Friday, 17 May 2024
เทพมนตรีลิมปพยอม

'เทพมนตรี' ฉะ 'กรมข่าวลือ' เล่าความเท็จ แพร่ข่าวปลอม ชี้!! บางคนเชื่อเพราะเกลียด ได้ยินก็หลงเชื่อทันที

'เทพมนตรี' ฉะ กรมข่าวลือ รู้เรื่องคนอื่นดีไปหมด ยกเว้นเรื่องที่ตนควรหุบปาก หรือ คิดชั่วต่อคนอื่น ชี้บางคนเชื่อเพราะเกลียดได้ยินก็หลงเชื่อทันที เผย เคยสอบสวนหนอนบ่อนไส้ จับลงโทษไปแล้ว แต่หนอนมันเยอะ ชอบเล่าความเท็จเผยแพร่ข่าวปลอม

(16 ธ.ค. 65) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

สังคมไทย มีกรมข่าวลือ และนกรู้มากมาย รู้เรื่องคนอื่นดีไปหมด ยกเว้นเรื่องที่ตนควรหุบปาก หรือ คิดชั่วต่อคนอื่น เสียดายการศึกษาไม่ได้พัฒนาอะไรเลย บางคนเชื่อเพราะเกลียดได้ยินก็หลงเชื่อทันที แพร่กระจายข่าวสารกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของคนอื่น

‘เทพมนตรี’ แฉ!! แผนล้มสถาบัน ‘การเมือง-ขรก.-สื่อ’ ส่อหนุน ฝาก 'ลุงตู่-ป้อม-พี่หนูอนุทิน-ลูกท็อป' ช่วยธำรงหัวใจคนไทย

(25 ม.ค. 66) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Thepmontri Limpaphayorm’ มีเนื้อหาดังนี้...

“สำคัญเหลือเกิน

เรื่องคดีมาตรา 112 ของปิยบุตรกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นความหวังของประชาชนผู้รักรัฐธรรมนูญ รักประชาธิปไตย รักระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้หน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทย ใช้สิทธิทางกฎหมายที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ละเมิดอย่างเขาได้ ใช้เวลานาน เหตุเพราะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องสืบสวนสอบสวน มีความรอบคอบ และต้องค้นคว้าหาหลักฐาน ที่ออกมาพูดว่าผู้กระทำผิดมาตรา 112 ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือตัวกฎบทกฎหมายไม่มีความเป็นธรรมนั้นไม่จริง

'เทพมนตรี' ชี้!! รากเหง้าคนไทยผูกพันสถาบันพระมหากษัตริย์ กร้าว!! อย่าปล่อยให้อ้ายอีตัวใด เข้ามาแบ่งแยก-บ่อนทำลายได้

'เทพมนตรี' ย้อนประวัติศาสตร์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพลเมือง มีรากเหง้าที่มาร่วมกัน สถาบันพระมหากษัตริย์คือความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นไทย อย่าปล่อยให้ อ้ายอีตัวใด เข้ามาแบ่งแยกทำลาย

(26 เม.ย.66) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า…ความเป็นไทยของเรามาถึงปัจจุบันนี้ประเทศของเรามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันเกิดจากรากเหง้าที่ผสมผสาน บ่มเพาะ คัดสรร ได้อย่างลงตัว เรารับสิ่งที่สูงค่า ตกทอด สืบเนื่อง มาจากบรรพชน อารยธรรมตะวันตก ตะวันออก ถูกทำให้มีความเป็นไทย

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพลเมือง จึงมีรากเหง้าที่มาร่วมกัน หาได้แบ่งแยก พลิกผันไปตามพลวัตรทางประวัติศาสตร์

แม้อุดมการณ์ โคโลเนียล ศิวิไลซ์ หรือการปฏิวัติโดยคณาธิปไตยอย่างคณะราษฎร หรือยุคสมัยที่เราเรียกสงครามเย็น การต่อสู้กันทางการเมืองระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย ก็มิอาจทลายกำแพงความเป็นไทยที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของเราได้

เราจึงมีวิถีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 90 ปี รัฐประหารบ้าง เผด็จการรัฐสภา สภาผัวสภาเมีย ช้ำเลือดช้ำหนองมายาวนาน จวบจนกระทั่งทุนนิยม สร้างทุนนิยมผูกขาด จนกลายเป็นทุนนิยมสามานย์

ลองคิดดูว่า ที่เรายังธำรงอำนาจอธิปไตยของเราเอาไว้ได้ จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะอะไร และด้วยเหตุใด

‘อ.เทพมนตรี’ เตือนสติ ‘พวกปากแจ๋ว-นักแจวคีย์บอร์ด’ อย่าคิดง่ายๆ หากเลือกหมิ่น 112 แล้วลงท้ายด้วยกระเช้าราคาถูก

(9 ก.ย.66) อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Thepmontri Limpaphayorm’ ระบุว่า...

คำเตือน

สังคมไทยเป็นสังคมนินทาว่าร้าย ถนัดฟังแต่เรื่องร้ายคนอื่น ส่วนเรื่องตนปกปิดซ่อนเร้นความโกหกตอแหล

จึงไม่เหนือความคาดหมายว่า พระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ก็มิได้ว่างเว้นต่อสิ่งเหล่านี้ หวังพึ่งพิงใครได้ คนพูดด้วยปากเวลาแก้ไขต้องใช้สติปัญญา มันจึงยุ่งยากที่จะทำความเข้าใจ อธิบายสิ่งใดถ้ามีอคติ ความไม่ชอบแล้วไซร้ก็ป่วยการ

เอาเป็นอย่างว่าที่มีมาตรา 112 ก็เหตุที่ว่าด้วยคนมิได้ใช้ปัญญาฟังอะไรใครมาจึงตัดสินแบบนั้น ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน คนอ่านหนังสือน้อย ฟัง สนใจโลกออนไลน์เยอะ เวลาคนหมู่มากเชื่ออะไรแชร์อะไรก็คิดว่าผ่านการกลั่นกรองพิจารณามาแล้ว เวลาโดนฟ้องจึงเที่ยวโอดครวญว่าถูกกลั่นแกล้ง เข้าใจผิด ขอขมาด้วยกระเช้าราคาถูกหวังว่าเขาจะยกโทษให้ คุกสิพี่จึงจะดีที่สุด เรียกเงินกันเป็นแสนเป็นล้าน

ฟังอะไรใครมาควรใช้วิจารณญาณอย่างแรกมันเป็นเรื่องคนอื่น อย่างที่สองคุ้มกันไหมเมื่อต้องคดี อย่างที่สามมันเป็นบาปติดตัวใจเศร้าหมอง

ถ้าอยากเสือกกันนักตั้งแต่เรื่องพระเจ้าแผ่นดินยันมาถึงประชาขนอย่างเรา การแสวงหาความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด

'อ.เทพมนตรี' เผยลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทย 'ท่านอ้น' ยศหม่อมเจ้าโดยชาติกำเนิด แต่ปัจจุบันเป็นสามัญชน

(9 เม.ย.67) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘ท่านอ้นเป็นแค่สามัญชนในปัจจุบัน’ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลำดับการสืบสันตติวงศ์ของจักรีบรมราชวงศ์ เป็นมาอย่างถูกต้องโดยลำดับ และเฉพาะสายสกุลมหิดลนั้นก็เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาจนถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ขึ้นครองราชสมบัติ ในพระราชสถานะองค์รัชทายาทที่ถูกต้องและมีพระอิสริยยศสูงสุด

เช่นเดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ที่มีพระอิสริยยศ สูงกว่าพระเจ้าลูกเธอทั้งปวงจึงทรงดำรงพระราชสถานะ ว่าที่องค์รัชทายาท ซึ่งน่าจะสถาปนาพระองค์ท่านภายหลังจากทรงผนวชและจนลาสิกขาแล้ว ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร

อีกทั้งพระราชมารดาของพระองค์ท่าน คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ก็ได้รับการสถาปนา พระอิสริยยศ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และแม้ภายหลังจะส่งลาออกจากพระอิสริยยศ แต่ก็ยังดำรงตำแหน่งท่านผูัหญิงในปัจจุบัน

ส่วนท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ ซึ่งแต่เดิม มียศเป็นหม่อมเจ้าโดยชาติกำเนิด แต่ปัจจุบันท่านกลับไปเป็นสามัญชน มิได้ดำรงยศเป็นหม่อมเจ้าอีกต่อไป จึงมีวัตรปฏิบัติแตกต่างจากพระราชโอรส และพระราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10

ดังนั้นเราเป็นประชาชนคนธรรมดาจงทำความเข้าใจให้ชัดเจน ถ้าแม้ว่าใครจะขึ้นเป็น ‘องค์รัชทายาท’ ในปัจจุบันนี้มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นก็คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ซึ่งมีทั้งพระราชอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ และเมื่อแรกประสูติก็เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอโดยชาติกำเนิดมาตั้งแต่ต้น

คำลวงความคิดอันเลอะเทอะที่ถูกหว่านล้อมไปด้วยถ้อยคำต่าง ๆ จึงไม่อาจจะหนีความจริงไปได้

ดังนั้นเราเป็นประชาชนคนธรรมดาจึงสมควรที่จะศึกษาหาความรู้ให้กระจ่างแจ้งจะได้เข้าใจและไม่สับสน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไป แต่ที่มาที่ไปนั้นจะต้องถูกรับรองและถูกคำนึงถึงโบราณราชประเพณีและกฎมณเทียรบาลที่ตราขึ้นมาก่อนใครในปัจจุบันนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top