Monday, 28 April 2025
เทือกเขาหิมาลัย

รู้จัก 'ทเวตส์' ธารน้ำแข็งแห่งวันสิ้นโลก กับการละลายที่ 'โลก-ไทย' ต้องหวั่นเกรง

ทีมวิจัยจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งทเวตส์ ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอนตาร์กติกา แถลงในการประชุมประจำปีของ American Geophysical Union (AGU) โดยเตือนว่าธารน้ำแข็งกำลังละลายลงอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และละลายเร็วขึ้นถึง 2 เท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจพังทลายลงในไม่กี่ปีข้างหน้า

รายงานระบุว่า ธารน้ำแข็งทเวตส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับสหราชอาณาจักรหรือฟลอริดา มีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร และลึกประมาณ 800 ถึง 1,200 เมตร บางครั้งถูกเรียกว่า "ธารน้ำแข็งแห่งวันสิ้นโลก" (Doomsday Glacier) เพราะการพังทลายของมันอาจทำให้ธารน้ำแข็งอื่น ๆ ในแอนตาร์กติกาพังทลายไปด้วย ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น 3 เมตร!! 

“ทเวตส์” สูญเสียน้ำแข็งไปประมาณ 595,000 ล้านตัน (540,000 ล้านเมตริกตัน) ตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4% นับแต่นั้นเป็นต้นมา

การศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร The Cryosphere ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ระบุว่าธารน้ำแข็งทเวตส์และธารน้ำแข็งเกาะไพน์มีส่วนประมาณ 10% ของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก

ขณะนี้ น้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นไม่เพียงแต่จะทำให้ธารน้ำแข็งทเวตส์ละลายเท่านั้น แต่ยังทำให้การยึดเกาะของธารน้ำแข็งใต้ทะเลสั่นคลอนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อธารน้ำแข็งอ่อนตัวลงก็มีแนวโน้มที่จะมีน้ำแข็งแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ หรือหลุดออกจากแนวสันดอนภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ โดยภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นรอยแยกใหม่บนพื้นผิวของน้ำแข็ง

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในแอนตาร์กติกาอาจเกิดขึ้นภายใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า โดย ดร.เอริน เพตติต จากมหาวิทยาลัย Oregon State University อธิบายว่ารอยแตกของน้ำแข็งคล้ายกับรอยร้าวบนกระจกรถ ซึ่งรอยร้าวจะค่อย ๆ ขยายขึ้นเรื่อย ๆ และหากได้รับการกระทบกระเทือนมันก็จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

>> สะเทือนถึงไทยไหม?
อย่างที่ทราบกันว่ากรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของเรา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 ถึง 2 เมตร ดังนั้นหากถึงวันที่ธารน้ำแข็งทเวตส์พังทลายลง ซึ่งนักวิจัยชี้ว่าจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น 3 เมตร ก็มีความเป็นไปได้ที่กรุงเทพมหานครจะได้รับผลกระทบไปด้วย

นอกจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แผ่นดินก็กำลังทรุดตัวลงทุกปี ๆ ซึ่งนอกจากการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติเองแล้ว การสูบน้ำบาดาล และการเติบโตของเมืองยิ่งส่งผลให้แผ่นดินกรุงเทพทรุดตัวเร็วขึ้น ประกอบกับพื้นดินซึ่งเป็นดินเหนียวที่มีความหนาแน่น ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดน้ำท่วมมากขึ้น

‘หนึ่ง วิทิตนันท์’ ปีนเขา Yasa Thak ที่ยังไม่เคยมีใคร ปีนได้สำเร็จมาก่อน เพื่อฉลองความสัมพันธ์ 65 ปี ‘ไทย - เนปาล’ เฉลิมปีมหามงคล ในหลวง ร.10

(28 ธ.ค. 67) ‘Echo Friendship Project’ เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการเจริญความสัมพันธ์ในทุกมิติระหว่างประเทศไทยและ Nepal ในวาระ 65 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ของประเทศไทย และ Nepal  ซึ่งคล้องกันกับในปีนี้เป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ส่งเจริญพระชนม์มายุ 72 พรรษา ทางสมาคมมิตรภาพไทย , Nepal  Nepal Mountaineering Association , จึงถือเอาวาระแห่งความสำคัญนี้เริ่มต้นโครงการโดยการปีนยอดเขาที่ยังไม่มีการปีน สำเร็จมาก่อน ถือเอาเป็นภาพสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่จะดำเนินไปสู่เป้าหมายตามวัตถุประสงค์ โดยมีนายธัน พหาทุร โอลิ (H.E. Mr. Dhan Bahadur Oli ) เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย เป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นผู้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการผลักดันโครงการนี้ 

โดยภารกิจในครั้งนี้ นาย วิทิตนันท์ โรจนพานิช นายกสมาคมมิตรภาพไทย Nepal จะเป็น เป็นผู้ปีนยอดเขา Yasa Thak ยอดเขาที่มีความสูง 6,141 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่ง ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย บริเวณ Solukhumbu ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ Sagarmatha ร่วมกับนักปีนเขาชาวเนปาล อีกสามคน ซึ่งการปีนเขาในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการบันทึกภาพสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ  รวมทั้งได้นำพระพุทธเมตตา จากวัดไทยพุทธคยาขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ขึ้นไปประดิษฐานไว้บนยอดเขาเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลและภาพสัญลักษณ์ของสันติสุข 

การปีนเขาในครั้งนี้ได้ กระทำสำเร็จแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 12:05 น. และเมื่อการปีนเขาในครั้งนี้ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว ทางสมาคมมิตรภาพไทย Nepal จะได้ดำเนินการขออนุญาตรัฐบาล Nepal ในการต่อชื่อในตอนท้ายของชื่อยอดเขา ในวงเล็บว่ว่า Echo Friendship Peak  

กิจกรรมในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ได้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศ  , มูลนิธิไทย , นายสุวพงศ์ ศิริสรณ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ , วัดไทยลุมพินีประเทศ Nepal , วัดไทยพุทธคยา , วัดไทยกุสินารา, ซึ่ง การบริหารจัดการวางแผนและดูแลความปลอดภัยในการปีนเขาในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก Echo Friendship Project  

กิจกรรมการปีนยอดเขาในครั้งนี้ได้รับการบริหารจัดการดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยโดยบริษัท Khumbi-Ila Voyage Mountaineering & Trekking / Travels& Tours จำกัด

และหลังจากสำเร็จกิจกรรมการปีนยอดเขาในครั้งนี้ ทางสมาคมมิตรภาพไทย เนปาล และสถานเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย ยังได้มีดำริ ที่จะจัดนิทรรศการเกี่ยวข้องกับการเดินทางในครั้งนี้ ตลอดจนเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ รวมทั้งกิจกรรมทางการท่องเที่ยว อาหาร และ ศิลปะ วัฒนธรรมของประเทศเนปาล ในราวเดือนเมษายน 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top