Sunday, 15 June 2025
สงครามข่าวสาร

ส่องความพ่ายแพ้ราบคาบของ 'รัสเซีย' ในสงครามข่าวสาร ใต้ 'เสรีภาพ-ความเป็นกลางของสื่อ' ที่ไม่มีอยู่ในโลก

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า... 

สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ยังยืดเยื้อ ไม่จบลงง่ายๆ ซึ่งความจริงประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky แห่งยูเครน มีทางเลือกที่จะยุติสงครามได้ง่ายๆ หยุดการสูญเสีย หยุดความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เขาเลือกที่จะให้สงครามดำเนินต่อไป ภายใต้การสนับสนุนทุกทางจากสหรัฐอเมริกา และชาติอื่นๆ ใน NATO ขาดอยู่อย่างเดียวคือ ยังไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครนเท่านั้น

สงครามครั้งนี้ทำให้เห็นสัจธรรมข้อหนึ่งคือ... 

“เสรีภาพของสื่อ และความเป็นกลางของสื่อ ไม่มีในโลก”

สำนักข่าวที่รายงานข่าวที่ทำให้ รัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ไม่ดูเป็นผู้ร้าย ล้วนถูกแบนออกจาก Platforms ต่างๆ ที่เป็นของสหรัฐอเมริกา ทั้ง Facebook และ YouTube คลิปต่างๆ ที่เป็นการวิเคราะห์วิจารณ์สงครามครั้งนี้ หากเป็นคลิปที่เห็นอกเห็นใจรัสเซีย ก็จะถูกลบออกไปเป็นส่วนใหญ่

การทำสงครามข่าวสาร และสงครามจิตวิทยา ดูเหมือนว่าฝ่ายยูเครนจะชนะรัสเซีย อาจเป็นเพราะประธานาธิบดี Zelensky ถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว และฝ่าย Zelensky มีสำนักข่าวยักษ์ใหญ่จากตะวันตกสนับสนุน แต่บางครั้งฝ่ายตะวันตกก็เสียหน้าเมื่อนำข่าวที่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นจริง หรือกระทั่งตั้งใจนำข่าวที่ไม่เป็นจริงมานำเสนอ

กรณีที่น่าสนใจมากคือกรณี Snake Island ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งของยูเครน อยู่ในทะเลดำ 

เรื่องมีอยู่ว่า BBC และ CNN และยังมีสำนักข่าวฝ่ายตะวันตกอื่นๆ รายงานว่า ที่ Snake Island นี้ มีทหารยูเครนอยู่ 13 นายในข่าวได้เปิดคลิปเสียงที่เป็นประกาศจากเรือรบของรัสเซีย ให้ทหารทั้ง 13 นายวางอาวุธ มิฉะนั้นเรือรบจะเริ่มโจมตี 

บทเหยื่อปลอมบนชายแดน : เกมเดิมของฮุน เซน กับการปะทะ 10 นาทีเพื่อเช็คเคลมดินแดน

ในโลกของความขัดแย้งระหว่างรัฐ การยิงปะทะกันเพียงไม่กี่นาทีก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของอธิปไตยได้ — โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดในพื้นที่ที่ยังไม่มีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน และยิ่งอันตรายมากขึ้น หากฝ่ายหนึ่งพยายามเปลี่ยน 'กระสุน' ให้กลายเป็น 'เครื่องมือทางกฎหมาย' บนเวทีโลก

เหตุปะทะที่ 'ช่องบก' จ.อุบลราชธานี ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาในช่วงเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที ตั้งแต่เวลา 05.45 น. ถึง 05.55 น. แต่สิ่งที่ตามมาหลังเสียงปืนเงียบลงกลับไม่เงียบตามไปด้วย เพราะทันทีที่เกิดเหตุการณ์ กองทัพบกไทยชี้แจงชัดเจนว่า เหตุปะทะเริ่มจากการที่ทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในเขต 'พื้นที่ทับซ้อน' ซึ่งยังไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศว่าฝ่ายใดเป็นเจ้าของที่แน่ชัด ฝ่ายไทยจึงส่งชุดประสานงานเข้าไปเจรจาตามแนวปฏิบัติปกติ แต่กลับถูกเข้าใจผิดและถูกยิงใส่ก่อน ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง ก่อนที่ผู้บัญชาการทั้งสองฝ่ายจะโทรศัพท์และตกลงหยุดยิงในเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที

ในชั่วโมงแรก ฝ่ายไทยและกัมพูชาต่างแถลงตรงกันว่า “ไม่มีผู้เสียชีวิต” ท่าทีดูเหมือนจะคลี่คลาย แต่ในเวลาไม่นาน ฝ่ายกัมพูชากลับคำ และระบุว่ามีทหารของตนเสียชีวิต 1 นาย และในเวลาต่อมา สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ก็ออกแถลงการณ์ประณามไทย พร้อมทั้งเปรียบเหตุการณ์นี้กับการรุกรานในช่วงปี 2008–2011 ซึ่งเคยนำไปสู่การฟ้องร้องในศาลโลกกรณีวัดพระวิหาร โดยกล่าวชัดว่าจะใช้ “ทหาร การทูต และกฎหมาย” ในการต่อสู้เพื่ออธิปไตย

ถ้าอ่านให้ลึก นี่ไม่ใช่เพียงแค่แถลงการณ์ตามพิธีการ แต่เป็น 'หมากชุดใหม่' ที่มีเป้าหมายชัดเจนมากกว่าแค่สร้างกระแสในประเทศ ฮุน เซนกำลังพยายาม 'เช็คเคลม' พื้นที่ทับซ้อนบริเวณช่องบก ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์มายาวนาน แต่ยังไม่มีข้อยุติทางการทูตและยังไม่ได้ตีเส้นแบ่งบนแผนที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งในทางระหว่างประเทศนั้น การ “ครอบครองที่ดินโดยพฤติกรรม” เช่น การส่งทหาร การตั้งฐาน หรือแม้แต่การมี “เหตุปะทะที่ฝ่ายตนถูกกระทำ” ล้วนสามารถถูกใช้เป็น “พฤติการณ์ประกอบ” ในการอ้างสิทธิ์ในชั้นศาลได้

นี่คือเหตุผลว่าทำไมกัมพูชาจึงต้องกลับคำมาอ้างว่ามีผู้เสียชีวิต และทำไมฮุน เซนจึงต้องรีบโยงเรื่องนี้กลับไปยังคำวินิจฉัยของศาลโลกในอดีต เพราะในสายตาของเขา การปะทะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของความเข้าใจผิดชั่วคราว แต่คือการ 'สร้างพยานหลักฐาน' เพื่อใช้ในกระบวนการพิพาทเขตแดนในระดับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจุดปะทะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีการปักปันเขตแดนถาวร

แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่ประเทศไทยต้องตระหนักก็คือ ไม่ว่าใครจะเล่นเกมอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ 'การรู้ทัน' และ 'การบันทึกข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบ' เพราะเราไม่สามารถห้ามฝ่ายตรงข้ามจากการกล่าวหาได้ แต่เราสามารถป้องกันผลลัพธ์ของคำกล่าวหานั้นได้ หากเรามีข้อมูลที่ชัดเจนและหลักฐานที่เพียงพอ

เหตุปะทะครั้งนี้อาจกินเวลาแค่ 10 นาที แต่สำหรับเวทีศาลโลก มันอาจถูกขยายความให้ยาวเป็นปี สิ่งที่ไทยต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การโต้แย้งด้วยถ้อยคำ แต่คือการรวบรวมทุกวินาทีของความจริง ตั้งแต่การเคลื่อนกำลัง จุดปะทะ รูปแบบการตอบโต้ ไปจนถึงการเจรจาหลังเหตุการณ์ เพื่อให้โลกเห็นว่า ไทยไม่ได้รุกราน ไม่ได้เริ่มก่อน และไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้ขยายตัว

เรารู้ว่าเราทำอะไร ที่ไหน และทำเพื่ออะไร นี่ไม่ใช่การหลบหลีกความรับผิดชอบ แต่คือการยืนยันในความสุจริตของการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของความสงบ และการรู้ทันเกมเดิมที่อีกฝ่ายพยายามเล่นซ้ำ — เพียงเปลี่ยนเวทีจากพระวิหาร มาเป็นช่องบกเท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top