Saturday, 7 June 2025
แบรนด์สินค้า

'Mission To The Moon' เผย!! แบรนด์ใหญ่ในสหรัฐฯ เริ่มเลี่ยงเอี่ยว 'การเมือง' หวั่น!! พาแบรนด์ไปพัง พร้อมเลือกใช้ 'เหล่าอินฟลูฯ' ที่ไม่คลั่งการเมืองมากขึ้น

ไม่นานมานี้ Mission To The Moon ได้นำเสนอบทความที่สืบเนื่องจากแบรนด์ใหญ่ในสหรัฐฯ เริ่มปรับทิศทาง ไม่นิยมจ้างอินฟลูฯ ที่ตื่นรู้ทางการเมือง โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่า...

ปัจจุบันนี้อาชีพ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ถือเป็นสายงานที่มาแรงและสร้างกำไรให้กับตัวคนทำ รวมถึงบริษัท และแบรนด์ผู้จ้างได้อย่างมากมายมหาศาล

ด้วยพลังของโซเชียลมีเดียที่ผนวกกับพลังของความคิดสร้างสรรค์ ทำให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพก็สามารถสร้างคอนเทนต์ พัฒนาทักษะการเล่าเรื่องและตัดต่อ รวมถึงค่อยๆ เก็บเกี่ยวความนิยมจนกลายมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นความนิยมในตัวของอินฟลูเอนเซอร์เองก็ยังสามารถต่อยอดมูลค่าได้อีกมากมาย เช่น ทำแบรนด์เป็นของตัวเอง เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าคนที่มาสายอาชีพนี้จะประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้าทุกคน

เพราะความผันผวนรอบทิศทางทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในตลาดแรงงาน ยิ่งในอุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ที่มีทั้งระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่ ทั้งอินฟลูเอนเซอร์ที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรงของแบรนด์ได้ และอินฟลูเอนเซอร์ที่อาจเพิ่มโอกาสใหม่ๆ หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กับแบรนด์

แต่ก็ใช่ว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง และมียอดผู้ติดตามสูงๆ จะได้รับโอกาสจากทุกแบรนด์ เพราะผู้จ้างเองก็ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของอินฟลูเอนเซอร์ ลักษณะของกลุ่มผู้ติดตาม รวมไปถึงประเด็นความอ่อนไหวอื่นๆ ที่อาจกระทบกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย และหนึ่งในประเด็นที่อาจเรียกได้ว่าอ่อนไหวจนถึงขั้นทำให้อินฟลูเอนเซอร์บางคนกลายเป็น ‘โปรไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง’ ต่อแบรนด์ก็คือเรื่องการเมืองนั่นเอง

>> เพราะ ‘การเมือง’ คือเรื่องอ่อนไหวในโลก Marketing
การทำการตลาดให้กับสินค้าและแบรนด์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing) มีอิทธิพลกับสร้างการรับรู้และกำไรให้กับแบรนด์สูงมากจริงๆ และแบรนด์ต่างๆ เองก็พร้อมที่จะลงทุนเม็ดเงินมหาศาลเพื่อทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง เช่น Walmart, Kraft Heinz หรือ Coca-Cola

โดยจากการรายงานของ CNBC มีการคาดการณ์ว่า Creator Economy หรือเศรษฐกิจจากการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของเหล่าครีเอเตอร์จะมีมูลค่าถึง 528 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และสิ่งที่เป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจรูปแบบนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างคอนเทนต์กับแบรนด์ หรือบริษัทที่ลงโฆษณา

โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ความเห็นทางการเมืองมักประกอบสร้างขึ้นมาจากทฤษฎีสมคบคิด และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ยิ่งต้องระมัดระวังในเรื่องของคอนเทนต์ที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากมีการคว่ำบาตรอินฟลูเอนเซอร์เกิดขึ้น คนที่จะโดนผลกระทบหนักที่สุดก็คือแบรนด์ที่เป็นผู้จ้างนั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นการที่คอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ที่แบรนด์จ้างไปอยู่ใกล้กับคอนเทนต์อื่นๆ ที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง ก็จะทำให้ส่งผลต่ออัลกอริทึม ยอดการเข้าถึง และอาจส่งผลกระทบไปถึงทัศนคติที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงต้องมีการศึกษาภาพลักษณ์ของอินฟลูเอนเซอร์ในตลาดเป็นอย่างดี เพื่อพิจารณาถึงกำไร ผลประโยชน์ รวมไปถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ คริชนา สุบรามาเนียน (Krishna Subramanian) ผู้ก่อตั้ง Captiv8 บริษัทการตลาดกล่าวว่า แบรนด์ต้องการที่จะรู้ว่าพวกเขาต้องเผชิญความเสี่ยงอะไรบ้าง ถ้าพวกเขาจะจ้างอินฟลูเอนเซอร์สักคนเพื่อทำการตลาดให้กับสินค้า

โดยเครื่องมือ AI ของ Captiv8 จะแบ่งเกรดของอินฟลูเอนเซอร์หรือเน็ตไอดอลในสหรัฐฯ ออกเป็นระดับต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจของแบรนด์ เช่น...

- เกรด A หมายถึง ‘โปรไฟล์ที่ปลอดภัย’ หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่นำเสนอคอนเทนต์ที่มีความอ่อนไหวทางสังคม
- เกรด C ที่หมายถึง ‘โปรไฟล์ที่ต้องระวัง’ หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่พูดถึงเรื่องการเมือง และประเด็นอ่อนไหวทางสังคมบ่อย ๆ
- รวบรวมและวิเคราะห์เนื้อหาที่เป็นประเด็น เช่น ประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อน ความตายและสงคราม คำพูดที่สร้างความเกลียดชังจากตัวครีเอเตอร์จากการรายงานข่าว

นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัท Viral Nation ผู้ให้บริการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียที่สร้างบริการ Advanced Brand Safety ในการช่วยวิเคราะห์คำสำคัญและตรวจจับคอนเทนต์ที่อาจเป็นประเด็นอ่อนไหว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ในภายหลังได้

>> ตระหนักรู้ทางการเมืองอย่างไรไม่ให้กระทบกับ ‘ภาพลักษณ์’ ของเรา?
แม้ว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจะให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ในโลกธุรกิจกลับไม่เป็นเช่นนั้น ความคิดเห็นที่ของคนที่มีอุดมการณ์ขัดแย้งกันอาจทำให้เกิดอคติขึ้น ส่วนแบรนด์เองก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกับอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้หลายแบรนด์ไม่สามารถลอยตัวเหนือดรามาที่เกิดขึ้นได้

แต่การจะทิ้งอุดมการณ์ไปเลยก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก เพราะยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับจุดยืนของแบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์ที่แบรนด์จ้าง ถ้าเช่นนั้นแล้วเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลายควรจะรับมือกับความต้องการของแบรนด์ และสถานการณ์การเมืองที่เพิกเฉยไม่ได้นี้อย่างไร?

>> แสดงออกอย่างมีมารยาท
ภาพลักษณ์และวิธีการสื่อสารของอินฟลูเอนเซอร์สำคัญอย่างมากในยุคนี้ โดยเฉพาะคนที่ใช้โซเชียลมีเดียทำมาหากินก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าทุกการโพสต์จะถูกเผยแพร่ และแชร์ต่ออยู่บนโลกออนไลน์ ดังนั้นความคิดและการแสดงออกของเราจะสร้างผลกระทบในอนาคตอย่างแน่นอน แต่จะเป็นผลดีหรือผลร้ายนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสารของเรา

>> เคารพในความเห็นที่ต่างกัน
อาชีพอินฟลูเอนเซอร์ทำให้เราได้พบเจอกับความคิดเห็นมากมาย ทั้งความเห็นที่คล้ายกับเราและความเห็นที่ต่างจากเรา ดังนั้นต้องเข้าใจว่าคนทุกคนสามารถมีมุมมอง ความคิดเห็นและอุดมการณ์ที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องเคารพในเหตุผลของทุกฝ่าย และไม่สร้างความขัดแย้งด้วยคำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง

>> คำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเอง
ในกรณีที่ประเด็นความอ่อนไหวนั้นเป็นเรื่องที่เฉพาะกลุ่มมาก ๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเราโดยตรง คนที่ทำอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์อาจจะต้องไตร่ตรองถึงความคุ้มค่าอย่างถี่ถ้วน ว่าการแสดงความคิดเห็นออกไปนั้นจะส่งผลกระทบอย่างไรกับภาพลักษณ์และอาชีพของเรา แล้วจะได้อะไรกลับมาคุ้มกับที่เสียไปหรือไม่?

สุดท้ายนี้ แม้ว่าเรื่องบางเรื่องอาจกำลังกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างน่าติดตาม แต่ในฐานะของผู้ประกอบอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้สร้างคอนเทนต์ออนไลน์จำเป็นจะต้องคำนึงถึงทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ผู้จ้าง ภาพลักษณ์ของตัวเราเอง และทัศนคติของโลกอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบกับประเด็นอ่อนไหวที่เกิดขึ้นด้วย

การคำนึงถึงทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบอย่างถี่ถ้วน จะช่วยให้เราระมัดระวังในการผลิตและเผยแพร่คอนเทนต์มากขึ้น มีการตรวจสอบที่รัดกุมมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของอินฟลูเอนเซอร์ให้ดูน่าเชื่อถือได้ และถ้าหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดขึ้น อินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ก็มีส่วนผิด และจำเป็นที่จะต้องแสดงการรับผิดชอบต่อแบรนด์ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดนั้นด้วยเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top