Saturday, 18 May 2024
เสื้อแดง

อย่าโหนศพหาเสียง!! ‘นิพิฏฐ์’ โพสต์ฉะ ‘พิธา’ โหนคนเสื้อแดง แขวะแรง อย่ามารักแค่ตอนขึ้นเวทีปราศรัย

(6 มี.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…
.
เตือนคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วยความหวังดี

อ่านข่าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวหาว่า พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ มีส่วนฆ่าคนเสื้อแดง ในปี 2553 ผมย้อนอายุไปตอนนั้น คุณพิธาเพิ่งอายุ 20 ปี ไม่ทราบว่าตอนนั้นคุณพิธาอยู่ที่ไหน ได้ร่วมกับกระบวนการคนเสื้อแดงหรือเปล่า หรือ เพิ่งมานอนบนซากศพคนเสื้อแดงในปีนี้ ตอนนี้แปลกคุณพิธา เกิดรักคนเสื้อแดงขึ้นมาจนน้ำลายไหล ไม่ทราบว่าเคยไปเยี่ยม ไปดูแล ครอบครัวเขาบ้างหรือเปล่า หรือ เพิ่งรักตอนขึ้นเวทีหาเสียง

คุณพิธา เป็นคนฉลาด แต่แปลกไม่พูดความจริง และไม่พูดให้คนฉลาด

 

‘ขัตติยา’ ส.ส.เพื่อไทย ร้องขอความเป็นธรรมให้คนเสื้อแดง ลั่น!! ต้องรื้อฟื้นคดี ลาก ‘ทหาร’ ขึ้น ‘ศาลพลเรือน’ ให้ได้

(11 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 13 ปี การสลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553 โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

‘ขัตติยา สวัสดิผล’ ประกาศทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงอีก 62 ศพ ต้องรื้อฟื้นคดีและลาก ‘ทหาร’ ขึ้น ‘ศาลพลเรือน’ ให้ได้

ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวในงานรำลึกครบรอบ 13 ปี การสลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553 กล่าวทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงว่า จะรื้อฟื้นคดีเสื้อแดงที่ยังมีอีก 62 คดี ขึ้นมาฟ้องพร้อมกับเอาทหารที่ยิงประชาชนวันนั้น มาขึ้นศาลพลเรือนแทนศาลทหาร 

ขัตติยา สวัสดิผล กล่าวถึงความคืบหน้าในส่วนของคดีความคนเสื้อแดงว่า ในช่วงก่อนปี 2554 คดีคนเสื้อแดงรวมถึงคดีของคุณพ่อ (พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก) ไม่มีความคืบหน้า เพราะตอนนั้นพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้รับความเมตตาจากท่านทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติในปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นได้แนะนำแนวทางทางกระบวนการยุติธรรมให้ซึ่งต้องยอมรับว่าบรรยากาศตอนนั้นไม่ได้เปิดโอกาสให้เราค้นหาความจริงได้เลย 

แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2554 คดีความต่าง ๆ ของคนเสื้อแดงเดินหน้าคืบหน้าไปได้เร็ว เพราะเรามีสารตั้งต้นจากชั้นตำรวจ ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนกระทั่งนำไปขึ้นสู่ศาลได้ ซึ่งการที่เราสามารถพาคดีไปถึงศาลได้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าทั้งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จะใช้เทคนิคทางกฎหมายบอกว่าเราไม่สามารถยื่นฟ้องเขาในศาลอาญาได้ เราก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ไปฟ้องเขาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั้นหมายความว่า เราต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ และแม้จะน่าเสียดายที่ ปปช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีผลพวงจากรัฐประหารตีตกบอกว่า ทั้งคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพ ทำในฐานะผู้สั่งการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคนที่จะต้องไปเอาผิดคือทหารที่ปฏิบัติการอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์และแยกคอกวัว ถ้าเราจะเอาผิดคนดังกล่าว เท่ากับเราต้องเอาเขาไปขึ้นศาลทหาร

ขัตติยา กล่าวต่อว่าเรื่องนี้เราจะเดินหน้าต่อไม่หยุด พรรคเพื่อไทยถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาล จะทวงคืนสอบถามความยุติธรรมในคดีอีก 62 ศพที่เหลือ เราจะตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่า ในแต่ละคดีของทั้ง 62 คดีนั้น จะต้องไปยื่นฟ้องใครที่ศาลใดถึงจะสัมฤทธิ์ผลที่สุด ซึ่งตรงนี้จะเกี่ยวเนื่องกับ ปปช. ที่บอกไปว่า จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ถ้าคดีที่ ปปช. ชี้ว่าไม่มีมูล ประชาชนสามารถส่งให้อัยการสูงสุดชี้มูลได้ และถ้าอัยการสูงสุดไม่ชี้มูล ก็ต้องให้อำนาจประชาชนในฐานะผู้เสียหาย สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

‘อดีตการ์ดเสื้อแดง’ รอลุ้นรอดคุก ก.ย.นี้ รับสภาพเป็นแค่หมาล่าเนื้อ ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นต่อไป

(19 เม.ย.66) นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “เวลามีคนมาถามเรา ว่าพี่ต้องกลับเข้าไปอีกไหม เราก็จะบอกเลยว่า กลับ เพราะคดีของเรา โทษของเรา ศาลตัดสิน 6 ปี เราเพิ่งติดไปแค่ 10 เดือน ยังไม่ถึงครี่งของโทษทั้งหมด ทุกคนก็จะปลอบใจเสมอ ว่าคงไม่แล้วแหละ ถ้าฝั่งเราได้เป็นรัฐบาล พี่คงสบาย เราก็ได้แต่หวังไว้ และแอบหวังไว้ แต่ถ้าฝั่งเดิมขึ้นมา ก็ยาวไป”

“แต่ก็แอบบอกตัวเองเหมือนกัน เราแค่คนตัวเล็กไปคนนึง ใครเขาจะมาอะไรกับเรานักหนา เราไม่มีผลประโยชน์อะไร ที่จะตอบแทนให้เขา ทุกอย่างก็คงปล่อยไปตามเวรกรรมที่ทำมา แค่ตอนนี้ หากินไปวันๆ มีเงินจ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าเช่ารถไปทำงานบ้าง ค่าแท็กซี่บ้าง ส่วนหนี้สิน ก็จะพยายามทยอย คนที่พอจะคืนให้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ตามกำลังที่พอจะหามาได้”

'สลัดข้าง-สลายขั้ว' กระแสคนไทยกลับมารักกันเพราะมี 'ขั้ว' ล้มสถาบันฯ มาช่วยประสานใจ

ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการพูดถึงกระแส 'สลายขั้ว' ระหว่าง 'คนเสื้อเหลือง-คนเสื้อแดง' มากขึ้น แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปในทิศทางของการปรับความเข้าใจกัน และให้อภัยต่อเรื่องในอดีต เพื่อจับมือกันก้าวไปข้างหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ภายใต้จุดร่วมเดียวกัน คือ ธำรงไว้ซึ่ง 'ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์'

อย่างไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Peemai Sirikul' ซึ่งออกตัวว่า FC พี่โทนี่และพรรคเพื่อไทย และก็มักจะโพสต์ล่วงเกินฝั่งตรงข้ามบ่อย ๆ ก็ได้ออกมาโพสต์ด้วยว่า...

"ขอโทษพี่น้องเหลือง - สลิ่มเฟส 1 สิ่งใดที่ได้ล่วงเกินกันในอดีต ขออโหสิ นับจากนี้เราคือพี่น้องร่วมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดียวกัน ขอเชิญชวนทุกท่านสมานฉันท์ ปรองดอง"

โดยข้อความดังกล่าว ได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลมากมาย สร้างแรงกระตุ้นในขั้วเหลืองแดงในอดีตเริ่มรู้สึกถึงสปิริตที่อยากแสดงออกในห้วงเวลาที่ประเทศไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่ง

ประกอบกับความเคลื่อนไหวของต่างขั้วพรรคการเมืองที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำพาประเทศเดินหน้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเป็นไฮไลต์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นั้น ก็ยิ่งทำให้คนไทยเริ่มมองเห็นแสงสว่างขอการยุติสงครามสีอันยาวนานหลายทศวรรษลงได้แน่ ๆ

พร้อมทั้งเหลือเพียงสีของธงชาติไทยทั้งสาม ที่คนไทยจะกอดไว้เพียงหนึ่งเดียว

เพียงแต่ขั้วหรือสีที่ทำให้ 'เหลือง-แดง' เริ่มผสานกลมกลืน และสลายขั้วกันได้นี่สิ...จะอยู่ในฐานะอะไรต่อไป?

'กลุ่มคนเสื้อแดง' ให้กำลังใจ ‘พท.’ ตั้งรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง 9 ข้อสำคัญแก้ปัญหาประเทศ

(18 ส.ค. 66) นายชัชวาล กาญจนะหุต ประธานชมรมสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) และนายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมฯ และคณะเดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย และยื่นหนังสือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหลังจากเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วก็ขอให้รีบจัดตั้งรัฐบาลพร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาชาติและประชาชน โดยมี นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับมอบแถลงการณ์

โดยจุติพงษ์ ได้อ่านแถลงการณ์ จากคณะสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) ว่า

ด้วยขณะนี้การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พอเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อฯ เล็งเห็นว่าควรจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน โดยเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้...

1.ขอให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ในทันทีที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ใช้คนตรงกับงาน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนคนไทยเป็นการเร่งด่วน และประกาศพันธสัญญาในพรรคร่วมด้วยกัน ว่าจะไม่แก้ไข ม.112

2.ขอความร่วมมือจากบุคคล ผู้ที่เห็นต่างในการจัดตั้งรัฐบาล เคลื่อนไหวทำกิจกรรมในกรอบของกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับฝ้ายสนับสนุน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด

3.ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม ได้โฟกัสแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เป็นกรณีเร่งด่วน โดย การจัดลำดับดังนี้...

3.1 การยืนยันจะมอบเงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทดิจิทัล ให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปโดยเร็ว โดยหลีกเสี่ยงเงื่อนไขอุปสรรคที่เป็นเรื่องปลีกย่อย

3.2 คืนความชอบธรรม ให้กับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยไม่มีข้อกำหนด ในการจัดชั้นคนจน-คนรวย ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

3.3 ดูแลเอาใจใส่ผู้ประกอบการ SME, ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ, สินเชื่อรายบุคคล ในเรื่องการบรรเทาการชำระหนี้ และการสนับสนุนด้านการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

3.4 ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้จริงผ่าน สสร.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

3.5 ดูแลลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทุกประเภททันที ทั้ง ค่าไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำประปา, ก๊าชภาคขนส่งและก็าซหุงต้ม เป็นต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการประกอบการด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ

3.6 เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ใช่คดี 112 ได้กลับ ในฐานะผู้บริสุทธิ์ประเทศอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ

3.7 การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ให้จัดลำดับไปอยู่ท้าย ๆ อาทิเช่น เรื่อง สุราก้าวหน้า, สมรสเท่าเทียม เป็นต้น แต่ขอให้ไปสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว, การนำเงินตราเข้าประเทศ, การส่งแรงงานไปต่างประเทศ เป็นต้น

3.8 เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด เหมือนในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

รวมทั้งเข้าไปดูแล ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจริงจัง

3.9 ขอความกรุณานักปั่นข่าวทั้งหลาย และเกรียนคีย์บอร์ด เพื่อเห็นแก่พี่น้องประชาชน กรุณาลดการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตนเองคาดการณ์ สิ่งที่ไม่มีความจริง เพราะทำให้ประเทศบอบช้ำมามาก และร้องขอไปยังพรรคเพื่อไทย ให้ดำเนินการกับนักปั่นข่าวพวกนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

ด้าน นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคฯ รับเรื่อง พร้อมระบุว่า จะพยายามเร่งดำเนินการตามนโยบายที่พรรคฯ หาเสียงไว้อย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคอื่น ๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปองดองสมานฉันท์ ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนจึงขอวิงวอนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน

นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำข้าวต้มมัดใหญ่จำลอง ที่ประดิษฐ์จากโฟมมัดด้วยเชือกไนลอน พร้อมแกะให้เห็นภายใน ว่าทุกอย่างมีสองด้าน เพราะข้าวต้มมัดมีสองซีก โดยหนึ่งเป็นข้อความที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ นโยบายต่าง ๆ ที่ขอให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง

'ดร.สุวินัย' ฟันธง!! ขั้วขัดแย้งเหลืองแดงยาวนานกำลังสลายตัว 'คนไทย-สังคมไทย' ก้าวสู่ Land of Compromise อย่างแท้จริง

(30 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'แลไปข้างหน้า' โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- การสลายขั้วขัดแย้งเหลืองแดงที่ดำรงมายาวนานกว่า 15 ปี ... นี่คือ ‘ข่าวดี’ สำหรับคนไทยและสังคมไทย Land of Compromise

- พร้อม ๆ กับการปรับตัวของ ‘ระบบการเมืองไทย’ ที่กลับสู่การเมืองแบบธนาธิปไตย หรือ Money Politics ในสมัยพรรคไทยรักไทย ปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน ... ก่อนที่จะเกิด ‘การเมืองที่แบ่งขั้วขัดแย้งรุนแรง’ (polarized politics) 

- ตามมาด้วยการยุติ หรือหมดหายไปของ ‘วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย vs ฝ่ายเผด็จการ’ ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อครอบงำคนเสื้อแดง (เพื่อไทย) และด้อมส้ม (ก้าวไกล) ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

- รัฐบาลใหม่ที่ครองอำนาจรัฐได้ อันที่จริงคือ เพื่อไทย+รัฐบาลชุดเดิม ที่เขี่ยก้าวไกลออกจากวงจรอำนาจให้กลายเป็น ‘พรรคฝ่ายค้านถาวร’ ของระบบการเมืองไทย

- การกลับเมืองไทย เพื่อ ‘ติดคุกแบบ VVIP’ ของโทนี่ ... มิใช่การฟื้นคืนชีพของ ‘ระบอบทักษิณ’ อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้น แต่ควรมองว่า เป็นการปรองดองทางการเมืองระหว่างตระกูลชินวัตรกับขั้วอำนาจเดิมมากกว่า ... ทั้งสองฝ่ายต่างมีบทเรียนจากความขัดแย้งกันในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ... จนตอนนี้สามารถปรับตัวเข้าหากันได้แบบ วิน-วิน ที่ไม่มีใครกินรวบหรือได้หมด

- หลังจากนี้ พรรคการเมืองที่เอาใจใส่ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้จริงและทำงานเป็น จะได้ใจประชาชนแน่นอน ... และเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ด้วย

- เราผ่านวิกฤต ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ มาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนี้ การเมืองไทยจะเดินไปตามระบบของมัน ... วิกฤตสงครามโลกครั้งที่สามและสถานการณ์ต่างประเทศต่างหากที่น่าห่วง

‘ดร.พร้อมพงศ์’ ปลื้มใจ!! ‘แดง-เหลือง’ ร่วมโต๊ะชื่นมื่น เปรย!! ยุคศิวิไลซ์ กลิ่นความสุข ความเจริญมาถึงแล้ว

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 66) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก ‘ดร.พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ - Dr. Prompong Nopparit’ ทีมงานพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. นำโดย นายนพดล พรหมภาสิต และนางกัลยาณี จูปรางค์ หรือป้าอยุธยา นัดกินข้าวกับมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง และนายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ ที่ร้านอาหารแซ่บไบรท์ ย่านถนนบางกรวย-ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดยมีข้อความระบุว่า "รัฐบาลสลายขั้ว ประชาชนสลายสี ยุติขัดแย้ง แดง เหลือง ทานข้าวกระชับมิตร บรรยากาศที่ดี กลิ่นความสุข ความเจริญ มาแล้วครับ"

นายพร้อมพงศ์ระบุอีกด้วยว่า "ศึกระหว่างสีเกือบ 20 ปี ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน เสียเวลาทำมาหากิน เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ หมดยุคการค้าความขัดแย้ง ถึงยุคศิวิไลซ์ คนไทยรักกัน เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรครับ"

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์  เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 
กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์ 
เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 
วันที่ 17 มี.ค.67
 

‘จักรภพ’ ประเดิมงานแรก หลังบินกลับไทยมารับใช้ชาติ จัดทริปทัวร์พา ‘คนเสื้อแดง’ ไปเที่ยวต่างประเทศ

(2 เม.ย.67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำเสื้อแดง ที่เพิ่งกลับจากการลี้ภัยไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าต้องการกลับมารับใช้ชาติ อาสาเป็นตัวกลางพาผู้ลี้ภัยกลับบ้านเกิด

ล่าสุดนายจักรภพ ประเดิมบทบาทใหม่ ด้วยการจัดทัวร์พา ‘คนเสื้อแดง’ ไปเที่ยวต่างประเทศ โดยโพสต์ล่าสุดของนายจักรภพ ระบุว่า “สวัสดีครับ ทริปยุโรปตะวันออก​ ฮังการี​ ออสเตรีย​ เช็ค​ สโลวาเกีย 28 พ.ค.-  4​ มิ.ย.​67 เดินทางด้วยกันไหมครับ ใกล้เต็มแล้วครับ​ มีที่ว่าง​ 8 ที่​ ครับ พบกับคุณจักรภพ​ เพ็ญแข ร่วมเดินทางพร้อมคณะทัวร์”

“ทัวร์เสื้อแดง​ ครั้งที่​ 84 ทัวร์ของคุณจักรภพ​ เพ็ญแข ยุโรปตะวันออก​ ฮังการี​ ออสเตรีย​ เช็ค​ สโลวาเกีย 8​ วัน​ 5​ คืน​ สายการบินเอมิเรตส์ 28 พ.ค.- 4​ มิถุนายน​ 2567”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top