รัสเซียและยูเครนได้ข้อตกลงเพิ่มเติมหลังร่วมเจรจารอบ 2 เห็นพ้องต้องจัดตั้ง “ฉนวนมนุษยธรรม” และอาจมีการหยุดยิงเพื่อเปิดทางให้ประชาชนอพยพได้
วันนี้ 4 มี.ค. 65 รัสเซียและยูเครน แถลงหลังการเจรจาสันติภาพรอบสองในวันพฤหัสบดีว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นในการจัดตั้ง “ฉนวนมนุษยธรรม” ขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าจะหยุดยิงเพื่อเปิดทางให้พลเรือนหลบหนี ซึ่งถือเป็นสัญญาณความคืบหน้าครั้งแรกในการแก้ปัญหาตั้งแต่รัสเซียยกกำลังบุกยูเครน
อย่างไรก็ตาม แม้ วลาดิเมียร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียจะระบุว่า การเจรจามี “ความคืบหน้าสำคัญ” แต่กองกำลังรัสเซียก็ยังคงเดินหน้าปิดล้อมและโจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครนเป็นสัปดาห์ที่ 2 สมาชิกคณะผู้แทนเจรจารายหนึ่งของยูเครนระบุว่า การเจรจายังไม่บรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ เช่น การหยุดยิงโดยทันทีและการพักรบ แต่ทั้งสองฝั่งรับทราบตรงกันถึงการอพยพประชาชน
มีไคโล โพโดลีแอค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวหลังการเจรจาครั้งนี้ว่า พวกเขาเห็นว่าอาจมีการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้ประชาชนอพยพได้ รวมถึงเพื่อเปิดเส้นทางขนส่งเพื่อมนุษยธรรมด้วย
พร้อมระบุว่า การหยุดยิงชั่วคราวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกที่ และอาจเกิดขึ้นเพียงในพื้นที่ที่จะมีการเปิดเส้นทางดังกล่าวเท่านั้น และจะหยุดแค่ช่วงเวลาที่เปิดให้มีการอพยพประชาชน
วิกฤตด้านมนุษยธรรมเลวร้ายลง โดยสหประชาชาติ หรือยูเอ็น บอกว่า มีประชาชน 1 ล้านคนทิ้งบ้านเรือนหลบหนีในขณะนี้ ส่วนใหญ่เข้าไปขอลี้ภัยในโปแลนด์และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทางตะวันตกของประเทศ ส่วนคนที่ยังอยู่ในหลายเมืองของยูเครน ต้องเผชิญกับการโจมตีทั้งจากปืนใหญ่และจรวด ซึ่งมักเป็นพื้นที่เขตที่พักอาศัย เช่นเมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนที่มีประชาชน 1.5 ล้านคน ก็ถูกโจมตีอย่างหนักเหลือแต่ซาก
สำนักข่าว Belta ของทางการเบลารุส ยังรายงานคำกล่าวของ โพโดลีแอค ที่ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายรับทราบตรงกันถึงการจัดส่งยาและอาหารไปยังบริเวณที่มีการสู้รบรุนแรง โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซียยังคงเน้นย้ำว่า ข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนใดๆ ก็ตาม จะต้องกำหนดให้ยูเครน “ปลอดทหาร” โดยรัสเซียยังส่งสัญญาณว่า ต้องการให้ยูเครนรับ “สถานะเป็นกลาง” และตกลงที่จะยุติความพยายามเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต