Friday, 19 April 2024
หนี้นอกระบบ

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. - ผอ.ศปน.ตร. ปรับกลยุทธ์เด็ด!! ‘ทลายแก๊งเจ้าหนี้นอกระบบ’ สนองนโยบายรัฐบาล

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปน.ตร.นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ของ ศปน.ตร. กระจายกำลังบุกทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ 3 จังหวัด ได้แก่ เลย อุดรธานี และหนองคาย รวม 5 เครือข่าย 9 จุดตรวจค้น เพื่อดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560  โดยทำการจับกุม นายอลงกร ผนามอญ อายุ 34 ปี และ นายโชคสวัสดิ์ ลีเพ็ญ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย เลขที่ 184/2564 และ 185/2564 พร้อมตรวจยึดรถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 31 คัน มูลค่า 7.2 ล้านบาท ตรวจยคดโฉนดที่ดิน 10 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ราคาประเมิน 50 ล้านบาท รวมมูลค่า 57,200,000 บาท

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า เมื่อ 2 ธ.ค.64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งมอบหมายให้เป็น ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ หรือ ศปน.ตร.เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน  ดังนั้นในฐานะ ผอ.ศูนย์ จึงได้กำหนดกลยุทธ์ให้ชุดปฏิบัติการต่าง ๆ วางแผนเพื่อตัดวงจรกลโกงให้ได้และวันนี้ชุดป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบ ได้เปิดยุทธการปราบปรามจับกุม กลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบผิดกฎหมาย พร้อมกัน 3 จังหวัด 9 จุด เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่ถูกฉ้อฉลหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ จากเจ้าหนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปราบปรามในเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อนำความสงบสุขส่งมอบเป็นของขวัญให้พี่น้องประชาชนในปี พ.ศ 2565 จะมาถึงนี้

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ศปน.ตร.ได้ทำการปราบปรามจับกุม เจ้าหนี้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบและฉ้อฉล ลูกหนี้นอกระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแล้ว จำนวน 310 ราย ช่วยเหลือลูกหนี้มาแล้วมากกว่า 514 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สิน จำนวน 91,763,429 บาท และมุ่งมั่นจะช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างเต็มความสามารถ ขอให้บรรดาลูกหนี้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังต่อไปนี้

     1. ถูกเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

     2. มีการทำสัญญาเงินกู้เกินกว่าที่กู้จริง

     3. ถูกเป็นทาส หาเงินมาชำระหนี้โดยไม่รู้จักจบสิ้น

     4. ถูกประจานติดตามทวงหนี้

     5. ถูกข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายในการทวงหนี้

     6. ถูกเจ้าหนี้ใช้กลฉ้อฉลยึดทรัพย์ หรือเอาทรัพย์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

เอาจริง..!!! “บิ๊กป้อม” สั่งปราบเชิงรุก “หนี้นอกระบบ” เข้มบังคับใช้กม. ยึดทรัพย์ นายทุนเหิมกดขี่ เก็บดอกโหดใช้ความรุนแรง

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้สั่งการฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองและตำรวจ เข้มเอาจริงลงไปช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจาก “หนี้นอกระบบ” ที่มีมากขึ้น จากกลุ่มนายทุนฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกโหด และส่งแก๊งค์ทวงหนี้เหิมเกริม ข่มขู่และใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้หาเช้ากินค่ำ เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมบั่นทอนชีวิตครอบครัวผู้มีรายได้น้อย จากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19

โดยย้ำขอให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ กทม. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระจายลงพื้นที่บูรณาการปราบปรามเชิงรุกกับกลุ่มนายทุนรายใหญ่ และเครือข่าย ด้วยมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางภาษีไปพร้อมกัน  โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ที่มีประชาชนหาเช้ากินค่ำเดือดร้อนจำนวนมากขึ้น 

กอ.รมน. หนุนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เตรียมรับแรงงานต่างด้าวเข้าไทย เสริมความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ call center 1374 พร้อมบริการประชาชน รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าใช้จ่าย

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสธ.ทบ./เลขาธิการ กอ.รมน. ประธานประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันผ่านระบบออนไลน์กับหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน โดย เลขาธิการ กอ.รมน. ได้เน้นย้ำในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ที่รัฐบาลมีแผนดำเนินการในปีนี้ ให้ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมลงพื้นที่สำรวจปัญหา ประชุมติดตามสถานการณ์ เพื่อปรับแก้และนำหนี้เข้าสู่ระบบ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

ขณะที่การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศของรัฐบาล ทั้งกระบวนการนำเข้าเพื่อจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่นำร่องกลุ่มแรกใน จ.สระแก้ว เมื่อ 1 ก.พ.65 ที่ผ่านมา และการผ่อนผันขยายเวลาทำงานในประเทศให้กับแรงงานต่างด้าวเดิมที่ลงทะเบียนอยู่ในระบบถึง 13 ก.พ.66 นั้น ให้ กอ.รมน. ส่วนภูมิภาค อำนวยการประสานร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด ภาคเอกชน สถานประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามขั้นตอนนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ในช่องทางที่กำหนดอย่างถูกต้อง และมีการคัดกรองป้องกันโควิด-19 ตามแนวทางกรมควบคุมโรคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, พัฒนาระบบจ้างงานในประเทศ และเพื่อให้ภาคธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆ มีแรงงานที่เพียงพอ ได้รับสวัสดิการและสิทธิตามกฎหมาย เพิ่มการผลิต เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับนโยบายการเปิดประเทศต่อไป

ไม่ต้องรอมี ส.ส.!! ‘กรณ์’ นำทีมพรรคกล้า! ลงพื้นที่แก้ ‘หนี้นอกระบบ’ หวังช่วย ‘คนจนเมือง’ ลืมตาอ้าปากได้!!

12 ก.พ.2565 เวลา 09.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายนที ศิริธรรมวัฒน์ , นายธีรพงศ์ พงษ์ศิริเดชา ทีมพรรคกล้า กทม. จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ชุมชนอินทามระ 29 แยก 4 โดยมีประชาชนร่วมรับฟัง โดยเฉพาะคนในชุมชน พ่อค้าแม่ค้า ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นต้องนำเงินมาหมุน เนื่องจากรายได้ลดลง เพราะสถานการณ์โควิด-19 

นายกรณ์ กล่าวกับชาวบ้านว่า วันนี้พรรคกล้ามารับฟังความต้องการของพี่น้องที่เจอปัญหา เพื่อประสานกับสถาบันการเงินให้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ ช่วยหาวิธีปลดภาระหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงแม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการเยียวยาต่าง ๆ แต่เป็นแค่การอุดช่องโหว่ ไม่ได้มาแก้ปัญหาสะสมที่มีอยู่ 

"สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่มีใครมีไม่มีปัญหาเรื่องหนี้ ซึ่งตนเองเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยออกนโยบายที่ยิงตรงแก้ปัญหาระดับประชาชน โดยหนึ่งในเรื่องที่ทำคือการแก้หนี้นอกระบบ ชาวบ้านรับภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินสมควร ตั้งแต่ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือร้อยละ 20 ต่อเดือน ดังนั้น การช่วยชาวบ้านอันดับแรกต้องปลดหนี้ให้ หรือหาวิธีทำให้ภาระหนี้สามารถแบกรับได้ด้วยอาชีพปกติ ซึ่งวิธีการที่เคยใช้ คือการเอาเงินจากธนาคารของรัฐ โอนเข้าบัญชีเจ้าหนี้นอกระบบโดยตรง และโอนหนี้มาเป็นของรัฐ โดยลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ1 เพื่อให้ประชาชนมีกำลังจ่าย แบกรับภาระหนี้ได้ โดยปี 2552 มีประชาชนได้รับการช่วยเหลือถึง 5 แสนกว่าคน มีหนี้เสียไม่ถึงร้อยละ 1" นายกรณ์ กล่าว 

นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ทีมพรรคกล้า กทม. ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า วิธีแก้หนี้นอกระบบ ต้องปิดหนี้ดอกเบี้ยสูง หาเงินหมุนที่ดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ประชาชนในชุมชนแจ้งจำนวนหนี้ ดอกเบี้ย รายได้ เงินหมุนทำมาหากิน โดยพรรคกล้าจะเป็นสื่อกลาง ประสานแจ้งปัญหาต่อสถาบันการเงิน 

'มนพร' แนะ 'ประวิตร' เร่งแก้หนี้นอกระบบทำชาวบ้านผวา อัดการกระตุ้นเศรษฐกิจและบริหารเงินกู้เห็นแก่ตัว ทำผู้ประกอบการปิดตัวเพียบ

นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม ในฐานะรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งแรกของปี 2565 พบผู้ ประกอบการปิดกิจการสูงถึง 7,500 บริษัท ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ที่ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่พ้นปากเหว นับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ภายหลังเกิดปัญหาการระบาดของโควิด รัฐบาลประเมินสถานการณ์ ผิดพลาดและออกมาตรการที่ไม่จริงใจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายย่อยหลายแสนรายปิดตัวลง

ผลที่ออกมาอยากให้รัฐบาลย้อนไปดูตัวเองว่า บริหารประเทศอย่างไร เงินกู้จำนวน 1.5 ล้านล้าน ที่รัฐบาลบอกว่าจะนำมาช่วยผู้ประกอบการ ก็ไม่เป็นความเป็นจริงไม่มีผู้ประกอบการหลายหมื่นบริษัท เข้าไม่ถึงเงินกู้ที่รัฐบาลจัดไว้ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หลายแห่งต้องประสบปัญหาด้านเงินทุน จนไปต่อไม่ได้ 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประชุมมอบนโยบาย ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบฯ เน้นรับแจ้งเหตุให้ทั่วถึงและขยายผลจับกุมให้หมดสิ้น

วันนี้ (24 พ.ค.65) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติให้กับชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กำชับให้ชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร. ให้ความสำคัญกับข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันเปิดรับ 2 ช่องทาง ได้แก่ สายด่วน 1599 หรือสามารถแจ้งความได้ตามสถานีตำรวจทุกท้องที่ทั่วประเทศ โดยได้สั่งการให้มีการประสานการปฏิบัติกันระหว่างฝ่ายรับแจ้งเหตุ ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวน ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ และมีการรายงานผลการปฏิบัติให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะอย่างใกล้ชิด และยังได้สำรวจคดีที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบทั้งหมด เพื่อเร่งรัดให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลา รวมทั้งได้กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางการปฏิบัติเพื่อใช้วัดผลการปฏิบัติให้เห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบไปด้วยมาตรการการรับแจ้งเหตุ การปราบปราม และการเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา

ล้างหนี้นอกระบบ!! ‘สุดารัตน์’ ควง ‘น้องจินนี่’ ลงพื้นที่ตลาดนัดรถไฟ จ.หนองคาย ชูนโยบาย ‘กองทุนเครดิตปชช.’ แก้หนี้นอกระบบ ช่วยคลายทุกข์คนไทย

(8 พ.ค. 66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 พร้อมด้วย นางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือน้องจินนี่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคไทยสร้างไทย นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร ผู้สมัครส.ส.พรรคไทยสร้างไทยหมายเลข 1 เขต 1 นางสาวทศพร จันทร์ศรี ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 2 เขต 2 และ นายกฤษฎา เขมรัตน์ ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 5 เขต 3 พรรคไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ได้ขึ้นรถซาเล้ง ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน พร้อมเดินทักทายพ่อค้าแม่ขาย ที่ตลาดนัดรถไฟ  อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น 

พี่น้องประชาชนเข้ามา สวมกอดและขอถ่ายภาพร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างคึกคัก ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ได้ ฝากของกินของใช้ รวมถึงของขึ้นชื่อของจังหวัดหนองคาย ให้คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมงาน ระหว่างการลงพื้นที่ เดินสายปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ขาย ยังอวยพรให้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของคนอีสาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้อง รวมถึงการค้าการขาย ที่เงียบเหงาต่อเนื่องมานาน จนหลายคน ต้องแบกรับภาระหนี้สิน ทั้งในและนอกระบบที่ไปกู้ยืมมาเพื่อต่อยอดธุรกิจ
.
คุณหญิงสุดารัตน์ ทราบดี ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และพ่อค้าแม่ขาย เนื่องจากมีโอกาสเดินสายพบปะพี่น้องทั่วประเทศ จนพบว่าปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังสร้างความเครียด และความทุกข์ให้กับพี่น้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างนโยบาย กองทุนเครดิตประชาชนหรือบัตรเครดิตประชาชนขึ้นมา

เพื่อช่วยคนตัวเล็กกว่า 10 ล้านคน ล้างหนี้นอกระบบ สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนคนตัวเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบปกติของธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้  ช่วยให้คนตัวเล็กตั้งตัวได้ เป็นสินเชื่อรายย่อยที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยตํ่า ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน วงเงินกู้ตั้งแต่ 5,000 บาท จนถึง 50,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ และเป็นหลักประกันทางการเงินไปตลอดชีวิต หรือกองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกษตรกร และลูกหลานได้รวมตัวกันในการประกอบธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ โดยการแปรรูปเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร

'บิ๊กป้อม' ชี้!! แก้หนี้นอกระบบลดฮวบ หลังปราบเชิงรุก พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง 'จัดหาแหล่งทุน-พัฒนาทักษะ'

(15 ส.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ขาดโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มอิทธิพลโดยเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบ ตนได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากหนี้นอกระบบจากกลุ่มนายทุนที่ฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกเบี้ยโหด ส่งแก๊งทวงหนี้มาข่มขู่ ใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้ที่หาเช้ากินค่ำ รวมถึงทุกส่วนราชการที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหา โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนของตำรวจ ที่เจรจาไกล่เกลี่ย บังคับใช้กฎหมาย จนส่งคืนทรัพย์สินให้กับประชาชนได้จำนวนมาก 

นอกจากนั้นได้ประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เข้าไปร่วมจัดหาแหล่งทุน รวมถึงพัฒนาทักษะอาชีพให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงโอกาส เป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งของผู้มีรายได้น้อย และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

"ปัญหาหนี้นอกระบบฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน มีประชาชนจำนวนมาก รอการช่วยเหลือ ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ยังเร่งทำงานเพื่อปลดล็อกปัญหา ที่เป็นกับดักความยากจนของสังคม และประสานให้โอกาสช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถกลับมายืนเข้มแข็ง" พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 คืนรถที่ยึดได้จากแก๊งรับจำนำรถเถื่อน คืนความสุขให้กับประชาชน

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) เป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบหลายรูปแบบ เช่น แอพพลิเคชั่นเงินกู้ผิดกฎหมาย, แก๊งหมวกกันน็อค, การรับจำนำรถโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งได้มีการปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา

จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ภ.2 ได้ทำการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน และรถยนต์ จำนวน 69 คัน ซึ่งเป็นรถของกลางที่ได้มาจากการรับจำนำรถโดยผิดกฎหมาย ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2/รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าว

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วนั้น เป็นหนึ่งในเครือข่ายเงินกู้ผิดกฎหมายซึ่งมี นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับบุคคลเกี่ยวข้อง และขยายผลเข้าตรวจค้น จำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, ระยอง, พิษณุโลก และ กาญจนบุรี จนสามารถจับกุมนายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ หัวหน้าขบวนการ พร้อมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก 8 ราย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” และสามารถตรวจยึดของกลางเพิ่มเติม เป็นรถยนต์ จำนวน 23 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 43 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมด 40,700,000 บาท

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทลายเครือข่ายของ นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง ซึ่งดำเนินการปล่อยเงินกู้อยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งหมด รวมผู้ต้องหาในขบวนการทั้งหมด 9 ราย ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ซึ่งก็เป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องแบกรับภาระจ่ายดอกเบี้ยที่สูงมากและบางครั้งไม่สามารถติดตามรถคืนได้

ในวันนี้ (13 ก.ย.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อิทธิพล   อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2/รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ดำเนินการคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางให้กับผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง ซึ่งได้มีการทยอยส่งมอบคืนไปแล้วบางส่วน เป็นรถยนต์ 67 คัน และรถจักรยานยนต์ 39 คัน ในวันนี้มีการส่งคืนรถของกลางที่เหลือทั้งหมด เป็นรถยนต์จำนวน 25 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 41 คัน เพื่อเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้หนี้นอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การดำเนินการคืนรถของกลางซึ่งตรวจยึดจากแก๊งค์เงินกู้ในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งในการปราบปรามแก๊งค์เงินกู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ได้ขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาของทั้งขบวนการได้ครบทั้ง 9 คน ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ซึ่งแก๊งค์นี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัด วันนี้จึงได้นำรถของกลางทั้งหมดส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์เงินกู้ดังกล่าวทั้งหมด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และหากพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์เงินกู้ผิดกฎหมายหรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งไว้ที่ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้ทันที

‘นายก’ มุ่งแก้ปัญหา ‘หนี้นอกระบบ’ เชิงรุก ให้ปชช. ชี้!! ตั้งใจให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ พร้อมสั่งผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ที่ต้นทาง

(3 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

“ความรับผิดชอบในการจัดการเรื่องหนี้นอกระบบ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางในการแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมตั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะในบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้ ที่เกินเงินต้นเป็นจำนวนมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการจัดการแก้ไขหนี้สินรายย่อยเชิงรุก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้นทางให้ประชาชนครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top