Thursday, 16 May 2024
เท่าพิภพ

‘เท่าพิภพ ก้าวไกล’ โวยรบ. เร่งแต่จะเปิดบ่อน ปล่อย ‘คนกลางคืน’ เผชิญชะตากรรมกันเอง

‘เท่าพิภพ’ โวย รัฐบาลกระตือรือร้นเปิดบ่อน แต่ไม่แยแส ‘คนกลางคืน’ ย้ำ ทุกธุรกิจต้องการความแน่นอนชัดเจน เผย ‘ก้าวไกล’ จ่อยื่นฟ้องแบบ Class Action รัฐบาล ศุกร์นี้

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการที่ตนเคยอยู่ในแวดวงคนทำร้านอาหารผับบาร์หรือ ‘ธุรกิจกลางคืน’ มาก่อน ช่วง 2 ปีมานี้ ได้ฟังเสียงสะท้อนความทุกข์จากเพื่อนฝูงและผู้ประกอบการมากมายจนรู้สึกเหนื่อยใจกับการบริหารของรัฐบาลนี้มาก เพราะนอกจากความช่วยเหลือที่มีให้น้อยมากจนถึงไม่มีแล้ว ยังซ้ำเติมด้วยการทำตัวเป็นบ่อนทำลายความหวังในการทำมาหากินของพวกเขาด้วยความโลเลไม่ชัดเจนในมาตรการและคำสั่งแต่ละครั้ง และที่น่าน้อยใจมากก็คือ ในขณะที่รัฐบาลพูดกรอกหูประชาชน สร้างภาพสารพัดให้ธุรกิจกลางคืนเป็นผู้ร้ายของสถานการณ์โควิดแต่เพียงผู้เดียว สิ่งที่รัฐบาลกล้าที่จะทำมากกว่าคือการผ่อนปรนให้บ่อนชนวัว ชนไก่ กัดปลา แข่งนก ชกมวย ดำเนินการได้ ทั้งที่กิจกรรมเหล่านี้ก็เคยเกิดคลัสเตอร์ใหญ่มาแล้วทั้งสิ้น

“รัฐบาลดูจะกระตือรือร้นมากเรื่องเปิดบ่อน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ถึงกับบอกว่าเป็นของขวัญคนไทยในวันลอยกระทง เพราะได้เห็นหนังสือคำสั่งผ่อนคลายการแข่งขันชนไก่ ปลากัด แข่งม้า ชนโค ชกมวยและแข่งนก ไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแล้ว ส่วนตัวผมไม่ขัดข้องอะไรในเรื่องนี้ แต่แค่มีคำถามว่า ในเมื่อรัฐบาลเชื่อมั่นว่าสามารถอนุญาตให้กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงดำเนินการได้ภายใต้มาตรการควบคุมโรค แล้วเหตุใดจึงไม่นำแนวคิดนี้มาใช้ให้เป็นคุณกับธุรกิจกลางคืนบ้าง คลัสเตอร์สนามมวยลุมพินี คลัสเตอร์สนามวัวชน คลัสเตอร์บ่อนพนันเคยมีมาแล้วทั้งนั้น ถึงท่านให้เหตุผลว่ายังห้ามไม่ไปชมที่สนามตอนนี้ แต่ถามว่าการรวมกลุ่มตามบ้านเจ้ามือยังมีอยู่และเป็นความเสี่ยงเช่นกันใช่หรือไม่ และท่านจะห้ามได้อย่างไร แต่ท่านยังกล้าคลายล็อกให้ภายใต้เงื่อนไขการกำกับมาตรการความปลอดภัย แล้วทำไมจึงไม่กล้าใช้เงื่อนไขนี้คลายล็อกให้ธุรกิจกลางคืนที่ได้รับความลำบากอย่างต่อเนื่องด้วย”

“เท่าพิภพ” เหน็บแรง คนกทม.ไม่อยากได้ “ไอน์สไตน์” เพราะไอจะตายแล้ว จากฝุ่นpm2.5

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยการเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดให้สมาชิกได้หารือปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ โดยนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ขอหารือเรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกทม. ว่า วันนี้กทม.เราเจอวิกฤตินี้อีกแล้ว วันนี้ตนขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถเมล์สาย 68 มาทางถนนจรัญสนิทวงศ์ มีฝุ่นควันหนัก แต่พอตนขี่รถข้ามสะพานซังฮี้ เส้นทางที่มารัฐสภา ฝุ่นหนาจนแทบจะมองไม่เห็นเครื่องยอดของรัฐสภาอยู่แล้ว จึงฝากรัฐบาลกำชับ กทม.ดูแลเรื่องฝุ่นควัน จากรถยนต์ จากการก่อสร้างโครงการใหญ่ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมด้วย 

“ผมคิดว่า สิ่งที่คนกรุงเทพฯมี ไม่ใช่ไอน์สไตน์นะครับ เพราะตอนนี้ไอจะตายแล้วครับ”นายเท่าพิภพ กล่าว 

'ส.ส.ก้าวไกล' ขอบคุณกลุ่มธรรมนัส ช่วยเทคะแนนให้ หวังรอบหน้าจะได้รับการสนับสนุนอีก

วันที่ 10 ก.พ. 65 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.... หรือ ร่างพรบ.สุราก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า... 

ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ "ไม่เห็นด้วยกับการอุ้ม" เมื่อวานนี้ทั้ง พรรคเพื่อไทย ที่ช่วยอภิปรายสนับสนุนสะท้อนปัญหาพี่น้องในพื้นที่และโหวตให้ 

'เท่าพิภพ' อัด 'รัฐบาล' กระตุ้นการท่องเที่ยว 'ไร้ยุทธศาสตร์' หากเป็นก้าวไกล จะใช้ Creative Content Industry มาหนุน

"เท่าพิภพ" อัด รัฐบาล กระตุ้นการท่องเที่ยว "ไร้ยุทธศาสตร์" - ชี้ หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะใช้ Creative Content Industry มาช่วยขยายการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ณ อาคารรัฐสภา เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เกี่ยวกับการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวของรัฐบาล 

เท่าพิภพ เริ่มต้นอภิปรายโดยกล่าวว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าวินาศสันตะโรเพราะไวรัสโควิด-19 และการปิดประเทศ แต่ถ้าจะมองให้ดีให้ชัด อาจไม่ใช่แค่ 2 ปี แต่เป็นตั้งแต่การทำรัฐประหารของประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซา ส่งผลให้ประชาชนตกงานกว่า 3 ล้านคน

เท่าพิภพ เริ่มยกตัวอย่างประชาชนในเขตพื้นที่ของตนมีหลายต่อหลายอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างเช่น พนักงานโรงแรม รวมถึงคนขับเรือท่องเที่ยว ทำให้ต้องเป็นภาระคนในครอบครัว สถานการณ์มันช่างน่าสิ้นหวัง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เกิดผล เพราะรัฐบาลขาดการวางยุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจน ผู้ประกอบการหลายรายที่ตนรู้จัก หนึ่งในนั้นคืออดีตเจ้านายของตน ที่ใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตไปกับกิจการ เพราะได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับมาปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้อดีตเจ้านายของตนนั้นไม่เหลืออะไร มีแต่คราบน้ำตาและเสียงร้องไห้

มาตรการการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวทั้งกระดาน รัฐบาลออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายต่อหลายโครงการแต่ก็ไม่สามารถประสบผลสำเร็จ อย่างเช่น โครงการกำลังใจ ที่ออกมาให้ อสม. ไปเที่ยว โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้พลาดเป้าทุกโครงการ

"อย่างโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่ออกมาให้ประชาชนซื้อทัวร์ของคนไทยเที่ยวในประเทศไทย จำกัดสิทธิ์ 1 ล้านสิทธิ์ แต่คนออกมาใช้สิทธิ์ราว 24,419 สิทธิ์ เบิกจ่ายจริงแค่ 61 ล้านบาทจากงบกว่า 5,000 ล้านบาท แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าล้มเหลวแล้วจะให้เรียกว่าอะไร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตอนนี้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวต้องขับรถเที่ยวกับครอบครัว ถ้ารู้อย่างนี้แล้วจะขอเงินมาออกเป็นโครงการนี้ทำไม"

นอกจากนี้ ททท. ยังใช้งบประมาณมหาศาลในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเป็นการจ้างศิลปินชื่อดังมา แต่ผลการตอบรับนั้นถือว่าแย่กว่าการจัดแสดงลิเกที่วัดท่าพระเสียอีก

"ถ้ามีเงินร้อยล้านในการจัดอีเวนต์ ผมว่าเอาเงินไปจ้างคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ชื่อดังจากทั่วโลก แล้วตั้งแฮชแท็ก #Easythailand เข้าไทยง่ายเที่ยวไทยคล่อง ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมมั่นใจว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ผลกว่าที่ทำในตอนนี้อย่างแน่นอน"

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ททท. ไม่เคยทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ หรืออาจเป็นเพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวยังเป็นแบบสมัยเก่า ตนคิดว่ามันไม่ใช่ที่จะมาคิดแคมเปญการท่องเที่ยวที่ดูหรูหรา ไปออกบูทต่างประเทศ หรือใช้สถานทูตไปจัดงาน Thai Fest สิ่งเหล่านี้มันคงไม่เพียงพออีกต่อไป

ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เท่าพิภพ กล่าวว่า อย่างแรกที่เราจะทำก็คือ การพยุงการจ้างงาน ถ้ากิจการยังมีอยู่ การจ้างงานยังมีอยู่ การท่องเที่ยวก็ยังจะคงอยู่ ถ้าผู้ประกอบการรายใดไปต่อไม่ไหว ก็จัดสรรงานฝึกอาชีพใหม่ นอกจากนี้จะของดเว้นภาษีที่ดินโดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กได้ไปต่อ

"คำสั่งเสียสุดท้ายของผม อยากให้รัฐบาลเปิดประเทศสักที แล้วเอาเงินที่ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้ยุทธศาสตร์ กลับมาให้ระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ป่วย ผมว่าเราต้องเลิกดัดจริตกันได้แล้ว ว่าคนต่างชาติจะเอาโควิดเข้ามาในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเราไม่มีโครงการที่จะทำให้คนในประเทศท่องเที่ยวได้ เพราะสุดท้ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวนั้น ต้องการอย่างเดียวคือกลับไปเป็นปกติ"

'เท่าพิภพ' ดัน พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ทลายทุนผูกขาด | TIME TO LISTENING EP.6

'เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร' ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดกรุงเทพมหานคร หวังพร้อมดัน

พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า เป็นก้าวแรกของกฎหมายเหล้าเบียร์ ชี้แก้ปัญหาผูกขาดการตลาด

 

ดำเนินรายการโดย ไอยรา อัลราวีย์

Content Manager

 

แขกรับเชิญสุดพิเศษ คุณเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร

ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดกรุงเทพมหานคร

 

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES PODCAST

และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLBnnkZJ5-QgtyID5DqrnG4

 

🎥 ช่องทางรับชม

Facebook: THE STATES TIMES PODCAST

YouTube: THE STATES TIMES PODCAST

TikTok: THE STATES TIME PODCAST

‘เท่าพิภพ’ รับเสียน้ำตาบ่อย หลัง ‘ก้าวไกล’ ทำ ปชช.ผิดหวัง ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ เชื่อ ทุกปัญหาจะค่อยๆ ถูกแก้ไข

‘เท่าพิภพ’ รับ เสียน้ำตาบ่อย ‘ก้าวไกล’ ทำปชช.ผิดหวัง ห่วง ‘สส.เพื่อไทย’ ลงพื้นที่ลำบาก เหตุไม่พอใจการจับข้ามขั้วตั้ง รบ. สะท้อนเสียงจากการประชุมที่อินโดนีเชีย ต่างชาติมองประเทศไทย เสียประชาธิปไตยไปแล้ว

(15 ส.ค. 66) ที่ตึกไทยซัมมิท นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร สส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวก่อนการประชุม สส.ของพรรคก้าวไกล ถึงการรับฟังความเห็นจากประชาชนในการลงพื้นที่กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าบรรยากาศในการลงพื้นที่ขณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะไม่ได้เป็นไปในแนวทางบวกเหมือนหลังการเลือกตั้ง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย ในการที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมยอมรับว่าตนเองเสียน้ำตาบ่อย เพราะทำให้ประชาชนผิดหวัง ซึ่งก็ทำได้แค่เพียงให้กำลังใจ สส. ของพรรคคนอื่นๆ ที่เจอสถานการณ์เดียวกัน

แต่ก็อาจจะเป็นแบบที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เคยระบุไว้ว่า “อาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน” ก็ได้ ขอให้กำลังใจ สส.เขตพรรคเพื่อไทยด้วย เราก็เข้าใจว่าในระบบพรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคคงจะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมากเท่า สส.เขต จึงอยากให้ สส.เขตสะท้อนเสียงที่ได้รับฟังจากประชาชนขึ้นไป ให้ผู้บริหารของพรรคได้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้มีคนตำหนิหรือติเตียนอะไรที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนใหญ่มีแต่คนมาให้กำลังใจ

เมื่อถามว่า ในการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการพูดคุยกับผู้นำคนอื่นๆ ในการประชุมหรือไม่ และมีเสียงสะท้อนอย่างไรบ้าง นายเท่าพิภพ กล่าวว่า จากการที่ตนได้พูดคุยกับรองประธานสภาจากประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ทั้งสองคนก็ได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งตนก็ได้แค่เพียงอธิบายถึงระบบที่บิดเบี้ยวของประเทศไทย ว่าสุดท้ายแล้วปัญหาจะค่อยๆ ถูกแก้ไปเอง

ซึ่งก็หวังว่าคงจะมีรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เร่งแก้ไขปัญหา เพราะทั้งสองประเทศเขาจะมีการจับขั้ว และตกลงกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจับกันมั่วภายหลังการเลือกตั้ง เราจึงได้เรียนรู้ว่า ประเทศไทยได้สูญเสียสิ่งที่เราเคยได้เป็นตัวอย่างการเป็นประชาธิปไตยให้กับประเทศอื่น ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า ตนก็ไม่อยากจะตอบคำถามลักษณะเดียวกันนี้อีก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top