Thursday, 9 May 2024
สุดารัตน์เกยุราพันธุ์

'หญิงหน่อย' บินลัดฟ้าหารือ สว.แทมมี่ จับมือไทย-สหรัฐฯ สู้โควิด พร้อมชวนทัพนักธุรกิจสหรัฐฯ เยี่ยมไทย

23 ก.ย. 64 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้เข้าพบนางแทมมี่ ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแครต จากรัฐอิลลินอยส์ ณ สำนักงานวุฒิสมาชิกแทมมี่ ที่กรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ และวุฒิสมาชิกแทมมี่ ได้หารือกันถึงความร่วมมือระหว่างไทยและอเมริกาในการต่อสู้กับการระบาด covid-19 ซึ่งสว.แทมมี่ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 2.5 ล้านโดส ให้ประเทศไทย สว.แทมมี่ได้แสดงความห่วงใยต่อการแพร่ระบาดของ covid-19 ในไทย และประสงค์จะช่วยผลักดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้บริจาควัคซีนให้ประเทศไทยเพิ่มเติม จากที่ได้แสดงเจตจำนงบริจาคไปแล้ว 2.5 ล้านโดส และส่งมอบมาแล้ว 1.5 ล้านโดส

สว. แทมมี่ ดักเวิร์ธกล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนที่เหลืออีก 1 ล้านโดส แต่ขณะนี้รัฐบาลไทย ยังไม่ส่งเอกสารตอบรับมา จึงทำให้ยังไม่สามารถส่งมอบอีก 1 ล้านโดสที่เหลือให้ชาวไทยได้ ถ้าประเทศไทยรีบดำเนินการเข้าโครงการโคแวกซ์ จะทำให้ไทยมีโอกาสในการได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อมาเร่งฉีดให้คนไทยได้มากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมจะสนับสนุนวัคซีนให้ประเทศที่เข้าโครงการโคแวกซ์ใน อินโดแปซิฟิก หลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ได้ 12.6 ล้านโดส เกาหลีใต้ได้ 1.5 ล้านโดสเป็นต้น

‘หญิงหน่อย’ วอน หยุดเล่นการเมืองแบบเก่า หวั่นสร้างความขัดแย้ง สุดท้ายเกิดรัฐประหารอีก

‘หญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซัดอย่าเล่นการเมืองแบบเก่าสร้างความขัดแย้ง ประเทศเดินหน้าไม่ได้สุดท้ายเกิดรัฐประหารอีก 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเดินเกมปลุกคนเสื้อแดงให้กลับพรรคว่า ส่วนตัวมองว่าความเห็นต่างทางการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด ทุกคนเห็นต่างกันได้  แต่ต้องยอมรับการท้วงติง ไม่ใช่สร้างวาทกรรมให้เกิดความเกลียดชัง เกิดความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดจะต้องถูกรัฐประหารอีก และกลับเข้าสู่วังวนเดิม ซึ่งติดหล่มแบบนี้มา 15 ปีแล้ว ดังนั้นเราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก จึงสร้างพรรคไทยสร้างไทยขึ้นมาให้ประชาชนเป็นเจ้าของ และเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน เพราะไม่ได้มองเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ทำครั้งนี้เพื่อความหวังของคนทั้งประเทศ และจะเป็นภารกิจสุดท้ายของตัวเอง

3 คู่หยุดโลก!! รับฝีปากประชันศึกดีเบต

วันที่ 22 เม.ย.66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ต้องทันกัน" โดยเสนอให้สื่อสำนักใหญ่จัดดีเบตการเมืองสามคู่หยุดโลก เริ่มด้วยคู่ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” มันส์แน่นอน จากนั้นเป็นคู่ “สุดารัตน์ประลองกึ๋นอุ๊งอิ๊ง” แล้วตบท้ายด้วยคู่ “เศรษฐาโชว์มุมมองเศรษฐกิจกับพิธา” เชื่อว่าสื่อไหนทำได้รับรองถนนโล่ง ผู้ชมหน้าจอถล่มทลาย

นายจตุพร กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจดหมายฉบับที่ 10 ที่มีเนื้อหาสำคัญทิ่มแทง กระชวก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชนิดตีความเนื้อหาในจดหมายสะท้อนถึงตัดขาดความเป็นพี่น้องชายชาติทหารอย่างสิ้นเยื่อใยต่อกัน

เนื้อหาส่วนสำคัญของจดหมายฉบับที่ 10 นั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยสนับสนุนให้แก้ รธน.และกฎหมายเลือกตั้งมาเป็นระบบบัตรสองใบ และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใช้ 100 หาร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คัดค้าน เชื่อตามความเห็น ส.ว. เพราะเกรงจะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ จึงยืนกรานให้ใช้แบบเดิมคือ บัตรเลือกตั้งใบเดียวและ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้ 500 หารจำนวนคะแนนเสียง พร้อมทั้งตอนท้ายของจดหมาย พล.อ.ประวิตร ยังให้ติดตามฉบับที่ 11 “ผมจะพูดถึงเรื่อง เป็นนายกต้องให้เกียรติสภาอย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า ขอเสนอให้สื่อใหญ่ๆ จัดคู่ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร เพราะจดหมายของ พล.อ.ประวิตร ฉบับที่ 10 นั้นพุ่งเป้าโดยตรงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับกล่าวหาต่อต้านการแก้กฎหมายเลือกตั้งและ รธน.ที่เปลี่ยนจากบัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบและระบบปาตี้ลิสต์หาร 100 อีกทั้งจะมีจดหมายในฉบับที่ 11 เรื่องการเป็นนายกฯให้เกียรติสภาก็พุ่งชน พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงเพราะถูกข้อกล่าวหาว่า ไม่ให้เกียรติสภา

"ดังนั้น คู่นี้จะเป็นคู่มวยหยุดโลก ดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ มันต้องเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร จะเขียนจดหมายฝ่ายเดียวได้อย่างไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบเป็นจดหมายทำไม มาดีเบตกันเลย พูดแบบไม่มีเวลาจำกัด เมื่อ พล.อ.ประวิตร แทงเข้าขั้วหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วยังสำทับอีกว่า จะแทงอีกครั้งหนึ่งในจดหมายที่ 11 ดังนั้น ไม่มีทางอื่นแล้ว คู่มวยหยุดโลกนี้ต้องเกิดขึ้นในเวทีดีเบต”

นายจตุพร ประเมินว่า การเขียนจดหมายพุ่งชนแบบกามิกาเซ่นั้นเป็นเพราะฐานคะแนนของ พปชร.และ รทสช. มาจากที่เดียวกัน อีกอย่างฝ่ายอนุรักษ์มีความเชื่อว่ามีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะหยุดทักษิณ ชินวัตร ได้ ยิ่งจะทำให้ พล.ประวิตร-พปชร. คะแนนเสียงหายไปจากจอเรดาร์

ดังนั้น ในการแข่งขันรอบแรกระหว่าง รทสช.กับ พปชร.ต้องชิงดำกันก่อน ว่าใครจะเป็นที่หนึ่งของสายอนุรักษ์ โดยไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เป็นเรื่องของสองพลเอกชื่อ “ประวิตรปะทะประยุทธ์” เท่านั้น เพราะจดหมายฉบับที่ 10 พุ่งใส่ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มๆ โดยไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมหรือยุกันให้บาดหมางใดๆ

อีกอย่าง เห็นว่า เสียง ส.ว. 250 คน ย่อมอยู่กับ พล.อ.ประวิตรหรือ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น จึงต้องวัดดวลกันให้รู้ไปเลยใครจะได้ ส.ว.เสียงข้างมากมาครอง แล้วยังต้องช่วงชิงเสียงในตลาดฝ่ายอนุรักษ์ด้วยกันเพื่อแข่งกันตั้งรัฐบาล โดยวงประเมินทั่วไปในขณะนี้ เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะชนะ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้ากระแสเป็นตามปกติแล้วเสียงจะมาเทให้พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินหาเสียงแบบสบายตัวอีกไม่ได้ จึงต้องจ้วงแทง นับเป็นการเขียนจดหมายที่อ่านการเมืองได้ขาดและพุ่งเป้าได้ตรง
ส่วนการจับมือพรรคข้ามฟากกับพรรคเพื่อไทยร่วมตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะเผยโฉมอีกไม่นาน เพียงจดหมายฉบับที่ 10 ก็เริ่มบอกเค้าลางให้เห็นบ้างแล้ว แต่จำเป็นต้องประกาศศึกกับพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งกันก่อน

อีกทั้ง เห็นว่า การเมืองมันอำมหิตมาก ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง เหมือนตามที่เพื่อไทยประกาศไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง อีกสายอนุรักษ์นิยมก็เริ่มไม่มีพี่ไม่น้องแล้ว ดังนั้น การข้ามมาเอาคะแนนเสียงอีกฝั่งที่มีเพื่อไทย ก้าวไกล ครองเสียงอยู่ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเปิดศึกแย่งเสียงในฝั่งเดียวกันก่อน คือ ดีงคะแนนจาก รทสช.

“ศึกดวลดีเบตระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นศึกที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับคนไทย เมื่อ พล.อ.ประวิตร ลงมือกระชวกขนาดนี้ แสดงถึงไร้ความเป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีความเกรงใจหลงเหลืออยู่ เพราะจดมายฉบับ 10 มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเปิดศึกชนกัน แล้วมีจดหมายฉบับ 11 มาตอกย้ำให้ชัดยิ่งขึ้น”

นายจตุพร ค่าดว่า ทางฝ่าย รทสช. ต้องรู้ตัวเช่นกันว่า กระบอกปืนจากมือ พล.อ.ประวิตร คนฝ่ายเดียวกันได้หันมายิงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการชี้ชะตานายกฯ ภายใต้กติกา ส.ว. 250 คน เมื่อเป็นเดิมพันสูงชนิดทุ่มสุดตัว ก็ยอมกันไม่ได้ หลีกทางให้กันก็ไม่พ้น ดังนั้น จึงต้องให้คู่นี้มาดีเบตกันแล้ว

ส่วนการดีเบตคู่ที่สอง นายจตุพร เสนอจัดประลองกึ๋นระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เพราะคุหญิงสุดารัตน์ เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยมาก่อน ปัจจุบันอุ๊งอิ๊งก็เป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยอยู่ ตนเชื่อว่า ดีเบตคู่นี้คนอยากฟังมาก

ยังมีอีกคู่คือ ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ซึ่งน่าสนใจ เพราะแนวคิดทางเศรษฐกิจในมุมต่างๆนั้นเป็นอย่างไร ส่วนนอกนั้น คงไม่ต้องดีเบตกันแล้ว เพราะแต่ละพรรคสร้างรังแต่พอตัวของตัวเองไปแล้ว คงไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร แค่รักษาฐานเสียงให้ตัวเองรอดก็หนักหนาสาหัสแล้ว

"ผมว่า การดีเบตของสามคู่นี้ จะต้องมีคนดู เอาคู่ประวิตรกับประยุทธ์ มาเป็นแมตซ์หยุดโลก ตามด้วยคุณหญิงสุดารัตน์กับอุ๊งอิ๊ง จะเห็นมุมใหม่ แล้วเศรษฐากับพิธา จะเห็นหลักคิดวิธีคิดทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ผมว่าเอาสามคู่นี้มันส์แน่”

ในสถานการณ์ทุกพรรคเร่งโหมหาเสียงนั้น นายจตุพร เล่าถึงศิลปะโกงเสียงของของนักการเมืองว่า ทุกยุคของการเลือกตั้ง ล้วนมีลูกเล่นแกมโกงเพื่อชิงคะแนนเสียงกันทั้งนั้น บางยุคกล่าวหาผู้สมัครซื้อเสียง เมื่อเขาไปแล้ว ตัวเองก็เจรจาซื้อเสียงเสียเอง บางครั้งนักการเมืองก็เขี้ยวลากดินคิดกระทั่งกล่าวหาบางพรรคใช้แบงก์ปลอมซื้อเสียง ถ้าไม่อยากติดคุกต้องนำมาแลกกับตัวเองในครึ่งราคา ดังนั้น จึงได้กำไรฟรีๆ ไปเท่าตัว อีกฝ่ายก็เจ๊งทันที แถมทุกชาวบ้านรุมด่าเอาอีก สิ่งเหล่านี้เป็นศิลปะทำลายทางการเมืองของพวกเขี้ยวลากดินที่เคยปฏิบัติชิงคะแนนเสียงกันมาแล้วทั้งสิ้น

ส่วน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะไม่ให้คนทุจริตเลือกตั้งไปเป็น ส.ส. พร้อมขู่ไม่ยอมให้ผีหลุดไปหนุนจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนไทยคงไม่เชื่อตามที่พูดแน่ ซึ่งการพูดดังกล่าวแสดงถึงจะไม่รับรองให้เป็น ส.ส. ก่อน

อีกอย่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย เฉพาะที่มารายได้ทำโครงการเงินดิจิทัลก็ไปไม่ถูกแล้ว แต่อาจมีเจตนาการซ่อนเร้นอะไรไว้ ซึ่งหวังว่า การวินิจฉัยของ กกต.จะมีความตรงไปตรงมา เรื่องที่ไม่รู้ ก็ไม่ควรใช้ความรู้สึกของ กกต.วินิจฉัย แต่ต้องฟังผู้ชำนาญการพิจารณา และควรให้ประชาชนได้รับรู้ก่อนจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง อีกทั้งต้องปฏิบัติกับทุกพรรคตรงไปตรงมาเหมือนกับปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทยด้วย "เรื่องซื้อเสียง ผมว่า กกต.ไม่มีปัญญาจัดการอยู่แล้ว งบประมาณอนุญาตให้ใช้จ่ายเป็นเรื่องจอมปลอม เป็นการแต่งบัญชีหลอกกันทั้งนั้น มีแต่ กกต.เท่านั้นที่เชื่อเป็นจริง แต่นักการเมืองไม่มีใครเชื่อเลย จึงขอให้ กกต.ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมสักครั้ง อย่างน้อยคนจะได้จำว่า ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใสจริงๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือที่ได้กล่าวไว้กับประชาชน"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top