Friday, 10 May 2024
หน่วยข่าวกรองทางทหาร

‘ตร.ภาค 1’ ร่วม ‘หน่วยข่าวกรองทหาร-ป.ป.ส.’ รวบเเก๊งขนยาบิ๊กล็อต ยึดของกลางพร้อมยาบ้าได้ 4 ล้านเม็ด รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท!!

(3 พ.ย. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะแถลงผลการจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวนประมาณ 4,000,000 เม็ด มูลค่ากว่า 40,000,000 ล้านบาท

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้จับกุม นายนนทวัฒน์ หรือ ‘นิก’ (สงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์ หรือ ‘ตาล’ (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 1,600,000 เม็ด พื้นที่ สภ.หนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่ามีทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง

โดย พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.สระบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. มีการสืบสวนจนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑลและกรุงเทพฯ โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 83-3754 สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด และจะใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บม 645 ร้อยเอ็ด และรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน สชช 7466 กทม. ในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จนกระทั่งวันที่ 1 พ.ย. 66 พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี เป็นหัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ 3 ต.ลำไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน 5 คน ได้แก่

1.) นายสุชาติ มูลสาร
2.) นายวิรอน เปรี้ยววงษ์
3.) นายวิรงค์ เปรี้ยววงษ์
4.) พงศ์อิทธิพล ขวานคร
5.) นายณัฐสิทธิ์ สักการี

โดยตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 8 กระสอบ รวมจำนวน 2,000 มัด ประมาณ 4,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว คันดังกล่าวพร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด และได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีในความผิด ‘ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต’ และกล่าวหาผู้ต้องหารายที่ 3 เพิ่มเติมว่า ‘มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต’

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่า หากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้ก่อน จะแพร่กระจายสู่ท้องตลาดซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 40,000,000 บาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด และทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิด เพื่อนำมาดำเนินคดีต่อไป

‘ขกท.ทบ.’ ร่วม ‘ตร.ปส.’ บุกรวบแก๊งลอบขนยาจากชายแดน พร้อมยึดยาบ้า 1.1 ล้านเม็ด เร่งขยายผลสืบหาเครือข่ายใหญ่

(17 ธ.ค. 66) หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองบัญชาการกองทัพบก (ขกท.ทบ.) บูรณาการร่วมกับ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. (นปส.เชียงราย) หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า นายจะแจ จะสึ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314 หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (อาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย)  มีพฤติการณ์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนด้าน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาเก็บพักไว้พื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่าย

โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน ยต 1928 เชียงใหม่ ออกจากบ้านพัก ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ลักษณะการขับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง และขับวนไป-มาในหมู่บ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ จอดบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าพิสูจน์ทราบ แต่นายจะแจ ไหวตัวทัน และได้ขับหลบหนี ไปทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาวฯ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามแต่ไม่พบตัว กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. 66 จึงได้ประสานผู้นำ ท้องถิ่น และเจ้าของ/ผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 กระสอบ จำนวนประมาณ 1,118,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าทราบข่าว จึงได้ทำการตรวจยึด และลงบันทึก จากนั้นได้นำของกลางยาเสพติดดังกล่าว ส่ง พงส.บก.ปส.3 บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และตืดตามตัวนายจะแจ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top