Wednesday, 26 June 2024
เทศกาลคริสต์มาส

'เทศกาลคริสต์มาส' ห้วงความสุขของอเมริกันชน ความอบอุ่นที่เทียบเท่าได้ดั่ง 'สงกรานต์' บ้านเรา

คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเทศกาลแสนสุขและเป็นวันรวมญาติในรอบปีของคนไทยคือ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นช่วงที่คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามอยากกลับไปเจอหน้าญาติพี่น้องที่บ้านเกิดทั้งนั้น ส่วนใครที่ไม่มีโอกาสกลับบ้านก็ได้แต่นั่งเศร้าเหงาหงอย ช่วงสงกรานต์นี้จึงถือว่าเป็นวันครอบครัวแห่งชาติกันเลยทีเดียว 

ส่วนเทศกาลในอเมริกาที่สามารถเทียบเคียงกับช่วงสงกรานต์ได้ ก็เห็นจะเป็นวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนกับคริสต์มาสในช่วงธันวาคมนี่แหละ เพราะใครๆ ต่างทยอยกันกลับบ้านเพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษกับครอบครัว การอยู่คนเดียวในช่วงขอบคุณพระเจ้าและคริสต์มาสในความคิดฝรั่งจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างเหลือแสน เพราะอเมริกันให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างยิ่งในสองวันนี้

ก่อนหน้าคริสต์มาสคือ เทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งตรงกับเดือนพฤศจิกายน ทุกครอบครัวจะล้อมวงกินไก่งวงร่วมกัน ช่วงเวลาแห่งความสุขในรอบปีของอเมริกันคือช่วงเวลาก่อนคริสต์มาส อิ่มอวลไปด้วยความสุขอันหอมหวาน ผู้คนเดินไปมาในห้างด้วยสีหน้ายิ้มย่องผ่องใส ถือเป็นช่วงดีๆ ที่ผู้คนไม่ขึ้งโกรธหรือขุ่นข้องหมองใจระหว่างกัน แถมบางครั้งก็ได้รับน้ำใจแบบไม่คาดฝันจากคนแปลกหน้าด้วย 

ช่วงนี้แหละที่ผู้คนในอเมริกาดูอบอุ่นอ่อนโยนและใส่ใจกันเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในรอบปี ห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะซุปเปอร์มาเก็ตมักมีซานตาครอสลึกลับแอบจ่ายเงินให้คนที่ต่อแถวข้างหลัง ถือเป็นของขวัญที่ผู้คนมอบให้กันอย่างไม่เฉพาะเจาะจง ส่วนมากแล้วคนที่ได้รับน้ำใจมักร้องไห้ออกมากลางห้างอย่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เพราะน้ำใจส่งท้ายปีจากคนแปลกหน้าถือเป็นความงดงามที่คนตัวเล็กอย่างเราสามารถมอบให้กันในเทศกาลอันเปี่ยมสุขแห่งปี

ผู้คนเฉลิมฉลองด้วยการประดับประดาหน้าบ้านด้วยไฟหลอดเล็กๆ สีเขียวสลับแดงพรืดไปทั้งหน้าบ้าน การตกแต่งบ้านเรือนยึดโทนสีหลักของเทศกาลคริสต์มาสแต่โบราณคือเขียวและแดง ซึ่งเป็นการใช้สีในเชิงสัญลักษณ์และเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา สีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตของพระเยซู ส่วนสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตนิรันดร์ เพราะเป็นสีของต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบและเขียวสดชั่วกาลนาน

ภายในบ้านมีต้นคริสต์มาสทั้งแบบพลาสติกและแบบสดแขวนสิ่งละอันพันละน้อยจนเต็มต้น บนยอดมีดวงดาวสีทองสุกใส ใต้ต้นมีกล่องของขวัญหลายกล่องวางเรียงราย มองเลยต้นคริสต์มาสไปอีกนิดจะเห็นถุงเท้ายาวหลายข้างแขวนไว้ตรงเตาผิงที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ทั่วบ้านยังประดับพวงมาลัยที่ทำมาจากใบสนและและฮอลลีสีแดงสด บางบ้านก็มีการแขวนช่อมิสเซิลโทไว้ในบ้าน เชื่อกันว่าใครก็ตามที่มายืนใต้ช่อมิสเซิลโทแล้วจะต้องจูบกันโดยถือเป็นคำมั่นสัญญาว่ารักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย       

นอกจากชาวคริสต์แล้ว ชาวยิวก็ฉลองเทศกาลในช่วงนี้เช่นกัน โดยประดับไฟหน้าบ้านด้วยสีฟ้าและสีเงิน ข้างหน้าต่างมีเชิงเทียนรูปทรงแปลกตางดงามที่เรียก 'มะโนรา' แยกออกเป็น 8 กิ่งเพื่อปักเทียนทั้งหมด 8 เล่ม เทศกาลนี้เรียกว่า 'ฮานุกก้า' เพื่อระลึกถึงปาฏิหาริย์แห่งแสงสว่างที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานถึง 8 วัน และเสมือนเป็นสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะของผู้ศรัทธาที่ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติจักรวรรดินิยมกรีก  

มีเรื่องเล่ากันขำๆ ว่า ร้านอาหารฝรั่งทุกร้านปิดหมดในช่วงคริสต์มาส ร้านอาหารที่เปิดขายวันนี้เลยมีแต่ร้านอาหารจีน ชาวยิวในอเมริกาจึงมักออกไปรับประทานอาหารจีนกันทั้งครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ล้อกันเล่นสนุกๆ บางคนไม่มีโอกาสกลับไปหาครอบครัวก็ถือโอกาสออกไปร้านอาหารจีนกินดื่มร่วมกันเพื่อนอย่างสนุกสนานไปด้วย

ในช่วงเทศกาลของทั้งสองศาสนาในวาระเดียวกันเช่นนี้ เวลาไปจับจ่ายซื้อของที่ไหน พนักงานในร้านมักอวยพรรวมกันว่า 'สุขสันต์วันเทศกาล' หรือ Happy Holidays เนื่องจากชาวอเมริกันไม่ได้เป็นชาวคริสต์ทุกคนและคาบเกี่ยวกับเทศกาลฉลองของชาวยิวด้วยจึงเลือกที่จะใช้คำกลางๆ มาเรียกเทศกาลปลายเดือนธันวาคม

ผบ.ตร. มอบของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ เปิดตัวแอปพลิเคชันหนึ่งเดียวที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลให้นักท่องเที่ยว พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ย้ำความมั่นใจท่องเที่ยวปลอดภัย

วันนี้ (2 ธันวาคม 2566) เวลา 10.00 น.ที่จุดตรวจศาลเจ้าพ่อ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ โดยมี พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 , นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ,พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. , พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 , พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. , นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง , นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ , ดร.มัลลิกา สังข์สนิท รองอธิการบดีฝ่ายพันธกิจสัมพันธ์ นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) , ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา , นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ , ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว ร่วมเปิดศูนย์กว่า 500 คน

ผบ.ตร. เปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ด้วยการสแกน QR Code เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน Korat Safe Trip ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแรกที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ในการดูแลนักท่องเที่ยวจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา รวมไว้ในที่เดียว ถือเป็นโมเดลต้นแบบ นำร่องเป็นแห่งแรก จากนั้น ผบ.ตร.ได้เยี่ยมชมบูทผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมอบผ้าห่ม แจกไอศกรีมให้กับนักเรียนในพื้นที่ พร้อมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมดูแลความปลอดนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

โดยการเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยว (TOURIST SERVICE CENTER) ณ จุดตรวจศาลเจ้าพ่อ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สอดรับกับนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จึงสนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้เปิดศูนย์ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัย และให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย โดยเน้นใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการการทำงาน เพื่อลดปริมาณงานของกำลังพล แต่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพของงานให้มีคุณภาพมากขึ้น 

ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงเบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ เพื่อจะให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูล และสามารถแจ้งข้อมูลได้ทันท่วงที รวมถึงตัดปัญหาการสื่อสารระหว่างกันในเรื่องภาษาที่อาจสื่อสารกันไม่เข้าใจ เพื่อให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในส่วนของกำลังพลในการรักษาความปลอดภัยและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ร่วมปฏิบัติในศูนย์แห่งนี้ ประกอบด้วยกำลังตำรวจของ 5 สถานีในพื้นที่อำเภอปากช่อง ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีฝ่ายปกครอง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกู้ภัย รวมทั้งหมดภาคเอกชนผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้การสนับสนุน จึงเชื่อมั่นว่าศูนย์แห่งนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย และการบริการที่ดีแก่นักท่องเที่ยวอันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ภารกิจดังกล่าว ถือเป็น 1 ใน 4 นโยบายเน้นหนักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เขาเกิดความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว หรือกรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือ ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องมาช่วยกัน เราจะทำอย่างไรที่จะให้ชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวประเทศไทย และคนไทยเองก็อยากมาเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เรื่องของความปลอดภัยและการบริการที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับแอปพลิเคชัน Korat Safe Trip ถือว่าเป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ สถาบันการศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาแอปพลิเคชัน ให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ให้กับนักท่องเที่ยว

ตม.สนามบิน สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว ปล่อยแถวต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส - ปีใหม่ 2567

ตามที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย
แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยให้หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการเชิงรุกสนองตอบตามนโยบายดังกล่าว

เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.66) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย รอง ผบช.สตม.ได้มาเป็นประธานประชุมแถวกำลังพล ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เข้าร่วมพิธี

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้จัดทำมาตรการในการรองรับการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองภายใต้หลักความมั่นคง ซึ่งป็นการปฏิบัติตามแผนอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส - ปีใหม่ 2567 
โดยจะมีการปฏิบัติในช่วงวันที่ 24 ธ.ค.66 – 1 ม.ค.67 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนกว่าวันละ 70,000 คน

โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทาง
เข้ามาในประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ทาอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่สำคัญ ดังนี้
1. มีการจัดกำลังพลเต็มอัตราทุกช่องตรวจในช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารที่สะสม
ในโถงพักคอยให้ได้ภายในเวลา 30 นาที
2. รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่อาสา เพื่อจัดเตรียมเอกสารและให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยว เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจหนังสือเดินทางไม่เกิน 45 วินาที/คน
3. เพิ่มศักยภาพในการระบายผู้โดยสารโดยมีการเปิดใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Automatic channel นำร่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้มอบของที่ระลึกเป็นสเปรย์แอลกอฮอลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงวันหยุดยาว เป็นที่ระลึกเพื่อสร้างความประทับและสร้างสีสันให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา

แถลงข่าวปฏิบัติมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมมาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านจราจรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2567

ในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567 เป็นห้วงหยุดยาววันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2567 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมเยียนบิดา มารดา ญาติพี่น้อง และเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนในภูมิภาคต่างๆ เป็นจำนวนมาก และการเดินทางดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
และการก่อความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้

​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมตลอดระยะเวลาห้วงเทศกาล โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายและระดมกำลังทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 18 ธันวาคม ถึง 27 ธันวาคม 2566 เพื่อเตรียมพร้อมช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 โดยมีเป้าหมายหลักเป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และ การลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์
และออนไลน์  อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยาเสพติด  การควบคุมสถานบริการ และความผิดเกี่ยวกับ
คนเข้าเมือง กลุ่มแก็งอาชญากรรมข้ามชาติผิดกฎหมาย ตลอดจนบุคคลตามหมายจับที่ทางการต้องการตัวทุกข้อกล่าวหา โดยมีผลการระดมกวาดล้าง ห้วงวันที่ 18 ธันวาคม ถึง 27 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาดังนี้

1.จับกุมความผิดอาชญากรรม On ground รวมจับกุม 23,535 คดี ผู้ต้องหา 24,543 ราย เป็นความผิด ดังต่อไปนี้
1.1 ความผิดเกี่ยวกับการพนัน รวม 2,778 คดี ผู้ต้องหา 3,498 ราย
1.2 ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด รวม 13,722  คดี ผู้ต้องหา 13,741 ราย
1.3 ความผิดเกี่ยวกับคนเข้าเมือง ​รวม 6,589 คดี ผู้ต้องหา 6,856 ราย
1.4 ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ ​รวม 446  คดี ผู้ต้องหา 448 ราย

คดีรายสำคัญ  
-กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุมเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดข้ามชาติ ตรวจยึด
ยาเสพติดชนิดไอซ์อัดในถุงผลไม้อบแห้ง และคีตามีนอัดในถุงชา น้ำหนักรวม 2,200 กิโลกรัม  ได้บริเวณบริษัทท่าเรือบางปะกง อำเภอ บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา  ทำการสืบสวนขยายผลสามารถจับกุมและยึดทรัพย์ นายชาญชัยฯ หรือกัปตันตุ้ย ตัวการกับพวก ซึ่งมีพฤติกรรมลำเลียงส่งยาเสพติดในน่านน้ำสากลปลายทางไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ  ได้ทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ประเภท ร้านอาหาร  กิจการเดินเรือ  เงินสด  ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ พระเครื่อง รถยนต์ ฯลฯ มูลค่ากว่า 140 ล้านบาท
 
- ตำรวจภูธรภาค 2 ตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 38/2 ตำบล สำนักทอง อำเภอ เมืองระยอง ตรวจยึดของกลางจำพวกรถยนต์ 9 คัน รถจักรยายนต์ 4 คัน เอกสารการจำนำรถ สัญญาเงินกู้ สมุดบัญชีเงินฝาก ฯลฯ ดำเนินคดี นางสาววรรณิดา ฟุ้งมาก ข้อหาประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด  มูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า  2.5 ล้านบาท
  
- ตำรวจภูธรภาค 7 จับกุม การจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ของกลางยาไอซ์ 37 กิโลกรัม ยาอี 220 เม็ด เคตามีน 6.54 กิโลกรัม และยาบ้ากว่า 170,000 เม็ด
- กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุม นางสาวคนึง ยอดยิ่ง กับพวก ฐานเป็นเจ้าหนักงานทุจริตต่อหน้าที่ฯ ที่ อำเภอ พรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก  จับกุมโรงงานผลิตลูกชิ้นเถื่อนที่ อำเภอ คลองหลวง ปทุมธานี ดำเนินคดี นางสาวธันย์ดารินทร์ ธัญญจินดากุล ความผิดตาม พ.ร.บ.อาหารฯ จับกุมหมอเถื่อนชาวเวียดนามดำเนินคดี นายเหงี่ยน ดัง เทียน ข้อหาประกอบกิจการสถานพยาบาล(เสริมความงาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต ย่านพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ  และจับกุมทลายโกดังเถื่อน อำเภอ ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ลักลอบผลิตวัตถุอันตรายทางการประมงเพื่อส่งจำหน่ายแก่เกษตรกร  ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายฯ ข้อหาเก็บวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ขึ้นทะเบียนไว้ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,500,000 บาท
 
2.จับกุมความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี Online รวมจับกุม 3,430 คดี
ผู้ต้องหา 3,350 ราย โดยเป็นความผิดดังต่อไปนี้
​​​2.1 ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน รวม 240 คดี ผู้ต้องหา 232 ราย
​​​2.2ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย รวม 562 คดี ผู้ต้องหา 538 ราย
​​​2.3 ความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวปลอม รวม 823 คดี ผู้ต้องหา  745 ราย
​​​2.4 ความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก รวมจำนวน 176  คดี
ผู้ต้องหา 176 ราย
​​​2.5 ความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่น ๆ
รวม 1,629 คดี ผู้ต้องหา  1,659 ราย
​​คดีรายสำคัญ เช่น  การจับกุมนายธราธิป ปิ่นกุมภีร์ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ
(พระเครี่อง) และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท ย่านสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ การจับกุมกลุ่มคนร้ายพฤติกรรมหลอกลวงเทรดหุ้น AURORAเงินหมุนเวียนกว่า 70 ล้านบาท การจับกุมนายเขมมิกา สิมสา ข้อหา เป็นธุระจัดหา พาไปเพื่อการอนาจาร อำเภอ กระนวน จังหวัด ขอนแก่น

3. ผลการกวดขันจับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 5,618 หมายจับ ผู้ต้องหา 5,428 ราย
หมายจับรายสำคัญ  
- หมายจับกุม นายฟงเหา จัง ,พลเรือตรี ประกายพฤกษ์ ศรีฟ้า และ นายเทวราช มังกร ฐานเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ
- หมายจับ นางสาวพิมพ์นารา จันทร์ศรี ฐานกันร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท
- หมายจับ น.ส.สิริธร ตรันเจริญ ฐาน ฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หมายจับตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 ถึง 2566 จำนวน 11 หมาย ผู้เสียหายนับ 100 ราย มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท

4. ผลการกวดขันจับกุมตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรม
ทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 รวมจำนวน 189  คดี ผู้ต้องหา 183 ราย
คดีรายสำคัญ เช่น การจับกุมนายอาเจาเต๋อ แซ่จาง กับพวก เป็นธุระจัดหาบัญชีม้าเพื่อใช้
การหลอกลวงรายใหญ่ ผ่านการลวงลวงบริการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดทางแอพพลิเคชั่นของบริษัทบีบาท จำกัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยใบอนุญาตประกอบธุรกิจปลอม  

5. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
5.1 อาวุธปืนสงคราม  จำนวน 9 คดี ผู้ต้องหา 9 ราย ของกลาง 5 กระบอก  
5.2 อาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 1,900 คดี ผู้ต้องหา 1,863 ราย ของกลาง 2,057 กระบอก  
5.3 อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 324 คดี ผู้ต้องหา 315 ราย ของกลาง 483 กระบอก
5.4 วัตถุระเบิด จำนวน 43 คดี ผู้ต้องหา 50 ราย ของกลาง 49 ลูก  
5.5 เครื่องกระสุนปืน จำนวน 579 คดี ผู้ต้องหาราย 521 ของกลาง 37,394 นัด  

​​คดีรายสำคัญ เช่น การตรวจค้นจับกุม นายสุเมธ ลัดดาวัลย์ (ขยายผล) กับพวก บริเวณบ้านพักใน อำเภอ ศรีมโหสถ อำเภอ บ้านสร้าง จังหวัด ปราจีนบุรี และ อำเภอ แปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีฐาน ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ จำนวน 110 กระบอก และกระสุนปืนรวม 12,061 นัด

​พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายในการให้ความสำคัญในแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังมาโดยตลอด จึงได้มีการบูรณาการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและความผิดต่างๆ พร้อมกันทั่วประเทศอยู่เสมอ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าจะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมลดลงและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งต่อพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักลงทุนจากต่างประเทศ อันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศ

​การระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศจนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอาวุธปืน ตลอดจนของกลางอื่นๆ ได้จำนวนมากในครั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อเป็นของขวัญแด่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และการนี้ขอได้ฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากมีเบาะแส/เรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมหรือเรื่องอื่น ๆ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top