Sunday, 12 May 2024
เรียนต่อ

เปิดตัวเลข ‘นักศึกษาต่างชาติ’ เรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา

ในทุก ๆ ปี จะมีนักศึกษาจากทั่วโลกบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเรียนต่อที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ซึ่งสัดส่วนจะมากน้อยต่างกันในแต่ละประเทศ สำหรับในปี 2023 ที่ผ่านมา นักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนต่อในสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ จีน รองลงมาคืออินเดีย

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมรายชื่อ 25 ประเทศที่มีนักศึกษาไปเรียนต่อในสหรัฐมากที่สุดประจำปี 2023 จะมีประเทศใดบ้าง มาดูกัน!!

‘SCG’ มอบทุนการศึกษาเรียนต่อป.ตรี-เอก ในจีน-อินเดีย ฟรี!! ค่าเรียน 100% สมัครได้ตั้งแต่วันนี้-31 พ.ค.67

(8 ก.พ. 67) เพจ ‘SCG Careers’ โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ทุน 2024 มาแล้วววว!!

SCG มอบทุนการศึกษาให้กับบุคคลทั่วไปเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ณ ประเทศจีนและประเทศอินเดีย ในมหาวิทยาลัยและสาขาที่ SCG กำหนด

โดย SCG สนับสนุนทุนการศึกษา ค่าเรียน 100% ค่าเบี้ยเลี้ยง และที่พัก *และเมื่อจบการศึกษายังมีโอกาสเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทในเครือ SCG อีกด้วย

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2567
เพื่อน ๆ ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณนภัสวรรณ โทร: 088-660-8222 หรือทาง Email: [email protected]

*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด”

5 ประเทศที่ ‘คนเวียดนาม’ ไปเรียนต่อมากที่สุด

จากข้อมูลของ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในปี 2021 เวียดนามเป็นประเทศอาเซียนที่มีประชากรออกไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ จำนวนทั้งหมด 137,022 คน

โดยจุดหมายยอดฮิต 5 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น (44,128 คน) เกาหลีใต้ (24,928 คน) สหรัฐอเมริกา (23,155 คน) ออสเตรเลีย (14,111 คน) แคนาดา (8,943 คน) นอกจากนี้ ตัวเลขนักเรียนนอกของเวียดนามเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนยังเรียกได้ว่านำแบบไม่เห็นฝุ่น เพราะอันดับ 2 อย่าง ‘อินโดนีเซีย’ นั้นมีจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศเพียง 59,224 คน อันดับ 3 อย่าง ‘มาเลเซีย’ มี 48,810 คน ขณะที่ ‘ไทย’ ที่มาเป็นอันดับที่ 4 มีทั้งหมด 28,609 คน

ปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีนักเรียนออกไปเรียนต่างประเทศได้มาก มีทั้ง ‘ค่านิยมในการออกไปเรียนต่างประเทศของชาวเวียดนาม’ เอง ในกรณีที่เป็นครอบครัวมีฐานะและมีกำลังส่งลูกหลานไปเรียน และ ‘ทุนการศึกษาจากต่างประเทศ’ 

โดยในหมู่ทุนการศึกษาทั้งหมด ทุนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ คือ ทุนจากมูลนิธิ Vietnam Education Foundation (VEF) ที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ตั้งขึ้นในปี 2003 เพื่อให้ทุนการศึกษาเด็กเวียดนามไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ โดยใช้เงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เวียดนามส่งเป็นเงินใช้หนี้สงครามให้สหรัฐฯ ทุกปี โดยส่วนมากจะได้เข้าศึกษาในคณะและสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยดังระดับโลกต่าง ๆ ทั้ง Harvard และ Stanford

ความสำคัญของทุนนี้เห็นได้ชัดจากผลงานของผู้ได้รับทุนเก่าที่ส่วนมากกลับมาทำงาน และประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยี โดยผลงานที่โดดเด่นของผู้ได้รับทุน VEF ก็อย่างเช่น Palexy บริษัทสตาร์ตอัปด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง และ VNG บริษัทยูนิคอร์นเจ้าของแอปแชท Zalo ที่ในปัจจุบันเป็นที่นิยมในเวียดนามมากกว่า Facebook

นี่ทำให้นอกจากเวียดนามจะมีเด็กไปเรียนต่างประเทศเป็นจำนวนมากแล้ว จำนวนหนึ่งยังเป็นผู้ที่กำลังศึกษาด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นแรงงานที่เป็นที่ต้องการมากในหลาย ๆ ประเทศที่กำลังแข่งขันกันสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้ง เวียดนามที่มีการเติบโตรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีศักยภาพในการดึงแรงงานกลับประเทศ ไม่เกิดปรากฏการณ์ ‘สมองไหล’ อย่างที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เวียดนามมีตลาดงานที่พร้อมรองรับบัณฑิตศักยภาพสูงจากต่างประเทศ เพราะเป็นประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ สนใจเข้าไปลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น LG และ Alibaba และมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงต่าง ๆ โดยในปี 2020 มีการส่งออกสินค้าในประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 42% เพิ่มจากเพียง 13% ในปี 2010

จากการศึกษาของ Google, Temasek, และ Bain เวียดนามจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคภายอาเซียนภายในปี 2025 และดึงดูดเงินลงทุนได้มากที่สุดในระหว่างปี 2025-2030


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top