Saturday, 21 June 2025
หยวนดิจิทัล

ธนาคารกลางจีน ทดสอบใช้ ‘หยวนดิจิทัล’ ชำระเงินข้ามพรมแดน เผย!! ใช้บล็อกเชนทำธุรกรรม ประหยัด ‘เวลา - ต้นทุน’

(14 ต.ค. 67) ธนาคารกลาง ‘จีน’ (PBOC) เผยว่าได้เริ่มทดลองการชำระเงินข้ามพรมแดนโดยใช้ ‘หยวนดิจิทัล’ สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ร่วมกับพันธมิตรอย่าง ซาอุดีอาระเบีย ฮ่องกง ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมไปถึงองค์กรระหว่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 

PBOC เผยว่าปัจจุบัน CBDC ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบันทึกธุรกรรม ซึ่งทำให้สามารถชำระเงินข้ามพรมแดนได้ภายในไม่กี่วินาที และลดต้นทุนได้มากถึง 50% 

ปัจจุบัน การโอนเงินระหว่างประเทศส่วนใหญ่มักใช้ระบบ SWIFT ซึ่งต้องผ่านธนาคารตัวกลาง ทำให้การทำธุรกรรมใช้เวลานานหลายวันถึงหนึ่งสัปดาห์ ทั้งนี้การใช้ CBDC จะช่วยเสริมการทำธุรกรรมที่ไม่ใช่เงินดอลลาร์ และลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ของจีน

ความก้าวหน้าของจีนในด้านสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) กำลังกระตุ้นให้ประเทศชั้นนำอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้เช่นกัน โดยมีการประกาศร่วมกันในเดือนเมษายน เพื่อทดลองใช้ระบบชำระเงิน CBDC ร่วมกับภาคเอกชน 

นาโอกิ สึกิโอกะ จาก Mizuho Research & Technologies มองว่า จีนมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐาน และเทคโนโลยีใหม่สำหรับธุรกรรมในอนาคต

PBOC เริ่มศึกษา และพัฒนาระบบเงินหยวนดิจิทัลตั้งแต่ปี 2557 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อใช้ในการชำระเงินในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้อของที่ร้านค้าหรือร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

โครงการนำร่องครั้งแรกเริ่มต้นที่เมืองเซินเจิ้นในปี 2563 และขยายไปยังหลายพื้นที่ทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีการนำเงินหยวนดิจิทัลไปใช้จ่ายในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า การชำระค่าอาหาร หรือแม้แต่การจ่ายเงินเดือน และภาษี

จากข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ธุรกรรมเงินหยวนดิจิทัลมีมูลค่าสูงถึง 7 ล้านล้านหยวนใน  17 จังหวัด สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้า และศักยภาพของสกุลเงินดิจิทัลชนิดนี้ในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินของจีน

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการนำหยวนดิจิทัลมาใช้งานอย่างแพร่หลายคือ ผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมากยังไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างหยวนดิจิทัลกับแอปพลิเคชันชำระเงินยอดนิยมอย่าง WeChat Pay และ Alipay ที่ใช้งานอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าธุรกรรมการชำระเงินในจีนปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นแบบไร้เงินสดอยู่แล้ว

จีนเปิดตัว ‘CIPS 2.0’ ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยหยวนดิจิทัล ‘เร็วกว่า-ถูกกว่า’ ระบบ SWIFT ของสหรัฐฯ เริ่มเปิดใช้งานแล้ว 16 ประเทศ

(29 เม.ย. 68) จีนเดินหน้าเปิดตัว “CIPS 2.0” ระบบชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดนที่ขับเคลื่อนด้วยเงินหยวนดิจิทัล ซึ่งเริ่มใช้งานจริงแล้วใน 16 ประเทศทั่วเอเชียและตะวันออกกลาง โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และท้าทายสถานะของระบบ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) ของสหรัฐฯ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ค่าธรรมเนียมเกือบเป็นศูนย์ และการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

ธุรกรรมแรกของ CIPS 2.0 คือการโอนเงิน 120 ล้านหยวนจากเซินเจิ้นไปยังกัวลาลัมเปอร์ ใช้เวลาเพียง 7.2 วินาทีในการประมวลผล ซึ่งเร็วกว่าระบบ SWIFT เดิมที่อาจใช้เวลาถึง 3 วัน ระบบใหม่นี้ยังสามารถรองรับการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ และใช้สมาร์ตคอนแทรกเพื่อตัดจ่ายอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ

จุดเด่นอีกประการของ CIPS 2.0 คือค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น การโอนเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐจะมีค่าธรรมเนียมเพียง 0.12 ดอลลาร์ เทียบกับกว่า 4,900 ดอลลาร์ในระบบ SWIFT ดั้งเดิม นอกจากนี้ ระบบยังใช้ AI ตรวจจับธุรกรรมผิดปกติได้รวดเร็ว เช่น กรณีใน UAE ที่สามารถระบุบัญชีต้องสงสัย 16 บัญชีภายใน 0.3 วินาที

อาเซียนเตรียมแผนใช้หยวนดิจิทัลใน 90% ของการค้าภายในกลุ่มภายในปี 2568 ขณะที่อินโดนีเซียและซาอุดีอาระเบียเริ่มนำไปใช้ในระบบเงินสำรองและสัญญาพลังงาน ด้านโลกตะวันตก โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร แม้จะเร่งพัฒนา “ปอนด์ดิจิทัล” แต่ยังตามหลังจีนเกือบ 2 ปี

ด้าน นักวิเคราะห์มองว่า CIPS 2.0 ไม่ใช่แค่ความท้าทายทางการเงิน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจโลก ที่อาจเปลี่ยนจากการผูกขาดของเงินดอลลาร์ สู่ยุคใหม่ที่การชำระเงินเป็นแบบไร้พรมแดน โปร่งใส และรวดเร็วในระดับประชาชนทั่วไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top