Friday, 17 May 2024
เจ้าชายวิลเลียม

‘อดีตผู้สื่อข่าวสายวัง’ เล่ามุมมองความรัก ‘เจ้าชายวิลเลียม-เจ้าหญิงเคท’ ชี้ ฝ่ายหญิงเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่เจ้าชาย 'ไม่เคยมี' ในชีวิตราชวงศ์

(10 ก.ค. 66) คู่สามีภรรยาที่มีชาติกำเนิดแตกต่างกันมาก บางครั้งความต่างที่หลายคนมองว่าอาจเป็น ‘อุปสรรค’ กลับกลายเป็นการ ‘เติมเต็ม‘ ให้กัน เหมือนที่ ‘เจนนี บอนด์’ อดีตผู้สื่อข่าวสายราชวงศ์ของสำนักข่าวบีบีซี มองคู่ของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ หรือ เคท มิดเดิลตัน พระชายา ว่า ฝ่ายหญิงซึ่งมาจากสามัญชนได้เข้ามาเติมเต็ม ให้ทุกสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียม ไม่เคยมีในชีวิตราชวงศ์ของพระองค์

บอนด์ ในวัย 72 ปี ให้ความเห็นว่า ทั้งเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา พระโอรสทั้ง 2 ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร กับ เจ้าหญิงไดอานา อดีตพระชายา ซึ่งสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2540 ต่างเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่มีความแข็งแรงทางอารมณ์ อย่างที่รู้กันว่าชีวิตคู่ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับ เจ้าหญิงไดอานา ไม่ได้ราบรื่นและลงเอยด้วยการหย่า ก่อนเจ้าหญิงไดอานาจะประสบอุบัติเหตุ กระทั่งสิ้นพระชนม์

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เคทได้ให้ทุกสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียมไม่เคยได้ในชีวิตครอบครัวของพระองค์เอง ทั้งความรัก การเป็นคู่ชีวิตที่ผูกพันลึกซึ้ง มิตรภาพที่มีรากฐานแข็งแรง ความหลงใหล การเคารพซึ่งกันและกัน และยังขยายไปถึงความสัมพันธ์ที่ลงตัว มีความสุขกับพ่อตาแม่ยาย” บอนด์ให้สัมภาษณ์นิตยสารโอเค

อดีตนักข่าวของบีบีซี เล่าว่าทั้ง ไมเคิล และ แคโรล มิดเดิลตัน พ่อแม่ของเคท มิดเดิลตัน หรือ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ต่างรักเจ้าชายวิลเลียม และปฎิบัติต่อพระองค์เหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว “เจ้าชายวิลเลียมสามารถผ่อนคลายเมื่ออยู่กับไมเคิลและแคโรล สามารถไว้ใจบุคคลทั้งสอง และสามารถเป็นตัวของพระองค์เองในแบบที่ทรงสามารถทำได้กับคนอื่นเพียงไม่กี่คน”

เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคทเธอรีน พระชายา ทรงรู้จัก และพบรักกันตั้งแต่เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ ในสกอตแลนด์ เคยเลิกคบเป็นแฟนกันไประยะหนึ่ง ก่อนจะหวนกลับมาคบกันใหม่ และประกาศหมั้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนปี 2553 จากนั้นทรงเข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2544 

เป็นเวลา 12 ปีแล้ว ที่ทั้งสองพระองค์ทรงครองชีวิตคู่ ช่วยกันเลี้ยงดูพระโอรส พระธิดาทั้ง 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โต พระชันษา 9 ปี เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระชันษา 8 ปี และเจ้าชายหลุยส์ พระชันษา 5 ปี เติบโตอย่างมีความสุข เป็นที่รักที่เอ็นดูของแฟนคลับราชวงศ์อังกฤษทั่วโลก

ระหว่างให้สัมภาษณ์นิตยสารดัง ‘เจนนี บอนด์’ มองว่า “ทุกวันนี้เจ้าชายวิลเลียมทรงใกล้ชิดกับพระบิดามากขึ้น แต่ฉันคิดว่าสุภาพสตรีอีกคนที่ช่วยให้เจ้าชายวิลเลียมทรงเป็นผู้ชายเหมือนที่ทรงเป็นอยู่ ก็คือควีนเอลิซาเบธที่ 2 สมเด็จย่าของพระองค์ที่สิ้นพระชนม์จากไปแล้ว ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมเคยบอกอยู่เสมอว่า เป็นผู้ที่อยู่ในชีวิตของพระองค์ทั้งช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด และเศร้าที่สุดในชีวิต”

‘เจ้าชายวิลเลียม’ วอน!! ‘หยุดยิง’ ในกาซา ชี้!! สงครามทำผู้คนล้มตายมากเกินไปแล้ว

เจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษทรงเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา และตรัสว่า “ความทุกข์ทรมานแสนสาหัส” จากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งทำให้ “มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากมาย” ทำให้การฟื้นฟูสันติภาพคือสิ่งจำเป็น

(21 ก.พ.67) รอยเตอร์ รายงานว่า เจ้าชายวิลเลียม มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ ทรงออกคำแถลงเมื่อวันอังคาร (20 ก.พ.) เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่พลเรือนในกาซา และทรงเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปลดปล่อยตัวประกันทั้งหมดด้วย

“ข้าพเจ้ายังคงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับต้นทุนมนุษย์ (human cost) ที่สูญเสียไปจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง นับตั้งแต่ผู้ก่อการร้ายฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. มีผู้คนถูกสังหารมากมายเกินไปแล้ว” เจ้าชายวิลเลียมตรัส

“บางครั้งก็ต้องให้เผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่ของมนุษย์ เราจึงจะเห็นคุณค่าของสันติภาพที่ยั่งยืนถาวร”

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2018 เจ้าชายวิลเลียมทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษพระองค์แรกที่เดินทางไปเยือนอิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ และได้ทรงติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคอย่างใกล้ชิดตลอดมา

สำนักพระราชวังเคนซิงตันแถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้รับทราบเนื้อหาในพระดำรัสของเจ้าชายวิลเลียม ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ออกมา 

เจ้าชายวิลเลียมวัย 41 พรรษาได้เสด็จไปยังสำนักงานใหญ่สภากาชาดอังกฤษในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ (20) เพื่อทรงรับฟังแนวทางการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในตะวันออกกลาง

“ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกับอีกหลายๆ คนที่อยากเห็นสงครามครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้... ชาวกาซาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มขึ้นโดยด่วน การส่งความช่วยเหลือเข้าไป และการปล่อยตัวประกัน คือสิ่งที่สำคัญยิ่งยวด” เจ้าชายตรัส

อีลอน เลวี โฆษกรัฐบาลอิสราเอล ได้ออกมาแถลงตอบพระดำรัสของเจ้าชายแห่งเวลส์ โดยกล่าวว่า “ชาวอิสราเอลก็ปรารถนาที่จะเห็นการสู้รบยุติลงโดยเร็วที่สุดเช่นกัน และนั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อตัวประกัน 134 คนได้รับการปลดปล่อย และหลังจากที่กองทัพผู้ก่อการร้ายฮามาสซึ่งข่มขู่ใช้ความรุนแรงเหมือนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ถูกทำลายหมดสิ้นไป”

เลวี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า รัฐบาลอิสราเอล “รู้สึกซาบซึ้งที่เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงเรียกร้องให้ฮามาสปลดปล่อยตัวประกัน และยังสำนึกในพระกรุณาฯ ที่ได้ทรงมีพระดำรัสเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ประณามการก่อการร้ายโดยพวกฮามาส อีกทั้งทรงสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล”

สัปดาห์หน้าเจ้าชายวิลเลียมทรงมีกำหนดการเสด็จเยี่ยมโบสถ์ยิวแห่งหนึ่ง เพื่อทรงรับฟังมุมมองจากคนหนุ่มสาวเกี่ยวกับการรับมือกระแสเกลียดชังชาวเซมิติก (anti-Semitism) หลังจากปีที่แล้วเป็นปีที่กระแสต่อต้านชาวยิวในอังกฤษทวีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ 

'เจ้าหญิงเคท' แถลงการณ์ผ่านคลิปวิดีโอ ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น

เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.67) เคเทอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ หรือเจ้าหญิงเคท พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงแถลงผ่านคลิปวิดีโอ ว่า พระองค์ทรงป่วยเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม)

เจ้าชายวิลเลียมและพระองค์เอง พยายามจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว เพื่อทำความเข้าใจกับลูก ๆ อย่างเหมาะสม เวลานี้ต้องการเวลา พื้นที่ และความเป็นส่วนตัว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top