Wednesday, 22 May 2024
ศาสนาอิสลาม

หนุ่มอังกฤษดวงเฮง เดินหาเบียร์ซด แต่กลับได้ปาร์ตี้บ้านคนระดับ ‘ชีค’

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ยากกว่าหาน้ำมันอีก เพราะผิดกฎหมายในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามที่เคร่งจัด 

ก่อนหน้านี้ชายคนหนึ่งเพิ่งสร้างเรื่องด้วยการเดินถึง 11 กิโลเมตรเพื่อหาเบียร์ดื่ม แต่ล่าสุดมีเรื่องพีคกว่านั้นคือชายอังกฤษชื่อ ‘ร็อบ ฟิลลิปป์ส’ เดินทางไปดูฟุตบอลโลกกับครอบครัวแต่เจอเรื่องไม่คาดฝัน

ขณะกำลังปาร์ตี้เเละจะไปหาที่ต่อเขาไปเจอชายคนหนึ่ง เจ้าตัวบอกว่าจะไปหาเบียร์ดื่ม แต่ชายคนนั้นบอกเดี๋ยวจัดการให้ พาขึ้นรถแลนด์ครุยเซอร์สุดหรู เพื่อเดินทางไปคฤหาสน์ใหญ่ ที่มีทั้งสิงโต, นกหายาก, มี DJ มาเปิดเพลง เสิร์ฟอาหารแบบไม่อั้น จนมารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นคือลูกเจ้าของหมู่บ้านที่ฐานะเกินคำว่ารวยไปเยอะ 

Shaun King 'นักเขียน-นักวิเคราะห์' ข่าวชาวสหรัฐฯ เข้าถึงแก่น เปลี่ยนจากศาสนาเก่า รับศาสนาอิสลาม

(11 มี.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Syedmubarak Husaini' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ข่าวดีต้อนรับเดือนรอมฏอน Shaun King นักเขียนและนักวิเคราะห์ข่าวชาวสหรัฐได้เปลี่ยนศาสนาและเข้ารับศาสนาอิสลาม ณ เมืองเท็กซัส เมื่อเช้าวันนี้

หากจำกันได้ Shaun King เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ที่โด่งดังและมีผู้ติดตามหลายล้านคน และแชร์บทสัมภาษณ์ของผมกับ Sky News ลง IG ท่าน จนมีผู้ชมมากกว่า 20 ล้านวิว และหลังจากสงครามที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ ท่านได้เห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์และเริ่มศึกษาอิสลามอย่างจริงจัง จนมาวันนี้ท่านและภรรยาของท่านได้เปลี่ยนศาสนาและนับถืออิสลามแล้ว เมื่อเข้ารับอิสลาม IG ของท่านถูกมารศาสนาปิดถาวรตามธรรมเนียม

ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า...

“การสังหารผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์โดยรัฐเถื่อน การยืนหยัดท่ามกลางลูกระเบิดของชาวปาเลสไตน์ จะทำให้ชาวตะวันตกตื่นตัวว่า อัลกุรอานสอนอะไรที่ทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ และจะทำให้พวกเขาศึกษาอัลกุรอานและท้ายที่สุดพวกเขาจะมีศรัทธาต่ออิสลาม”

‘รัดเกล้า’ เผยรัฐบาลให้ความสำคัญ ผลักดันความสงบให้ชายแดนใต้ ย้ำ ทำตามหลักการ สร้างความปลอดภัย ให้น่าท่องเที่ยว 

(24 มี.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ รัฐบาล ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับ ทุกศาสนา โดยเมื่อครั้งที่เดินทางมาตรวจราชการในกิจกรรม “เที่ยวใต้ สุดใจ” (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) เมื่อวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลอย่างจริงใจที่สุด ที่จะสร้างภาพจำใหม่ให้คนไทยและชาวต่างชาติเห็นว่า ”พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลอดภัย น่าท่องเที่ยว”

ทั้งนี้เหตุการณ์การก่อกวนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดสงขลาบางจุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอนที่เป็นเดือนอันประเสริฐของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยมุ่งเน้นไปที่การก่อเหตุกับสถานประกอบการภาคธุรกิจที่หวังทำลายระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ของประชาชนในพื้นที่ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือมีความห่วงใยในชีวิตและสวัสดิภาพของประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะเมื่อเกิดเหตุกับสถานประกอบการ ผู้ที่ได้รับผลกระทบทันทีคือ ผู้ประกอบการที่ธุรกิจได้รับความเสียหาย และลูกจ้างที่ต้องหยุดงานขาดรายได้ทันทีที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบกับสถานประกอบการที่ตนทำงานอยู่ อีกทั้งประชาชนต้องรู้สึกหวาดกลัว หรือหวาดระแวงเมื่อต้องเดินทางออกมาจับจ่ายซื้ออาหารเพื่อละศีลอด รวมทั้งการเดินทางไปประกอบศาสนกิจเพื่อเก็บเกี่ยวผลบุญในช่วงค่ำคืน ดังนั้นการก่อกวนเช่นนี้ จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 

นางรัดเกล้า ยังเปิดเผยว่า นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการก่อกวน ของบางกลุ่ม ที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มนี้ต้องการแสดงออกบางอย่างเพื่อแสดงตัวตนและให้เห็นถึงความสำคัญ แต่ทั้งนี้การพูดคุยเพื่อสันติสุข ยังเดินหน้า โดยที่มีประเทศมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวก และคณะพูดคุยก็เปิดกว้างในการรับฟังความเห็นต่างๆ แต่ทั้งนี้ถ้าทุกฝ่ายสร้างบรรยากาศไม่มีความรุนแรง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะเปิดช่องรับฟัง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ขั้นตอนการพูดคุยหลักการใหญ่เห็นชอบแผนสันติสุขร่วมกันแล้วรวมถึงเห็นชอบหลักการรายละเอียดของแผน โดยจะมีคณะเทคนิคไปพูดคุยเพื่อทำตามกิจกรรมของแผน โดยช่วงนี้คณะเทคนิคอยู่ระหว่างการประชุมและในครั้งที่ผ่านมา คณะเทคนิคได้มีการประชุมแล้วสองครั้ง โดยรวมอยู่ในขั้นตอนที่คุยกันได้ เพื่อที่จะให้เดินไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีข้อจำกัดหลายเรื่องแต่ก็จะใช้ความพยายาม ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าพูดคุย ต้องขอขอบคุณ อย่างน้อยได้มีการพูดคุยก็เป็นเรื่องที่ดีจึงต้องรักษาไว้

ชาว X ลือสนั่น!! มือเผาอัลกุรอาน เป็นศพในนอร์เวย์ ด้านชาวเน็ตสงสัย หรือเก็บตัวเงียบรอเผาคัมภีร์ออกสื่ออีกครั้ง

ข่าวลือสนั่นโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คือข่าวการเสียชีวิตของ นาย ซาลวัน โมมิกา ชายชาวอิรัก ผู้ลี้ภัยในสวีเดน ที่ก่อเหตุหยามหัวใจชาวโลกอิสลามด้วยการประท้วง เผาคัมภีร์อัลกุรอานออกสื่อ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านศาสนาอิสลาม และเชิดชูสิทธิเสรีภาพทางการพูด 

แต่เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.67) ที่ผ่านมาสำนักข่าวในโซเชียลต่างออกมาแชร์ข้อมูลว่า พบนายซาลวัน โมมิกา เสียชีวิตแล้วในประเทศนอร์เวย์ ที่เขาเพิ่งทำเรื่องลี้ภัยจากสวีเดน เนื่องจากถูกกดดันจากทางการสวีเดนที่กำลังดำเนินการเนรเทศเขาออกนอกประเทศจากการเคลื่อนไหวที่สร้างความโกรธแค้นจากสังคมอิสลามอย่างมากเป็นวงกว้าง 

แม้ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการจากนอร์เวย์ว่า นาย ซาลวัน โมมิกา เสียชีวิตจริงตามข่าวหรือไม่ แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากเจ้าตัว ทั้งการปรากฏตัวในที่สาธารณะ และ ในโซเชียล เพื่อเป็นการสยบข่าวลือว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่แต่อย่างใด 

ดังนั้น การหายตัวไปของ ซาลวัน โมมิกา มือเผาอัลกุรอาน ยังคงเป็นปริศนา

ซาลวัน โมมิกา ปัจจุบันวัย 37 ปี เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามชาวอิรัก แต่เดิมระบุว่าตนเป็นชาวคริสเตียน เนื่องจากเกิดในครอบครัวชาวคริสต์ในอิรัก ต่อมาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธ Popular Mobilization Forces ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่าน เพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ISIS และต้านอิทธิพลของสหรัฐฯ ในพื้นที่ 

แต่ทว่า ซาลวัน โมมิกา มีทัศนคติที่ต่อต้านศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง ทำให้เขาอยู่ในอิรักไม่ได้ ในปี 2018 จึงทำเรื่องลี้ภัยมาอยู่ในสวีเดน และประกาศตนเป็นนักเสรีนิยมผู้ไร้ศาสนา แต่สื่อหลายสำนักให้คำจำกัดความเขาว่าเป็นกลุ่มต่อต้านอิสลามหัวรุนแรง 

เหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของนาย ซาลวัน โมมิกา กลายเป็นที่รู้จักอย่างมาก คือการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน หน้าสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวมุสลิมทั้งในสวีเดน และทั่วโลก จนถึงกับมีการรวมกลุ่มประท้วงที่หน้าสถานทูตสวีเดนในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนส่งตัวนาย ซาลวัน โมมิกา กลับมาลงโทษในข้อหาดูหมิ่นศาสนา 

แต่นั่นไม่อาจหยุดการกระทำของซาลวัน โมมิกา ได้ เขาได้เผาคัมภีร์อัลกุรอาน โชว์ออกสื่ออีกหลายครั้ง รวมทั้งแสดงการดูหมิ่นด้วยการเหยียบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ฉีก ทำลายหนังสือ หรือละเลงเนื้อเบคอนลงบนอัลกุรอาน  

ถึงแม้ว่าสวีเดนจะเป็นประเทศเสรี แต่ก็ใช่ว่าชาวสวีเดนจะเห็นชอบกับสิ่งที่ซาลวัน โมมิกา ทำ ที่แสดงถึงการคุกคามศรัทธาและความเชื่อของคนอื่น อีกทั้งยังสร้างความวุ่นวาย ชักศึกเข้าบ้าน ที่ทำให้ชาวสวีเดนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจ เป็นผลให้รัฐบาลสวีเดนเพิกถอนสิทธิ์ผู้ลี้ภัยของเขาในเวลาต่อมา และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาส่งตัวนาย ซาลวัน โมมิกา ไปยังประเทศที่ 3 ที่ไม่ใช่อิรัก 

ซึ่งล่าสุด ซาลวัน โมมิกา เพิ่งออกมาโพสต์ใน X เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 67 ที่ผ่านมาว่าตัวเขาได้เดินทางออกจากสวีเดน ไปลี้ภัยในประเทศนอร์เวย์เรียบร้อยแล้ว โดยได้ยื่นคำร้องขอสิทธิ์คุ้มครองผู้ลี้ภัยที่นั่น เนื่องจากรัฐบาลสวีเดนไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยที่เป็นนักปรัชญา และ นักคิดผู้มีปัญญา แต่กลับไปรับผู้ลี้ภัยที่เป็นผู้ก่อการร้ายแทน อีกทั้งกล่าวหารัฐบาลสวีเดนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวสวีเดนที่แท้จริง และยืนยันจะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านอุดมการณ์อิสลามต่อไป แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ซึ่งนั้นเป็นความเคลื่อนไหวในโซเชียลครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีข่าวลือสะพัดว่าพบตัวนาย ซาลวัน โมมิกา กลายเป็นศพซะแล้ว ในนอร์เวย์ 

แต่เรื่องทั้งหมดยังคงเป็นเพียงข่าวลือ เมื่อสื่อต่างประเทศได้สอบถามไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ สำนักงานตำรวจในนอร์เวย์ ก็ยังไม่พบข้อมูลผู้เสียชีวิตที่มีชื่อว่า ซาลวัน โมมิกา แต่อย่างใด 

ดังนั้น ข่าวลือของชาว X อาจเป็นเพียงการเล่นตลกในเทศกาลวันโกหก หรือเป็นการสาปส่งล่วงหน้า ในช่วง ซาลวัน โมมิกา ยังต้องเก็บตัวเงียบเพื่อรอการพิจารณาคำร้องขอลี้ภัยในนอร์เวย์ หรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จนกว่าจะพร้อมเผาคัมภีร์ออกสื่ออีกครั้ง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top