Saturday, 4 May 2024
อุดรธานี

ร.13 พัน 3 ช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ที่ตั้งใกล้หน่วย บรรเทาความเดือดร้อน ห้วงโควิดระบาด

กำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13  ได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยการช่วยเก็บถั่วฝักยาว ขนถ่ายผลผลิต และรับซื้อถั่่วฝักยาว ที่เป็นผลผลิตของเกษตรกร ไปประกอบเลี้ยงกำลังพล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน บริเวณใกล้ที่ตั้งหน่วย โดยรับซื้อถั่วฝักยาวจาก นายพงษ์ศักดิ์ หยงเมือง บ้านเลขที่ 209 หมู่ที่ 13 บ้านหมูม่น ตำบลหมูม่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จำนวน 30 กก.เป็นเงิน 1,200 บาท

พ.ท.บริสุทธิ์ สุจินพรหม ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 กล่าวว่า กรมทหารราบที่ 13 โดย พ.อ.มงคล หอทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13 สั่งการให้หน่วย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 นำกำลังพลเข้าช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน บริเวณรอบที่ตั้งหน่วย ห้วงเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อนำมาประกอบเลี้ยงให้กับกำลังพลภายในหน่วยได้รับประทานพืชผักสดใหม่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังการสร้างขวัญ กำลังใจ และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

นายพงษ์ศักดิ์ หยงเมือง เกษตรกร กล่าวว่า ขอขอบคุณทางกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การช่วยเหลือ สนับสนุนในครั้งนี้ เพื่อได้เป็นกำลังใจให้แก่เกษตรกร รายได้ที่ได้ ก็จะได้เอามากไว้จุนเจือครอบครัวต่อไป

เปิดศูนย์ท่องเที่ยวภูพระบาทบ้านติ้ว อุดรธานี พร้อมเตรียมยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

วันที่ 19 มีนาคม 2564 เวลา 14.30 น. ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท บ้านติ้ว ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ  จ.อุดรธานี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผช.รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานเปิด “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” เพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาตรฐานระดับสากล เตรียมความพร้อมในการนำเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม , นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร นายวันชัย จันทร์พร รอง ผวจ.อุดรธานี ร่วมพิธี 

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินจอมธาตุ-ภูพระบาท (เตรียมการ) พื้นที่ 3,430 ไร่ พบหลักฐานทางโบราณคดีและโบราณสถาน กระจายอยู่ทั่วบริเวณ และเกิดขึ้นในหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ 54 จุด มากที่สุดในประเทศไทย , เพิงผาหินขนาดใหญ่ , วัดที่สร้างขึ้นในสมัยลานช้างกว่า 70 แห่ง รวมทั้งรอยพระพุทธบาท 3 รอย ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตำนานพระธาตุพนม สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราขสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2535

นายมนตรี ธนภัทรพรชัย หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นำ นายปรเมศวร์ฯ ผช.รมว.วัฒนธรรม พร้อมคณะ เข้าชมนิทรรศการภายในอาคารศูนย์ฯ เป็นอาคารภายนอกโปร่งแสง จัดแสดงเนื้อหาพัฒนาการด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเชื่อ และศาสนา ของผู้คนในพื้นที่ภูพระบาท และใกล้เคียง รวมทั้งมีห้องให้บริการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ โดยห้องจัดแสดงแบ่งออกเป็น 6 ส่วน  คือ ธรรมชาติบนภูพระบาท , ธรณีวิทยาแห่งเทือกเขาภูพาน , ภูพระบาทภูเขาศักดิ์สิทธิ์ , ห้องโบราณคดีผ่านสื่อผสมผสาน , ห้องอริยสงฆ์ภูพระบาท และ ห้องชาติพรรณไทยพวน   

จากนั้นคณะ ขึ้นรถไฟฟ้าบริการท่องเที่ยว เข้าชมกลุ่มโบราณสถาน และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แบบประเพณีอีสาน ด้วย “ขันหมากเบ็ง” ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ที่มนุษย์ที่อยู่ในยุคต่างกัน ได้ดัดแปลงเพิงผาหินทราย ลายล้อมด้วยใบเสมาขนาดต่าง ๆ ให้เป็นศาสนสถานประดิษฐานพระพุทธรูป เป็นกลุ่มกระจายอยู่ทั่วภูพระบาท โดยเริ่มต้นที่ หอนางอุสา ก่อนเดินเท้าชมพื้นที่โดยรอบ อาทิ หีบศพพ่อตา , หีบศพเท้าบารส , หีบศพนางอุสา และถ้ำพระ ตลอดเส้นทางเดินถูกปรับแต่งให้เดินได้สะดวก พร้อมป้ายอธิบายความเป็นมา รวมทั้งป้ายชื่อต้นไม้ตลอดทาง

นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร ได้จัดสรรงบประมาณ 15.34 ล้านบาท จากงบยุทศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม พัฒนาและปรับปรุงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเดิม เพื่อเพิ่มศักยภาพอาคารปฏิบัติการ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มารับบริการ ยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาตรฐานสากล เตรียมความพร้อมเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก   

“นอกจากนี้ยังบริการให้ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี ที่ผสมโลกของความเป็นจริงกับโลกเสมือน หรือ AR สำหรับเด็ก เยาวชน ผู้สูงวัย และคนพิการ ทั้งนี้เนื้อหาที่จัดแสดง เหมาะสำหรับผู้มารับริการหลายช่วงอายุ  ที่มีความสนใจในพัฒนาการด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเชื่อ และศาสนาของคนในพื้นที่ภูพระบาท และบริเวณใกล้เคียง โดยได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูล และวัตถุจัดแสดงจากชาวไทยพวนบ้านผือ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ”

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผช.รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และภูมิทัศน์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนในลุ่มน้ำโขงและอุดรธานี ที่มีความพร้อมและศักยภาพ สำหรับการเสนอชื่อขึ้นเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ โดยกรมศิลปากรจะเสริมสร้างศักยภาพ ให้มีความพร้อมในทุกด้าน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาขึ้นทะเบียน นอกจากจะได้อนุรักษ์โบราณสถานอย่างเหมาะสมแล้ว ยังได้ปรับปรุงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยกระดับให้ได้มาตรฐานระดับสากล หวังว่าวันนี้จะเป็นก้าวแรกของศูนย์ฯ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาในด้านอื่น ๆ ต่อไป 

สำหรับ“อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” เคยได้ขึ้นบัญชีชั่วคราวรับการประเมินเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ศูนย์มรดกโลกได้รับเอกสารฉบับสมบูรณ์ วันที่ 30 มกราคม 2558 , ผู้เชี่ยวชาญ ICOMOS ลงพื้นที่วันที่ 17-24 กันยายน 2558 ,  ต่อมาประเทศไทยต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามคำขอวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 , ICOMOS ส่งรายงานการประเมินฉบับสมบูรณ์วันที่ 11 มีนาคม 2559 เพื่อให้เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ยูเนสโก ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ระหว่างวันที่ 10-20 กรกฎาคม 2559 แต่ประเทศไทยถอนตัว เพราะเชื่อว่าเอกสารไม่สมบูรณ์ ต่อมาวันที่ 9 เมษายน 2562 ครม.ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนนำเสนออีกครั้ง โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่าง การจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม


ภาพ/ข่าว : นายกฤษดา จันทร์ดวง (ผู้สื่อข่าว)

อุดรธานี - ผบช.ภ.4 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีคลิปตำรวจในสังกัด ภ.จว.อุดรธานี พาภรรยาขึ้นเฮลิคอปเตอร์

เบื้องต้นได้รับรายงานชี้แจงว่าเป็นภาพเก่าเมื่อปี 2562 แต่ไม่ทราบเหตุผลว่าภรรยาของตำรวจรายนี้โพสต์ลงในโซเชียลตอนนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 19 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่าง ๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ภาพของหญิงรายหนึ่ง ยืนอยู่ข้าง ฮ.ตำรวจ โดยระบุข้อความว่า  “สวัสดิการดีมี ฮ.หลวงให้ใช้ อ้างพาเมียบินร่วมงานแม่บ้านก็ได้ด้วย ปีนี้ตำรวจท็อปฟอร์มจริง ๆ ” หลังเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกมาทำให้มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกับแชร์ออกไปจำนวนมาก

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ 4 ทราบว่า กรณีดังกล่าวนั้น ทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีการตรวจสอบคลิปดังกล่าวและรายงานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยด่วน ซึ่งเบื้องต้นนั้น ตรวจสอบทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และยังปฏิบัติราชการอยู่ในตำแหน่งสารวัตรสืบสวน ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 เองได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาและต้องทราบผลภายใน 3 วัน ในเบื้องต้นนั้นจากการตรวจสอบทราบว่า

"คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ภรรยาและนายตำรวจรายนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อปี พ.ศ.2552 ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 คนเก่าบินไปตรวจราชการ โดยมีสารวัตรสืบสวนรายนี้พร้อมภรรยาติดตามไปด้วย โดยในรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวนของทางคณะกรรมการ ว่าเพราะเหตุใดจึงนำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ในโลกโซเชียลจนเป็นประเด็นขึ้นมา และในเรื่องของการที่ตำรวจพาภรรยาติดตามไปด้วยนั้น หากมีการขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชาอนุญาตก็สามารถพาขึ้นได้ไม่ผิด"

อุดรธานี - โรงแรมอุดร พร้อมส่งมอบให้แพทย์พยาบาลกักตัวสู้โควิด ยินดีให้ใช้สถานที่โดยไม่คิดมูลค่า

วันที่ 19 เมษายน 2564เวลา 14.30 น.  ที่โรงแรมวีธรา บูธีค โฮเต็ล ถ.อุดรดุษฎี เทศบาลนครอุดรธานี คณะเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เดินทางมาดูห้องพักของโรงแรม ที่จะใช้เป็นสถานที่กักตัว ของบุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่อยู่ในสภาพเป็นผู้เสี่ยงสูง หลังจากบุคคลากรในห้องผ่าตัดติดเชื้อโควิด-19 และมีอุปสรรคจะกลับไปกักตัวที่บ้านได้ เพื่อให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เร็วที่สุด โดยทาง นายณณชัย ทีฆธนานนท์ เจ้าโรงแรมของยินดีให้ใช้สถานที่โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งนางวรนันท์ ทีฆธนานนท์ และ นายกิตติภูมิ ทีฆธนานนท์ ภรรยาและบุตรชายนายณณชัยฯ ให้การต้อนรับและพาตรวจห้องพัก

โดยทางคณะได้ตรวจดูสภาพโรงแรม สูง 5 ชั้น 60 ห้อง ที่ประกอบการมาได้เพียง 8 ปี ประกอบด้วย ล็อบบี้,ห้องอาหาร,ห้องประชุม 1,2,3,ห้องพักแบบเตียงคู่ เตียงเดียว มีเครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำในตัว และลานจอดรถ ที่กว้างขวาง ก่อนจะมาร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ตัวแทนจากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี บอกว่า วันนี้มาตรวจดูความพร้อมของทางโรงแรม ที่พบว่าพร้อมที่จะทำการรับตัวบุคคลากรทางการแพทย์ ของทางโรงพยาบาล ที่จะมาใช้เป็นสานที่กักตัว ซึ่งบุคคลากรที่จะมากักตัว ผ่านการตรวจหาเชื้อแล้วไม่มี แต่ยังคงต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งผู้ที่มากักตัวที่นี่ไม่สะดวกที่จะกลับไปกักตัวเองที่บ้าน ซึ่งดูแล้วทางโรงแรมมีความพร้อมทุกอย่าง ที่จะสามารถให้บุคคลากรที่ถูกกักตัวมากักตัวที่นี่ ซึ่งคาดว่าจะมีการรับมอบพื้นที่พรุ่งนี้ และน่าจะมีบุคคลากรชุดแรกเข้ามากักตัวประมาณ 50 คนก่อน

ด้าน นายกิตติภูมิ ทีฆธนานนท์ บอกว่า ทางครอบครัวยินดีที่จะใช้โรงแรมเป็นสถานที่กักตัวบุคคลากรทางการแพทย์ของทางโรงพาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ทางครอบครัวก็ยินดีให้ทางราชการ ใช้โรงแรมเป็นสถานที่ที่ให้บุคคลากรทางการแพทย์ ใช้เป็นที่พักมาแล้ว เป็นการช่วยเหลือชาวอุดรธานีทางหนึ่ง


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี

อุดรธานี – ‘เจ้าของร้านป้าย’ชาวอุดร ร่วมใจกับเพื่อนส่งตู้ตรวจโควิด-19 แบบสนามช่วยนักรบชุดขาว

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกวัน เฉพาะ จ.อุดรธานี ณ วันที่ 27 เมษายน 2564  โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 327 ราย และยังมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก ท่ามกลางการควบคุมโรค มาตรการเข้มงวดต่างๆ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนเพื่อลดตัวเลขการติดเชื้อ ดังเช่นภาคเอกชนของ จ.อุดรธานี ได้รวบรวมเงินทุนเพื่อสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) ส่งมอบต่อ รพ.อุดรธานี สนับสนุนการทำงานของนักรบชุดขาวให้ทำงานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

วันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา10.30 น. ที่ร้านบางกอกพลาสติค หรือ ร้านทำป้าย เลขที่ 559/28 – 29 ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง หรือเฮียณัฐ อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน  ได้ทำการสาธิตในการประกอบตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) โดยมีลูกน้องที่ร้าน 3 คนเป็นลูกมือช่วยกันประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยัง รพ.อุดรธานี ให้ทีมแพทย์พยาบาลได้ใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 ซึ่งเฮียณัฐ ให้ข้อมูลและแนะนำวิธีการประกอบอย่างอารมณ์ดี

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง  เปิดเผยว่า โควิค – 19 เป็นโรคระบาดที่น่ากลัวมาก ติดตามข่าวอยู่เป็นประจำและเห็นความเหน็ดเหนื่อยของทีมแพทย์พยาบาลที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน จากการพูดคุยในกลุ่มเพื่อนฝูงอยากจะสนับสนุนการทำงานของพี่น้องสาธารณสุข จึงมีแนวคิดสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจรักษา ต้นแบบเดิมเราเห็นจากโรงพยาบาลต่าง ๆ จะให้ผู้ป่วยอยู่ด้านในและรับการตรวจ เราจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นให้คุณหมอคุณพยาบาลอยู่ข้างในแทน ไม่ต้องสวมชุด PPE ร้อน ๆ สามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น

ตัวตู้สูง 195 ซม. กว้าง 115 ซม. ลึก 90 ซม. มีล้อเลื่อนด้านล่าง โครงสร้างทำจากสแตนเลส พื้นเป็นเหล็กซิงค์ ผนังทำจากพลาสวู้ด และติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง พร้อมกับเครื่อง Smile O2 หรือเครื่องกรองอากาศ 3 ตัว ดูดอากาศเข้า 2 ตัว ระบายอากาศออก 1 ตัว งบประมาณทั้งสิ้น 73,000 บาท ต่อ 1 ตู้ โดยเป็นการบริจาคของพรรคพวกเพื่อนฝูง ทางร้านก็จะช่วยในงบประมาณบางส่วนและออกแรงในการประกอบตู้ขึ้นมา  โดยประกอบและส่งมอบมาแล้ว 1 ครั้ง จำนวน 4 ตู้ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 มอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ,โรงพยาบาลสกลนคร ,โรงพยาบาลหนองคาย และ โรงพยาบาลบึงกาฬ”

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง เปิดเผยอีกว่า ล็อตนี้เรามีงบประมาณประกอบ 2 ตู้ น่าจะผ่านการทดสอบพร้อมส่งมอบในวันพฤหัสบดีนี้ โดยจะมอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ต่อไป หากท่านใดสนใจที่ร่วมสนับสนุนตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) เพื่อสู้กับโรคร้ายครั้งนี้ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชี ธ.กรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี : นรุตม์ชัย ศุภชัยสาคร เลขที่  215-1-56101-9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิชัย เอื้อมธุรพจน์ (เฮียเปา) ทางร้านบางกอกพลาสติค เปิดมากว่า 45 ปี  ซึ่งตนเองเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ทางครอบครัวก็เห็นว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคมได้อีกทางหนึ่ง จึงร่วมสนับสนุนและส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์พยาบาลทุก ๆ ท่าน


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี

อุดรธานี – ทหารเตรียมพร้อม ช่วยผู้ป่วยติดโควิด-19 พร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ สำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชน

พันโท เศรษฐสิทธิ์ พวงบานเย็น ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 ได้ตรวจสภาพความพร้อมของกองร้อยช่วยเหลือประชาชน หมวดสารวัตรทหาร และชุดเผชิญเหตุหมวดเสนารักษ์ของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 บริเวณหน้ากองบังคับการกองพันทหารราบที่  1 ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

โดยทำการฝึกเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับชุดปฏิบัติการให้มีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาสาธารณภัย และเป็นชุดเผชิญเหตุในการช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ให้เกิดความชำนาญของกำลังพล ในการใช้ยุทโธปกรณ์ และเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างปลอดภัยทั้งผู้ให้การช่วยเหลือ และผู้ได้รับการช่วยเหลือ

จากการตรวจความพร้อมในครั้งนี้ ทำให้หน่วยมีความพร้อมด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ความชำนาญของกำลังพลเพิ่มมากขึ้น และสามารถปฏิบัติภารกิจได้เมื่อได้รับการประสานหรือเมื่อได้รับคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่


ภาพ/ข่าว  จ.ส.อ.กฤษฎา มณีใส กรมทหารราบที่ 13

อุดรธานี - “โจ๊ก” ที่ปรึกษา สบ.9 ชมโรงพักอุดรฯ ขับเคลื่อน SMART SAFTY ZONE ตรงจุดดึงท้องถิ่นร่วมมือได้ดีทำให้อาชญากรรมลดลง

วันที่ 9 กันยายน 2564 เวลา 09.30 น.  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ. 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจ ตามโครงการ SMART SAFTY ZONE  “เมืองอัจฉริยะ” อันจะนำไปสู่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมอย่างยั่งยืน  สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นสถานีหนึ่งนำร่องใน 15 สถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี ,นายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี, นายธนดร พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี ,พล.ต.ต.วรัตน์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.ท.พัฒนวงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี และตัวแทนจาก มทบ.24 กอ.รมน. และนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมที่ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ฮอลล์ เทศบาลนครอุดรธานี

พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับคัดเลือกจากตำรวจภูธรภาค 4 ให้เป็นสถานีนำร่องตามโครงการ  SMART SAFTY ZONE  ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้เลือกพื้นที่ย่านศูนย์การค้าให้เป็นพื้นที่ “อุดรเซฟตี้โซ” มีพื้นที่ 4.3 ตร.กม. ทิศเหนือจดกับ ถนนวัฒนานุวงศ์ ทิศใต้จดกับถนนโพศรี ทิศตะวันออกจดกับ ถนนทองใหญ่ ถนนเลียบทางรถไฟ และทิศตะวันตกจดกับถนนฑีฆธนานนท์ และถนนประจักษ์ศิลปาคม  ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงภัยอาชญากรรม มีตลาดยูดีทาวน์, เซ็นทรัล, ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยท์, ตลาดนัดรถไฟ, ตลาด ปรีชา, สถานีรถไฟ, รพ.กรุงเทพ, ซอยสัมพันธมิตร และ โรงเรียน เทศบาล 7 ถนนประจักษ์ศิลปาคม

โดยสร้างเครือข่ายป้องกันอาชญากรรม มีการดำเนินการร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง สร้างเครือข่ายป้องกันอาชญากรรม วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยอาชญากรรม การปรับปรุงสภาพแวดล้อม กำหนดแผนป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การตรวจพื้นที่ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการ เพื่อยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ ยกระดับการทำงานของตำรวจตามกรอบความคิดเรื่องราชการ 4.0 และก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล  ซึ่งมีกล้องวงจรปิดของภาครัฐและเอกชนตามเส้นทาง และที่สาธารณะ 83 ตัว  เพื่อเชื่อมโยงสัญญาณไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ไปยังสถานีตำรวจ  ติดเสาไฟฟ้าส่องสว่างตามเส้นทางหลัก 128 ต้น และปรับภูมิทัศน์จุดเลี่ยง ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง กล้องวงจรปิดเพิ่ม และตัดกิ่งต้นไม้ให้โล่งโปร่งมองเห็นได้

โดยได้ทำการทาสีตีเส้นจราจรให้เห็นเด่นชัดบนถนน ปิดอาคารร้างไม่ให้เป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากร ซึ่งได้สร้างความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน  ด้วยการติดตั้งตู้แจ้งเหตุ ปล่อยแถวสายตรวจรถจักรยานยนต์ 191 และสายตรวจเดินเท้า บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ตลาดรถไฟ เมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันท่วงที ใช้เครื่องมือพร้อมตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีจากกล้องวงจรปิดควบคู่กันไป มีอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บินหาคนร้ายที่ก่อเหตุ ทำให้ประชาชนอุ่นใจ รับรู้ เข้าใจ และให้ความร่วมมือ มากยิ่งขึ้น หลังจากทำโครงการได้ 3 เดือน จากสถิติพบว่าการแจ้งเหตุอาชญากรรมลดลง อย่างเห็นได้ชัด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9)  กล่าวว่า โครงการ SMART SAFETY ZONE  มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากอาชญากรรม จัดระบบการป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตามแนวคิดเรื่อง “เมืองอัจฉริยะ” อันจะนำไปสู่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมอย่างยั่งยืน ขอชื่นชมตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี  ได้ขับเคลื่อน โครงการ SMART SAFETY ZONE ได้เป็นอย่างดีในอันดับต้น ที่ได้รับความร่วมมือจากเครือข่าย ทั้งองค์การส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนในการป้องกันอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องกันมากกว่าการปราบปราม ซึ่งเป็นการตอบโจษและถูกใจประชาชนที่สุด

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้า สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ที่ชั้นล่างศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี  จากนั้นเดินทางไปประชาสัมพันธ์โครงการพร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยผู้ประกอบการ และประชาชนที่ศูนย์อาหาร ภายในศูนย์การค้ายูดีทาวน์  เสร็จแล้วเดินทางดูศูนย์ควบคุมสั่งการอุดรเซฟซี้โซน งานสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นศูนย์รวมกล้องวงจรปิดภายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล  กล่าวต่อว่า โครงการ SMART SAFETY ZONE เป็นโครงการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นผู้ริเริ่ม และนำร่อง ใน 15 สถานีตำรวจ หนึ่งในนั้นคือ สภ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี วันนี้ได้รับมอบหมายให้มาตรวจเยี่ยม ติดตามผล จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ SMART SAFETY ZONE อาชญกรรมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น และเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ  ตัวเลขเหล่านี้เป็นสถิติชี้วัดความเดือดร้อนของประชาชน ความต้องการของประชาชน โครงการ SMART SAFETY ZONE เป็นการป้องกันนำการปราบปราม ป้องกันไม่ให้เหตุเกิด ซึ่งตรงใจประชาชนมาก ความเสียหายไม่เกิด ประชาชนไม่ล้นคุก เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างท่องแท้

ที่ปรึกษา (สบ. 9)  กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นนวัตกรรมที่เข้ามาทุกส่วนในจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะในใจกลางเมือง จะเห็นภาพทุกจุด และยังเชื่อมโยงกับกล้องวงจรปิดของเอกชนด้วย มีการดึงกล้องจากบ้านเรือนประชาชนมาที่สถานีตำรวจ ตำรวจกำลังมีน้อย จึงต้องร่วมกับประชาชนทำให้ตำรวจมีกำลังมาก นายก อบจ. ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ยังเพิ่มกล้องให้อีก นับวันยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้น  ผบ.ตร.จะนำการอย่างต่อเนื่อง และจะขยายโครงการออกไปอีก ผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น

จากลงพื้นที่อุดรธานี รู้สึกพึงพอใจ ซึ่งจะได้นำเรียนท่าน ผบ.ตร. เพื่อให้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการ ซึ่งอนาคตข้างหน้าจะเพิ่มอีก 15 จังหวัด เพราะมีงบประมาณจำกัด แต่ได้ความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หากตำรวจทำจริงก็ยิ่งอยากจะให้งบประมาณ กำลังอยู่ที่ตำรวจ ให้ตำรวจไปทำงาน ท้องถิ่นจะได้ปลอดภัยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี

อุดรธานี - กองทัพอากาศสิงคโปร์ ร่วมกับ กองบิน 23 มอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์

วันที่ 9 กันยายน 2564 นาวาอากาศเอก กษิดิ์เดช แม้นสงวน รองผู้บังคับการกองบิน 23 นาวาอากาศโท รักพงศ์ เถื่อนนาดี หัวหน้าแผนกยุทธการ กองบิน 23 พร้อมด้วย นาวาอากาศโท เดเร็ก ชาน หัวหน้าหน่วยบินแยกกองทัพอากาศสิงคโปร์ และคณะข้าราชการกองบิน 23 ข้าราชการกองทัพอากาศสิงคโปร์ ร่วมมอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ด้วยความห่วงใย และสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด -19

ในการนี้ นายแพทย์ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้รับมอบ โดยมี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมรับมอบ และได้กล่าวขอบคุณทางกองทัพอากาศสิงคโปร์และกองบิน 23 ที่นำชุด PPE มามอบให้ในครั้งนี้ ซึ่งหมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานกันอย่างหนัก ก็เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานี ถึงแม้ว่าทุกภาคส่วนจะให้การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมีสำรองไว้ถือว่าเป็นการดีที่สุด เป็นการสร้างความอุ่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์

อุดรธานี - ทหารอุดร บูรณาการ 14 หน่วยงาน ฝึกซ้อมบรรเทาสาธารณภัย เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ณ  บริเวณลานหน้าพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ค่ายประจักษ์ศิลปาคม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พลตรี พิทักษ์ จันทร์เขียว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 /ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 24 เป็นประธานเปิดการฝึกการซักซ้อมบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือประชาชน โดยมี พันเอก ปฏิวัติ ชื่นศรี เสนาธิการ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 13 และหน่วยงาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 14 หน่วยงาน เข้าร่วมพิธีฯดังกล่าว 

โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อบรมให้ความรู้ ซักซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้เข้าใจในเรื่องการบรรเทาสาธารณภัย ให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ระหว่างวันที่ 13 – 14 กันยายน  2564

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยได้ฝึกเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์ให้เกิดความชำนาญในการใช้ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อย่างปลอดภัย ทั้งผู้ให้การช่วยเหลือ และผู้ได้รับการช่วยเหลือ สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ ที่จะเข้าให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมทั้งบูรณาการวางแผน ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  


ภาพ/ข่าว  จ.ส.อ.กฤษฎา มณีใส กรมทหารราบที่ 13

'โฆษกรัฐบาล' เผย กำหนดการ 'นายกฯ' ลงพื้นที่ อุดรธานี ถกแผนเปิดเมือง 'อุดร พลัส โมเดล' 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อประชุมร่วมกับจังหวัด ภาคเอกชน และผู้ประกอบในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาจังหวัดอุดรธานีและแผนเปิดเมือง "อุดร พลัส โมเดล" โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการและภารกิจ ดังนี้ 

นายธนกร กล่าวว่า ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปยังวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี  เพื่อกราบนมัสการพระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) และพระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก)
เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคลวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) จากนั้น จะติดตามความก้าวหน้าพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุและเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน รวมทั้งยังเป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมะ คำสอน เก็บรวบรวมประวัติหนังสือ คำสอนต่างๆ เพื่อเตือนใจให้เยาวชน คนรุ่นหลัง ทำความดีเพื่อพุทธศาสนาและประเทศชาติ

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดอุดรธานี  ณ ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมืองอุดรธานี  โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีจะรายงานสรุปทิศทางการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี การเชื่อมโยงระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างจังหวัดอุดรธานีกับจังหวัดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS)   ขณะที่ภาคเอกชน โดยหอการค้าจังหวัดอุดรธานี จะนำเสนอทิศทางการค้า การลงทุน และประโยชน์ที่ชาวอุดรธานีได้รับจากนโยบายของรัฐบาล

โอกาสนี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจะนำเสนอการเตรียมความพร้อมของจังหวัดอุดรธานีในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมพืชสวนโลก 2026 ภายใต้แนวคิด Harmony of Life : วิถีชีวิต สายนํ้า และพืชพรรณ กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยเทศกาลระดับนานาชาติ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิต ผ่านการวิจัยและต่อ ยอดสู่โมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG สร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรับฟังมุมมองนักธุรกิจรุ่นใหม่ในการพัฒนาจังหวัดอุดรธานีด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top