Sunday, 19 May 2024
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล

'โพล' ชี้!! นโยบาย 'ภูมิใจไทย' โดนใจคนกรุงเทพฯ ยก 'บี-พุทธิพงษ์' มีผลงาน ไร้ประวัติด่างพร้อย

(28 ม.ค.66) ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ ประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวน 2,078 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25-27 ม.ค. เรื่อง 'ใจคน กทม. กับ นโยบาย ภูมิใจไทย' เมื่อถามประชาชนคนกรุงเทพมหานคร ต่อ นโยบายภูมิใจไทย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.6 ชอบนโยบาย เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ศูนย์เครื่องฟอกไต ผู้สูงอายุ ฉีดวัคซีนฟรีถึงบ้าน 

รองลงมาคือ ร้อยละ 94.0 ชอบนโยบายรักษามะเร็งฟรี ร้อยละ 93.0 ชอบ นโยบาย วัคซีน ป้องกัน ปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ โควิดฟรีฉีดถึงบ้าน ร้อยละ 92.9 ชอบ นโยบาย ลดรายจ่าย รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาทตลอดวันไม่เกิน 50 บาท ร้อยละ 92.8 ชอบ นโยบาย ลดค่าไฟ ติดโซล่าร์ ลูฟฟรี ทุกครัวเรือน ร้อยละ 92.2 ชอบ นโยบาย ฟอกไตฟรี ร้อยละ 91.8 ชอบนโยบายเครื่องกรองน้ำฟรีทุกชุมชน ร้อยละ 91.7 ชอบ นโยบายลดรายจ่าย พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย ลดภาษี 

ขณะที่ร้อยละ 91.6 ชอบ นโยบาย เพิ่มรายได้คนกรุงเทพ เปิดพื้นที่การค้าขาย กระจายรายได้เพิ่มกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวได้ 24 ชั่วโมง ร้อยละ 90.4 ชอบนโยบาย เพิ่มรายได้คนกรุงเทพ พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนทั่วไปมีสิทธิก่อน ส่งเสริมการออมประกันเงินฝาก เพิ่มความมั่นคงในการออม ร้อยละ 90.2 ชอบ นโยบาย ลดรายจ่าย รถไฟฟ้า เริ่มต้น 15 บาท ตลอดสาย ไม่เกิน 40 บาท และร้อยละ 88.3 ชอบนโยบาย มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สำหรับวินรับจ้าง คันละ 6,000 บาท ตามลำดับ

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนกรุงเทพมหานคร ต่อ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้แถลงข่าวนำเสนอนโยบายพรรคภูมิใจไทยให้คนกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.7 เชื่อมั่นเพราะ เคยเป็น ส.ส. กทม. รองผู้ว่าฯ กทม. มีผลงานช่วงเป็นรัฐมนตรี ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ไม่มีประวัติด่างพร้อย เป็นแกนนำต่อสู้คนโกง เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ควบรวมกิจการสื่อสารโทรคมนาคม ในขณะที่ ร้อยละ 43.3 ไม่เชื่อมั่น

ส่วนผลการประมาณการคะแนนผลการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่าพรรคภูมิใจไทยมีความเป็นไปได้จะได้คะแนนมากถึง 1,007,529 คะแนน โดยมีค่าต่ำสุดจำนวน 779,581 คะแนน และ ค่าสูงสุดจำนวน 1,235,477 คะแนน

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ประชาชนต้องการ” จุรินทร์ “ ถึง 84.6 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน 1,102 คน ระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค. เรื่อง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการคือ  84.6 เปอร์เซ็นต์ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง ส่วน 15.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุอย่างเดิมดีอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นพบว่า 81.5  เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายชวน หลีกภัย จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 62.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 84.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายจุรินทร์ รวมพลังกับ นายชวน และนายบัญญัติ จะช่วยพาพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอีกหลังการเลือกตั้ง ทั้งนี้ประชาชน 74.6  เปอร์เซ็นต์ ระบุพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นพรรคเก่าแก่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...

 

เมื่อถามถึงผลงานเด่นของนายจุรินทร์ 80.9 เปอร์เซ็นต์ ระบุ คือประกันรายได้เกษตรกร พืชเศรษฐกิจ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง 62.3 เปอร์เซ็นต์ คือส่งออกการค้าระหว่างประเทศ สร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน และ 61.5 เปอร์เซ็นต์ การค้าชายแดน

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้ คนส่วนใหญ่ ยังเชื่อใจ-รอคอย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ พร้อมหวังให้รัฐบาลเดินหน้านโยบายต่อ ไม่ต้องปรับปรุงอะไร

เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 67) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลการศึกษาเรื่อง ‘เงินดิจิทัลที่ประชาชนเชื่อมั่นและรอคอย’ จากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,120 ราย ระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่า ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยคือรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท มีความเชื่อมั่นร้อยละ 71.3 และ กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 15,000-35,000 บาทต่อเดือน มีความเชื่อมั่นร้อยละ 71.6 ในขณะที่ กลุ่มรายได้เกิน 35,000 บาทขึ้นไป มีความเชื่อมั่นร้อยละ 57.5 ว่าการแจกเงินดิจิทัล ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อแบ่งออกตามภูมิภาคของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่าในกลุ่มคนในภาคเหนือ มีความเชื่อมั่นสูงสุด คือร้อยละ 75.4 รองลงมา กลุ่มคนในภาคกลาง มีความเชื่อมั่นร้อยละ 74.2 กลุ่มคนในภาคอีสาน มีความเชื่อมั่นร้อยละ 73.6 กลุ่มคนกรุงเทพมหานคร มีความเชื่อมั่นร้อยละ 68.7 และกลุ่มคนในภาคใต้ มีความเชื่อมั่นร้อยละ 65.8 ตามลำดับ

ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มคนอายุน้อย คือต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 54.1 และกลุ่มคนอายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 47.2 ระบุ, กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 42.5 กลุ่มคนอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 31.7 และกลุ่มคนอายุ 50-59 ปี ร้อยละ 26.7 ที่ระบุ ควรเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไร เพราะรออยู่

นอกจากนี้ เมื่อแบ่งออกตามภูมิภาค พบว่ากลุ่มคนในภาคกลาง ร้อยละ 59.3 และกลุ่มคนในภาคใต้ ร้อยละ 43.9 ระบุ รออยู่ ควรเดินหน้าต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในขณะที่กลุ่มคนในภาคเหนือ ร้อยละ 36.8 และกลุ่มคนในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 32.6 ระบุ รออยู่ควรเดินหน้าต่อไม่ต้องปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top