Saturday, 18 May 2024
สกลธี_ภัททิยกุล

"สกลธี" รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่! ช่วย "กลุ่มเปราะบาง" อย่างเร่งด่วน!!

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. "นายสกลธี ภัททิยกุล" รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนวัดมะกอกกลางสวน แขวงพญาไท เขตพญาไท เนื่องด้วยในสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะต้องประกอบอาชีพหารายได้จึงไม่มีเวลาดูและสุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะประชาชน "กลุ่มเปราะบาง" ในสังคมไทยคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเหลื่อมล้ำหรือช่องว่างทางสังคมยังคงมีให้เห็น เพราะประชาชน "กลุ่มเปราะบาง" เหล่านี้มีความลำบากมากกว่าบุคคลอื่น ๆ เช่น คนพิการ ครอบครัวคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือครอบครัวยากจนที่มีความยากลำบากที่จะมีรายได้มาดูแลตนเองและครอบครัวในช่วงวิกฤตโรคระบาดนี้

ด้วยเหตุผลดังกล่าว "นายสกลธี ภัททิยกุล" รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย สำนักงานเขตพญาไท กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพขีวิตคนพิการ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน บูรณาการความร่วมมือลงพื้นที่เชิงลึกเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน คนพิการ ครอบครัวคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง และกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ เพื่อลดช่องว่างสิทธิด้านต่าง ๆ ของประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างบูรณาการ

โดยมอบ "ถุงยังชีพ" เพื่อเป็นการบรรเทาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือน รวมถึงการสอบถามปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการอื่น ๆ ของคนในชุมชน อาทิเช่น การรักษาพยาบาล การรับบริการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 และให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับสิทธิด้านต่าง ๆ ของคนพิการและผู้ป่วยติดเตียงให้มีโอกาสเข้าถึงสิทธิได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

'สกลธี' ลาออกจากตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ กทม. มีผลทันที แง้ม!! ขอเอี่ยวสู้ศึก 'ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.' ในนามอิสระ

7 มี.ค. 65 นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เกือบ 4 ปีแล้วครับ ที่ผมได้มีโอกาสเข้ามาบริหารราชการในฐานะรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร… วันเวลาผ่านไปเร็วมากๆ คงจะเหมือนที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ… เพราะสำหรับผมมันไม่เหมือนการมาทำงาน แต่มันเป็นความสุขทุกวันที่ได้มาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้แก้ไขปัญหา และพัฒนางานด้านต่างๆ ในภารกิจที่ผมได้รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ไขเรื่องร้องเรียนและเดือดร้อนของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครที่ได้กรุณาแจ้งมา ซึ่งผมและเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง

ในโอกาสนี้ ผมต้องขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีและท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ให้โอกาสผมในการทำงานซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากสำหรับผม รวมถึงขอขอบคุณบุคลากรของกรุงเทพมหานครทุกคนที่ได้ร่วมกันทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างเต็มความสามารถ…ทุกคนตั้งใจทุ่มเทจริงๆ ครับ หลายปีที่ผ่านมา มีหลายสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครของเราครับ แต่อย่างไรก็ตามผมเห็นว่ายังมีอีกหลายด้านที่สามารถทำให้ “ดีกว่านี้ได้” ทั้งในด้านกายภาพและคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพมหานคร

‘ไพศาล’ ฟันฉับ! พปชร. หนุน ‘สกลธี’ ลงสู้ศึกเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. เต็มร้อย

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า พปชร. สนับสนุนคุณสกลธี ในการสมัครผู้ว่ากทม. เต็มร้อย อัศวินขาลอย

สกลธี นี่แหละลูกเลิฟตัวจริงของลุงป้อม เป็นบุตรชายของพลเอกวินัย อดีตเลขาธิการสมช. ทีมงานความมั่นคงคู่ใจของลุงจิ๋ว ซึ่งคุณโทนี่พยายามจะปลดจากตำแหน่งถึง 3 ครั้ง แต่ได้ลุงจิ๋วขวางไว้ จึงดำรงตำแหน่งได้ตลอดรอดฝั่ง และ พลเอกวินัยก็คือ ผู้เป็นกาวใจ ระหว่างลุงป้อมกับบิ๊กบัง และทำให้บิ๊กบังใส่ชื่อ ทั้งลุงป้อม และ ท่านพัชรวาทเป็นสนช.

นับถอยหลัง เลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ 22 พ.ค.65

หมายเลข 1 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล กับแนวคิด “เมืองที่คนเท่ากัน” พร้อมชนกับต้นตอของปัญหา และจะทำให้ปัญหาของทุนคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม นโยบายหาเสียง ได้แก่

1. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 60 เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มสวัสดิการเลี้ยงดูเด็กเป็น 1,200 บาทต่อเดือน เพิ่มเบี้ยคนพิการเป็น 1,200 บาทต่อเดือน 

2. ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ให้บริการวัคซีนฟรี เช่น วัคซีนโรคปอดอักเสบ วัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก 

3. เพิ่มงบชุมชนปีละ 500,000-1,000,000 บาท ตามขนาดของชุมชน ตั้งงบประมาณ 200 ล้านบาทในการพัฒนากรุงเทพฯ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะนำไปพัฒนาด้านใดบ้าง

4. สร้างที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง 10,000 ยูนิต ภายใน 4 ปี ให้คนกรุงเทพฯ เช่าได้ระยะยาว 30 ปี 

5. จัดให้มีรถเมล์คุณภาพ ทำตั๋วคนเมืองที่จ่ายในราคา 70 บาท แต่สามารถใช้เป็นค่าโดยสารได้ 100 บาท ผลักดัน “ตั๋วร่วม” ขึ้นรถไฟฟ้าในราคา 15-45 บาทได้ตลอดสายแบบไร้รอยต่อ 

6. ขึ้นค่าเก็บขยะห้างใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10 เท่าของที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำไปปรับปรุงการเก็บขยะครัวเรือน ปรับปรุงจุดทิ้งขยะทั่วกรุงเทพฯ และแก้ไขกลิ่นเหม็นจากโรงงานขยะ

7. ลงทุนศูนย์ดูแลเด็กเล็กศูนย์ละ 5 ล้านบาท ยกระดับให้มีคุณภาพเทียบเท่าเอกชนจัดให้มีครูสำหรับเด็กพิเศษที่พัฒนาการช้า เพิ่มศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ยังขาดแคลนรวมถึงดูแลสวัสดิการครูและพี่เลี้ยงเด็กต้องมีสัญญาจ้างงานประจำ 

8. ด้านการศึกษา เสนอตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก เพิ่มการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำให้เป็นโรงเรียนปราศจากการรังแก (Bullying-Free School)

9. ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง เปลี่ยนงบประมาณอุโมงค์ยักษ์ปีละ 2,000 ล้านบาท เป็นงบปรับปรุงระบบระบายน้ำเพื่อให้ระบายได้เร็วขึ้น 

10. เปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ ออกข้อบัญญัติให้หน้าอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ทุกแห่งต้องมีพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ได้ และเปิดพื้นที่สาธารณะให้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับการชุมนุม

11. ทางเท้าดี เท่ากันทั้งกรุงเทพฯ ให้ประชาชนเป็นพยานตรวจรับงาน หากมีการขุดทางต้องคืนกลับมาในสภาพดีเหมือนเดิม ทางเท้าที่แคบกว่า 3.2 เมตร ห้ามตั้งแผงลอย แต่หาพื้นที่ใกล้เคียงให้ค้าขาย และทางม้าลายต้องปลอดภัย

12. เจอส่วยแจ้งผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯโปร่งใส ไร้คอร์รัปชั่น การขอใบอนุญาตให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้บุคคลที่สาม (Third Party) ประเมินการขอใบอนุญาตและตรวจรับงาน

หมายเลข 3 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ สโลแกน “กทม.More ทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้” กับนโยบายหลัก 6 ด้าน ได้แก่...

1.ยกระดับศูนย์สาธารณสุข 69 ศูนย์ และสำนักอนามัยให้ครอบคลุมการบริการอย่างทั่วถึง เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัด กทม.ให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง

2.โรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน เพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีนในโรงเรียนปรับให้เป็นโรงเรียน 2 ภาษา จัดตั้งโรงเรียนผสมและเฉพาะทาง มีหลักสูตรเรียนตามความถนัดหรือความชอบ เช่น โปรแกรมเมอร์ ดนตรี ภาพยนตร์ โภชนาการอาหารฟรี มีหลักสูตรหลังเลิกเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตและหารายได้เสริม โดย กทม.สนับสนุนประสานภาคเอกชน

3.เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ Free Feeder ทั่วเมือง ระบบตั๋วเชื่อมที่ใช้ได้ทุกเส้นทาง เพิ่มความปลอดภัยด้วยการกำจัดจุดเสี่ยงจราจร นำเทคโนโลยี Ai มาควบคุมระบบการจราจรให้การปล่อยรถเป็นระบบมากขึ้น

4.บริการ Free WiFi ทุกชุมชนและที่สาธารณะ ขอยื่นพิจารณาการอนุญาตต่างๆ จบในที่เดียวภายในเวลาไม่เกิน 30 วันด้วยระบบ AI

5.ลด แยกขยะ จัดแนวทางการเก็บขยะเพื่อเตรียมเป็น กทม. Net Zero จัดระเบียบ Zoning อุตสาหกรรม พาณิชย์ ที่อยู่อาศัย จัดทำสวนทุกเขตพร้อมนักรุกขกรมืออาชีพเพื่อดูแลต้นไม้ใหญ่ทั่วเมือง สนับสนุนปลูกต้นไม้หักภาษีทั่วเมือง ทำบึงหนองบอนให้เป็นกีฬาทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของ กทม. เสนอสร้าง 50 สวน 50 เขต เพิ่มจำนวนกล้องซีซีทีวีให้ครอบคลุม ลดจุดบอด จุดอับ จัดทำโครงการ Smart pole เสาไฟที่ให้มากกว่าความสว่าง มีเครื่องวัดคุณภาพอากาศ กล้องวงจรปิด เพิ่มสถานีดับเพลิง ปรับปรุงสาธารณูปโภคเอื้อต่อผู้พิการ ผู้ใช้รถเข็น ผลักดันโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อลอด pipe jacking เพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพการระบายน้ำในกรุงเทพฯ รวมถึงอุโมงค์ระบายน้ำต่างๆ

6.การหารายได้เข้ากรุงเทพฯ สร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่ไม่พัฒนา แปลงสินทรัพย์เป็นทุน เช่น เปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ของ กทม. เพื่อให้ กทม.มีรายได้เข้ามาบริหารเมือง นอกจากรองบกลางจากรัฐบาล เปลี่ยนขยะให้เป็นทอง จัดระบบงบดุลใหม่ ตั้งกองทุน Social Impact Fund โดยซักชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางสังคม จับมือเอกชนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่แปลงให้เป็น BOT (Build Operate Transfer) ทุกโครงการโปร่งใส ใช้ระบบ Blockchain และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว ถนนคนเดิน 50 เขต ทุกเขตตามอัตตลักษณ์ชุมชน พิจารณาส่งเสริม Street food ไม่กระทบต่อการเดินเท้า ส่งเสริมสนับสนุนเพิ่มโอกาสจ้างงานผู้พิการ และส่งเสริมอาชีพคนพิการ

 

หมายเลข 4 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ กับสโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้” เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ดูแลประชาชนเป็นเมืองที่มีความทันสมัย และเป็นเมืองต้นแบบแห่งอาเซียน โดยได้เสนอนโยบาย ได้แก่...

1. ตั้งกองทุนเพื่อการจ้างงานชุมชนในทุกชุมชน

2. ติดตั้งอินเทอร์เน็ตไวไฟ (Wi-Fi) 150,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ

3. จัด 12 เทศกาลใหญ่ และ 50 เทศกาลเขต เพื่อให้กรุงเทพฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยว

4. ส่งเสริมศูนย์บริการสาธารณสุขให้มีอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัย และมีแพทย์เฉพาะทางประจำการ-โรงเรียนดี อยู่ใกล้บ้าน มีโรงเรียนประจำเขต 50 เขต 50 โรงเรียนสาธิต หลักสูตรการเรียนรู้ขั้นต่ำ 2 ภาษา รู้โคดดิ้ง รู้ AI และมีครูที่ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

5. ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เอไอควบคุมสัญญาณไฟจราจร เอาเกาะกลางถนนออกเพิ่มช่องจราจร

6. สร้างทางเท้าที่มีมาตรฐานสากล สร้างทางจักรยานลอยฟ้า เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถขี่รถจักรยานไปทำงานได้

7. สร้างแก้มลิงใต้ดิน ใช้เครื่องสูบน้ำแบบอัตโนมัติ แก้ปัญหาการระบายน้ำ

8. ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดมลพิษทางอากาศบริเวณที่มีการก่อสร้าง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการก่อสร้างที่สร้างมลพิษเกินมาตรฐาน ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 ระงับการให้บริการรถโดยสารที่สร้างมลพิษเกินค่ามาตรฐาน

9. ส่งเสริมการแยกขยะในครัวเรือน จัดจุดบริการขยะแลกเงินไม่ให้มีขยะตกค้าง

10. เปลี่ยนพื้นที่รกร้างของเอกชนเป็นสวนสาธารณะฉบับกระเป๋า หรือ Pocket Park ให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ ลดภาษีที่ดินให้กับเอกชนที่ให้ กทม.ได้เข้าใช้พื้นที่

'สกลธี' ชูแนวคิด 'พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ' จับมือ 'นฤมล' นำ พปชร.สู้ศึกเลือกตั้ง ยึดเมืองหลวง

'สกลธี' รีเทิร์น พปชร. นำแถลงเปิดตัว 30 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 24 ม.ค.นี้ ชูแนวคิด ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ’ ไม่ขายฝัน ทุกนโยบายทำได้จริง จับมือ ‘นฤมล’ นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง

(23 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 24 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะร่วมในงานเปิดตัวครั้งนี้ นำโดยนายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ภายใต้สโลแกน ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ ไม่ขายฝัน ทุกนโยบาย ทำได้จริง’ ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ประมาณ 30 คน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 เขตจะทยอยเปิดหลังจากนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top