Sunday, 16 June 2024
สสหื่น

'ศรีสุวรรณ' หอบหลักฐานร้อง 'ป.ป.ช.' สอบจริยธรรม 'สส.ก้าวไกล' หลังเหยื่อสาวแฉ!! มีพฤติกรรม ลามก-คุกคาม-ลวนลาม

(12 ต.ค.66) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมเอกสารพยานหลักฐานให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติการณ์แชตไลน์กับหญิงสาวซึ่งเป็นอาสาสมัครพรรคก้าวไกลในลักษณะลามกอนาจาร และอาจมีการข่มขู่คุกคามด้วยนั้น เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีโซเชียลมีเดีย และสื่อมวลชนได้รายงานสอดคล้องต้องกันว่ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดปราจีนบุรี ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ แชตหาทีมงานอาสาสมัครของพรรคสาว ซึ่งมีทั้งภาพและคำลามกมากมาย ซึ่งบทสนทนาส่อแววพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ทั้งยังมีการลวนลามอีกด้วย หลายกรรม หลายวาระ

ซึ่งกรณีดังกล่าว หญิงสาวซึ่งเป็นทีมงานอาสาสมัครของพรรคก้าวไกลคนดังกล่าว ได้อ้างว่าได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังพรรคก้าวไกลเพื่อให้ดำเนินการสอบสวน เอาผิด และหรือลงโทษ สส.รายดังกล่าวตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคมว่าทางพรรคก้าวไกลยังไม่มีการสรุปหรือดำเนินการลงโทษ สส.รายดังกล่าวแต่อย่างใด แต่กลับมีข้ออ้างสารพัด ซึ่งผิดวิสัยของพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่หาเสียงมาโดยตลอดว่าจะทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา

กรณีที่เกิดขึ้นแม้ ส.ส.คนดังกล่าวจะออกมาไลฟ์สดชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว ในทำนองถูกดิสเครดิตเพื่อหวังผลการทำงานตรวจสอบในเชิงพื้นที่นั้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน เพราะหลักฐานการแชตไลน์ที่ปรากฏนั้น หากเป็นเรื่องจริง ย่อมจะเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ในหลาย ๆ ข้อ อาทิ ข้อ 6 ข้อ 9 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 17 และข้อ 20 ประกอบ ข้อ 27 และยังเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขปี 2560 อีกด้วย

เหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนและเอาผิด สส.รายดังกล่าวตามครรลองของกฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อนักการเมืองรายอื่นๆ ต่อไป

อดีตคณะทำงานก้าวไกล แฉ!! ถูก สส.ฝั่งธนฯ ‘ลวนลาม-ขอมีเซ็กซ์’ นักข่าวโทรพิสูจน์ 6 สส. พบ ‘ปฏิเสธ-ไม่รับสาย-ตัดสาย-ติดต่อไม่ได้’

(20 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถึงกรณีมีผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตคณะทำงานของสส.พรรค ก.ก. ได้เข้าร้องเรียนกับทางสำนักข่าวเนชั่นทีวี ว่า ถูก สส.กทม. ฝั่งธนบุรี พรรค ก.ก. รายหนึ่ง คุกคามทางเพศ ด้วยพฤติการณ์ อาทิ ลวนลาม แตะเนื้อต้องตัว จนถึงขั้นขอมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้เสียหายอ้างว่า เมื่อ สส.คนดังกล่าวทราบเรื่องว่าถูกร้องเรียนให้พรรค ก.ก.ตรวจสอบ ได้โทรศัพท์ไปร้องไห้ขอความเห็นใจจากคณะกรรมการวินัยพรรค อ้างว่า เป็นเรื่องสมยอมกัน และขอให้ลงโทษสถานเบานั้น

เมื่อสำรวจ รายชื่อ สส.กทม. ฝั่งธนฯ พรรคก.ก. มีทั้งหมด 10 คน จาก 10 เขต เป็นชาย 6 คน และหญิง 4 คน

โดยผู้สื่อข่าว โทรศัพท์ไปสอบถาม สส.กทม.ชาย ฝั่งธนบุรี พรรคก้าวไกล เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ปรากฏว่า นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขตบางขุนเทียน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขตธนบุรี นายสิริน สงวนสิน เขตทวีวัฒนา ต่างปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน ว่า ไม่ใช่ผู้ถูกร้องเรียน และไม่ใช่สส.ฝั่งธนบุรี ที่มีพฤติกรรม ตามที่ร้องเรียนดังกล่าวแต่อย่างใด

ส่วนนายธัญธร ธนินวัฒนาธร เขตบางแค  ไม่รับสาย

นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขตบางพลัด -บางกอกน้อย ยังติดต่อไม่ได้ เนื่องจากไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

ขณะที่ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขตจอมทอง ผู้สื่อข่าวได้โทรหาหลายรอบ เมื่อนายไชยามวาน รับสาย และรู้ว่าเป็นสื่อมวลชนโทรหา เจ้าตัวได้วางสายทันที

‘เจ๊จุก คลองสาม’ แชร์ภาพป้าย ‘ไม่เอา สส.คุกคามทางเพศ’ กระทุ้ง ‘ก้าวไกล’ ใช้เวลาสอบนาน ประชาชนรอไม่ไหว

(27 ต.ค. 66) หลังจากนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการวินัย เปิดเผยความคืบหน้าของการสอบสวนกรณี สส.พรรคก้าวไกลฝั่งธนฯ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยคาดว่าจะรู้ผลสอบปม สส.คุกคามทางเพศภายในต.ค.นี้ และเตรียมเปิดเผยต่อสาธารณะ 

ต่อประเด็นนี้ในโลกโซเชียล ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทวิตเตอร์ เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ภาพป้ายข้อความที่ระบุว่า พี่น้อง ปชช.จอมทอง-ท่าข้าม ไม่เอาสส.คุกคามทางเพศ 

โดย เจ๊จุก คลองสาม ระบุว่า ประชาชนจะอยู่ด้วยความหวาดระแวงขนาดไหน ถ้ารู้ว่าผู้แทนของตัวเองมีนิสัย #คุกคามทางเพศ ทำไม #ก้าวไกล ใช้เวลาในการตรวจสอบนานจัง ชาวบ้านเขาทนไม่ไหว ต้องขึ้นป้ายไล่แล้วเนี่ย

'ปิยบุตร' เชื่อ!! เหตุ สส.บ้ากาม ส่งผลภายในพรรค 'ระส่ำ-แตกแยก' หวั่น!! จากนี้ไป 'ประชาชน' ไม่ไว้ใจร่วมทางพรรคในกิจกรรมต่างๆ

(2 พ.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) กล่าวถึงกรณี สส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศ

การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้

หากพรรคก้าวไกลต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงานให้ได้ตามที่โฆษณาไว้จริง

ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน สส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก)

แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก สส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน สส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง สส. ให้น้อยลงบ้าง สส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม สส.ต้องมาลงมติ

‘ปธ.วินัยก้าวไกล’ เปิดคำชี้แจง 2 สส.คุกคามทางเพศ  เผยกรณี ‘ปูอัด’ ไม่ยอมรับข้อหา แถมโต้ “คนอื่นก็ทำ”

กรณีพรรคก้าวไกล ได้มีการประชุมเครียดของคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรคก้าวไกล เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่อง ส.ส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยมีผู้ร่วมประชุมจำนวน 128 คน โดยนายวุฒิพงศ์ มติเสียงส่วนใหญ่ 120 เสียง ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วน นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่มีอยู่ คือ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยฯ ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวในรายการ ‘กรรมกรข่าวคุยนอกจอ’ ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า... 

สำหรับนายวุฒิพงศ์ มติของที่ประชุมร่วมให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ขั้นต่อไปพรรคจะแจ้งให้ทาง กกต.รับทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายสรยุทธ ถามว่า ทั้งคู่เข้าประชุมหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ทั้งคู่แสดงความประสงค์เข้าประชุม แต่เนื่องจากเป็นการพิจารณาเกี่ยวข้อง และวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา จึงไม่เปิดให้ทั้งคู่เข้าประชุม การลงคะแนนเมื่อวาน เป็นการลงคะแนนอย่างเปิดเผยยกมือ”

นายสรยุทธ ถามว่า มีการได้บันทึกไว้หรือไม่ ว่าใครเป็น 8 เสียง ที่เห็นว่ายังไม่ควรขับ นายวุฒิพงศ์ และอีก 22 เสียงที่ไม่ต้องขับ นายไชยามพวาน? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ที่จริงเราเห็นและรับทราบว่าเป็นท่านใด แต่มีการพูดกันออกไปว่าเป็น สส.ชายทั้งหมด หรือเป็น สส.หญิง ไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการลักษณะที่อุ้มกัน และก่อนการลงมติ ก็ได้ถามแล้วว่าจะลงมติแบบเปิดเผยหรือแบบลับ และผลออกมาเป็นการลงมติแบบเปิดเผย ซึ่งเราก็เคารพ และคงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านี้ว่าท่านใดลงมติแบบใด”

นายสรยุทธ ถามว่า ทาง สส.ฝั่งธนฯ มีความแตกต่างอย่างไร? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “มีความแตกต่างกันพอสมควร อย่างในกรณีของ สส.ปราจีนบุรี พยายานหลักฐานที่ได้มา โดยเฉพาะแชตไลน์ แต่สิ่งที่ขอขอบคุณคือ ความเด็ดเดี่ยวของผู้เสียหายที่ยอมส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้กับเรา ซึ่งเราพบว่ามีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญอีกหลายชิ้นที่เป็นเอกสารที่บ่งชี้ว่า พฤติการณ์ของ สส.ปราจีนบุรี มีลักษณะร้ายแรงจริง และไม่ใช้ประเด็นของการคุกคามทางเพศ แต่เป็นการใช้สถานะที่ตนเอง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ให้อำนาจเหนือต่อผู้เสียหายที่เป็นอาสาสมัครและทีมงานของพรรค...

“ส่วนกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ ไม่ใช่ว่า ไม่มีพยานบุคคล หรือพยานเอกสาร เพียงแต่ว่าในข้อต่อสู้ของเขา เขามองว่าสิ่งที่เขากระทำนั้น เป็นสิ่งที่ปฏิบัติต่อคนอื่นโดยทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ถกเถียงกันมากว่า การที่คุณแตะเนื้อต้องตัว การที่คุณสัมผัส และการที่คุณพยายามเข้าหาอาสาสมัคร และเพื่อนร่วมงานแบบนี้เป็นการคุกคามหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างกันจริง ๆ...

“และเป็นเรื่องใหญ่ที่ในอนาคตเราต้องทำความเข้าใจว่า แบบใดที่เรียกว่าการคุกคามทางเพศ แบบใดเรียกว่าการละเมิด หรือว่าสัมพันธ์แบบไหนที่ไม่อนุญาตและเปิดช่องให้คุณกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมุ้ง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะต้องลงมติแบบใด แต่เป็นเรื่องมุมมองต่อข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่อาจจะมีการตีความแตกต่างกัน”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี สู้ว่าสมยอมถูกหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ความสัมพันธ์เป็นลักษณะของการรู้จัก และมีสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ในเชิงเพศอย่างเดียว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เขาต่อสู้ ในขณะที่กรณีของฝั่งธนฯ ก็คล้าย ๆ กัน แต่เขามองว่า เขาปฏิบัติแบบนี้เป็นปกติ”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี พยายามใช้ตำแหน่ง อำนาจปกปิดความผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของการตีความ แต่หลังจากที่มีการร้องเรียน สส.ก็มีการติดต่อพูดคุยกับคนหลายคนว่าข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ทาง สส.มีการพูดคล้าย ๆ ว่า ทางพรรคจะออกมาปกป้องตัวเขา ซึ่งทางพรรคยืนยันข้อเท็จจริงว่าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่มีทางที่พรรคจะส่งทนายความไปปกป้องตามที่เขากล่าวอ้างกับบุคคลอื่น

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ โต้แย้งว่ากรณีนี้เป็นปกติ? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เวลาลงพื้นที่มีประชาชนเข้ามาทักทาย ก็จะมีการโอบกอด แตะเนื้อต้องตัว มีประชาชนมาจูบ ซึ่งเรื่องต้องแยกกัน ต้องดูสถานะ ดูบริบท ดูกาลเวลา และความเหมาะสมด้วย”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ มีความผิดแตกต่างกับ สส.ปราจีนอย่างไร เพราะตอนนี้ความผิดดูไม่ชัด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ไม่ใช่พฤติกรรมที่ปรากฎต่อสาธารณะ และเป็นลักษณะเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ที่ผู้เสียหาย ที่เป็นทีมงานอึดอัดและรับไม่ได้กับการกระทำ”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ ไม่ได้ยอมรับผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพูดคุยทำความเข้าใจ ในกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ เขายอมรับข้อเท็จจริง แต่เขาไม่ยอมรับเรื่องของการตีความ ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการคุกคามหรือไม่ หลายครั้งเขาบอกว่า คนอื่นก็ทำนะ แสดงว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นก็โดนกันหมด ซึ่งเราก็ยืนยันว่าไม่ใช่ คนอื่นไม่ได้ทำแบบนี้ แล้วจะมาบอกไม่ได้รับการอบรมก็คงฟังไม่ขึ้น เพราะว่าพรรคย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอด...

“ทั้งนี้ ในอนาคต คิดว่าเราต้องเพิ่มกระบวนการจริง ๆ ในการทำความเข้าใจให้มันลึกซึ้งกว่านี้ว่า เรื่องของเพศ บางครั้งไม่ได้วัดจากเรา แต่บางครั้งต้องวัดจากตัวผู้เสียหายว่า เขาอึดอัด ไม่โอเค ไม่ยอมรับ ไม่ได้ยินยอม กับสิ่งที่เราใช้เงื่อนไขกระทำกับตัวเขา…

“โดยเขาพยายามสื่อสารว่า สิ่งที่ปรากฎต่อสาธารณะที่ถ่ายรูปโอบกอด การจับศีรษะด้วยความเอ็นดู เป็นสิ่งที่คนอื่นทำกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่กรณีของแฟนคลับหรือคนติดตาม แต่มีเงื่อนไขของผู้เสียหายที่มีสถานะไม่เท่าเทียมกันด้วย ซึ่งจะเรียกว่ายินยอมเต็มใจในทุกกรณีไม่ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังมติพรรคเป็นไปในทิศทางดังกล่าว นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ สส.อีกหลายคนของพรรค ต่างโพสต์สถานะลงเฟซบุ๊กเป็นสีดำ กันโดยพร้อมเพรียง

มติพรรคขับ ‘2 สส.ก้าวไกล’ 2 มาตรฐาน การเมืองคอนเนกชัน ที่ดูท่าจะมีอยู่จริง

ต้องยอมรับว่าปมร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกลอย่างหนัก อย่างรณี การล่วงละเมิดทางเพศ หรือ บ้างจะเรียกว่าคุกคามทางเพศ ดูจะเป็นไฟที่ยากจะมอดลงได้ยาก แม้ที่ประชุมพรรคก้าวไกล จะมีมติลงโทษ สส.ทั้ง 2 คน โดย มติ 120 เสียง ให้ ‘สส.แจ้’ วุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรคก้าวไกล แต่กลับกัน ‘สส.ปูอัด’ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต สส.กทม. กลับมีสมาชิก 106 เสียงที่มีมติเห็นควรให้ขับออก ซึ่งเท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 หรือ 116 เสียง จึงทำให้ ไม่สามารถขับ ‘ปูอัด’ ออกจากพรรคได้ 

กระแส 2 มาตรฐานในสังคม รวมถึงภายในพรรคก้าวไกล จึงเกิดเป็นไฟลามทุ่งให้นักวิชาการ รวมถึงประชาชนให้ความสนใจต่อมาตรฐานดังกล่าวนี้

แน่นอนว่า เมื่อวาน ปฏิกิริยาจาก ‘สส.แจ้’ หลังที่ประชุมมีมติขับออกจากพรรค ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับต่อมติขับออกจากพรรค แต่ดูเหมือนจะมีถ้อยคำให้สังคมต้องเก็บไปคิดอย่าง ‘ไม่มีเพื่อนทางการเมือง’ จึงทำให้เสียงหายไปและถูกขับออกจากพรรคในที่สุด โดยระบุว่า...

“ผมเป็น สส.ภูธรทำงานในพื้นที่หนัก และทำงานในเชิงมลพิษ และค้านเรื่องเหมือง มีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ ไม่มีเพื่อนในทางการเมือง ทำให้เสียงหายไป และเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง”

ถึงตอนนี้ ก็ดูเหมือนชะตากรรมของ ‘สส.แจ้’ ก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยเช่นไรต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ยอมรับว่า การไม่มีคอนเนกชันเรื่องพรรคการเมืองเลยนั้น ทำให้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปพรรคไหนหรือไปต่อในเส้นทางการเมืองอย่างไรต่อไป

สถานการณ์นี้ต่างกับ ‘สส.ปูอัด’ ที่ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 พ.ย.66 เจ้าตัวนอกจากจะยังไม่ถูกขับออกจากพรรคแล้ว ยังออกมาแถลงโต้ถึงหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าพฤติการณ์ที่ถูกโจมตี ไม่เข้าข่าย ‘ละเมิด-คุกคาม’ ทางเพศ พร้อมทั้งยังไม่มีการประกาศลาออกจากพรรคแต่อย่างใด ตามกระแสของกลุ่มคนในพรรคก้าวไกลที่แห่กันออกมากดดัน

ว่ากันว่า ‘ปูอัด’ ถูกตั้งคำถามว่า มี ‘แบ็กดี’ โดยเฉพาะกับปูมหลังที่มีการร่วมทำงานด้วยกันมานานในกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รวมถึงเคยอยู่กลุ่มนิวเดม ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ กับ ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ส่งผลให้ผลการลงมติที่ยังทำให้ ‘ปูอัด’ รอดจากการถูกขับออกจากพรรคหรือไม่? ซึ่ง ‘ไอติม’ เองก็ถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่า ‘เพราะเป็นพวกพ้องของไอติม จึงรอดพ้นการถูกอัปเปหิออกจากพรรคหรือเปล่า’ 

แน่นอนว่า แม้ ‘ไอติม’ จะออกมาบอกว่า ตนเองไม่ได้ปกป้องปูอัด แถมยังประกาศกร้าวว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่โหวตขับ ‘ปูอัด’ ให้พ้นพรรค พร้อมทั้งโพสต์จุดยืนและการทำงานของตน ว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่รู้จัก หรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อดคิดไม่ได้ที่จะต้องกลับมาทบทวนคำพูดของอดีต สส.ก้าวไกล ที่ลี้ภัยไปก่อนหน้าหลายๆ คน รวมถึงอดีตคนอนาคตใหม่บางคนด้วยว่า … พรรคที่มักชูเรื่องความเทียมทางสังคมพรรคนี้ ท่าจะมี ‘มุ้ง’ หรือ ‘ก๊ก’ จริงๆ เสียแล้ว… 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top