Tuesday, 21 May 2024
หยกธนลภย์

‘หยก ธนลภย์’ ยัน ขอเรียนต่อที่ ‘เตรียมพัฒน์’ พร้อมเดินหน้าต่อ เรียกร้องสิทธิพื้นฐาน ทรงผม-สีผม-การแต่งกาย

‘หยก ธนลภย์’  ยืนยันจะเรียนที่โรงเรียนเตรียมพัฒน์ เพราะสอบเข้าที่นี่ได้ และได้มอบตัวไปแล้ว โดยหยกชี้แจงเรื่องมอบตัวว่าได้มอบตัวเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 โดยได้จ่ายค่าเทอมเรียบร้อยแล้วและได้เรียนมา ประมาณ 1 เดือนแล้วและเดือนหน้าก็กำลังเตรียมตัวจะสอบ แต่ทางโรงเรียนกลับมาบอกว่าให้ออกเพราะไม่ใช่นักเรียน

นอกจากนี้ หยก ยังยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกร้องเรื่องทรงผมและสีผม โดยมองว่าทรงผมและสีผมของเราก็ย่อมเป็นสิทธิพื้นฐานทางเนื้อตัวของเรา โดยยกกรณีศึกษาเคสล่าสุด อ้างอิงจากเพจอาณาจักรฟ้าขาว ที่มีเด็กนักเรียน เสียชีวิตจากการที่ถูกครูกดดันเรื่องทรงผม หยกมองว่าเคสนี้ไม่ใช่เคสแรกและก็จะไม่ใช่เคสสุดท้าย ถ้ายังมีกฎระเบียบเรื่องทรงผม และสีผม อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ การแต่งกายก็เป็นสิทธิพื้นฐานของเราเช่นเดียวกัน การแต่งกายนั้นไม่เกี่ยวกับการเรียนหยกยืนยันว่า ถึงจะแต่งชุดไปรเวทก็สามารถเรียนได้ ส่วนเรื่องพิธีกรรมต่างๆที่หยกไม่เข้าร่วมนั้นหยกมองว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดอำนาจนิยม อย่างเช่นพิธีไหว้ครูนั้นเราก็จ่ายค่าเรียนค่าเทอมเพื่อให้คุณครูนั้นได้มาสอนเรา การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนั้นจะต้องมีจุดเริ่มต้น ถ้าหากไม่เริ่มวันนี้แล้วเราจะเริ่มวันไหน เมื่อสมัย 10 ปีก่อนก็มีพี่เนติวิทย์ทำ ช่วง 1-3 ปีที่แล้วก็มีกลุ่มนักเรียนเลวทำ มันไม่ใช่หยกที่เป็นจุดเริ่มต้นเพราะจุดเริ่มต้นนั้นมีมาตั้งนานแล้ว

‘หยก’ โวย ปีนรั้วเข้าโรงเรียนมาตั้ง 3 วันแล้ว ยืนยันเจตนา เดินหน้ายกเลิกการบังคับ แต่งกาย-ทรงผม

19 มิ.ย. 2566 – เพจเฟซบุ๊ก “นักเรียนเลว” โพสต์ข้อความว่า วันนี้ (19 มิ.ย.) เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ของการย้อมสีผมและทำทรงผมตามสะดวกของหยก และเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของการแต่งไปรเวทมาเรียน แม้ทางโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการออกประกาศในช่วงวันหยุด ว่าหยกไม่มีสภาพเป็นนักเรียน ตนยืนยันว่าจะมาเรียน และมีสิทธิชอบธรรมตามที่ กสม. ยืนยันสิทธิดังกล่าว ส่วนตัวยังไม่อยากยื่นฟ้องโรงเรียนต่อศาล เพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

วันนี้หยกได้เดินเข้าโรงเรียนตามปกติ ไม่ต้องปีนเข้าอย่างที่ผ่านมา ขณะที่มีรายงานว่ามีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินเข้าโรงเรียน โดยยังไม่ทราบถึงเจตนา ตามที่ปรากฎบนสื่อเป็นชุดจับกุมหญิง มาพร้อมกับรถจับกุม เดินเข้าโรงเรียนจำนวนหลายนาย แต่โรงเรียนไม่ได้มีท่าทีปิดกั้นแต่อย่างใด
หยก ระบุว่า วันนี้ถูกผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่นๆ ตำหนิระหว่างทางไปโรงเรียน และได้รับรู้ถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ ขอบคุณที่สังคมได้มีการโต้แย้งกัน ไม่ว่าจะโต้กันด้วยเหตุผลหรือไม่ก็ตาม ยืนยันเจตนาของการยกเลิก ‘บังคับ’ การแต่งกาย-ทรงผม ไม่ได้จะบังคับให้ถูกคนยกเลิกเหมือนที่ตนคิด

หยก กล่าวเสริมว่า หากวันนี้โรงเรียนมีการประชาพิจารณ์ ให้เด็กมีส่วนร่วมกับการออกแบบกฎระเบียบใหม่ โดยมีเงื่อนไขว่านักเรียนทุกคนต้องได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แล้วหากผลออกมาให้คงไว้ซึ่งระเบียบเดิม ตนก็ยินดีที่จะทำตามเสียงส่วนมากนั้น เพราะที่ผ่านมามีปัญหากับการที่กฎระเบียบในโรงเรียนที่ถูกเขียนขึ้นโดยครูและผู้ใหญ่ มิใช่นักเรียนผู้ต้องรับคำสั่ง ปฏิบัติตามกฎนั้น ซึ่งไม่สมเหตุสมผล

ก่อนจบการสัมภาษณ์ หยกได้ให้ความเห็นถึงการออกแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลว่า ค่อนข้างล่าช้า ในขณะที่ตนปีนเข้าโรงเรียนมา 3 วันแล้ว ทั้งๆ ที่ทางพรรคก้าวไกลมีนโยบายชัดเจนเรื่องการแก้ไขให้กฎระเบียบการแต่งกายของนักเรียนนั้นยืดหยุ่นผ่อนปรนมากขึ้น

‘คุณปลื้ม’ ชี้ ‘หยก’ ต้องเรียนวิชา ‘จริยศาสตร์’ มองเป็นสิ่งที่ขาดอยู่ ในหมู่นักเคลื่อนไหว ไม่เคารพกติกา-ไร้มรรยาท

วันที่ 20 มิ.ย. 2566-หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “คุณปลื้ม” พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก M.l. Nattakorn Devakula แสดงความคิดเห็น กรณี “หยก ธนลภย์” ระบุว่า ไม่ต้องการเรียนวิชาศีลธรรมเพราะผู้ใหญ่เรียนกันมาก็ยังทุจริตคอรัปชั่น? เป็นบทสรุปที่ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ การศึกษาทุกยุคทุกสมัย ทุกชาติ ทุกภาษา ต่างให้ความสำคัญในการสอนวิชาในกลุ่ม “จริยศาสตร์” (Ethics) กันทั้งนั้น

เด็กซึ่่งเรียนในระบบการศึกษาไทยนั้นโชคดีที่ได้มีหลักสูตรด้านนี้ตั้งเเต่ช่วงมัธยมทั้งที่ในหลายประเทศกว่าจะได้มีโอกาสเลือกวิชาประเภทนี้คือช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเเล้วบังเอิญอาจได้เลือกเรียนวิชาทางด้านปรัชญาหรือศาสนา เอาจริงๆเเล้วมันคือหนึ่งในเเขนงวิชาที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กที่ต้องเติบโตขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมมีเเต่ผู้ใหญ่ที่พร้อมใช้โอกาสเเสวงหาอำนาจเเละความนิยมให้กับตนเอง

จริยศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยความดี ความชั่ว ความถูก ความผิด สิ่งที่ควรเว้นสิ่งที่ควรทำ

เอาง่าย ๆ มันคือวิทยาศาสตร์เเห่งความผิดชอบชั่วดี ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ขาดอย่างมากในหมู่นักเคลื่อนไหวซึ่งไม่เคารพกติกาเเละไร้มรรยาทอยู่ ณ เวลานี้ มันคือศาสตร์ที่ว่าด้วยศีลธรรมหลักศีลธรรมเเละกฎที่ว่าด้วยความประพฤติและพฤติกรรม

นอกเหนือไปจากนั้น ถึงเเม้ว่าผู้ใหญ่ทางการเมืองเเละเอ็นจีโอหลายท่านไม่ได้มีโอกาสสอนเด็กๆเรื่องนี้ เยาวชนควรมองให้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมในการจะช่วยจรรโลงโลก จรรโลงศีลธรรม จริยธรรม ด้วยหัวใจสำคัญที่เราเรียกกันว่า “รสนิยม” รสนิยมสะสมคือผลพวงจากการปลูกฝังทางด้าน ศิลปะวัฒนธรรม (ศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลายในทุกแขนง) รสนิยมสะสมนี้จะช่วยชี้ทางผิดชอบชั่วดี และที่สำคัญที่สุดก็คือ รสนิยมสะสมนี้ จะช่วยบอกเราเรื่อง “กาลเทศะ” และ “อะไรควร อะไรไม่ควร” และ “ความพอเหมาะพอดี” สิ่งเหล่านี้เป็น อัตวิสัย (Subjectivity) ที่จะใช้กำกับกรอบแห่งความพอเหมาะพอดี ที่เราจะต้องมีสำนึกขึ้นมาเพื่อควบคุมตนเองให้อยู่ในความพอเหมาะได้

ในชีวิตนี้จะมีแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้ กรุณาหากรอบความคิดที่ครบถ้วนกระบวนความเเละรอบด้านกว่านี้ ที่เหมาะสมเสียกว่า เเล้วร่วมกันถ่ายทอดสิ่งนั้นถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การรู้ดีเเละเฮ้าเลี่ยนด้าน “เสรีภาพ” เพียงอย่างเดียวมันไปไม่รอด ทั้งในตัวบุคคลเเละสังคม นี่ผมไม่ได้เทศนาเด็กวัย 15 ปีอยู่เเต่กำลังสื่อสารถึงบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเเต่ในวันนี้กลับคิดไม่เป็นเพราะไม่กล้าเสียสิ่งที่เรียกว่า ‘Personal Popularity’ เเละ ‘Political Convenience’

‘หยก’ แจง เหตุตัดสินใจไปค่าย เพราะเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกต้อง รับ ตกใจที่ครูให้ นร.มีส่วนร่วม พร้อมเปรียบ เหตุการณ์นี้เหมือน 6 ตุลา 19

(1 ก.ย. 66) จากกรณี ‘หยก น.ส.ธนลภย์’ อายุ 15 ปี เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมาชิกกลุ่มทะลุวัง อดีตผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่อายุน้อยที่สุด ต้องการไปขึ้นรถบัสไปค่ายเรียนภาษาจีน ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แต่ทางครูไม่ให้หยกไป เพราะหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) จึงพยายามให้หยกลงจากรถ เพื่อนหยกจึงช่วยกันอุ้มลงจากรถ

‘หยก น.ส.ธนลภย์’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า…

“หนูตัดสินใจไปค่ายเพราะหนูยังคงเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกที่คืนเงินมาเงียบๆ แล้วถือว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว หนูยืนยันว่าโรงเรียนไม่เคยมีหนังสือทางการแจ้งหนู ไม่เคยไล่หนูออก มีแต่ไปป่าวประกาศกับสังคม ไม่เคยให้มีส่วนร่วม

ครูไม่ให้หนูไปค่ายและบอกว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว เพราะคืนเงินมาแล้ว ครูให้เพื่อนๆ ช่วยกันอุ้มหนูลงมาจากรถ ครูถามเพื่อนว่ามีใครยังอยากให้หยกเรียนต่อมั้ย เพื่อนๆ ร่วมกันตอบว่า “ไม่” มีคนปรบมือดีใจ ตอนที่เพื่อนอุ้มหนูลงจากรถ

หนูรู้สึกตกใจ หน้าเสียกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พยายามยิ้ม หนูตกใจที่ครูให้เพื่อนเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ และให้เพื่อนเข้ามาเป็นคนออกหน้า รวมถึงใช้วิธีให้เพื่อนๆ ทำอะไรแบบนี้

วันนี้โรงเรียนเอาตำรวจมากำจัดหนูด้วยเช่นกัน ตำรวจช่วยโรงเรียนกันหนูออกหลังจากครูให้เพื่อนเป็นคนมาอุ้ม กำจัดหนูออกจากรถและเพื่อนหลายๆ คนตบมือ หรือยิ้มดีใจเห็นด้วย

สวัสดีวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ณ โรงเรียนเตรียมพัฒน์

ขอบคุณโรงเรียน พี่ตำรวจและครูมากๆ ค่ะ บทเรียนนี้หนูจะไม่ลืม

‘ภัทร เหมสุข’ เผย ‘หยก’ สูญเสียอนาคตเพราะเลือกทางผิด ซัด!! ผู้ใหญ่หลอกครอบงำเด็ก ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 จากกรณีที่ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นอนขวางรถบัสของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่กำลังจะพานักเรียนไปเข้าค่ายภาษาจีน หลังทางโรงเรียนปฏิเสธไม่ให้หยกร่วมเดินทางไปค่ายด้วย เนื่องจากหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) ทำให้ครูและเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ พยายามให้หยกลงจากรถ แต่หยกไม่ยอม จนเพื่อนนักเรียนต้องช่วยกันอุ้มหยกลงจากรถ ทำให้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า…

“สิ่งบางอย่างเดินหน้าแล้วถอยหลับกลับไม่ได้ สิ่งนั้นคือ ‘เวลาและโอกาส’ ของชีวิตที่เข้ามา
ผมอ่านข่าวบางข่าวเมื่อวานนี้แล้วสังเวชใจกับเด็กที่โดนการเมืองเข้าครอบงำ ใช้เป็นเครื่องมือจนชีวิตสูญเสียไปแบบไม่มีทางกลับไปดีได้เหมือนเดิม ในต่างประเทศมีกฎหมายคุ้มครองเด็กในเรื่องแบบนี้ คนที่ทำถึงขั้นติดคุกเลยทีเดียวถ้าไปใช้เด็กทำอย่างที่เห็น

ด่านแรกที่สู้จนถอดใจ คือ ครูและพ่อแม่ ที่ต้องตัดหางปล่อยวัด เพราะเด็กทำตัวแรงจนเอาไม่อยู่ ลองคิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่ยังไม่เอา เนื่องจากเด็กเชื่อสังคมนอกโรงเรียน ทำผิดซ้ำซากจนเข้าสถานพินิจหรือคุกเด็กนั้น พ่อแม่และครูจะปวดใจแค่ไหน

วันนี้ที่เห็นเด็กต้องรับเรื่องราวอะไรมากมายเกินกว่าเด็ก ม.4 จะต้องพบเจอจากสังคม สายตาและแววตาบางภาพที่ออกสื่อ มันฟ้องว่าในใจของเด็กนั่นโดนอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าสิ่งนี้ถือว่าแรงแล้วผมอยากให้รอดูไปอีกสองปี ตอนที่เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกันว่าพวกเขาคนโน้นคนนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้บ้าง อนาคตจะเป็น นักศึกษาแพทย์ วิศวะ สถาปนิก นักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ กันห้องละกี่คน แล้วในเวลาเดียวกันวันนั้นเธอจะได้จะมีอนาคตอะไรอยู่ในมือบ้าง

แววตาของเธอจากภาพบนสื่อวันนี้สะท้อนความคิดในใจของเธอ ว่าเธอเองก็เศร้าใจอยู่ลึกๆ ในพฤติกรรมของเธอ ที่ได้รับการตอบสนองจากเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนอย่างไรบ้าง แล้วอีกสองปีข้างหน้าผมพยากรณ์อนาคตได้เลยว่า แววตาของเธอจะเศร้ายิ่งกว่าวันนี้เสียอีก…

ผมไม่ได้โทษเธอคนเดียวหรอกนะ แต่ผมโทษผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือเสียมากกว่า วันนี้เธอไร้ประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็โดนเขี่ยทิ้ง ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพราะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูส่งเสียให้สิ้นเปลืองไปทำไม ไม่ต่างกับหลายคนที่โดนเททิ้งมาก่อนหน้านั้น และอีกสองปีกว่าๆ คดีหลายคดีที่เธอเคยสร้างเรื่องเอาไว้ก็คงจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นเธอก็คงไม่ได้เข้าสถานพินิจเหมือนเดิมแล้ว แต่เธออายุครบที่จะเข้าทัณฑสถานไปเรียบร้อย เป็นการเริ่มชีวิตวัยรุ่นที่น่าเศร้าใจเมื่อเทียบกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเพื่อนๆ ที่เคยนั่งเรียนห้องเดียวกันมา

เห็นภาพไหมครับ ว่าพวกผู้ใหญ่และนักการเมืองบางกลุ่มที่สร้างเธอขึ้นมานั้น จิตใจโหดร้ายแค่ไหน และมีเหยื่ออย่างเธออีกมากมายหลายคน ผมได้แต่คิดขอให้กรรมนั้นตามสนองคนที่หลอกใช้เด็กเหล่านี้ในเร็ววัน”

‘หยก’ งอแง!! เปิดเทอม 2 ยังไม่ได้เข้าเรียน เตรียมร้อง ‘นายกฯ’ ให้ตรวจสอบ-คืนความเป็นธรรม

(6 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชน โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“วันนี้วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เปิดเทอม 2 หนูยังคงไม่ได้เข้าไปเรียนเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เทอมแรกหนูก็เรียนไปแล้ว ทำไมเทอมสองถึงไม่ให้หนูเรียน จดหมายก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบ

วันนี้หนูจึงได้ไปทวงถามถึงจดหมายที่ได้เขียนสอบถาม คุณครูที่อยู่ข้างในรั้วจึงบอกให้รอหนูก็รอ รอเป็นชั่วโมง ระหว่างรอหนูก็ได้ทวงถาม แต่คำตอบที่ได้คือ ให้รอ แล้วครูคนนั้นก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

อีกสักพัก หนูจะไปยื่นจดหมายให้นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและคืนความเป็นธรรม”

'หยก' ลงชิงประธานสภาเด็กฯ เขตพระนคร โหวต 16 ก.พ.นี้ มีผู้สมัคร 4 คนให้เลือก

(7 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสำนักงานเขตพระนคร ได้เปิดเผยรายชื่อ แคนดิเดต ในการเลือกตั้งประธานสภาเด็กและเยาวชนเขตพระนคร และขอเชิญชวนเด็กและเยาวชนเขตพระนคร แสดงตนใช้สิทธิเลือกตั้งประธานสภาเด็กและเยาวชนเขตพระนคร ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 และใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 (08.00-17.00 น.)

สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีดังนี้

1.อายุไม่เกิน 25 ปี
2.มีชื่อตามทะเบียนบ้านในเขตพระนคร
3.ลงทะเบียนยืนยันสิทธิ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ (ตาม QR code) ที่แนบมาพร้อมนี้
ร่วมแสดงพลังเยาวชนใช้สิทธิเลือกตั้งประธานสภาเด็กและเยาวชนเขตพระนคร โดยการเลือกจากผู้สมัคร 4 คน สามารถดูลิงก์ Tiktok แนะนำตนเอง+แสดง

โดย 1 ในผู้สมัครประธานคณะบริหารสภาเด็กและเยาวชนเขตพระนคร ปรากฏชื่อ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก ด้วย

เปิดพินัยกรรม ‘บุ้ง ทะลุวัง’ หลังเสียชีวิต ยก ‘แมว-เงินสด-ทรัพย์สิน’ ให้ ‘หยก’ ยก ‘ที่ดิน’ ให้ ‘พี่สาว’

(14 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เนติพร อายุ 29 ปี ได้ทำพินัยกรรมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อแสดงเจตนาในการจัดการทรัพย์สินของตน ภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว

ทั้งนี้ พบว่าทรัพย์สินที่เป็นเงินสดที่มีเก็บรักษาไว้และที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินคือ นาฬิกาข้อมือ ต่างหู และสัตว์เลี้ยงคือแมว ชื่อโซ 1 ตัว ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ น.ส.หยก (หยก ธนลภย์) ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนทรัพย์สินอื่น นอกจากที่ระบุไว้ ข้อ 1. อันรวมถึงที่ดิน สิทธิเรียกร้อง และสิทธิตามมรดกที่ตนมีอยู่ก่อนจะถึงแก่ความตาย ขอยกให้ พี่สาว เพียงผู้เดียว

ภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว ขอมอบให้ทนายความเป็นผู้จัดการมรดกของตนตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top