Tuesday, 2 July 2024
ศรัทธา

‘ธนกร’ หนุนเที่ยวไทยเชิงศรัทธา กระตุ้น ศก.หมุนเวียนในชุมชน เชื่อ!! ดึง นทท.จีนทะลักแน่นอน หลังยอดปี 66 ทำได้ตามเป้า

(7 ม.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ‘ททท.’ เปิดตัวเลขการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวสายศรัทธา สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ตนจึงสนับสนุนให้รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวสายบุญกลุ่มที่ชื่นชอบท่องเที่ยวไหว้พระขอพร ขอโชค สายมูเตลู ซึ่งจะสามารถสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน วัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ จะช่วยทำให้ทั้งเมืองหลักและเมืองรองเกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยสะสมตลอดปี 66 (1 ม.ค.-24 ธ.ค. 66) มีกว่า 27 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดย 5 ลำดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มาเลเซีย 4,439,480 คน, จีน 3,418,732 คน, เกาหลีใต้ 1,616,858 คน, อินเดีย 1,587,090 คน และรัสเซีย 1,428,985 คน

เมื่อถามว่าหากเริ่มนโยบายเปิดฟรีวีซ่า ‘ไทย-จีน’ ถาวรเริ่ม 1 มี.ค. 67 จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า หากยกเลิกการใช้วีซ่าระหว่างไทย-จีน ตนมั่นใจ ว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบเที่ยวสายศรัทธา เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ได้สำเร็จ

ซึ่งในปี 67 รัฐบาลและ ททท.ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ประมาณ 8.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 66 ที่มา 3.4-3.5 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 67 การท่องเที่ยวภาพรวมจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ ที่ 3.5 ล้านล้านบาท (จากเดิม 3 ล้านล้านบาท) ตนเชื่อว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

‘อาจารย์แอม’ เตรียมดัน ‘ยันต์ลาบูบู้’ ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ลั่น!! ไม่ได้สักมั่วซั่ว ‘เรียกทรัพย์-เมตตา-มหานิยม’ ตามฐานดวง

(19 พ.ค.67) จากกรณีคลิปที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารย์ในโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อว่า ‘ajarnamsri6599’ ซึ่งเป็นช่องของ อาจารย์แอม ศรีพรหมญาณ คุ้มเศรษฐีหมื่นยันต์ สำนักสักยันต์อาจารย์สีหราช หมื่นยันต์ ได้แชร์ลายสักที่เป็นรูปลาบูบู้ ที่แขน พร้อมลงยันต์รอบ ๆ จนชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก

ล่าสุด อาจารย์แอม ศรีพรหมญาณ คุ้มเศรษฐีหมื่นยันต์ ได้เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วคนที่สักเป็นน้องสาวของอาจารย์เอง ซึ่งที่บ้านคลั่งไคล้การจุ่มกล่องสุ่มมาก ๆ ทั้งลูกสาว 2 คนของตน ก็ชอบมาก ๆ เวลาไปช้อปปิ้งเขาก็มักจะพูดถึงกล่องสุ่มตลอดเวลา ที่บ้านของตนจึงมีกล่องสุ่มเยอะมาก ทุกรุ่นทุกแบบเต็มไปหมด

จนพ่อของเขา อาจารย์สีหราช หมื่นยันต์ เจ้าของสำนักสักยันต์อาจารย์สีหราช หมื่นยันต์ สามีของตน ก็เลยออกแบบวาดรูปยันต์ลาบูบู้ขึ้นมา ซึ่งอาจารย์สีหราชเองก็ไม่เคยเห็นตัวจริง ดูตามติ๊กต็อกตามรูปต่าง ๆ ที่ลูกสาวเปิดให้ดู แล้วก็บอกกับลูกว่าต้องมีเงินก่อนถึงจะไปซื้อได้ ถึงได้ออกมาเป็นลายยันต์นี้

โดยวันนั้นน้องสาวของตนมาช่วยเลี้ยงหลาน และน้องสาวของตนก็ชอบลาบูบู้มากเช่นเดียวกัน ก็เลยได้สักยันต์ตามลายนั้นเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ลงสีต้องนัดมาลงสีอีกครั้ง

ซึ่งยันต์ลาบูบู้ที่อาจารย์สีหราชออกแบบเป็นยันต์ที่ลงคาถาถูกต้อง เพราะอาจารย์สีหราชมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว และยันต์นี้จะเน้นในทางเมตตาค้าขาย มหานิยม ธุรกิจ โภคทรัพย์ อาจารย์สีหราชก็คิดว่า ลูกมาขอเงินไปซื้อ หรือคนที่จะมีเงินเท่านั้นถึงจะไปซื้อลาบูบู้ได้ ก็เลยเขียนยันต์ไปในสายโภคทรัพย์เมตตา

อาจารย์แอม กล่าวต่อว่า ยังไม่เคยสักลายนี้ให้ใคร น้องสาวเป็นคนแรก ซึ่งก็มีคนทักมาถามเยอะมองว่าเป็นเรื่องตลกบ้างอะไรบ้าง แต่ตนไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะพุทธคุณเขียนถูกต้อง และเชื่อในสิ่งที่สัก คิดดี ทำดี พูดดี ไม่ได้เป็นบุคคลที่ทำความเสื่อมเสียอะไร

การสักก็อยู่ที่ความเชื่อความศรัทธา แต่จริง ๆ แล้วจะสักยันต์ตามฐานดวงเป็นหลัก ยันต์นี้เป็นยันต์ครอบครัว เป็นยันต์ที่ลูกสาวอยากได้ และหาใครสักให้ไม่ได้ก็เลยทำขำ ๆ กันในครอบครัว

ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยากสักแบบนี้ก็สามารถสักให้ได้แต่ต้องมีพุทธคุณที่ถูกต้อง แต่จะแนะนำก่อนไม่ใช่ว่าสักให้ได้ทุกคน อันนี้เป็นยันต์ที่ครอบครัวสักขึ้นมาเอง ถ้าลูกศิษย์ที่ศรัทธาอยู่แล้วจะรู้ว่าตนสักเฉพาะยันต์ตามดวงชะตา จะมีการตรวจสอบยันต์ที่ตรงตามดวงชะตาก่อนสัก ไม่ได้คิดจะสักอะไรก็สักไปเลย ไม่ได้เกาะกระแสอะไรอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม อาจารย์เชื่อว่าคนที่มองด้านลบส่วนมากไม่ได้รู้จักตัวตนเรา เราจะไม่เสียเวลาอธิบายและจะบอกว่าการสักแบบนี้มันอยู่ที่ความชอบ ไม่ว่าตัวการ์ตูนอะไรก็สามารถสักได้ แค่เอามาใส่อักขระยันต์เพิ่มเติม

อยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่าจริง ๆ แล้วยันต์ไทยสามารถเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ ถ้านำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง และนำไปใช้ในบุคคลที่คู่ควร ไม่ใช่ว่าจะสักให้มั่วซั่ว ก่อนจะโพสต์หรือมีความคิดในเชิงลบ ควรจะรู้จักตัวคนนั้นก่อน ตนไม่ได้ใช้กระแสตรงนี้เพื่อที่จะดันตัวเองให้ดังอยู่แล้ว

'แพรรี่' กะเทาะเปลือก ลัทธิประหลาดเฟื่องฟู เพราะผู้คนรักสบาย เจ้าลัทธิสบช่อง!! ใช้สื่อโซเชียลสร้างศรัทธาเรียกสาวก

กลายเป็นอีกประเด็นที่เริ่มสร้างความหวั่นวิตกให้สังคมอย่างมาก เนื่องจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้มีลัทธิประหลาดเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 'ลัทธิเชื่อมจิต' ที่อ้างว่าสามารถนำพาให้ลูกศิษย์ลูกหาเข้าถึงนิพพานได้อย่างง่ายดายด้วยการเชื่อมจิต หรือแม้แต่ 'ลัทธิคลื่นพลังบุญ' ที่บอกว่าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องจ่ายยา แต่รักษาด้วยคลื่นพลังบุญ รวมไปถึง 'ลัทธิถวายตัว' ที่ให้ลูกศิษย์สาวมีสัมพันธ์กับพระที่เป็นอาจารย์ โดยอ้างว่าจะบรรลุธรรมขั้นสูงสุดนั้น

แน่นอนว่า หลายคนคงสงสัย ว่าทำไมผู้คนจึงพากันหลงเชื่อลัทธิดังกล่าวทั้งที่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย ? และเราจะสามารถดำเนินกับผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากการสร้างลัทธิเหล่านี้ได้หรือไม่ อย่างไร ?

โดย 'แพรรี่' ไพรวัลย์ วรรณบุตร เน็ตไอดอลที่โด่งดังมาจากการสอนธรรมะ วิเคราะห์ว่า เหตุที่ปัจจุบันมีลัทธิแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมายนั้นเนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่ 'ความเชื่อ' สามารถขายได้ ยิ่งในยุคที่ศรัทธาคลอนแคลน ขาดผู้นำทางจิตวิญญาณที่จะนำพาผู้คนให้ยึดถือในหลักธรรมหรือแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อมีปัญหาด้านเศรษฐกิจหรือปัญหาชีวิตผู้คนจึงต้องการทางลัดในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะทำให้บรรลุในทางธรรมหรือสมหวังในทางโลก โดยไม่ต้องเหนื่อยยากในการศึกษาธรรมะหรือทุ่มเททำงาน อาทิ แค่เชื่อมจิตก็บรรลุธรรม แค่อธิษฐานก็สำเร็จ มั่งคั่งร่ำรวย จึงเกิดลัทธิแปลก ๆ ขึ้นมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว เช่น จ่ายเงินค่าคอร์สแล้วพาไปนิพพานได้ กราบไหว้บูชาโน่นนี่แล้วสำเร็จ หรือที่เรียกกันว่า 'สายมู'

ปัจจุบันผู้นำทางศาสนาที่จะเป็นแกนหลักให้ผู้คนนั้นเหลือน้อย เวลาที่มีประเด็นเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา ก็ไม่เห็นใครนอกจากพระพยอม กัลยาโณ สายธรรมะที่เน้นการปฏิบัติ แม้จะมี แต่ก็เหลือไม่มาก และส่วนใหญ่ท่านไม่ออกมามีแอ็กชันต่อสังคม ส่วนใหญ่มักปลีกวิเวก ไม่ออกสื่อ เน้นการสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าไปพบเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีลูกศิษย์ลูกหาบางกลุ่มที่นำคำสอนของท่านมาเผยแพร่ในสื่อโซเชียล อย่าง สายพุทธวจนะ แต่ก็มีน้อย จึงไม่เป็นที่แพร่หลาย สู้กระแสของลัทธิต่าง ๆ ที่ใช้สื่อโซเชียลเป็นช่องทางในการโปรโมตไม่ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top