสกิลให้คุณหมอและทีมงานทั้งหมด สอนวิธีสร้างองค์ความรู้และ connection สายตรงจากยุโรป เพื่อให้ทุกคนในองค์กรได้พัฒนาตัวเองต่อไปแม้จะไม่มีผมแล้ว 

เดี่ยวจะพยายามหา CFO, CHRO, CMO, คุณหมอ นักกายภาพ ตัดต่อวิดีโอ Dogotal Platform เพื่อนร่วมงานหลายสาขามา ค่อย ๆ ร่วมทีมกันมากขึ้นในปีหน้า

14.สุดท้าย ขอบพระคุณอาจารย์ พยาบาล พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยดูแล สนับสนุน ให้คำปรึกษา ให้หนังสือ บางท่านส่งโปรตีนมาให้ทาน (ซึ่งช่วยได้มากเพราะกินอะไรไม่ได้เลย แล้วเป็นโปรตีนสำหรับคนไข้มะเร็งโดยตรง) บางคนจะมาช่วยบริหารงาน บางคนช่วยเรื่อง iT เรื่องสถิติเรื่อง Ai ผมซาบซึ้งทุกท่านจริง ๆ ขอบคุณคุณหมอและน้อง ๆ ในทีมที่ช่วยกันดูแลคนไข้ และขอบคุณคนไข้ที่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำถูกต้องอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับ 

รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก มากจนผมร้องไห้เลย 

นพ.สมรส #สู้ดิวะ #DrSomros

ปล. ไปทำประกันสุขภาพกันด้วยนะครับ จากใจคนไม่มีประกัน T _ T 

ปล 2. เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะครับ อย่าเครียดมาก อย่านอนดึก อย่าโหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดี ๆ จะได้ไม่ต้องมาทรมานแบบผมนะครับ

4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ‘WHO’ กำหนดให้เป็น ‘วันมะเร็งโลก’ สร้างความตระหนักรู้ ให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็ง

องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การสหภาพต่อต้านมะเร็งระหว่างประเทศ (UICC) ได้กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วโลก มีความรู้ มีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งได้แก่ ‘มะเร็งสามารถป้องกันได้’  

โดยโรคมะเร็งนั้น ถือเป็นวายร้ายคุกคามสุขภาพอันดับต้นๆ ในศตวรรษที่ 21 โดยใกล้จะแซงหน้าโรคระบบหลอดเลือดและหัวใจเต็มที ทุกวันนี้เราแทบทุกคนมีคนใกล้ตัวที่เคยเผชิญหรือเฉียดใกล้กับโรคมะเร็ง การรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในหมู่ประชาชนทั่วไปจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ในงานประชุม World Summit Against Cancer ที่ปารีส ตัวแทนจากประเทศต่างๆ ได้ร่วมกันกำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันมะเร็งโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อรวมพลังกันช่วยชีวิตและปกป้องผู้คนหลายล้านคนจากโรคมะเร็ง ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคมะเร็งในทุกๆ ด้าน และร่วมกันผลักดันให้เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของรัฐบาลหรือหน่วยงานในภาครัฐของแต่ละชาติ

จากสถิติพบว่าในช่วงปี 1990 มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 8.1 ล้านคนในแต่ละปี จนเป็น 18.1 ล้านคนต่อปี ในปี 2018 และยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมะเร็ง 3 อันดับแรก คือ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และมะเร็งลำไส้ และคาดการณ์ว่าหากทั่วโลกยังไม่ลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ภายในปี 2030 จะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งจะมากกว่า 13.1 คนต่อปี

อย่างไรก็ตาม กว่าร้อยละ 40 ของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยอยู่ในปัจจุบันนั้น มีทางป้องกันและรักษาได้ ทำให้จำนวนผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ผลลัพธ์อันน่าทึ่งจากการทุ่มเทศึกษาวิจัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ เรื่องโรคมะเร็งในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น วิธีวินิจฉัยโรค ตัวยาที่ใช้ ขั้นตอนการรักษา และการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการรักษา ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถอุ่นใจได้ว่า ต่อให้พบว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็ยังรักษาให้หายได้ถ้าเราตั้งใจจริง

มะเร็งนั้นเป็นภัยร้ายที่คุกคามทุกคนได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในทวีปใด จะร่ำรวยหรือยากจน จะเป็นข้าราชการระดับสูงหรือผู้อพยพก็ตามที วันมะเร็งโลกจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อย้ำเตือนว่า หนทางไปสู่ประกายแสง ณ เส้นขอบฟ้าแห่งการมีสุขภาพที่ดีได้ ก็คือ การร่วมกันรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจในการป้องกัน ตรวจสอบ และรักษาโรคมะเร็งอย่างรวดเร็ว ให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ดังคำขวัญประจำวันมะเร็งโลกที่ว่า ‘I Am and I Will’ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเดินร่วมกันไปสู่วันที่โลกไร้มะเร็งได้

‘คิงชาร์ลส์ที่ 3’ แห่งอังกฤษ ถูกวินิจฉัยป่วยเป็น ‘มะเร็ง’ หลังแพทย์ตรวจพบระหว่างรักษาต่อมลูกหมากโต

(6 ก.พ.67) สำนักพระราชวังบักกิงแฮมของอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง หลังจากที่แพทย์ตรวจพบความผิดปกติระหว่างทรงเข้ารับการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตเมื่อไม่นานมานี้

อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังบักกิงแฮมไม่ได้ระบุว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ ระบุแค่เพียงว่า วันนี้ (6 ก.พ.) พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการรักษาตามปกติ ในระหว่างนี้ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้เลื่อนการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ออกไปก่อน แต่สามารถทรงงานกิจการของรัฐและงานเอกสารราชการได้ตามปกติ

“พระองค์ทรงเลือกที่จะแบ่งปันผลการวินิจฉัยของพระองค์เพื่อป้องกันการคาดเดา และหวังว่าจะช่วยให้สาธารณชนเข้าใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งทั่วโลก” สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ระบุในแถลงการณ์

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. สำนักพระราชวังบักกิงแฮม เปิดเผยว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้เสด็จออกจากโรงพยาบาลลอนดอน คลินิก แล้วหลังจากประทับมาตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. เพื่อรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต

รายงานข่าวระบุว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 พระชนมายุ 75 พรรษา กลับมามีพระพลานามัยแข็งแรงอีกครั้งหลังจากรับการรักษา โดยสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จเยี่ยมพระสวามีทุกวัน และอยู่เคียงข้างพระองค์ในวันที่เสด็จออกจากโรงพยาบาล

‘หญิงสิงคโปร์’ ตัดสินใจจัด ‘งานศพคนเป็น’ ให้ตัวเอง หวังบอกลาคนที่รักครั้งสุดท้าย ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็ง

(20 ก.พ. 67) กลายเป็นไวรัลสุดเศร้าในโลกออนไลน์ หลังสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานถึงภาพวาระสุดท้ายในชีวิตของ ‘มิเชลล์ อึ้ง’ (Michelle Ng) หญิงสาวชาวสิงคโปร์ วัย 29 ปี ตัดสินใจจัดงานศพให้ตัวเองในบรรยากาศสุดอบอุ่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่รัก

โดยเชิญเพื่อนกับญาติ 30 คน มาร่วมงานเลี้ยง เพื่อเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะจากไปเพราะโรคมะเร็งในอีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น

ตามรายงานระบุจากข้อมูลของ ‘HCA Hospice Care’ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่จะให้ความช่วยเหลือ ดูแลแบบประคับประคองแก่ผู้ป่วย งานศพนี้มีการจัดเลี้ยงอาหาร และนักร้องมาร้องเพลง ไม่ต่างไปจากงานวันเกิด

ในคำเชิญที่มิเชลล์ส่งให้แขกที่มาร่วมงาน เธอยังสนับสนุนให้ทุกคนเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายให้เธอ รวมถึงมีการนำหนังสือมาแลกเปลี่ยนกับญาติ และเพื่อนคนอื่น ๆ

มิเชลล์กล่าวในงานว่า “ฉันอยากจะแบ่งปันความรัก อาหาร ดนตรี และหนังสือกับเพื่อน ๆ” และบอกอีกว่า “ฉันอยากจะเรียกงานนี้ว่างานศพที่มีชีวิต… ฉันคิดว่าความตายอยู่ใกล้ใจเรามากและไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ขอบคุณที่ทำให้ฉันมีความสุขมากในวันนี้ ขอบคุณมากที่มา ฉันรู้สึกขอบคุณทุกเสียงหัวเราะที่ได้ยินและทุกรอยยิ้มที่ฉันเห็น”

อย่างไรก็ดี เดิมที มิเชลล์ เป็นนักวิ่งและนักปั่นตัวยง แถมยังมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ขณะที่ชีวิตกำลังไปได้สวยทุกอย่างก็ต้องหยุดลง เมื่อเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งรังไข่ ขณะมีอายุเพียง 27 ปี

กระทั่งในช่วงสิ้นปี 2565 มะเร็งได้ลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย อีกทั้งการรักษา ก็ไม่ทำให้อาการของเธอดีขึ้น

จากนั้นเธอจึงตัดสินใจอยู่บ้าน และใช้เวลาอยู่กับญาติ ๆ ให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ ก่อนรู้ว่าตัวเองเหลือเวลาอยู่อีกไม่นาน จึงตัดสินใจจัด ‘งานศพคนเป็น’ ให้ตัวเองขึ้น เพราะอยากใช้วันสุดท้ายของชีวิตที่บ้านของเธอ ท่ามกลางคนที่เธอรักและรักเธอ

โดยงานศพในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 หลังจากนั้น ผ่านไปได้ 10 วัน มิเชลล์ก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวันที่ 2 ม.ค.67 ที่ผ่านมา

ลูกสาวชูวิทย์ ลงสตอรี่ไอจี สยบทุกข่าวลือ ย้ำ!! คุณพ่อยังไม่เสียชีวิต โชว์ภาพชูวิทย์ ยิ้มสดใส ให้กล้อง

(30 มี.ค.67) จากกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้เดินทางไปรักษาตัวจากโรคมะเร็งในต่างประเทศ ตั้งแต่ พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนแล้ว

ล่าสุด ต๊ะ ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ลูกสาวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับคุณพ่อชูวิทย์ ลงในสตอรี่ไอจี บัญชี trakarntakamolvisit โดยภาพดังกล่าวคาดว่าถูกถ่ายที่ต่างประเทศ โดย นายชูวิทย์ มีใบหน้าสดใสยิ้มแย้มให้กล้อง

โดย ต๊ะ ตระการตา ระบุข้อความไว้ในภาพว่า “มีข่าวลือว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ขอย้ำนะคะ พ่อต๊ะยังไม่ตายนะคะ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top