Sunday, 19 May 2024
เวเนซุเอลา

เวเนซุเอลา ยินดีขายน้ำมันให้สหรัฐฯ แต่ก็ยืนหยัดเป็นพันธมิตรที่ภักดีของรัฐบาลรัสเซีย

เฟลิกซ์ ปลาสเซนเซีย (Felix Plasencia) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเวเนซุเอลา กล่าวว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาจะพร้อมที่จะขายน้ำมันให้กับสหรัฐฯ อีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคง “ภักดี” ต่อรัฐบาลรัสซีย

ปลาสเซนเซียบอกกับสำนักข่าว Anadolu ของตุรกีเมื่อวันเสาร์ว่าในงาน Antalya Diplomacy Forum 2022 (ADF) ว่ามันไม่ใช่ “ความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลเวเนซุเอลาจะทำงานร่วมกันในด้านน้ำมัน เนื่องจากเวเนซุเอลา "ทำธุรกิจน้ำมันกับชาวอเมริกันมาเป็นเวลานานแล้ว"

ปลาสเซนเซีย แย้งว่า มันจะ “ดีสำหรับทุกคน” หากการส่งออกพลังงานของเวเนซุเอลาไปยังสหรัฐฯ “กลับมาเป็นเหมือนเดิม” และเสริมว่าชาวอเมริกันยินดีต้อนรับในประเทศนี้ ตราบใดที่พวกเขา “เคารพอธิปไตย” ของเวเนซุเอลาและยอมรับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาลเพียงคนเดียวและถูกกฎหมายของเวเนซุเอลา” โดยย้ำว่าเวเนซุเอลามีเพียงรัฐบาลดียว (เนื่องจากที่ผ่านมาสหรัฐฯ และชาติตะวันตกรับรองฝ่ายค้านว่าเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมด้วย) 

ผู้นำอิหร่าน พบ ผู้นำเวเนฯ ถกความร่วมมือทางการค้าครั้งใหม่ ยกระดับมูลค่าระหว่างประเทศเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านเหรียญ

(14 มิ.ย. 66) ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่าน พบหารือกับประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ที่กรุงการากัส เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไรซีกล่าวในตอนหนึ่งว่า “เวเนซุเอลาและอิหร่านมีผลประโยชน์ร่วมกัน มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และมีศัตรูร่วมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับอิหร่านไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางการทูต แต่เป็นความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ ขณะที่มาดูโรแสดงความชื่นชมอิหร่าน ในฐานะหนึ่งในประเทศอำนาจเกิดใหม่ที่สำคัญของโลก และเน้นย้ำว่าการผนึกกำลังร่วมกันเพื่อความแข็งแกร่ง”

สำหรับหนึ่งในเป้าหมายการเยือนเวเนซุเอลาของไรซีในครั้งนี้ คือการขยายโอกาสเพื่อส่งเสริมมูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ปีละ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 103,560 ล้านบาท) เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 690,400 ล้านบาท) โดยผู้นำอิหร่านและผู้นำเวเนซุเอลาร่วมกันเป็นสักขีพยาน การลงนามในข้อตกลง 25 ฉบับ ครอบคลุมการยกระดับความร่วมมือ ตั้งแต่การศึกษา ไปจนถึงการสาธารณสุข และเหมืองแร่

ทั้งนี้ ไรซีนับเป็นผู้นำอิหร่านคนแรกในรอบเกือบ 7 ปี ที่เยือนเวเนซุเอลา ต่อจากประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี เมื่อเดือน กันยายน 2016 และหลังเสร็จสิ้นการเยือนกรุงการากัส ไรซีเตรียมเยือนคิวบา และนิการากัวเป็นจุดหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ ฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางเยือนเวเนซุเอลา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อต้านทานแรงกดดันจากภายนอก ขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 อิหร่านส่งน้ำมันดิบทางเรือ 1.5 ล้านบาร์เรล เพื่อช่วยเหลือเวเนซุเอลา ซึ่งกำลังประสบกับวิกฤติเชื้อเพลิงในเวลานั้น ส่งผลให้สหรัฐฯ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
 

'ผู้นำเวเนฯ' ยอมรับใช้สมาร์ตโฟน Huawei ได้อย่างสบายใจ เพราะ 'ชาวอเมริกัน' ดักฟังไม่ได้ ฟากยุโรปเริ่มแห่ซื้อใช้ตาม

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับสื่อจีนที่รายงานถึงเทคโนโลยี และความปลอดภัยของ 'หัวเว่ย' (Huawei) ผ่านมุมมองของผุ้นำเวเนซุเอล่า ว่า...

เมื่อเร็วๆ นี้ นายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเดินทางเยือนจีน ก่อนการเดินทาง ได้เข้าร่วมรายการ Con Maduro+ ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์เวเนซุเอลา (VTV) 

ขณะกล่าวถึงเรื่องที่บริษัทหัวเว่ยของจีนได้ออกสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด Mate 60 Pro นายนิโกลัส มาดูโรกล่าวว่า แม้หลายปีมานี้ สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกดำเนินการคว่ำบาตรอย่างไร้เหตุผลต่อหัวเว่ย แต่หัวเว่ยยังคงประสบผลคืบหน้าอย่างมาก เทคโนโลยีของหัวเว่ยสามารถเทียบเท่าคู่แข่งของโลกจำนวนมาก กระทั่งมีความเหนือกว่าในบางอย่างด้วย 

นายมาดูโรยังเผยว่า “ผมมีมือถือหัวเว่ยเครื่องหนึ่ง ใช้ดีมาก ชาวต่างชาติไม่สามารถดังฟังได้เลย” (เขาใช้คำว่า 'gringos' ที่ตามภาษาสเปนมักจะหมายถึงชาวอเมริกัน) 

คำพูดของนายมาดูโรเกี่ยวกับหัวเว่ยนั้น เกิดจากการยืนยันด้านความปลอดภัยจากนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยของเวเนซุเอลาเอง 

หลังจากสหรัฐอเมริกา ทุ่มเทกำลังทั่วประเทศในการปราบปรามบริษัทหัวเว่ย ทำให้หัวเว่ยไม่ได้รับชิประดับสูงที่ใช้ในการผลิตสมาร์ตโฟน 5G อัตราส่วนในตลาดโลกของหัวเว่ยร่วงจากอันดับ 1 อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาคือ ผู้ที่ใช้สมาร์ตโฟนของหัวเว่ยนั้น หน่วยงานพิเศษของสหรัฐอเมริกา จะไม่สามารถดักฟังได้ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขากังวลเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่ได้รับการยืนยันจากหลายฝ่ายมาแล้ว จึงเข้าใจได้ว่าทำไมชาวยุโรปก็พากันไปซื้อ Mate 60 Pro สมาร์ตโฟนระดับ 5G ที่หัวเหว่ยเปิดขายเมื่อเร็วๆ นี้ 

ทั้งนี้ รายงานข่าวของสื่อจีนระบุว่า ช่วง 7 วันแรก ยอดสั่งซื้อ Mate 60 Pro เกินกว่า 15 ล้านเครื่องแล้ว

วิบากกรรมหนุ่ม 2 สัญชาติ ผู้เฝ้ารอวีซ่าลี้ภัยจากดินแดนใหม่ หลังหนึ่งประเทศไฟสงครามไม่เคยดับ ส่วนอีกหนึ่ง ศก.ลาลับ

ไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘GO GALA แคมป์ปิ้งออสเตรเลีย’ ได้โพสต์เรื่องราวชีวิตของ Oday ชายหนุ่มชาวซีเรีย อยู่ออสเตรเลียมามากกว่า 10 ปี แต่ไม่เคยได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนเลย โดยมีเนื้อหาดังนี้...

แอดแม่อยากให้เรื่องของ Oday เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่อยู่ต่างประเทศ สู้ต่อ 

เมื่อวานระหว่างนั่งรอทำธุระในเมือง แอดแม่สั่งกาแฟกิน และมีเวลานั่งชิว เลยได้มีโอกาสนั่งคุยกับบาริสต้าหนุ่ม ผู้มีเรื่องราวชีวิตที่โคตรเหลือเชื่อ 

บทสนทนาเริ่มต้นจากเรื่องทั่วๆ ไป มาจากไหน ได้กลับบ้านบ่อยรึป่าว เขาบอกว่าไม่ได้กลับบ้านมา 10 ปีแล้ว เพราะต้องใช้เงินเยอะ กลับไม่ได้ ถ้ากลับแล้วไม่รู้ชีวิตจะเป็นยังไง 

นั่นทำให้แอดแม่เริ่มต้นคุยกับ Oday อย่างจริงจัง

แม่ของ Oday เป็นคนเวเนซุเอลา ได้มาพบรักกับพ่อที่ประเทศซีเรีย

Oday เกิดมาแบบมีสองสัญชาติ มีสอง Passport ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ปรากฏว่าสองประเทศที่เป็นตัวเลือกในชีวิตของ Oday หนึ่งประเทศมีสงครามกลางเมือง อีกหนึ่งประเทศประสบความล้มเหลวทางเศรษฐกิจจนหาทางฟื้นขึ้นมาไม่ได้

ย้อนกลับไปเกิน 10 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2011 ประเทศซีเรียเริ่มเกิดสงครามกลางเมือง ถ้า Oday ไม่ออกนอกประเทศเขาจะต้องไปเป็นทหาร เขาเลือกที่จะไม่เป็น และหาทางออกนอกประเทศ

เขาลองไปอยู่ประเทศเวเนซุเอลากับญาติพี่น้องฝั่งแม่อยู่ 7 เดือน หลังจากนั้นเขาเลือกที่จะมาออสเตรเลียด้วยวีซ่านักเรียน 

เรียนไปเรียนมาได้ห้าหกปี สงครามกลางเมืองซีเรียรุนแรงขึ้น ที่บ้าน Oday ไม่มีเงินจะส่งค่าเรียนแล้วเพราะสงครามไม่ดีขึ้น มีแต่แย่ลงทุกวัน รายได้ที่บ้านก็หดหาย

Oday ตัดสินใจไม่ไปเรียนหนังสือ เพราะเรื่องเงิน เมื่อคุณไม่ไปเรียนตามวีซ่านี่คุณต้องทำ แน่นอนวีซ่านักเรียนของ Oday โดนแคนเซิล 

Oday ต้องยื่นวีซ่า Protection เพราะทนายบอกว่าเป็นวีซ่าเดียวที่เขาจะยื่นได้ เขารอผลวีซ่า Protection ได้ ปีกว่าๆ ผลออกมาว่า Invalid เพราะ Oday มี 2 Passport มีทั้งซีเรียและเวเนซุเอลา เขาปรึกษาทนายว่าทำอะไรได้บ้าง 

ทนายคนแรกบอกว่าทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากต้องกลับซีเรีย...ทนายอีกคนหนึ่ง แนะนำให้เขาไปขอยกเลิก Passport เวเนซุเอลา ให้เหลือว่าเป็นคนซีเรียประเทศเดียว 

Oday ไม่มีทางเลือกอื่น เขา Give Up สัญชาติเวเนซุเอลาที่เขาได้มาจากแม่ เพื่อที่จะได้ยื่น Protection วีซ่าใหม่อีกรอบ

ถ้าออสเตรเลียให้วีซ่านี้กับ Oday พ่อแม่และน้องสาวของเขาก็จะได้ด้วย ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง Oday คือตัวแทนของบ้านนี้เรื่องวีซ่าลี้ภัย 

ตอนนี้ Oday ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอ…

แอดบอกเขาว่าขอเขียนเรื่องเขาให้เพื่อนๆ อ่านได้มั้ย เขาบอกยินดี และขอบคุณ

สิ้นปีนี้อาชีพบาริสต้าของเขาก็ไม่รู้จะได้ทำรึป่าว ไม่รู้เจ้าของร้านจะเปิดร้านรึป่าว ไม่รู้เขาจะมีเงินรึป่าว

แอดแม่ชวนเขามากินข้าวที่ร้าน เขาบอกว่าอาจจะไปปีหน้า แอดแม่บอกว่า มาเลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าว 

มิตรภาพของคนสองคนที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น 

มันเกิดจากที่คนคนนึงประทับใจในเรื่องราวชีวิตและการต่อสู้ของคนอีกคนหนึ่ง 

ขอให้เรื่องราวของ Oday เป็นกำลังใจดีๆ ให้หลายๆ คน ค่ะ

ต้น กับ จิ๊บ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top