Friday, 17 May 2024
แท็กซี่

ครม.เคาะเยียวยาแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ ได้สูงสุด 1 หมื่นบาท จ่ายงวดแรก 8 พ.ย.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยใช้เงินจากพ.ร.ก.เงินกู้ กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ที่มีสิทธิทั้งหมด 16,694 คน ใน 29 จังหวัด ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทต่อเดือน โดยแยกเป็นกลุ่มแรก คือผู้ที่อยู่ใน 13 จังหวัดแรก ตามประกาศฉบับที่ 25 และ 28 จะได้รับการเยียวยา 2 เดือน หรือคนละ 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 16 จังหวัดตามประกาศ ฉบับที่ 30 ได้เยียวยา 1 เดือน 

สำหรับการดำเนินการจากนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และตรวจสอบข้อมูลผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท สำหรับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่าที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เฉพาะการผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกระหว่างวันที่ 8 - 12 พ.ย.นี้ และจ่ายเงินรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 - 26 พ.ย.นี้ต่อไป 

“โฆษกรัฐบาล” ชวน “โชเฟอร์แท็กซี่-วินจยย.” อายุเกิน65 ปี ในพื้นที่ 29 จ. ลงทะเบียนจองคิวรับเงินเยียวยาในระบบ ผ่าน “แอพฯDLT Smart Queue -เว็บไซต์ https:// gecc.dlt.go.th” ลดแออัด ก่อนยืนยันตัวตนที่ขนส่ง 25 พ.ย.นี้

นายธนกรนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และมาตรา 40 ที่ขับรถอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด โดย ผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทต่อคน ส่วน 16 จังหวัด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน ว่า

ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าเงื่อนไข มีรายชื่อในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก แบ่งเป็นผู้ขับรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่)ประมาณ12,000 คน และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ประมาณ 3,000 คน สามารถลงทะเบียนจองคิวรับบริการตั้งแต่วันที่18 ต.ค.-วันที่ 5 พ.ย.นี้ ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th มีผู้จองคิวผ่านระบบแล้วประมาณ 7,000 คน ถือเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและลดความแออัดตามมาตรการด้านสาธารณสุข ก่อนจะเปิดให้เดินทางมาลงทะเบียนด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันตัวตนและตรวจสอบเอกสารในวันที่  25 ต.ค. นี้

นายธนกร กล่าวว่า หลังจากจองสิทธิ์ในระบบแล้ว ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ต้องเดินทางมาลงทะเบียนด้วยตนเองเป็นการยืนยันศักยภาพในการขับรถสาธารณะ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ระหว่างวันที่ 25 ต.ค – 5 พ.ย.นี้ ที่อาคาร 6 ชั้น 7 กรมการขนส่งทางบก กลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-4 และกลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ โดยเตรียมเอกสาร ได้แก่ ใบคำขอเพื่อรับสิทธิช่วยเหลือ ที่จุดลงทะเบียน ,บัตรประจำตัวประชาชน ,ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ,บัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ กรณีรถเช่า ต้องมีข้อมูลทะเบียนรถที่เช่าขับและผู้ให้เช่ารถได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะทำการตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้เช่าก่อนรับสิทธิ รถที่ใช้ประกอบอาชีพต้องชำระภาษีครบถ้วน 

สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือจะจ่ายผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เฉพาะการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย.2564 สำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะและรถแท็กซี่ส่วนบุคคล และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย. 2564 สำหรับรถแท็กซี่ที่เช่าขับ 

'ตำรวจท่องเที่ยว' เตือน 'แท็กซี่' ไม่รับ ผดส. มีความผิด หากพบเจอ 'ถ่ายรูปรถ-ทะเบียนรถ' แจ้ง 1155 ได้ทันที

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 65) ที่ บช.ทท.พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่า กรณีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยร้องเรียนผ่านสายด่วนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 1155 เข้ามาถึงพฤติกรรมแท็กซี่ที่ปฏิเสธการรับและบริการผู้โดยสารในบริเวณแหล่งและสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาฝนตกหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างยิ่งนั้น 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้พิจารณาพฤติกรรมดังกล่าวของแท็กซี่แล้วเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของคนไทย และบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ซึ่งแน่นอนรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงขอถือโอกาสนี้ ขอแสดงความห่วงใยและฝากเตือนไปยังผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะทุกประเภทว่า ขอความกรุณาอย่าแสดงพฤติกรรมอันไม่มีความเป็นมืออาชีพกับนักท่องเที่ยวเลย เพราะจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก 

ขอเรียนว่า จนถึงปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวของไทยเรามาได้ดีแล้ว หลายสถาบันระหว่างประเทศที่ทำสำรวจความเห็นนักท่องเที่ยวก็มักบอกเสมอว่า ประเทศไทยเป็นที่หมายต้นๆ ของโลกด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น การกระทำที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเพียงคิดง่ายๆ ไม่คำนึงถึงภาพรวมของประเทศ จะส่งผลให้ภาพรวมของประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก

ตำรวจท่องเที่ยวเอาจริง รวบตัวแท็กซี่แสบ ส่งตำรวจท้องที่ ฐานทำภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย เรียกราคาเกินจริง -ปฎิเสธรับ 'นักท่องเที่ยว-ผู้โดยสาร'

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) พล.ต.ต.อภิชาติ  สุริบุญญา รอง ผบช.ทท และโฆษก บช.ทท.เปิดเผย จากกรณีที่ บช.ทท.ได้รับร้องเรียน ทาง 1155 จากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปฎิเสธ การรับผู้โดยสาร รวมถึงการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกฏหมายกำหนด จากรถรับจ้างสาธารณะนั้น 

ซึ่ง พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมายน ผบช.ทท.ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยในสังกัด บช.ทท. ให้กวดขันจับกุมผู้ขับรถสาธารณะที่ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางบก อย่างจริง เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการฝ่าฝืนการกระทำผิด ทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศซึ่งเป็นช่วงกำลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก ซึ่งนโยบายจากรัฐบาลเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ 

ในวันนี้ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.จิรัฏฐวัฒน์ กาญจนวรางกูร รอง ผกก.1 บก.ทท.1 ฯพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ทท.1 ได้ทำการจับกุม นายวิทูลย์ พิหูสูตร อยู่บ้านเลขที่ 359/527 หมู่ที่3 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการโดยกล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน “ปฏิเสธผู้โดยสาร”เหตุเกิดที่ บริเวณถนนข้าวสาร ชั้นจับกุม ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่ง พงส.สน.ชนะสงคราม เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

รายที่ 2 งานสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 ร่วมจับกุมผู้กระทำความผิด ชื่อนายสุพรหม อ่อนศรี
อายุ  43 ปี ความผิดฐาน "ไม่ใช้มาตรมิตเตอร์ (จ้างเหมา) "โดยจับกุมที่ บริเวณริณปากซอยถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.นำส่ง สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

แท็กซี่ซื่อสัตย์ รีบนำเงินส่งคืนผู้โดยสาร หลังพบว่าโอนค่ารถเกินกว่า 2.5 แสนบาท

(21 ต.ค. 65) นายศักรินทร์ อั๋นประเสริฐ อายุ 48 ปี แจ้งผ่านหมายเลขโทรฟรี 1644 ว่า...เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) เวลาประมาณ 20.00 น. ได้ใช้บริการรถแท็กซี่ แต่จำรายละเอียดไม่ได้ โดยเรียกรถจากแถว ๆ เทเวศน์ ไปลงที่ซอยพหลโยธิน 64 ค่าโดยสาร 253 บาท และใช้วิธีโอนเงินจ่ายไป จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้โชเฟอร์แท็กซี่ดูว่าโอนแล้วนะ แล้วก็แยกย้ายลงจากรถ 

ปรากฏว่าพอตื่นเช้ามา มาเช็กเงินในแอปโทรศัพท์มือถือ ก็ตกใจอย่างมาก เพราะเงินในบัญชีหายไปกว่า 2 แสนบาท จึงได้เช็กประวัติการใช้เงิน จึงทราบว่า ที่โอนเงินจ่ายค่าโดยสารแท็กซี่ไป จาก 253 บาท แต่กลับโอนไป 253,303 บาท และปลายทางที่โอนไปคือ คุณธนสรณ์ ทองดี

'แท็กซี่-สามล้อ-วินมอฯ' มีเฮ!! หลังรัฐลดภาษีประจำปี มีผลบังคับใช้แล้ว จ่ายแค่ 10% นาน 1 ปี

(9 พ.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปี สำหรับรถยนต์รับจ้างและรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (9 พฤศจิกายน2565) โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้างและรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปีในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ลงร้อยละ 90 ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบการรถสาธารณะทั้งรถยนต์รับจ้าง หรือแท็กซี่, รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์

นายกฯ สั่ง ทุกหน่วยงานรับมือผลกระทบต่อประชาชน วอน ปรับราคาแล้ว ต้องปรับปรุงคุณภาพการบริการด้วย

(13 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกโดยสาร และค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน ที่จดทะเบียนในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยประกาศดังกล่าว เป็นการให้ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557 

นายอนุชา กล่าวว่า ประกาศกระทรวงคมนาคมฯ พ.ศ. 2565 จะเริ่มมีผลบังคับให้มีการจัดเก็บค่าโดยสารแท็กซี่อัตราใหม่ ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2566 เป็นต้นไป นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามและมีความห่วงใยประชาชนที่โดยสารรถแท็กซี่ที่อาจมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า แม้การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารจะช่วยให้คนขับแท็กซี่มีรายได้ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมากขึ้น นายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นห่วงประชาชนที่โดยสารรถแท็กซี่ ที่อาจมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ติดตามผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในภาพรวมจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และเสนอแนะมาตรการทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ดังกล่าวต่อไปโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่าน

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับรู้ถึงความเดือดร้อนของคนขับรถแท็กซี่ ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย ในขณะที่ค่าจ้าง ค่าโดยสารรถแท็กซี่ ไม่ได้มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว จึงเป็นที่มาของการปรับค่าโดยสารในครั้งนี้ 

นายอนุชา กล่าวว่า เพื่อให้กลุ่มคนขับแท็กซี่ มีรายได้เพียงพอกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปกำกับดูแลเพิ่มเติมว่า เมื่อขึ้นราคาค่าโดยสารแท็กซี่แล้ว ก็ต้องปรับปรุงคุณภาพการบริการให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะต้องเข้มงวดในเรื่องมารยาทของคนขับรถ ความปลอดภัย ความสะอาด ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร และต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หากพบว่าแท็กซี่กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายที่กำหนดในเรื่องบทลงโทษต่อไปโดยไม่ละเว้น

นายอนุชา กล่าวว่า โดยรายละเอียดของประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกโดยสาร และค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 บางส่วนระบุถึงการกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สำหรับ (1) กรณีรถยนต์รับจ้าง ที่มีลักษณะเป็นรถเก๋งสามตอน รถเก๋งสามตอนแวน รถยนต์นั่งสามตอน และรถยนต์นั่งสามตอนแวน ให้กำหนด ดังต่อไปนี้...

‘บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล ขอบคุณชาวเเท็กซี่ ดูเเลผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ พร้อมรับปาก หากได้เป็นรัฐบาล จะช่วยดูเเลเรื่องค่าเเก๊ส-น้ำมันให้

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (12 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่วิดีโอคอลให้กำลังใจผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยหนึ่งในกลุ่มแท็กซี่ที่มาร่วมวิดีโอคอลกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ นายพัลลภ ฉายินธุ นายกสมาคมผู้ประสานงานรถรับจ้างสนามบินสุวรรณภูมิและกลุ่มที่ปรึกษาสมาคมชมรมรถแท็กซี่ อาทิ เช่น นายอำนาจ เผือกบาง และผู้ขับแท็กซี่หลายคนได้ร่วมวิดีโอคอลกับพลเอกประวิตร

โดยนายกสมาคมผู้ให้บริการแท็กชี่และรถรับจ้างกล่าวว่า สวัสดีพลเอกประวิตร ขอให้สู้ ๆ และก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ช่วยดูแลราคาค่าแก๊สและน้ำมันของรถแท็กซี่ด้วย

จากนั้น พลเอกประวิตร กล่าวทักทายให้กำลังใจผู้ขับขี่แท๊กซี่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นว่า ขอบคุณที่ให้กำลังใจตน ดังนั้นตนขอให้กำลังใจทุกคน และขอฝากให้ดูแลผู้โดยสารด้วย หากตนได้เป็นนายกฯ รัฐบาลจะลดราคาน้ำมันและแก๊สช่วยรถแท็กซี่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดนั้น กลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวจึงร้องเรียนมายังรัฐบาลขอความช่วยเหลือ 4 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท นำอาชีพแท็กซี่เข้าเป็นแรงงานนอกระบบ เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย เข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 39 รวมทั้งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

ทัวร์ลง 'สมาคมแท็กซี่ไทย' หลังออกคำแนะนำผู้โดยสาร  'ไม่เร่งแอร์-ไม่ลืมทิป-ไม่ยืนเรียกผิดฝั่ง' และอีกสารพัดเงื่อนไข

(28 ส.ค. 66) กลับมาเป็น ‘ดรามา’ ข้อถกเถียงในสังคมไทยอีกครั้งกับ ‘การใช้บริการรถแท็กซี่’ เมื่อเพจฟซบุ๊ก ‘สมาคมแท็กซี่ไทย’ เผยแพร่บทความ ‘ข้อแนะนำในการใช้รถแท็กซี่แบบสร้างความพึงพอใจร่วมกัน’ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.66 มี 6 ข้อ คือ

1.ยืนให้ถูกฝั่ง เพื่อเป็นการทำให้ผู้โดยสารได้รถไวขึ้นและลดการปฏิเสธของคนขับรวมถึงการตีเปล่า 
2.ถามก่อนขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการทำให้หงุดหงิดทั้งสองฝ่ายและเป็นการสร้างมารยาทในการใช้รถที่ถูกต้อง
3.อย่าลืมทิป กรณีมีสิ่งของเยอะ หรือให้คนขับพาลัดและอื่นๆ เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจต่อคนขับ
4.ไม่เรียกร้อง เข่น การขอเพลง ขอเร่งแอร์ ขอเปิดกระจก ขอแวะรับเพื่อน ขอจอดซื้อของ ขอให้บรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้คนขับเร่งแซงคันอื่น
5.ไม่รบกวนหรือแซงคิว เช่น การขอชาร์จไฟในรถ การใช้โทรศัพท์โดยเปิดลำโพง การแวะกดเงินหรือการขอให้คนขับออกเงินไปก่อน และควรเรียกแท็กซี่ตามคิวที่ออก
6.เรียกแกร็บแท็กซี่ กรณีชั่วโมงเร่งด่วนหรือสถานที่ที่คาดว่าอาจจะเรียกรถแท็กซี่ยาก เพื่อเป็นการลดอคติกับคนขับแท็กซี่โดยรวม

ในเวลาต่อมา วันที่ 26 ส.ค.66 เผยแพร่บทความ ‘สิ่งที่ผู้โดยสารควรรู้เวลาขึ้น TAXI’ ซึ่งมี 5 ข้อ ดังนี้

1.การเรียกรถ ไม่เรียกรถในลักษณะกระชั้นชิดหรือยืนในจุดล่อแหลม เช่น ทางร่วม ทางแยก ป้ายรถเมล์
2.การให้รถหยุด ไม่ควรให้คนขับหยุดจอดส่งบริเวณจุดห้ามจอด เส้นขาวแดง ซอยแคบ
3.การนั่งในรถ ไม่ปรับเอนเบาะเกินสมควร ไม่ยกเท้าขึ้นเบาะ ไม่พูดคุยส่งเสียงดังและไม่เปิดลำโพงรวมถึงทานสิ่งของทุกชนิด
4.การใช้รถ ระบุจุดหมายที่จะลงให้ชัดเจน ต้องการไปทางไหนแจ้งคนขับก่อนล่วงหน้า หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งคนขับเช่นเมารถหรือติดโควิด
5.การลงจากรถ เตรียมเงินให้พอดีและตรวจดูสิ่งของก่อนลงจากรถทุกครั้ง รวมถึงจดจำรถที่่นั่งด้วยทุกครั้ง

ล่าสุดวันนี้ ทางเพจได้โพสต์ภาพเป็นข้อความระบุว่า ประกาศ สมาคมแท็กซี่ไทย ชี้แจงข้อเท็จจริงการออกข้อแนะนำในการใช้รถแท็กซี่

1.เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมือง
2.เพื่อให้เกิดการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.เพื่อลดการทุจริตและข้อร้องเรียน
4.เพื่อสร้างบรรทัดฐานและมารยาทในการใช้รถแท็กซี่ที่ถูกต้อง

แน่นอนว่าเพจดังกล่าวเจอ ‘ทัวร์ลง’ ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด และแนะนำกันว่าให้ไปใช้บริการรถรับ-ส่งผ่านแอปพลิเคชันกันดีกว่า หากการเรียกแท็กซี่มันจะต้องยุ่งยากคิดเยอะขนาดนี้ ขณะที่ทางเพจก็ชี้แจงอยากให้เห็นใจกันบ้าง โดยเฉพาะต้นทุนค่าพลังงานที่แพงขึ้น แต่ก็ถูกสวนกลับว่าถ้าไม่ไหวขาดทุนก็เลิกไป หรือไม่ก็ต้องไปเรียกร้องกับรัฐไม่ใช่กับผู้บริโภค

‘นักดนตรีระดับโลก’ บรรเลงเพลง กลาง สน.ทองหล่อ หลังได้รับ ‘ไวโอลิน’ มูลค่า 18 ล้านบาท ที่ลืมไว้บนแท็กซี่คืน

(1 ก.ย. 66) สถานีวิทยุ จส.100 รายงานว่า ได้รับการประสานจาก สน.ทองหล่อ ให้ตามหาแท็กซี่ ที่รับชาวจีน เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค. 66 เวลา 23.10 น.จากร้านอาหารปักกิ่ง ซอยสุขุมวิท 26 ไปลงที่สุขุมวิท 31 เนื่องจาก ‘ชาวจีน’ เป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงระดับโลก ลืมกระเป๋ากล่องสีครีม ข้างในมีไวโอลินสีน้ำตาล-เหลือง 1 ตัว

จ.ส.ต.เกรียงไกร กรไธสง ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลว่า คนขับรถแท็กซี่ ชื่อ ‘คุณอุเทน เด่นขุนทด’ เนื่องจาก ผู้โดยสารชาวจีนโอนค่าโดยสารไปให้ ตำรวจ ช่วยตรวจสอบกล้องวงจปิดจุดที่ขึ้นลงแล้ว กล้องมองไม่เห็นทะเบียนรถ และไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ ผู้โดยสารชาวจีน คือ ‘คุณเซว เหว่ย’ (Xuē Wěi) นักไวโอลินชาวจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ในที่สุด สถานีวิทยุ จส.100 สามารถติดต่อคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ คือ คุณอุเทน ขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทห-2874 กทม.และได้ประสานส่งมอบกล่องไวโอลินให้กับคุณซุน ซึ่งเป็นเพื่อนของคุณเซว เหว่ย เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.66) ที่สน.ทองหล่อ

ขณะที่ คุณซุน ขอขอบคุณคนไทยมีน้ำใจจริงๆ เนื่องจาก ไวโอลิน มีความพิเศษ เป็นสมบัติที่ล้ำค่า มีคุณค่าทางจิตใจ เหมือนเป็นอาวุธของคุณเซว เหว่ย และอยากได้คืนมาก มีอายุ 200 กว่าปี มูลค่า 18 ล้านบาท เมื่อรู้ว่าลืมไว้บนรถแท็กซี่ คุณเซว เหว่ย มีความกังวลมาก ไม่ได้ทานข้าว และเมื่อรู้ว่า ติดต่อคุณอุเทน คนขับรถได้แล้วและได้รับของคืน รู้สึกดีใจมาก คุณเซว เหว่ย เดินทางไป-กลับ 3 ประเทศเป็นประจำ ไทย-อังกฤษ-จีน ครั้งนี้ก็มาอยู่ไทยนานพอสมควร หลังจากนี้ก็จะเดินทางกลับประเทศจีน

ในส่วนตัวคุณซุน ติดตามฟังสถานีวิทยุ จส.100 มาตลอด เพราะจะได้ทราบข้อมูลข่าวสารการจราจรในช่วงเช้า-เย็น

ขณะที่ คุณอุเทน เล่าว่า เมื่อรู้ว่า ผู้โดยสารลืมของไว้ในรถ ก็ขับรถวนกลับไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะติดต่อใคร จึงนำไวโอลินไว้ที่กระโปรงท้ายก่อน และบอกเจ้าของอู่ให้ทราบไว้ จากนั้นก็พักผ่อน เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นสายโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ จส.100 จึงได้โทรกลับและประสานงานกัน นำไวโอลินส่งมอบคืนให้คุณเซว เหว่ย และได้รับ Gift voucher เป็นสินน้ำใจด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top