Sunday, 20 April 2025
เผ่าภูมิ

“เผ่าภูมิ” ขึ้นแม่สาย มอบสัญญาเช่าที่ดิน “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” พลิกชีวิตประชาชน อีก 500 สัญญา กว่า 72 ไร่

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวในโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ว่า

โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” ของกระทรวงการคลัง โดยการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ประชาชนในวันนี้ (4 สิงหาคม 2567) เป็นการมอบสัญญาเช่าเพื่ออยู่อาศัยทั้งสิ้น รวม 500 ราย 500 สัญญา เนื้อที่รวม 72 ไร่ 1 งาน 24 ตารางวา บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.1154 ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในอัตราค่าเช่าต่ำ เพื่อประชาชน

กระทรวงการคลังมุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย ช่วยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงในอาชีพและรายได้ สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภค และระบบสาธารณูปการ รวมถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของรัฐ สินเชื่อจากสถาบันการเงิน สร้างความเข้มแข็งด้านสังคม ลดความเลื่อมล้ำและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน 

การมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานมอบสัญญาจังหวัดที่ 4 และจะดำเนินไปจนครบทั้ง 9 จังหวัดในปีนี้ โดยจะเดินหน้ามอบสัญญาในจังหวัดที่เหลือ ได้แก่ นครสวรรค์ กาฬสินธุ์ ปัตตานี ราชบุรี และสุราษฎร์ธานี ให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน

'เผ่าภูมิ' เผยผลประชาพิจารณ์ร่าง พรบ. กอช. 'หวยเกษียณ' ปชช. เห็นด้วย 99.05% ! เข้า ครม. ตุลานี้

(23 ก.ย. 67) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ผ่านทางเว็บไซต์ กอช. www.nsf.or.th และระบบกลางทางกฎหมาย https://www.law.go.th ได้ผลการรับฟังความคิดเห็นที่น่าสนใจ ดังนี้

1.    ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่ กอช. จะออกจำหหน่ายสลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ (หวยเกษียณ) (ตอบ : เห็นด้วย 99.05% ไม่เห็นด้วย 0.95%)
2.    ท่านเห็นด้วยหรือไม่ หากเงินที่ท่านซื้อสลากไม่ว่าจะถูกหรือไม่ถูกรางวัล เงินของท่านจะถูกเก็บสะสมไว้ และท่านจะได้รับเงินนั้นคืนเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (ตอบ : เห็นด้วย 92.45% ไม่เห็นด้วย 4.72% เสนอทางเลือกอื่น 2.83%)
3.    ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กรณีสมาชิกที่ซื้อสลากได้เสียชีวิตลง เงินที่ซื้อสลากมาทั้งหมด และผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน (ถ้ามี) จะคืนเป็นเงินก้อนทั้งหมดในคราวเดียวให้กับทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ที่ได้แสดงเจตจำนงไว้ (ตอบ : เห็นด้วย 98.11% ไม่เห็นด้วย 0.94% เสนอทางเลือกอื่น 0.94%)
4.    ถ้าท่านมีสิทธิเลือกรับเงินคืนตอนอายุครบ 60 ปี ท่านจะเลือกวิธีการรับเงินคืนแบบใด (ตอบ :เงินก้อนงวดเดียวทั้งจำนวน 80.2% แบ่งรับเงิน 2 งวด 12.2%)

นอกจากนี้ยังพบข้อสังเกตว่า ประชาชนมีข้อเสนอแนะให้ 1. ขยายอายุผู้เข้าร่วมโครงการให้เกิน 60 ปี และ 2. ขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างกว่าแรงงานนอกระบบ

กระทรวงการคลังจะรับข้อสังเกต และจะพิจารณาปรับเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อไป และคาดว่าจะสามารถนำร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. ... เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ได้ในช่วงต้น-กลางเดือนตุลาคมครับ

‘เผ่าภูมิ’ ขึ้นแม่แตง ให้ "ธ.SME" ซับน้ำตาน้ำท่วม "พักหนี้ 1 ปี เติมทุน 2 แสน" ไม่ใช้หลักประกัน ไม่คิดค่าธรรมเนียม

เมื่อวันที่ (14 ต.ค. 67)ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างการนำคณะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่ ว่า

กระทรวงการคลัง โดย SME Bank ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาทุกข์ ลดค่าใช้จ่าย ต่อลมหายใจให้พี่น้องประชาชน ดังนี้

1.มาตรการ "พักชําระหนี้" เงินต้นและดอกเบี้ย
ผู้ขอสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ตามประกาศฯ มีสถานะหนี้ A หรือ M สามารถ "พักชําระเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 1 ปี" และตั๋วสัญญาใช้เงิน ต่ออายุตั๋วสัญญา และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายเวลาชําระตั๋วสัญญาใช้เงิน ออกไปอีกสูงสุด 180 วัน

2. มาตรการ "เติมทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการ"
เติมทุนโดยให้กู้เพิ่มต่อราย 10% ของวงเงินอนุมัติสินเชื่อ สำหรับผู้ประสบภัยทางตรง บุคคลธรรมดา 30,000 - 1 แสนบาท และนิติบุคคล  30,000 - 2 แสนบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี พักชําระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ไม่ใช้หลักประกัน ไม่คิดค่าธรรมเนียม

'เผ่าภูมิ' หารือทวิภาคีรัฐมนตรีคลังฮ่องกง เชื่อมศูนย์กลางการเงิน 2 เขต ศก. ชูจุดเด่น ไทยคือประตู CLMV

(21 ต.ค. 67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายพอล ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของฮ่องกงได้ประชุมทวิภาคีที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปค โดยรัฐมนตรีทั้งสองได้มุ่งสร้างความร่วมมือในภาคการเงินของสองเขตเศรฐกิจ

นายเผ่าภูมิได้แสดงท่าทีของไทยในการเป็นผู้เล่นที่บทบาทสำคัญในเวทีการเงินโลก พร้อมทั้งเชิญชวนฮ่องกงเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงิน เนื่องจากไทยมีความโดดเด่นในฐานะประตูสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือ CLMV ความร่วมมือทางการเงินของไทยและฮ่องกงจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างยิ่งเนื่องจากอาเซียนและฮ่องกง รวมทั้งจีนมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งการค้าและการลงทุน

ในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน กระทรวงการคลังมีนโยบายที่จะ 1) ปฏิรูปการกำกับดูแล การประกอบธุรกิจทางการเงินให้มีที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ 2) ให้สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี และ 3) พัฒนาระบบนิเวศน์และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนธุรกิจและนวัตกรรมทางการเงิน

ทั้งสองฝ่ายยังได้ชื่นชมความสำเร็จของความร่วมมือในการพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment) ผ่านการเชื่อมโยงระบบพร้อมเพย์ของไทยกับระบบชำระเงินของฮ่องกง (FPS) ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการชำระเงินที่สะดวกและรวดเร็วระหว่างสองเขตเศรษฐกิจ ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป 

ภายหลังการหารือ ทั้งสองรัฐมนตรีได้แสดงความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการเงินระหว่างไทย และฮ่องกง และแลกเปลี่ยนโอกาสในการขยายความร่วมมือทางด้านการเงินเพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมทางการเงินร่วมกัน สร้างความเชื่อมโยงและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนและเอเปคต่อไป

'เผ่าภูมิ' บินเปรู ถกเวทีรัฐมนตรีคลัง APEC โชว์วิชั่น 4 นวัตกรรมการเงินไทย สร้างภูมิทัศน์ใหม่ ให้แรงงานนอกระบบ

(22 ต.ค. 67) ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ บนเวทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา เปรู โดยส่วนหนึ่งของคำกล่าวได้พูดถึงการยกระดับภาคการเงินไทย สร้างภูมิทัศน์ใหม่การเงินใหม่ ให้แรงงานนอกระบบ โดยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนี้

1.นวัตกรรมด้านธนาคาร ผ่านการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual bank) โดยใช้ข้อมูลทางเลือก (Alternative Data)  ในการวิเคราะห์การปล่อยสินเชื่อ อาทิ พฤติกรรมการบริโภค การชำระหนี้ การใช้จ่าย ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อวิเคราะห์สถานะทางการเงินประมวลผลเป็นค่าความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ตอบโจทย์ความต้องการแรงงานนอกระบบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายย่อย และ SMEs กลุ่มที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงิน (Unserved) และกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการบริการทางการเงินอย่างเหมาะสม (Underserved)

2.นวัตกรรมการค้ำประกัน ผ่านการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ หรือ (NaCGA) ซึ่งจะช่วยติดอาวุธแก่ผูัประกอบการ SME และ MSME โดยจะทำหน้าที่เป็นกลไกที่ประชาชนสามารถซื้อประกันความเสี่ยงด้านเครดิตของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง ก่อนติดต่อสถาบันการเงินและ Non bank โดยค่าธรรมเนียมจะอิงตามระดับความเสี่ยงของลูกหนี้ (Risk-Based pricing) ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอำนาจต่อรองแก่ผู้ประกอบการ

3.นวัตกรรมการแก้ไขหนี้ประชาชน ผ่านการจัดทำอารีย์ สกอร์ (Ari Score) เพื่อช่วย SME เข้าถึงสินเชื่อ โดยอารีย์ สกอร์จะเป็นการจัดทำเครดิตสกอริ่งใหม่ จากข้อมูลที่กระทรวงการคลังมีอยู่ ประกอบกับการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ ชึ่งผู้ที่มีคะแนนที่ผ่านเกณฑ์ จะสามารถไปยื่นขอสินเชื่อได้เลยจากธนาคารรัฐ 4 แห่ง อันจะช่วยลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และให้โอกาสใหม่แก่ผู้ที่ไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ เพราะไม่ผ่านเครดิตบูโร

4.นวัตกรรมการออมแบบมีแรงจูงใจ ผ่านโครงการสลากเกษียณ (retirement lottery) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐที่สร้างแรงจูงใจให้คนไทยออม และถูกจริตกับวิถีชีวิตคนไทยที่นิยมการซื้อสลาก เงินที่ผู้ซื้อได้ซื้อสลากทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นเงินออมและคืนเป็นเงินออมเมื่อผู้ซื้อมีอายุ 60 ปี สลากเกษียณจะช่วยให้ผู้ซื้อใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบมีคุณภาพ (Greater Quality of Life) และดำรงชีวติก่อนเกษียณแบบมีหลักประกันทางการเงิน (Financial security)

“เผ่าภูมิ” แจกสัญญาเช่าที่ดิน“ธนารักษ์เอื้อราษฎร์-สุราษฎร์”300 สัญญา กว่า 2,000 ไร่ ชาวบ้านร่ำไห้ดีใจ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวในโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน ในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า

กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ประชาชน ตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” โดยในวันนี้ (17 พฤศจิกายน 2567) เป็นการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บางส่วน) อ.เคียนซา อ.พระแสง และ อ.พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 300 ราย (300 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 2,041 ไร่ 14 ตารางวา เป็นการจัดให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย จำนวน 77 ราย เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ 85 ตารางวา และ เพื่อประกอบการเกษตร จำนวน 223 ราย เนื้อที่ประมาณ 2,022 ไร่ 3 งาน 29 ตารางวา ในอัตราค่าเช่าต่ำสุดที่ 40 บาทต่อไร่ต่อปี ซึ่งพี่น้องประชาชนต่างดีใจและบางรายถึงกับร่ำไห้

กรมธนารักษ์มุ่งมั่นจัดหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยประชาชน เพราะถือเป็นรากฐานสำคัญของการดำรงชีวิต เราต้องการเห็นคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น ต้องการเห็นพี่น้องประชาชนมีที่ดินทำกิน มีที่ดินสำหรับรายได้ที่มั่นคง และมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของรัฐ ทั้งสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ประกอบการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย

สรุปผลการดำเนินโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” ของปีงบประมาณ 2567 ดำเนินการทั้งสิ้น 12 จังหวัด รวมจำนวน 3,200 ราย เนื้อที่ประมาณ 11,587 ไร่ 1 งาน 94.90 ตารางวา และกรมธนารักษ์จะแถลงแผนธนารักษ์เอื้อราษฎร์ ในปี พ.ศ. 2568 ในวันพุธที่ 20 พ.ย. อีกกว่า 5,000 ราย

ผลลัพธ์เยี่ยม! “เผ่าภูมิ” ชี้ “เงิน 10,000” ดันดัชนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค-SME-อุตสาหกรรม พุ่ง 3 ตัว พร้อมกัน

(15 ธ.ค. 67) ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนตุลาคม 2567 และพฤศจิกายน 2567 ดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 14.55 ล้านคน ที่ดำเนินตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา สะท้อนผ่านดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ดัชนี ดังนี้

1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confident Index: CCI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน จาก 55.3 จุด ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 56.0 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 56.9 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น

2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises Sentiment Index: SMESI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน จาก 49.6 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 52.2 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 53.0 จุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเพิ่มกำลังซื้อในตลาด

3) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (Thai Industrial Sentiment Index: TISI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 87.1 จุด เป็น 89.1 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 จากการผลิตและยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี ที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัวและตอบสนองต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็นที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันและภาคการเกษตร

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นทั้ง 3 ดัชนี ข้างต้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค ภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการตอบสนองที่ดีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงความคาดหวังในทิศทางเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งส่งผลดีต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top