Sunday, 20 April 2025
เปลวสีเทียน

'เปลวสีเงิน' เตือน!! ปลุกกระแส 'ถวายคืนพระราชอำนาจ' เพื่อขจัดรัฐบาล ไม่ต่างจากดึงสถาบันฯ มาเป็นคู่ขัดแย้งทาง 'การเมือง-ประชาชน'

(8 ก.ค.67) นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘ถวายคืนพระราชอำนาจ? #ผักกาดหอม’ ระบุว่า…

อย่าได้คิดทำครับ…

หลายวันมานี้มีการเผยแพร่ข้อความในโลกออนไลน์ ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

นั่นคือ ข้อเสนอถวายคืนพระราชอำนาจ!

แม้จะไม่ชัดเจนว่า มีขอบเขตแค่ไหน แต่พอจับทางได้ว่าเพราะความไม่พอใจในการบริหารประเทศของรัฐบาลเศรษฐา

จึงอยากให้ถวายคืนพระราชอำนาจ

ถ้าเป็นแค่การเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ก็ควรจะพูดกันให้ชัดเจน

จะได้ไม่สร้างความเข้าใจผิดในวงกว้าง

เพราะการยุบสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องกระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูลและนำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย

โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

เรียกร้องแบบนี้เข้าใจได้ครับ

แต่ที่จับกระแสผ่านความเข้าใจในโซเชียล เป็นความเข้าใจคนละอย่าง

บางคนเลยเถิดถึงขั้นเรียกร้องให้รื้อฟื้นระบอบการปกครอง ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ขึ้นใหม่

แบบนี้อันตรายมากครับ!

คิดแบบนี้ในยุคสมัยนี้ ก็ไม่ต่างจากดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับ นักการเมือง และประชาชน

ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมของทุกอำนาจ

ทั้งการปกครอง การตุลาการ การทหาร

เป็นเจ้าชีวิตของประชาชนทั้งหมด

พระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่ในอดีต นับแต่ราชอาณาจักรสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ทรงใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของอาณาประชาราษฎร์ ให้ร่มเย็นเป็นสุข

ในทางปฏิบัติ พระมหากษัตริย์ไม่อาจจะทรงปกครองบริหารราชอาณาจักรทั้งหมดด้วยพระองค์เองเพียงลำพัง จึงทรงมอบหมายให้บรรดาพระราชวงศ์เหล่าขุนนาง-ข้าราชการ ปฏิบัติหน้าที่ต่างพระเนตรพระกรรณ

แต่พระมหากษัตริย์จะทรงเรียกพระราชอำนาจคืนเมื่อไหร่ก็ได้

นั่นคืออดีต

ไม่เฉพาะไทย หรือสยาม หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่…แต่ในอดีตกาลเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันแทบทุกแผ่นดินในโลกนี้

ปัจจุบันไม่อาจหวนกลับไปสู่ ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ได้อีกแล้ว

แม้จะยังมีบางประเทศใช้อยู่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย บรูไน แต่โดยบริบทของไทย คนไทย แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ปี ๒๔๗๕ ไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองกันอย่างทุลักทุเล

คณะราษฎรเองก็ใช่จะเข้าใจตรงกันทั้งหมดว่า เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ไปสู่อะไร

สำหรับประชาชนยิ่งแล้วใหญ่

เกิดความเข้าใจในหมู่ประชาชนพื้นที่ห่างไกลว่า รัฐธรรมนูญเป็นลูกชายพระยาพหลฯ

กว่าจะเข้าที่เข้าทางได้ใช้เวลานานโข

แต่ยิ่งนานก็ยิ่งเกิดการแตกแยกในหมู่คณะราษฎร

จะเห็นว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทยนั้น ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตั้งแต่แรกเริ่ม

เริ่มจากคณะราษฎรชิงอำนาจกันเอง

เกิดการรัฐประหารบ่อยครั้ง

และนักการเมืองคอร์รัปชัน

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประชาธิปไตยทั้งสิ้น

การพัฒนาประชาธิปไตย หรือการแก้ปัญหาทางการเมือง ไม่ใช่การ ถวายคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันสร้าง

แม้จะต่างพรรค ต่างความเชื่อ แต่เมื่อจุดมุ่งหมายของทุกคนคือประชาธิปไตย เราจะผลักภาระไปให้พระองค์ท่านไม่ได้

ประชาชนต้องช่วยกันขจัดนักการเมืองคอร์รัปชัน แม้จะยากลำบากเพราะสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ แต่ไม่มีทางเลี่ยง หรือทางลัดอื่น หากประชาชนไม่ทำ การเมืองก็วนอยู่อย่างนี้

คอร์รัปชัน รัฐประหาร เลือกตั้ง วนไปไม่มีที่สิ้นสุด

สถานะของพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ทรงอยู่เหนือการเมือง และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดิน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานแจกเนื่องในงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันตรงกับวันเสด็จสวรรคตที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๗๐ มีความดังต่อไปนี้

“…อนึ่ง พระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามนี้ ไม่ได้มีปรากฏในกฎหมายอันหนึ่งอันใดด้วยเหตุถือว่าเป็นที่ล้นพ้น ไม่ข้อสิ่งอันใด หรือผู้ใดจะเป็นผู้บังคับขัดขวางได้

แต่เมื่อว่าตามความที่เป็นจริงแล้ว เพราะเหตุฉะนั้นข้าพเจ้าไม่มีความรังเกียจอันใดเลยซึ่งจะมีกฎหมายกำหนดพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดิน…”

รัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติ “องค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้” แสดงให้เห็นถึงฐานะของพระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดของประเทศและเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนเสมอมา

ผู้ใดจะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทมิได้

และการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงใช้ผ่านฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

โดยมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

จะเห็นว่าพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญนั้นมีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถวายคืน

ที่พยายามประโคมว่าถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อขจัดรัฐบาล แบบนี้ไม่เรียกว่าถวายคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง

ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดแบบนี้ กรุณาหยุดเสีย

หยุดทำเรื่องระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top