Saturday, 10 May 2025
หลอกขายทอง

สตม.ตะครุบแก๊งผิวสีหลอกขายทองคำอาศัยทีเผลอแอบสลับเงินปลอม กว่า 1.1 ล้านบาท

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมและเพิกถอนวีซ่า นายคานู (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเซียร์ราลีโอน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.129/2567 ลงวันที่ 5 ก.พ.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์      โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดย่าน อโศก – รัชดา (พระรามเก้า) แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมกับเพิกถอนวีซ่าของนายซีเซ่ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติไลบีเรีย ดำเนินการตามกฎหมาย

กก.1 บก.สส.สตม. ได้ตรวจพบสกู๊ปข่าว “เข้มข่าวค่ำ” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PPTV และสกู๊ปข่าว “สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7HD นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่า   ถูกแก๊งคนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคำ แล้วถูกแอบสลับเงินนำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทนสูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท จึงได้ประสานขอข้อมูลจากผู้เสียหาย เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งผิวสีและช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยทราบว่าคดีนี้เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ผู้เสียหายและเพื่อนได้มีการติดต่อซื้อขายทองคำกับชายชาวผิวสี ทราบชื่อภายหลังคือนายเควินและนายซีเซ่ โดยนายซีเซ่ แจ้งว่ามีทองคำเม็ดเล็ก ๆ ต้องการจะขายให้กับผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ผู้เสียหายพร้อมด้วยสามีผู้เสียหาย และเพื่อนหญิงชาวไทย ได้ขอนำเม็ดทองไปตรวจสอบ โดยนายเควิน นายซีเซ่ และนายคานู (ทราบชื่อภายหลัง) ร่วมไปด้วย โดยนายคานูได้ให้เม็ดทองมาจำนวน 15 เม็ด เพื่อนำไปตรวจสอบที่โรงหลอมทอง ผลปรากฏว่าเป็นทองคำจริง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อตกลงร่วมลงทุนซื้อขายทองคำ

โดยตกลงซื้อขายกันที่ กก. ละ 34,700 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้เสียหายจึงได้ไปแลกเงินเพื่อเตรียมซื้อขาย ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ได้นัดกันไปทำการส่งมอบเม็ดทองที่โรงแรมย่านสุขุมวิท โดยได้แบ่งเงินไว้ที่ผู้เสียหายจำนวน 3,500 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นค่านายหน้าให้กับผู้แนะนำ ส่วนสามีผู้เสียหายได้นำเงิน จำนวน 31,200 ดอลลาร์สหรัฐ ไปให้นายคานูตรวจนับภายในห้องที่เกิดเหตุ โดยผู้เสียหายขอให้นำเม็ดทองทั้งหมดไปตรวจสอบก่อน จึงจะมอบเงินให้ นายเควิน และนายคานู จึงทำท่าทีไม่พอใจและพูดจาโต้เถียงกับสามีผู้เสียหาย จนกระทั่งสามีผู้เสียหายเผลอจึงได้แอบสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐปลอมที่เตรียมมากับเงินดอลลาร์สหรัฐจริงของผู้เสียหาย โดยสามีผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว จากนั้นจึงทำทียอมไปตรวจสอบเม็ดทองที่โรงหลอมก่อน สามีผู้เสียหายจึงได้เก็บเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยน ไปแล้วใส่กระเป๋าสะพาย แล้วพากันไปขึ้นรถของผู้เสียหาย เมื่อขับรถออกไปได้สักระยะ นายเควิน และนายคานู ออกอุบายขอลงจากรถเพื่อไปซื้อกาแฟแล้วได้หายตัวไป กลุ่มผู้เสียหายจึงเริ่มสงสัยและได้นำเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยนแล้วไปแลกที่ซุปเปอร์ริช จึงทราบว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินปลอม จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐาน ลักทรัพย์

โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำนวน 2 ราย กก.1 บก.สส.สตม.จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 ราย คือนายเควิน และนายคานู และได้ทราบว่ามีนายซีเซ่ ร่วมขบวนการด้วย กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมนายคานู และนายซีเซ่ ได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน .สน.ลุมพินี และเพิกถอนวีซ่าดังกล่าว ส่วนนายเควิน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว   

จากการสอบถามนายคานู ให้การยอมรับว่า ได้ร่วมกันกับ นายซีเซ่ และนายเควิน เพื่อนชาวผิวสี ชักชวนหลอกลวงให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อขายทองคำจริง หลังจากได้เงินดอลลาร์จากผู้เสียหายแล้ว ได้นำเงินมาแบ่งเท่าๆ กันสตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม  พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่   อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สืบ ตม. รวบหนุ่มแดนกังหันลมหลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์ 

กก.1 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสี มีพฤติกรรมหลอกลวงขายเม็ดทองคำในราคาถูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดทองปลอม โดยจะอ้างว่ามีทองคำนำเข้ามาจากแอฟริกาจะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะสามารถนำเข้าประเทศไทยแบบไม่เสียภาษี พร้อมทั้งโชว์เม็ดทองคำจำนวนมาก 

จากการตรวจสอบทราบว่า หากมีผู้ใดสนใจซื้อ จะนัดพูดคุยและมอบเม็ดทองคำตัวอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้  ให้เหยื่อนำไปตรวจสอบก่อน จากนั้นหากเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อเม็ดทองดังกล่าว จะนัดพบกันเพื่อซื้อขายเม็ดทองดังกล่าว โดยขายในราคา 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 ล้านบาท) และมักจะอ้างให้เหยื่อเตรียมเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อจะรับเงินสดและส่งเม็ดทองปลอมให้แล้วหลบหนีไป หรือหากเหยื่อเริ่มสงสัยว่าเม็ดทองทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ จะพยายามหาวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ และสับเปลี่ยนเงินของเหยื่อด้วยเงินปลอมที่เตรียมมาด้วย แล้วหลบหนีไป

จากการสืบสวนทราบว่ามีชายผิวดำซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลอกลวง พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 5 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบชายผิวดำเป้าหมาย มาปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวชื่อ MR.NDILLE (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติดัตช์ และจากการตรวจสอบห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในมีถุงบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และพบถุงพลาสติกใสบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 100 กรัมอีก 2 ถุง โดย MR.NDILLE ให้การว่าได้ซื้อเม็ดทองมาจากประเทศจีน โดยเม็ดทองถุงน้ำหนัก 5 กิโลกรัม เป็นเม็ดทองปลอม และเม็ดทองที่บรรจุในถุงพลาสติกถุงละประมาณ 100 กรัม จำนวน 2 ถุง เป็นเม็ดทองจริง 1 ถุง และเป็นเม็ดปลอม 1 ถุง จึงทำการยึดไว้พร้อมด้วยเงินสด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน เงินปอนด์ รวมเป็นเงินประมาณ 117,600 บาท

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีการแชทพูดคุย ผ่าน WhatsApp กำลังหลอกเหยื่อเพื่อขายเม็ดทองคำ โดยพบมีภาพได้โชว์เม็ดทองคำจำนวนมากให้ดูและเสนอขายในราคาถูก และมีการให้ตัวอย่างเม็ดทองคำให้ไปตรวจดูก่อนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเม็ดทองคำแท้ จึงตกลงซื้อ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) ทั้งนี้ในการซื้อขาย MR.NDILLE จะขอรับเป็นเงินดอลลาร์เท่านั้น และนัดส่งมอบ เม็ดทองคำ ที่ห้างสรรพสินค้าในแขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงได้ติดต่อผู้ที่พูดคุยกับ MR.NDILLE ดังกล่าวทราบว่า ได้ตกลงซื้อเม็ดทองจาก MR.NDILLE แล้ว และได้นัดพบกันเพื่อซื้อขาย 

โดย MR.NDILLE ได้มากับเพื่อนอีก 3 คน และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและหาโอกาสในการสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของปลอมที่กลุ่ม MR.NDILLE เตรียมมา ซึ่งโชคดีที่เหยื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้โวยวายและยกเลิกการซื้อขาย และนอกจากนี้ยังพบข้อมูลการแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายคน เพื่อหลอกขายเม็ดทองปลอมดังกล่าว เบื้องต้น ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MR.NDILLE เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้อื่น เป็นภัยต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป โดยระหว่างนี้ ได้ประสานเหยื่อที่เคยถูกหลอก หรือกำลังจะถูกหลอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top