Saturday, 18 May 2024
สื่อสังคมออนไลน์

'ดีอีเอส' พบเพจต้องสงสัยมิจฉาชีพหลอกทำบุญจาก เหตุกราดยิง เตือน!! ปชช.ระวัง หากเจอรีบแจ้ง เพื่อปิดกั้นทันที

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากการที่สื่อต่าง ๆ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแจ้งเตือนให้ระวังมิจฉาชีพในสื่อสังคมออนไลน์ใช้โอกาสเปิดรับบริจาคทำบุญครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ที่ จ. หนองบัวลำภู ผ่านบัญชีธนาคารนั้น

โดยพบมีผู้โพสต์ทางโซเชียลมีเดีย จำนวน 13 เพจ ได้โพสต์หมายเลขบัญชีรับโอนร่วมทำบุญ เข้าข่ายต้องสงสัย 2 เพจ ถึงแม้แอดมินเพจได้มีการลบโพสต์ออกไปแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว ซึ่งหากพบมีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและทันท่วงทีต่อไป จึงขอเน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนตระหนักและตรวจสอบรายละเอียดก่อนที่จะโอนเงินบริจาค เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี ซึ่งการโพสต์ดังกล่าวหากตรวจสอบพบการหลอกลวงประชาชนแล้ว มีลักษณะเข้าข่ายนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 14 (1) มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook /YouTube /IG และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ เตือนบุคคลมีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ โฆษณาเว็บพนันออนไลน์มีโทษหนัก ที่ผ่านมามีผู้กระทำผิดซ้ำถูกศาลสั่งจำคุก 10 เดือน ไม่รอลงอาญา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ในปัจจุบันเว็บไซต์การพนันออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ และแฝงมาในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะแฝงมากับเว็บไซต์ภาพยนตร์เถื่อนผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ เว็บไซต์ลามกอนาจาร หรือมาจากข้อความสั้น(SMS) หรือจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) รวมไปถึงการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ประกาศโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line, Facebook, Instagram, TikTok เป็นต้น มีการโฆษณามีโปรโมชันเล่นเสียคืนเงิน หรือให้เครดิตจูงใจเพื่อให้มีคนเข้าไปเล่นการพนัน ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมกวาดล้างปราบปรามการลักลอบเปิดเว็บไซต์ออนไลน์ มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องหลายราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินคดีกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งได้ประกาศโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าเล่นการพนันออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ล่าสุดมีการจับกุมตัวผู้ต้องหา 4 ราย และที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในภาพรวมกว่า 10 ราย

การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  มาตรา 4 ทวิ, 12 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นการพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ที่ยังมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอยู่ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นความผิดไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ไม่มีละเว้นอย่างเด็ดขาด และผู้นั้นอาจจะถูกยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อีกด้วย นอกจากนี้แล้วการโฆษณาต่างๆ ยังทำให้ผู้ที่หลงเชื่อเข้าเล่นการพนันอาจจะถูกกลโกงของมิจฉาชีพหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือเสี่ยงถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางทุจริต ซึ่งปรากฎเป็นข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 บช.สอท. ได้จับกุมผู้ต้องหาประกาศขายฐานข้อมูลส่วนบุคคลจากเว็บไซต์พนันออนไลน์กว่า 2 ล้านรายชื่อ เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากผู้นั้นเคยกระทำผิดมาแล้ว และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลย โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ก่อน แต่ผู้นั้นได้มากระทำความผิดในคดีนี้ซ้ำอีกภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด โทษจำคุกที่รอการลงโทษจะถูกนำมาบวกเข้ากับโทษในดังกล่าวด้วย ซึ่งปรากฎเป็นอุทาหรณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ผู้ต้องหารายหนึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกกว่า 10 เดือน ไม่รอลงอาญาแต่อย่างใด

ตำรวจไซเบอร์เฝ้าระวังตรวจสอบ การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ชักจูงส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้กระทำผิด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเด็กหรือเยาวชนซึ่งมีอาการมึนเมาคล้ายเสพสารเสพติดภายในงานเลี้ยงสังสรรค์แห่งหนึ่ง โดยมีผู้ใหญ่จำนวนมากอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายว่าเหตุใดผู้ใหญ่จึงปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนตกอยู่ในสภาพดังกล่าวนั้น ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัด เฝ้าระวัง และตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว หากพบการกระทำผิดให้เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุม พิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ซึ่งมีอัตราโทษสูงแล้ว ผู้ปกครองยังอาจจะมีความผิดฐาน บังคับขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ม.26 (3), 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกส่วนหนึ่งด้วย ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบุตรหลาน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง พร้อมกับตรวจสอบดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ควรใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ และมีประโยชน์ต่อสังคม

'รัฐฟลอริดา' ชงกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 14 ใช้โซเชียลมีเดีย ป้องเหล่านักล่าทางความคิด โผล่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ

(26 มี.ค.67) รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เห็นชอบร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และบังคับเยาวชนอายุ 14 ถึง 15 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ถึงสามารถเข้าใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ได้

โดยร่างกฎหมายใหม่นี้ที่มีชื่อว่า House Bill 3 บังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายลบทิ้งบัญชีของบรรดาเด็กๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอนุญาตให้พวกผู้ปกครองร้องขอระงับบัญชีของบุตรหลานด้วย

"สื่อสังคมออนไลน์ก่ออันตรายแก่เด็ก ๆ ในหลายทาง" เดอซานติสระบุในถ้อยแถลง "House Bill 3 จะมอบอำนาจแก่ผู้ปกครองมากยิ่งขึ้นในการปกป้องเด็ก ๆ ของพวกเขา ขอบคุณประธานสภาฟลอริดา สำหรับขับเคลื่อนกฎหมายประวัติศาสตร์นี้"

เพื่อตรวจสอบอายุของผู้ใช้ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 ยังบังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย ไม่เปิดเผยและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

"อินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นตรอกซอยมืด ๆ สำหรับเด็ก ๆ ที่มีพวกนักล่าคอยล็อกเป้าเล่นงานพวกเขา และสื่อสังคมออนไลน์ที่อันตรายจะนำไปสู่อัตราโรคซึมเศร้า ทำร้ายตนเองและแม้กระทั่งฆ่าตัวตายในระดับสูง" เรนเนอร์ จากรีพับลิกันระบุในถ้อยแถลง

กฎหมายนี้ถือว่าลดระดับความเข้มข้นเล็กน้อยจากร่างกฎหมายที่เสนอก่อนหน้านี้ ซึ่งจะห้ามเยาวชนตั้งแต่อายุต่ำกว่า 16 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทว่ามันถูกคัดค้านจาก เดอซานติส

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะถูกยื่นคัดค้านทางกฎหมาย แบบเดียวกับที่รัฐอื่นๆ ต้องเผชิญ หลังจากรัฐเหล่านั้นผ่านความเห็นชอบกฎระเบียบต่าง ๆ ที่กำหนดกับสื่อสังคมออนไลน์

ยกตัวอย่างเช่นในรัฐอาร์คันซอ ซึ่งผู้พิพากษารายหนึ่งได้ระงับใช้กฎหมายฉบับหนึ่งที่กำหนดให้เด็ก ๆ ต้องได้รับความยินยอมจากพวกผู้ปกครองเสียก่อนถึงจะสามารถสร้างโปรไฟล์ใหม่บนสื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม แสดงจุดยืนคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อกฎหมายของฟลอริดา

"ณ เวลานี้ ด้วยสิ่งต่าง ๆ กับสื่อสังคมออนไลน์ คุณสามารถเจอกับกรณีคุณมีลูก ๆ อยู่ในบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับปลอดภัย แต่จากนั้นพวกนักล่าก็สามารถโผล่เข้ามาได้โดยตรง เข้ามาภายในบ้านของคุณ"

‘เซาท์ออสเตรเลีย’ จ่อห้ามเด็กต่ำกว่า 14 ปี เล่นโซเชียลมีเดีย หลังพบผลกระทบในด้าน ‘สุขภาพจิต-พัฒนาการ’ ของเด็ก

(13 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปีเตอร์ มาลินอสคัส ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลียของออสเตรเลีย เปิดเผยแผนการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการแต่งตั้งโรเบิร์ต เฟรนช์ อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงแห่งออสเตรเลีย ดำเนินการตรวจสอบข้อปฏิบัติทางกฏหมายของการบังคับใช้คำสั่งห้ามลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งแรกของออสเตรเลีย

เมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ค.) ปีเตอร์ มาลินอสคัส กล่าวว่า รัฐบาลรัฐเซาธ์ออสเตรเลียออกข้อเสนอที่ว่าประชาชนในรัฐที่มีอายุต่ำว่า 14 ปี จะถูกห้ามใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ส่วนผู้มีอายุ 14-15 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ผู้ปกครองหากต้องการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์

โดยอธิบายว่า มีผลการตรวจสอบและหลักฐานผลกระทบมากมายที่บ่งชี้ว่าสื่อสังคมออนไลน์เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตและพัฒนาการของเด็ก โดยมีการใช้แอดดิคทีฟ อัลกอริทึม (addictive algorithm) มาดึงดูดเด็กวัยรุ่นในวิถีทางที่จิตใจอันกำลังพัฒนาของพวกเขามิอาจรับมือได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ตกอยู่ในอันตราย จึงไม่ควรเสียเวลาเปล่าอีกต่อไป” ปีเตอร์ มาลินอสคัส กล่าว พร้อมเสริมว่า กฎเกณฑ์และข้อบังคับของคำสั่งห้ามนี้อาจมีลักษณะเหมือนกับคำสั่งห้ามชาวออสเตรเลียที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าถึงการพนันออนไลน์

ทั้งนี้ ข้อมูลจากอีเซฟตี คอมมิชชันเนอร์ (eSafety Commissioner) ของรัฐบาลกลางออสเตรเลียในปี 2021 ระบุว่าวัยรุ่นออสเตรเลียใช้เวลาบนโลกออนไลน์เฉลี่ย 14.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และใช้บริการสื่อสังคมออนไลน์เฉลี่ย 4 แพลตฟอร์ม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top