Sunday, 20 April 2025
เมืองตรัง

ขี่ช้างหลบไป!! เท่เกิน! เด็กหญิง ป.4 เมืองตรัง ขี่ม้าไปโรงเรียน ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีสมาธิ-การเรียนดีขึ้น

เด็กหญิงชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ขี่ม้าไปเรียนหนังสือโดยมีคุณพ่อคอยขี่ม้าอีกตัวตามประกบ นอกจากจะประหยัดค่าน้ำมันแล้วยังเป็นการออกกำลังกายและฝึกสมาธิได้อีกทางหนึ่งด้วย ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนเผยหลังเลี้ยงม้าน้องกลายเป็นจิตอาสาและเด็กเรียน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

วันที่ 8 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง รายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง พบ ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือ น้องหยก อายุ 10 ขวบนักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อ.นาโยง จ.ตรัง กำลังขึ้นขี่ม้าลูกผสมสีขาวหม่น อายุประมาณ 6 ปีเพื่อไปเรียนหนังสือ โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนเกือบ 3 กิโลเมตร มีคุณพ่อคือนายจิระพงษ์ ชัยทอง อายุ 49 ปี ขี่ม้าสีน้ำตาล-ดำ คอยตามประกบ เพื่อระวังรถเวลาข้ามถนนให้กับลูกสาว สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกในจังหวัดตรังที่ขี่ม้าไปโรงเรียนได้อย่างแคล่วคล่อง ว่องไว โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ขี่ม้าถึงโรงเรียนแล้วและเมื่อเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จแล้วคุณพ่อของน้องหยก จะพาม้าทั้งสองตัวกลับบ้าน ส่วนช่วงเย็นรถเยอะกลัวว่าไม่ปลอดภัยก็จะขับรถมารับน้องหยกแทน

น้องหยก เริ่มขี่ม้าไปโรงเรียนประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ขี่มาทุกวัน เนื่องจากคุณพ่อไม่ว่างตามมารับมาส่ง แต่หากมีเวลาคุณพ่อก็จะให้น้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับม้า ประหยัดค่าน้ำมันและได้ออกกำลังกายยามเช้า โดยตลอดสองข้างทาง มีชาวบ้านให้ความสนใจ แห่บันทึกภาพและชื่นชมในความสามารถที่เกินตัวของน้องหยกตลอดทางและที่โรงเรียน น้องหยกกลายเป็นฮีโร่ของเพื่อนๆ ที่ทุกคนต่างอยากจะขี่ม้า โชว์ความเท่เหมือนอย่างน้องหยกบ้าง

สำหรับม้าลูกผสมทั้งสองตัวนี้เจ้าของคือคุณพ่อของน้องหยก ซื้อมาจาก จ.กาญจนบุรี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยตัวแรกสีน้ำตาล-ดำ ชื่อซาร่า ซื้อมาในราคา 180,000 บาท ส่วนตัวสีขาวหม่นชื่อจัสติน ราคา 100,000 บาท เป็นม้าเพศเมียทั้งสองตัว อายุประมาณ 6 ปี นิสัยเชื่องมาก ไม่ดุร้าย อ่อนโยน โดยหลังซื้อม้ามาเลี้ยงเพิ่มอีก 2 ตัว น้องหยกก็ตั้งใจหัดขี่ม้าเรื่อยมา จนคุณพ่อวางใจและให้ขี่ม้ามาโรงเรียนได้ โดยน้องหยกยังทำหน้าที่ตัดหญ้าให้ม้า ป้อนหญ้าม้า และอาบน้ำให้ม้า จนกลายเป็นความรักความผูกพัน สมใจคุณพ่อที่อยากให้ลูกสาวทั้งสามคน มีสัก 1 คนที่ชื่นชอบม้าเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับตน ซึ่งที่บ้านของน้องหยก มีม้าทั้งหมด 4 ตัวเป็นม้าพันธุ์พื้นเมือง 2 ตัว และม้าลูกผสม 2 ตัว และน้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนได้ทั้งสองตัวคือจัสตินกับซาร่า

โดยพบว่าหลังจากที่น้องหยกได้ขี่ม้าและคลุกคลีอยู่กับม้าแล้ว ทำให้นิสัยของน้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากลูกคนสุดท้องที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ร้องไห้บ่อย กลายเป็นเด็กเรียน ใจเย็น มีสมาธิ มีจิตอาสาสูง ร่าเริงและกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

นายจิระพงษ์ ชัยทอง คุณพ่อของน้องหยก กล่าวว่า ม้าสีขาวชื่อจัสติน ส่วนสีน้ำตาลชื่อซาร่า ส่วนลูกสาวฝึกขี่ม้ามาปีกว่าแล้ว ซึ่งลูกสาวเห็นตนเลี้ยงและดูเป็นตัวอย่าง ต่อมาจึงหัดขี่เองโดยขี่ไปโรงเรียนมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งคุณพ่อต้องตามประกบ ส่วนสาเหตุที่น้องชอบขี่ม้าคงมาจากสายเลือด โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ 2 กิโลกว่า แต่ขี่ไม่ทุกวันเพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว เด็กยังได้ออกกำลังกายไปด้วย โดยมีชาวบ้านชอบและสนับสนุนกันทุกคน ซึ่งเวลาตนไม่อยู่ น้องก็จัดการเองหมด

ส่วน ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือน้องหยก กล่าวว่า ที่ชอบขี่ม้าเพราะมันคุ้นและน่ารักดี ซึ่งตนก็ต้องเลี้ยงม้าด้วยการอาบน้ำและป้อนหญ้าให้กินด้วย โดยตัวสีขาวที่ขี่ชื่อจัสติน ซึ่งการขี่ม้าทำให้ได้ออกกำลังกายและประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วย ชาวบ้านเห็นแล้วขอถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งจะขี่มามาโรงเรียนนานเท่าไหร่นั้นไม่แน่ใจ แต่ชอบ โดย 1 อาทิตย์จะขี่ม้ามาโรงเรียน 2 ครั้ง ซึ่งตอนแรกก็กลัว แต่ตอนนี้มั่นใจขึ้นมากแล้ว
 

รวมพลคนตาบอดเมืองตรัง เปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ ลูกค้าถูกใจ ราคาไม่แพง ช่วยสร้างงานให้คนพิการ

(16 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านอารมณ์นวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ ถนนพัทลุง ซอย 7 (ซอยโกข้ม) ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามกับ สภ.เมืองตรัง มีคนตาบอด 4-5 คนรวมตัวกันเปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ โดย 2 วันแรก (14-15 พ.ค.) เปิดให้บริการฟรี เพื่อให้ลูกค้าได้มาทดลอง จับเส้น นวดคลายเส้น บรรเทาอาการปวดข้อเข่า คอเคล็ด ไหลยึดและอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเส้นประสาทส่วนต่าง ๆ หรือจะนวดเพื่อผ่อนคลาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยคิดค่าบริการชั่วโมงละ 150-200 บาท และนอกสถานที่คิดชั่วโมงละ 250 บาท

สำหรับลูกค้ามีทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรม ปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า เส้นเอ็นและนวดเพื่อสุขภาพ โดยคนตาบอดกลุ่มนี้ ผ่านการอบรมหลักสูตรการนวดแผนไทย ได้รับใบประกาศนียบัตรมาแล้วทุกคน ประสบการณ์นานกว่า 5-10 ปี บางคนทำงานนวดเพื่อสุขภาพจนสามารถส่งลูกเรียนจบระดับปริญญาตรีได้ และมีลูกค้าขาประจำกระจายอยู่ในหลายจังหวัดภาคใต้ 

โดยก่อนหน้านี้ นางอารมณ์ มีแก้ว ประธานกลุ่มคนตาบอดนวดเพื่อสุขภาพ ได้เปิดร้านนวดอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่ออายุมากขึ้น จึงคิดอยากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ จ.ตรัง โดยได้ชักชวนสมาชิกคนตาบอดที่มีความสนใจมาร่วมงานด้วย ซึ่ง 2 วันแรกปรากฎว่าได้รับผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมีการบริจาคเงินให้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้กลุ่มคนตาบอดกลุ่มนี้ได้มีงานทำอย่างต่อเนื่อง 

โดยร้านจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 -20.00 น. พร้อมบริการน้ำดื่ม ชา กาแฟ ลูกอมฟรี และรับจองคิวล่วงหน้าสำหรับผู้ที่สนใจ โดยติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 082-6257162 และ 083-9182707 

ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ กีรติกรพิสุทธิ์ อายุ 73 ปีลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่า ปกติตนก็จะไปนวดทุกที่ แต่เมื่อวานได้ข่าวว่าที่นี่เปิดร้านนวดคนตาบอดและให้นวดฟรี 2 วันตนจึงตั้งใจมาลองดู เมื่อนวดไปแล้วอาการที่ตนเป็นอยู่มันดีขึ้น อาการที่ชัดเจนที่สุดคือ ตนขึ้นลงบันไดแล้วปวดเข่า กินยามาสักอาทิตย์หนึ่งแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ตั้งใจว่าจะไปโรงพยาบาล แต่พอได้ข่าวว่ามีการนวดจึงตัดสินใจว่ามาลองนวดก่อน ถ้านวดแล้วไม่ดีจะไปหาหมออีกที แต่พอนวดไปแล้วบอกตรง ๆ ว่าลงจากเตียงขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านได้สบาย รู้สึกว่าตำแหน่งที่เราปวด มันหายไป

ด้านนางอารมณ์ มีแก้ว ประธานกลุ่มคนตาบอดนวดเพื่อสุขภาพ จ.ตรัง กล่าวว่า ค่าบริการคิดชั่วโมงละ 150-200 บาท นอกสถานที่ 250 บาท ที่เปิดให้บริการฟรี 2 วันแรกเพราะยังไม่รู้จักลูกค้าเพิ่งมาอยู่ ลูกค้าวันแรกมีอยู่ วันนี้วันที่ 2 ได้ 3-4 คนแล้ว คนมานวดเขาบอกว่าเขาดีขึ้น หายทุกคน หนักสุดคือปวดขา มานวดใช้เวลาอาทิตย์ละครั้งก็หาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top